วันนี้ หยิง เสี่ยวเซียว ตั้งใจเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีในการนอนของเธอ เธอตื่นขึ้นมาอย่างสดใสแต่เช้าทันทีที่เธอตื่นขึ้นมา เธอก็เริ่มอาบน้ำ แต่งหน้า เลือกชุด รองเท้า และกระเป๋า ทั้งหมดนี้โดยไม่ต้องหยุดพักตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเธอย้ายเสื้อผ้าของฤดูการนี้ไปวางไว้บนเตียง และเธอก็เริ่มนำชุดมาทาบตัวของเธอหน้ากระจก เพื่อดูว่ามันดูดีไหม ถ้าเธอรู้สึกว่ามันไม่เลว เธอก็จะลองสวมใส่มันดูถ้าเธอยังไม่พอใจเธอก็จะเลือกตัวอื่น เธอทำมันจนกว่าเธอจะพบตัวที่เธอพอใจที่สุดแค่เลือกชุดก็ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว นับประสาอะไรกับกระเป๋า และรองเท้าและตอนที่เธอกำลังจะออกไปทำงาน ก็เกือบจะถึงเวลาเข้างานแล้วเธอใช้ความพยายามอย่างมากในการแต่งกายของเธอ แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะวิจารณ์มันแบบนี้เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หยิง เสี่ยวเซียว ก็โกรธมากเธอมองไปที่ ลู เซียวเหยา อีกครั้ง แต่เขาก็ยังคงเดินเตร่ไปเรื่อย ๆ"ที่นี่คือ ออฟฟิศไม่ใช่รันเวย์สำหรับเธอนะ ถ้าเธอมีเวลาแต่งตัวมาก ทำไมไม่เอาเวลาไปอ่านหนังสืออีกสักสองสามเล่ม เพราะถ้าเธอไม่สามารถทำงานให้ดีได้ เธอก็คงจะไม่ต่างอะไรกับแจกันใส่ดอกไม้หรอก..."หยิง เสี่ยวเซียว รู้สึกถึงคว
ลู เซียวเหยา ยื่นมือทั้งสองข้างไปข้างหน้า เพื่อจะดันเธอออกไปและหลับตาลง เขาหันหน้าไปด้านข้าง ฉากนี้ดูเหมือนเขากำลังเตรียมตัวที่จะตายบรรยากาศรอบตัวพวกเขาตกอยู่ในความเงียบงันในทันทีใบหน้าของ หยิง เสี่ยวเซียว เป็นสีแดงทันที เธอตะโกนสุดปอด “ลู เซียวเหยา!”เสียงกรีดร้องนี้ทำให้ ซอง อันยี ตกใจขณะที่เธอเดินเข้าไปในห้องทำงาน เธอมองไปที่ที่มาของเสียง และเธอก็หรี่ตาลงทันทีบ้าไปแล้ว! นี่เธอเข้ามาเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นหรือเปล่า?เมื่อ ลู เซียวเหยา ลืมตาขึ้น และเห็นว่ามือของเขาแตะอยู่ตรงไหน ใบหน้าของเขาก็ยู่ทันที และทันใดนั้นเขาก็อยากจะตัดมือทิ้งมีที่ตั้งมากมาย ทำไมต้องเป็นตรงนี้!เขาเงยหน้าขึ้นมอง หยิง เสี่ยวเซียว อย่างระมัดระวัง เขาเห็นแววตาที่พร้อมจะฆ่าเขา และสายตาที่ลุกเป็นไฟของเธอเขารีบขยับมือหนี หลังจากกลืนน้ำลายเขาก็หัวเราะเบา ๆ “อืม นี่...นี่มันแค่อุบัติเหตุ...อุบัติเหตุน่ะ รู้จักไหม?”"อุบัติเหตุ?" หยิง เสี่ยวเซียว หัวเราะอย่างเย็นชา ขณะที่สายตาที่เป็นอันตรายปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ "ลู เซียวเหยา ฉันจะฟ้องนาย ข้อหาขืนใจฉัน!""อุบัติเหตุหรือไม่นั้น แต่มือนายแตะโดนแค่ตรงนี้ ตรงนี
"คนเลว เลวไม่พอแล้วยังโง่อีก..."หยิง เสี่ยวเซียว กัดฟันของเธอขณะที่กำลังหั่นสเต็กบนจานของเธออย่างแรง แรงเสียดทานระหว่างมีดและจาน ทำให้เกิดเสียงที่เสียดหูซอง อันยี ที่นั่งตรงข้ามเธอขมวดคิ้ว เธอไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และยื่นมือออกไปเพื่อหยุดเธอ "เสี่ยวเซียว แกช่วยนึกถึงความรู้สึกฉันหน่อยนะ"เธอเกือบจะบ้าจนทนไม่ไหวด้วยเสียงนั้นหยิง เสี่ยวเซียว ยิ้มอย่างขอโทษ "ขอโทษ ฉันลืม"หลังจากนั้นเธอก็วางมีดและส้อมลงแล้วดื่มน้ำผลไม้เพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้นเธอก็พูดต่อไปว่า "อันยี แกว่าทำไมผู้ชายถึงน่ารังเกียจขนาดนี้?"“อะไรนะ แกไม่ได้ชอบเขาแล้วหรอกเหรอ” ซอง อันยี ก้มหน้าลงแล้วพึมพำหยิง เสี่ยวเซียว ไม่ได้ยินเธอชัด "อันยี แกว่าอะไรนะ? มันเบามากเลย"ซอง อันยี เงยหน้าขึ้นและยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอ "ในบางครั้ง ผู้ชายก็มักจะถูกมองว่าเป็นตัวน่ารังเกียจ อย่าลดระดับตัวเองลงไปหาเขาเลย"หยิง เสี่ยวเซียว พูด "ฉันจะไม่ลดระดับตัวเองลงไปหรอก ฉันจะสู้กับเขาจนถึงที่สุด!"เนื่องจากเขากล้าที่จะแตะหน้าอกของเธอ เธอจึงต้องบอกให้เขารู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาแตะหน้าอกของเธอซอง อันยี ตบหน้าผากของเธอและถอนหา
"โห ขนาดนั้นเลยเหรอ?" เซิน โมเฟย เลิกคิ้ว แววตาของเขาเปลี่ยนแววตาเย้ยยัน "นายกลัว หยิง เสี่ยวเซียว ใช่ไหมล่ะ?"“ห๊ะ กลัวเธอเนี่ยนะ?” ลู เซียวเหยา เริ่มกระวนกระวายใจ “ฉันไม่ได้กลัว! ฉันแค่ไม่อยากสร้างปัญหาให้พี่สะใภ้ เข้าใจไหม?”เมื่อเห็นว่า ลู เซียวเหยา กังวลมาก เซิน โมเฟย จึงรีบปลอบเขา "โอเค โอเค ฉันเข้าใจแล้ว"“ต้องอย่างนี้สิ” ลู เซียวเหยา พยักหน้าด้วยความพึงพอใจปฏิกิริยาของเขาเหมือนกับคนที่ถูกสะกิดจุด แต่เขาก็ยังไม่เชื่อเซิน โมเฟย ถอนหายใจเบา ๆ ในใจ ตามที่คิดเอาไว้ ไอคิวของผู้ชายจะลดลงเมื่อเขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเขาก็ไม่ต่างกันหรอกเมื่อนึกถึงผู้หญิงที่ปฏิเสธเขาอย่างไร้หัวใจ เขารู้สึกเจ็บปวดในใจจากนั้นเมื่อเขาเห็นสภาพที่น่าสมเพชในปัจจุบันของ ลู เซียวเหยา เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความอ้างว้าง ราวกับว่าเขาตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับ ลู เซียวเหยา“ลูกพี่ลูกน้อง ไม่ต้องไปเยี่ยมพี่สะใภ้หรอก ไปดื่มกันดีกว่า”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู เซียวเหยา ก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความไม่เชื่อ "เช้านี้พระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกแน่เลย"นี่เป็นเพราะลูกพี่ลูกน้องของเขามีสุขภาพไม่ดีมาตลอดตั
หลังจากอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เมื่อเธอเดินเข้ามาในบ้าน เห็นการตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ที่คุ้นเคย มันทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าไม่เจอมันมานานเหลือเกินเมื่อเห็นเธอยืนอยู่ที่โถงทางเข้าและไม่เดินเข้าไปสักที ลู ชินจิน จึงถามเธอเบา ๆ ว่า "มีอะไรหรือเปล่า?"ทัง โรลชูว เอียงศีรษะและยิ้มให้เขา “จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว”มือที่จับเธอเอาไว้ขยับไปที่แก้มของเธอและเขาก็จูบเธออย่างอ่อนโยน ลู ชินจิน มองเธอด้วยสายตาที่มีลึกซึ้ง ดวงตาสีดำของเขาเต็มไปด้วยประกายแสง "ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ"รอยยิ้มบนริมฝีปากของ ทัง โรลชูว กว้างขึ้น ดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา "ใช่ ฉันกลับมาบ้านแล้ว"ลู ชินจิน รู้สึกมีอารมณ์ เขาจับมือเธอและพาเธอขึ้นไปยังห้องนอนของพวกเขาเขาปิดประตูอย่างรวดเร็ว และในวินาทีถัดมา ทัง โรลชูว ก็ถูกเขากระแทกให้ติดกับประตู เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจเขาโค้งริมฝีปากและพูดเบา ๆ ว่า "ผมอยากจูบคุณ"จากนั้นริมฝีปากอันอบอุ่นของเขาก็สัมผัสลงบนริมฝีปากของเธอเมื่อริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกัน มันก็ทำให้หัวใจของ ทัง โรลชูว แน่นขึ้น เธอค่อย ๆ หล
เมื่อเธอเห็น ทัง โรลชูว และ ลู ชินจิน เดินลงไปชั้นล่างด้วยกันเธอก็ตะโกนทันที "คุณลู คุณควรห้ามใจตัวเองบ้างนะ ชูวชูวเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมานะ"ซอง อันยี นั่งข้างเธอและกำลังดื่มชา เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่เธอพูด เธอก็พ่นมันออกมาทันทีซอง อันยี รีบหยิบทิชชู่สองสามแผ่นเพื่อทำความสะอาดตัวเอง จากนั้นเธอก็หันไปจ้องมองไปที่ หยิง เสี่ยวเซียว เธอรู้สึกอยากร้องไห้และหัวเราะในเวลาเดียวกัน"โอ้พระเจ้า ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดอะไร!"ทัง โรลชูว ตกใจกับคำพูดของเสี่ยวเซียว มันทำให้เธอเกือบลื่นล้มตกบันไดโชคดีที่ชินจินอยู่ข้าง ๆ เธอ และคว้าตัวเธอเอาไว้ทันคำพูดของนั้นมันทำให้เธอลุกลี้ลุกลน เธอรีบเดินไปหาเสี่ยวเซียวและตีหน้าผากของเธอเบา ๆ และดุเธอด้วยรอยยิ้ม "แกเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน แกควรอายบ้างนะที่พูดแบบนั้น!"หยิง เสี่ยวเซียว แตะหน้าผากของเธอและพึมพำ "ฉันทำอะไรล่ะ ก็พวกเธอสองคนอยู่ข้างบนนานขนาดนั้นจะไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไง""แม้ว่าแกจะใจร้อน แต่แกก็ไม่ควรพูดงั้นนะ" ซอง อันยี เหลือบมองเธออย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเธอก็โน้มตัวมากระซิบข้างหูว่า "แถมเธอยังพูดกับคุณลูตรง ๆ แบบนี้ เธอบ้าไปแล้วเหรอ?"ห
ทันทีที่เขาพูดจบ ท่าทีของ ซอง อันยี และ หยิง เสี่ยวเซียว ก็เปลี่ยนไป แต่พวกเธอก็รีบกลับมาทำตัวปกติแต่ไม่ว่ายังไง ทัง โรลชูว ก็เห็นมันอยู่ดีเธอยิ้มเหมือนกับว่ามีอะไรแฝงอยู่และเธอก็พูดว่า "ฉันเรียกพวกเขามาหาดีไหมนะ?""ไม่ต้อง!""ไม่ต้อง!"ทั้งสองคนปฏิเสธคำแนะนำของเธอเป็นเสียงเดียวกันทัง โรลชูว ไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะของเธอได้ "ฉันล้อเล่น พวกเธอสองคนดูแปลก ๆ นะ""ล้อเล่นงั้นเหรอ?!"ซอง อันยี และ หยิง เสี่ยวเซียว มองหน้ากันแล้วหันไปมอง ทัง โรลชูว ที่กำลังยิ้มด้วยความพึงพอใจ ในที่สุดพวกเขาก็รู้ตัวแล้วว่าถูกแกล้ง“ทัง โรลชูว!” ทั้งคู่ยืนขึ้นและกำลังจะตะครุบเธอเมื่อเห็นแบบนั้น ลู ชินจิน จึงเอื้อมมือไปดึง ทัง โรลชูว ให้เข้ามาในอ้อมแขนของเขา เขาเงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคนที่กำลังจะตะครุบเธอ“ชูวชูวเพิ่งออกจากโรงพยาบาล เธอไม่สามารถเล่นกับคุณสองคนได้”อันที่จริง ซอง อันยี และ หยิง เสี่ยวเซียว ไม่ได้จะแกล้งชูวชูว แต่เมื่อเขาพูดแบบนั้นออกมา มันก็ทำให้พวกเธอสองคนอึกอัดทันทีซอง อันยี หัวเราะอย่างเชื่องช้าและกล่าวว่า "คุณลู พวกเรารู้"แน่นอนว่ามีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่อาย ลู ชินจ
อะไรกันเนี่ย?เธอโยนมันทิ้งทันที และรีบลุกออกจากเตียง คว้าโทรศัพท์แล้ววิ่งไปที่ระเบียงลู ชินจิน ออกจากห้องน้ำ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังวิ่งไปที่ระเบียงเขาจึงพยายามหยุดเธอเอาไว้ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร เธอก็วิ่งไปที่ระเบียงแล้วปิดประตูแล้วเธอวิ่งราวกับว่ามีสัตว์ประหลาดวิ่งไล่เธอลู ชินจิน ส่ายหัวด้วยเสียงหัวเราะ เขาเดินไปที่เตียงและสังเกตเห็นว่ามีของสีแดงบนผ้าปูที่นอนสีเทาคิ้วเหมือนลูกศรของเขาขมวดคิ้วขณะที่เขาเดินผ่านไป ดวงตาของเขาบ่งบอกถึงสนุกสนานนั่นคือเหตุผลที่เธอวิ่งหนีอย่างรวดเร็วที่ระเบียง ทัง โรลชูว คำรามใส่ผู้หญิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ “หยิง เสี่ยวเซียว ของขวัญนั่นมันอะไรกันเนี่ย?”อีกด้านของสาย หยิง เสี่ยวเซียว หัวเราะเบา ๆ "ทำไมล่ะ ฉันค่อนข้างรอบคอบใช่ไหมล่ะ?""รอบคอบก็บ้าล่ะ!" ทัง โรลชูว โกรธมาก “ชินจินจะคิดยังไง ถ้าเขาเห็น”เธอไม่อยากให้ชินจินเข้าใจเธอผิดหยิง เสี่ยวเซียว ไม่ไยดี "ก็ไม่เห็นต้องคิดยังไงเลย เขาจะขอบคุณฉันด้วยซ้ำ"“หยิง เสี่ยวเซียว!” ทัง โรลชูว คำรามออกมาด้วยความโกรธเมื่อเห็นว่าเธอกำลังโกรธจริง หยิง เสี่ยวเซียว จึงต้องตอบอย่างอาย ๆ ว่า