นี่เป็นลิสต์ที่ฉันเปิดดูซ้ำหลายรอบก่อนจะกล้าบอกต่อ เพราะแต่ละเรื่องมีเหตุผลชัดเจนว่าทำไมแฟนๆ ถึงยกให้เป็นที่พูดถึงตลอดปีล่าสุด
1. 'Link Click' — ยกให้เป็นเรื่องที่เรียกน้ำตาและสมองพร้อมกันได้มากที่สุด ด้วยการเล่าเรื่องผ่านการแก้ไขความทรงจำของคนอื่น ทุกตอนมีมิติด้านอารมณ์และปมปริศนาที่ผูกเป็นเส้นเดียวกัน ฉากที่ตัวเอกย้อนเวลากลับไปเพื่อเปลี่ยนชะตากรรมของคนที่เขารักยังคงทำให้ฉันหายใจไม่ออกทุกครั้ง เสียงพากย์และเพลงประกอบช่วยยกอารมณ์ให้สุดโดยไม่ต้องพึ่งเอฟเฟกต์เยอะ
2. 'Soul Land' (หรือที่แฟนๆ เรียกกันว่า 'Douluo Dalu') — ถ้าชอบโลกแฟนตาซีที่มีระบบการต่อสู้แบบชัดเจนและการพัฒนาตัวละครแบบค่อยเป็นค่อยไป เรื่องนี้ตอบโจทย์มาก ฉากการต่อสู้ที่ออกแบบสกิลและยุทธวิธีทำให้รู้สึกเหมือนดูเกมสวมบทบาทคุณภาพสูง ตอนที่ตัวเอกปลดล็อกความสามารถใหม่ ๆ แล้วทีมงานตัดต่อภาพมุมกว้างกับเสียงซาวด์สกอร์เข้ามา นั่นแหละคือโมเมนต์ปังๆ ที่แฟนๆ ชื่นชอบ
3. 'Fog Hill of Five Elements' — งานภาพคือเหตุผลหลักที่คนพูดถึง ผลงานการออกแบบศิลป์กับแอนิเมชันการต่อสู้แบบจีนโบราณทำออกมาได้สวยสะกดตา เส้นสายกับคอมโพสของฉากต่อสู้บางช็อตทำให้หยุดดูแล้วอยากหยิบหน้าจอเป็นโปสเตอร์ ฉากที่ธาตุต่าง ๆ โคจรเข้าหากันนั้นคือหนึ่งในซีนที่บอกได้เลยว่ามีการใส่ใจด้านวิชวลจนกลายเป็นบทสนทนาในชุมชน
4. 'The Daily Life of the Immortal King' — รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้เป็นตัวเปลี่ยนบรรยากาศจากซีเรียสเป็นตลกชิลได้อย่างลงตัว การเสียดสีวัฒนธรรมโรงเรียนผสมกับการเป็นเทพอมตะให้ความรู้สึกแปลกใหม่ ฉากคอมเมดี้ที่ใส่ความแฟนตาซีเข้าไปทำให้ดูเพลินแม้เนื้อเรื่องจะมีปมใหญ่ ๆ อยู่ด้านหลัง
5. 'Scissor Seven' — นี่คือคำตอบสำหรับคนรักความแปลกและเปิดรับมุกตลกร้าย กับสเก็ตช์สั้น ๆ ที่ยังแฝงด้วยบทหนัก ๆ หลายตอน ช่วงที่ตัวเอกพยายามเป็น
มือสังหารแต่กลับเจออุปสรรคชีวิตประจำวันคือจุดขายที่แฟน ๆ ให้คะแนนสูง
สรุปแบบไม่เคร่งครัด: รายการข้างต้นไม่ได้เรียงตามความดีเลิศเชิงวัตถุ แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ชุมชนแฟน ๆ พูดถึงบ่อยที่สุดในช่วงหลัง ทั้งสไตล์การเล่า งานภาพ เพลงประกอบ และโมเมนต์ที่คนดูแห่กินแห่แชร์ กันเอง ฉันยังชอบว่าทั้งห้าผลงานนี้แทบไม่มีเรื่องที่คล้ายกันจนเกินไป ทุกเรื่องมีจุดขายชัดเจน และเป็นสิ่งที่ถ้าคิดจะเริ่มดูอนิเมะจีนปีล่าสุด ควรมีติดลิสต์ไว้สักเรื่องสองเรื่องเพื่อทดลองรสชาติต่าง ๆ ก่อนว่าจะชอบแบบไหน