หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งการแสดงจากเซเลบคนดัง กิจกรรมโปรเจ็คต่าง ๆ ที่ทางเจ้าภาพงานการกุศลออกแนวคิดไว้ และได้รับการสนับสนุนจากคนดังไฮโซมากมาย ก็ได้ประกาศรายละเอียดออกมาและพอเห็นการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากคนในงาน โรลชูวก็ดีใจอย่างมาก ไม่ว่าพวกเขาจะทำด้วยความจริงใจหรือทำเพื่อเอาหน้า แต่มันก็เป็นผลดีต่อคนที่ได้รับบรรยากาศในงานล้วนเป็นไปในทิศทางที่ดี แม้แต่หญิงสาวเองยังไม่อยากพลาดการแสดงเลยสักโชว์เดียว ดังนั้นเธอจึงรอให้งานจบก่อน ถึงค่อยขอตัวออกไปเมื่องานเลี้ยงเลิกรา ก่อนที่ทีมงานจะแยกย้าย โรลชูวก็หันไปบอกเสี่ยวซูให้เอาวีดีโอและภาพถ่ายทั้งหมดกลับไปบริษัท และเตรียมร่างหัวข้อข่าวไว้พลาง ๆ ไม่นานเธอจะตามไปช่วยทำด้วยหลังจากนั้นค่อยโทรหาคุณเลขา เพื่อให้เขาพาเธอไปพบกับชินจินมู หลิงบอกโรลชูวให้ขึ้นไปหาลู ชินจิน ที่ห้องวีไอพีบนขั้นสามทว่าพอจะเปิดประตูเข้าไป กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังเล็ดลอดออกมาเสียก่อนคิ้วเรียวขมวดแน่น พลางคิดว่าหากชายหนุ่มกำลังคุยเรื่องธุรกิจกับแขกอยุ่ด้านใน เธอก็ไม่ควรเข้าไปรบกวนเวลาของเขา มือบางผละออกจากประตู พร้อมเขยิบตัวไปยืนอยู่ด้านข้างเพื่อให้ธุระข้างในเสร็จสิ้นก่อนช
…“ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”เมื่อเฉินตงหายลับไปจากสายตา โรลชูวก็เอ่ยถามทันควันคนคนนั้นไม่ใช่แค่มาเพื่อทำธุระเพียงอย่างเดียว แต่ยังแสดงออกถึงการเคารพให้เกียรติชินจินอีกด้วย“ตาแก่ส่งเขามาเพื่อพา ลู เฉินซี กลับไป” คิ้วหนาขมวดพันกันเป็นปม พร้อมบรรยายที่ตึงเครียด มือหนากระชับแรงที่หัวไหล่บางมากขึ้นจนร่างเล็กรู้สึกได้ นัยน์ตากลมมองไปยังมือที่หัวไหล่ตนแล้วเม้มปากคิด “คุณไม่ชอบ เฉินตงใช่ไหม?”“แล้วทำไมผมถึงต้องชอบหมอนั่น” เสียงเข้มโต้กลับพลางพูดต่อ “เขาไม่ได้เป็นมิตรอย่างที่เห็นหรอกนะ” โรลชูวแย้งตอบ “แต่เขาดูต่างจากเฉินซีมากเลยนะ”คนหนึ่งดูขรึมนิ่งโตเป็นผู้ใหญ่ แต่อีกคนกลับเที่ยวเล่นไปทั่วไม่สนโลก สองคนนั้นมีบุคลิกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง“อืม” ลู ชินจินตอบอืมกลับไปเบา เชิงไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเรื่องสองพี่น้องนั่นอีก เขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน “กลับบ้านกันเถอะ”“กลับบ้านเหรอ?” หญิงสาวส่ายหน้า “ฉันต้องกลับไปทำงานนอกเวลาที่บริษัทต่ออีก”ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ทว่าไม่ได้เอ่ยแย้งขัด มือหนาปลดจากไหล่บางขึ้นไปลูบกลุ่มผมนิ่มเบา ๆ “โอเค งั้นเดี๋ยวผมขับไปส่งคุณที่บริษัทเอง”“ได้เลย”
เมื่อจบงานเลี้ยงการกุศล บรรดาแขกเซเลบไฮโซต่างพากันขึ้นรถแยกย้ายกลับกันไปหมดทว่า เฉิน เฉียนไม่ได้เร่งรีบอะไร หากแต่หันซ้ายหันขวามองหาคนคุ้นเคยเห็นอย่างนั้น ผู้จัดการของดาราสาวก็ก้าวเข้ามาดึงมือของเธอเชิงเร่งบอก “ทำไมยังยืนอยู่นี่อีก? รีบกลับกันได้แล้ว”หญิงสาวพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้ม “พี่ชิง พี่เจอพี่ชายเหยียนบ้างไหมคะ?”“หมายถึงเหยียบซูเหรอ?” ผู้จัดการชะงักไปนิด พลันส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่นะ ทำไมเหรอ? มีเรื่องด่วนหรือเปล่า?”“อืม” ใบหน้าสวยพยักตอบ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อตามหาชายหนุ่มอีกครั้งการกระทำนั่นสร้างความรำคาญใจให้กับคนมอง ผู้จัดการชิงเอื้อมมือไปดึงข้อมือดาราสาวอีกครั้ง พร้อมกระชากบังคับให้เดินออกมา “หาอะไร เหยียนซูเหรอ? ฉันไม่ทีเวลามารอเธอตามหาคนหรอกนะ”“นอกจากนี้…” ชิงกัดฟันพูด “อย่าคิดว่าเธอสนิทกับเหยียนซูเพียงเพราะแสดงละครเรื่องเดียวกันกับเขา ถ้าพวกสื่อจับภาพได้ พวกแฟน ๆ ของเขาจะโจมตีเธอว่าเกาะกระแสเขาเอาหน้าได้”“ไม่เป็นไรแบบนั้นหรอกหน่า พี่ชิง”ความคิดตื้น ๆ ของดาราสาวทำให้ผู้จัดการขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีก ต้องยอมรับว่า เฉิน เฉียนนั้นดูอ่อนเยาว์และสวยมีเสน่ห์ แต่
พอถามออกไปแล้วก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตา มือไม้พันกันวุ่นอย่างเขินอายพลันบรรยากาศรอบตัวก็ดูนิ่งสงบ ทว่านุ่มนวลแปลก ๆ หนึ่งคนนั่งอยู่ในรถ อีกคนยืนรอคำตอบอยู่ด้านนอก เสียงเอะอะโวยวายของคนในงาน หาได้ส่งผลต่อชายหญิงคู่นี้ไม่เหยียนซูนิ่งเงียบไปพัก ก่อนเสียงทุ้มเย็นจะเอ่ยตอบ “ขอโทษนะ ฉันมีนัดแล้ว”ได้ยินแบบนี้ใบหน้าสวยก็เงยขึ้นมองคนในรถทั้งแววตาผิดหวังที่ปิดไม่มิด “อ่า คุณไม่ว่างเหรอคะ?”คนหล่อพยักหน้าตอบ “ใช่ ผมไม่ว่าง”“เฉินเฉียน นี่เธออยากให้บ้าตายเลยใช่ไหม?” พี่ชิงก้าวเท้าฉับ ๆ เข้ามาหาดาราสาวพร้อมเขกหัวหนัก ๆ ลงไปบนศีรษะเจ้าตัวหนึ่งที แล้วค่อยหันมายิ้มแห้งให้ดาราหนุ่ม “เหยียนซูต้องขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะ เดี๋ยวฉันจะพาเด็กนี้กลับแล้ว”ผู้จัดสาวพูดพลางเตรียมยกมือขึ้นเขกศีรษะกลมอีกครั้ง “ยัยเด็กนี่…”ทว่ามือนั่นกลับต้องยั้งค้างกลางอากาศ เพราะตกใจกับอาการของเฉินเฉียนดาราสาวเงยหน้ามองเธอพร้อมนัยน์ตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตา มันทำให้เจ้าตัวดูน่าสงสารขึ้นมาหลายเท่าพี่ชิงขมวดคิ้ว “อะไรอ่ะ? นี่ฉันไม่ได้เขกแรงเลยนะ ทำไมเธอถึงร้องไห้ล่ะ?”เหยียนซูก็เห็นว่า เฉิน เฉียนกำลังร้องไห้ ทว่าชาย
ร่างบางลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะมองไปที่เพื่อนร่วมงานแต่ละคน พลันรอยยิ้มพอใจก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าโรลชูวยืนขึ้นมอง พร้อมปรบมือจนทุกคนหันมามองเธอที่ยืนอมยิ้มอยู่ “ทุกคนหิวกันไหม? โทรสั่งอะไรมากินกันดีกว่า”“ผมหิวครับ!” ได้ยินแบบนั้น เสี่ยวซูก็รีบบอกทันทีโรลชูวหัวเราะ “ในเมื่อนายยกมือคนแรก ฉันจะให้นายทำหน้าที่สั่งอาหารแล้วกัน”“ไว้ใจผมได้เลย!” เด็กหนุ่มตอบรับโดยไม่ลังเล พลางสาวเท้าเข้าไปยืนข้างโรลชูวกับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งเครื่องในมือ “พี่โรลชูว พี่จะเอาอะไรอ่ะ?”“ฉันยังไม่หิว นายสั่งของนายเลย เดี๋ยวฉันจ่ายให้” คำพูดนั้นทำให้โหมดของคนในออฟฟิศจากเคร่งเครียดเรื่องข่าวดูสดใสขึ้นในทันตาหญิงสาวอมยิ้มให้กับใบหน้าเปี่ยมสุขของน้องชาย ขาเรียวหมุนตัวออกเดินไปยังโซนห้องอาหารของออฟฟิศพร้อมแก้วเซรามิกใบใหญ่เพราะยังไม่ได้ทานข้าวเย็น ร่างบางจึงเลือกเดินมาหานมดื่มรองท้องแทน เมื่อจัดการเทใส่แก้วเรียบร้อย ก็เดินถือแก้วไปหยุดอยู่ข้างกระจกใส่บานใหญ่ท้องฟ้ามืดดำบ่งบอกเวลาดึกดื่นด้านนอกหน้าต่างนั้น มันช่างตัดกับแสงวิบวับของตึกรามบ้านช่องบนพื้นดินริมฝีปากจิบรสสัมผัสของน้ำนมทีละนิด พลางมองออกไปด้า
“เหยียนซู” โรลชูวเรียกพร้อมส่งยิ้มให้คนในรถนัยน์ตาคมที่เต้นไปด้วยความรู้สึกมองจ้องกลับ พลางเปิดประตูรถ“ขึ้นมาสิ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยร่างบางขมวดคิ้วเลิกลักลังเลว่าจะขึ้นไปดีหรือไม่และเมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของอีกคน ชายหนุ่มก็หลุดหัวเราะออกมา “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”พอรู้ว่าเหยียนซูคิดทันเธอ โรลชูวก็อดจะกระดากอายขึ้นมาไม่ได้ ริมฝีปากบางยิ้มแห้ง ก่อนก้าวเท้าขึ้นรถไปกระจกดำทึบเลื่อนขึ้นทันทีเมื่อร่างเล็กขึ้นไปอยู่บนรถขณะเดียวกันเหยียนซูก็เอ่ยปาก “ลงไปจากรถ”ครั้งนี้หญิงสาวแน่ใจว่าอีกฝ่ายพูดกับคนขับรถเป็นแน่เมื่อรถทั้งคันเหลือเพียงคนสองคน บรรยากาศน่าอึดอัดก็เพิ่มขึ้นสองมือกำแน่นบนตัก ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นกำลังกดดันให้เธออยากเปิดประตูแล้ววิ่งลงจากรถไปซะเวลาผ่านไปจนโรลชูวกำลังจะสติแตกเพราะความเงียบมึนตึง ชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน “ช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้าง?”ร่างบางชะงักไปนิด ทว่ายังคงรอยยิ้มไว้ไม่คลาย “ก็ไม่แย่เท่าไหร่ แล้วคุณล่ะ?”แต่หลังจากถามออก มือเรียวก็อยากจะตีหน้าผากตัวเองแรง ๆ ‘นี่เราห่างเหินจนต้องพูดสุภาพใส่กันเลยเหรอเนี่ย?’“ก็ไม่แย่เหมือนกัน” เ
แสงไฟบนถนนที่ส่องเข้ามาสะท้อนให้การตกแต่งภายในตัวรถดูหรูหราขึ้นกว่าเดิม ส่วน ทัง โรลชูวก็ได้แต่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง เหยียนซูไม่ได้เอ่ยขัด ทว่าเลือกที่จะจ้องมองดูอย่างเงียบ ๆ แทน และพอรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังใจลอย ชายหนุ่มก็ปล่อยให้ความรู้สึกส่งผ่านสายตาตัวเองออกมาเต็มที่แม้จะมีแสงไฟเพียงน้อยนิด แต่ความสวยงามของเธอก็ตรึงเก็บอยู่ในความทรงจำของเขาไม่เปลี่ยนสวยจนละสายตาไม่ได้ และได้แต่หวังให้เวลาหยุดเดินอยู่ในช่วงที่มีเพียงสองเราแบบนี้ตลอดไปตราบใดที่ยังเห็นเธออยู่ในสายตาและมีเธออยู่ข้างกายแบบนี้ เขาก็มีความสุขแล้ว ถ้าพ่อของชินจินตกลงจัดงานดูตัวขึ้นที่เป่ยหนิงจริง หลังจากนั้นโรลชูวคงไม่มีที่ยืนเคียงข้างชินจินอีกแล้วหญิงสาวนวดศีรษะที่ตึงเครียดของตน พลันชะงักไปพร้อมขมวดคิ้ว ‘อย่าบอกนะว่า ลู เฉินตงมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องนี้กับชินจิน?’‘แสดงว่าชินจินต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เลือกที่จะเงียบ’‘เพราะเขากลัวว่าฉันจะคิดมากใช่ไหม?’ริมฝีปากบางเม้มแน่น มือเรียวค่อย ๆ ละจากศีรษะลงมาวางที่ตักดังเดิมถ้าดูจากนิสัยของชินจินแล้วก็คงเป็นอย่างที่คิดไว้ อีกฝ่ายไม่อยากให้เธอมานั่งคิดเล็กคิดน้
“หืม?” โรลชูวหันกลับมาสงสัยเหยียนซูยิ้มตอบ “ขอบคุณนะ”ริมฝีปากสวยก็ยิ้มคืนให้อีกฝ่าย “ขอบคุณเช่นกัน”เมื่อก้าวออกมาจากรถแล้ว ร่างเล็กก็หันกลับไปโบกมือลาให้กับคนในรถ ก่อนจะหันหลังวิ่งเข้าตึกไปชายหนุ่มยังคงกดเลื่อนกระจกลง มองคนที่วิ่งออกไปด้วยแววตาเศร้าสร้อยขณะเดียวกัน พอพ้นร่างของหญิงสาวแล้ว คุณผู้ช่วยและคนขับรถก็เดินกลับมาประจำตำแหน่งดังเดิมแต่ก็ไม่วายหันกลับไปมองสีหน้าของเจ้านายตัวเอง ทว่าสีหน้าย่ำแย่ของเจ้านายนั่นทำให้เขาได้แต่พูดในใจ ‘ทั้งหล่อและดูดีขนาดนี้ แค่ชายตามองก็สามารถขโมยหัวใจสาว ๆ ที่ตนหมายปองได้ แต่ดันมาตกหลุมรักคุณทัง ที่ทำได้เพียงอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ เท่านั้น’ต่อให้เล่าให้ใครต่อใครฟัง ก็ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเจ้านายของเขาจะมาตกม้าตายเพราะเรื่องความรักแบบนี้พอคิดแล้วก็ได้แต่ถอยหายใจเบา ๆ “คุณเหยียนครับ เรากลับโรงแรมกันเลยไหมครับ?”“อืม” เจ้านายหนุ่มตอบรับเอสยูวีสีดำคันสวยเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณถนนหน้าตึกสำนักงานช้า ๆ โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นรถคันหนึ่งที่แอบขับตามมาเงียบ ๆ …เมื่อกลับมาถึงออฟฟิศ ทัง โรลชูวก็รีบเร่งเข้าไปแก้ไขหัวข้อข่าว พร้อมเลือกรูปภาพอ