"คุณพันษา คุณทำกับโรสแบบนี้ได้ยังไง คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้วนะ แล้วอีผู้หญิงหน้าด้านนั่น มันเป็นใครกันนะ อ๋อ คงจะเป็นนังผู้หญิงใจง่าย ที่ยืนแลกจูบกับคุณที่ลานจอดรถล่ะสินะ อย่านึกนะว่าโรสไม่รู้ ว่าคุณไปกับนังนั่น แล้วเอามันมาบังหน้าน่ะ"
"ก็ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะยะ"
ปล่อยให้ด่ามาเป็นชุดนานเกินไปแล้วล่ะ อารมณ์ยังขุ่นๆ กรุ่นๆ ค้างอยู่ตั้งแต่ที่ลานจอดนั่นแล้ว
ผู้หญิงบ้าอะไร ไร้มารยาทชะมัด !
กรี๊ดด...ด.
เสียงกรีดร้องดังนำมาก่อนในคราวนี้ จนมาตาแทบเลื่อนหูโทรศัพท์ออกห่างหูของเธอไปเล็กน้อยชั่วขณะ ก่อนเสียงด่าไม่ได้ศัพท์จะตามมาอีกพะเรอเกวียน กว่าจะเว้นช่องว่างให้เธอเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้อีก
"นี่คุณ ขอโทษเถอะนะ บังเอิญฉันไม่ชอบเสียงก่นด่าบนโต๊ะอาหารเสียด้วย ฉันกำลังทานอาหารอยู่กับสามีสุดที่รักอย่างพันษา อีกอย่าง เรากำลังมีลูกด้วยกัน คุณเลิกคิดเพ้อเจ้อที่จะได้แต่งงานกับพันษาได้แล้ว เพราะฉันคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเธอก็แค่คู่หมั้นที่ผู้ใหญ่จับมาคู่กันเท่านั้น แค่นี้นะ ฉันจะปิดเครื่องแล้ว อาหารมาเต็มโต๊ะ น่าทานทั้งนั้นเลยนะคะพันษาขา"
ประโยคท้าย ส่งสียงหวานบอกพันษาให้อีกฝ่ายได้ยิน ก่อนปิดเครื่องลงด้วยความหมั่นไส้เต็มที จนพันษาเองได้แต่อ้าปากค้าง คาดไม่ถึงว่า การรับโทรศัพท์ของหญิงสาวจะได้ผลเกินคาดขนาดนี้
"โห คุณ ! วิเศษไปเลยนะ แบบนี้คุณโรสคงเลิกยุ่งกับผมเด็ดขาดเสียที"
"อย่าค่ะ อย่าเพิ่งคิดว่าฉันทำเพื่อคุณ ฉันกำลังทำเพื่อตัวฉันเองต่างหาก เพราะเรื่องของคุณกับคู่หมั้นจบเร็วเท่าไหร่ เรื่องระหว่างเราก็จบเร็วเท่านั้น เข้าใจ๋ !"
หญิงสาวเอียงคอพูดจาอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า หากทว่าชายหนุ่มกลับอมยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งผ่านไปถึงเธอเหอะ ใครกันแน่ที่ไม่เข้าใจ อะไรๆ มันก็คงไม่ได้จบลงง่ายๆ อย่างที่คิดหรอกนะ !
มาตายื่นโทรศัพท์ที่ปิดเครื่องเรียบร้อยแล้วส่งคืนให้กับเจ้าของตัวจริง ก่อนจะขยับตัวรับอาหารชุดใหญ่ที่เริ่มทยอยวางเรียงรายบนโต๊ะเรียกน้ำย่อย ให้สองหนุ่มสาวแทบจะปล่อยเรื่องวุ่นวายต่างๆ วางไว้ตรงนั้นก่อน ต่างคนต่างรับประทานอาหารมากมายนั่นด้วยความรู้สึกทั้งหิวทั้งอร่อยไปในเวลาเดียวกัน
และภายหลังเซ็กบิลเรียบร้อย เขาก็พามาตากลับไปที่บ้านของเธอ เพื่อเก็บของตามที่ตกลงกันเอาไว้เพียงรถปราดเข้าไปจอดหน้าคฤหาสน์หรู ชายหนุ่มก็แทบอ้าปากค้าง
"โห คุณ นี่แน่ใจนะว่าบ้าน ตอนแรกที่คุณบอกกับแม่ผม ผมก็นึกว่าคุณแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกแม่ผมเสียอีกสิ !"
"ทำไมฉันต้องหลอกด้วยล่ะ ฉันไม่ใช่คุณนี่ วันๆ หนึ่ง คงมีแต่เรื่องโกหกมากมายเต็มสมองไปหมด จะบอกอะไรให้นะ ฉัน...ไม่ชอบผู้ชายโกหก !"
"โธ่ คุณ ผมก็เลือกโกหกในเรื่องที่มันจำเป็นหรอกนะ ไม่ได้โกหกไปทุกเรื่องเมื่อไหร่ เอาเถอะ ต่อไปผมจะพยายามหลีกเลี่ยงการโกหกให้ได้ก็แล้วกัน"
"ก็ดีค่ะ...ทำให้ได้อย่างปากพูดก็แล้วกัน"
มาตาว่าอย่างนั้น ก่อนก้าวนำไปในบ้านที่ดูเงียบเหงา
"คุณอยู่คนเดียวเหรอเนี่ย"
"ไม่หรอก แม่บ้านเต็มบ้านเลย ฉันทำอะไรไม่ค่อยเป็นหรอก แม่ทิ้งไว้ให้หมด ทั้งบ้าน ทั้งคน ฉันเลี้ยงดูทุกคนในบ้านเหมือนญาติสนิท ถ้าไม่มีฉัน พวกเขาก็ไม่มีใคร"
"ก็ดีแล้วล่ะคุณ สมัยนี้หาคนที่ไว้ใจได้ยาก คนเก่าๆ เลี้ยงไว้เป็นประโยชน์ และปลอดภัยสุดแล้ว"
"ฉันก็ว่างั้นแหละ..."
"แต่ต่อไปนี้คุณควรหัดทำอะไรให้เป็นบ้างนะมาตา โตจนเป็นแม่คนได้แล้ว อย่างน้อยก็เริ่มต้นจากการทำงานก่อน เพราะลำพังเงินมรดกที่คุณว่า ต่อให้มากมายแค่ไหน ก็หมดลงได้ถ้าคุณไม่คิดจะทำอะไรเลย"
"สาธุ คุณนี่วุ่นวายกับชีวิตฉันชะมัดเลยนะ ธุระไม่ใช่"
"ทำไมจะไม่ใช่ ในเมื่อตอนนี้ เราเป็น..."
"ก็แค่แผน จำใส่สมองคุณเอาไว้หน่อยสิ ฉันเบื่อจะฟัง เอามาอ้างอยู่ได้ รอก่อนนะฉันจะไปสั่งให้แม่บ้านเอาเครื่องดื่มมาให้ ส่วนฉันจะไปเก็บของ ส่วนคุณ...ก็เก็บปากได้แล้ว"
เจอช็อตนี้เข้าไป ชายหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อยกับคำสั่งกรายๆ นั่นของหญิงสาว ไม่เคยมีใครมาสั่งเขาฉอด ๆ แบบนี้โดยเขาไม่ได้โต้เถียงใดๆ แต่คงต้องยกเว้นเธอเอาไว้คน ไม่รู้เหมือนกันสิว่าทำไม รู้แต่ว่า เขาได้แต่เฝ้ามองตามแผ่นหลังกว้างๆ ของเธอ ที่กำลังเดินขึ้นบันไดไป ให้เขาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาหรูนั่นแทน ในเวลาต่อมา
ชั่วขณะหนึ่งหรอก ที่เครื่องดื่มเย็นพร้อมของว่างจะถูกยกมาเสิร์ฟตรงหน้า ให้เขาหันไปมองแม่บ้านประจำคฤหาสน์หรู ดูสูงวัยอย่างมาตาว่าไว้
"ขอบคุณครับ ตามสบายนะครับไม่ต้องห่วงผม"
"ไม่ได้หรอกค่ะ คุณหนูสั่งไว้ให้ดูแลคุณให้ดี"
"โอ้โห ! แค่น้ำกับของว่างก็ดีที่สุดแล้วละครับ ขอบคุณจริงๆ ครับ แต่ผมไม่รบกวนอย่างอื่นแน่ ๆ ป้าตามสบายเลยดีกว่า"
"ค่ะๆ ถ้างั้นป้าขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยทางด้านโน้นหน่อย มีอะไรก็สั่นกระดิ่งเรียกได้นะคะ"
กระดิ่งเล็กๆ ที่ว่าวางอยู่บนโต๊ะรับแขกโดยที่เขาไม่ทันสังเกต จนเมื่ออีกฝ่ายเลื่อนให้นั่นล่ะ ที่เขาค่อยพยักหน้ารับรู้
"ขอบคุณอีกครั้งนะครับ"
หลังประโยคนั้นของเขา แม่บ้านประจำคฤหาสน์ก็หมุนตัวกลับออกไป ให้เขานั่งจิบกาแฟ สลับกับก้มมองนาฬิกาข้อมือ
ใจคอจะเก็บไปหมดบ้านเลยมั้ยเนี่ย ใช้เวลายาวนานเกินไปแล้วนะ !
เขาบอกกับตัวเอง ก่อนเหลียวซ้ายแลขวา แล้วตัดสินใจก้าวตามบันไดขึ้นไป รู้ล่ะว่าคฤหาสน์หรูโอ่อ่า แต่ห้องที่หญิงสาวพัก ก็คงไม่ได้หายากจนเกินไปหรอกนะ เท้าไวเท่าความคิดที่เขาจะก้าวไปหยุดอยู่หน้าห้องที่มีป้ายด้านหน้า “ห้ามรบกวน” ติดอยู่
ต้องเป็นห้องนี้แน่ ๆ เพราะท่าทางหญิงสาวจะอยู่ในโลกส่วนตัวเสียจนเคยชินไปแล้ว...
ชายหนุ่มค่อยๆ หมุนลูกบิดหลังเคาะประตูเบาๆ แล้วผลักเข้าไป และเขาก็ได้ยินเสียงน้ำดังซ่าๆ จากห้องน้ำมุมใดมุมหนึ่ง
ภายในห้อง กว้างเสียจนเขาแทบทอดถอนโจ นี่ถ้าเป็นคู่แต่งงานอารมณ์เปลี่ยว คงได้วิ่งกันเหนื่อยก่อนปฏิบัติภารกิจรักแน่ๆ
เรื่องอาบน้ำนี่ ก็คงจะเอาไว้ออกมาล้างอีกเหมือนกัน เพราะนานปานนั้น !
เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ มองไปที่หน้าตู้เสื้อผ้านั่น พอเห็นล่ะว่ามีกระเป๋าหลายใบวางอยู่ ตั้งใจจะกัมลงคว้าไปเป็นการแบ่งเบาภาระ หากหญิงสาวภายใต้ชุดคลุมอาบน้ำจะไม่เปิดประตูห้องน้ำออกมาเสียก่อน ให้เขาถึงกับอ้าปากค้าง ต่างคนต่างตกใจ และต่างคนต่างอึ้งคงยังไม่พอ เพราะเขาแทบแอบกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคออย่างเยือกเย็นกับความเซ็กชื่ภายหลังออกมาจากห้องน้ำทั้งหยดน้ำพราวบนใบหน้าของหญิงสาวนั่น
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า เขาเองก็เป็นชายหนุ่มที่มีเลือดเนื้อมีหัวใจ...
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เขาเป็นคาสโนวาตัวพ่อที่ไม่เคยปล่อยให้ผู้หญิงคนไหนที่เขาสนใจให้หลุดรอดมือได้สักคน จะมีก็แต่เพียงมาตานี่ล่ะ ที่เขาแทบไม่เคยได้แตะเนื้อต้องตัวเธอเลยสักครั้ง หลังจากครั้งแรกที่ดึงตัวเธอมาจูบเพื่อปิดบังอำพรางตัวเองไม่ให้โรส คู่หมั้นของเขาจับเขาได้ ถึงตอนนี้ แม้รสจูบจะไม่หวานชื่นอะไรมากมายนัก แต่เขาก็ยังจดจำได้เสมอ
"นี่คุณ ! คุณเที่ยวเดินเรื่อยเปื่อย มาถึงบนนี้ได้ยังไง มารยาทน่ะมีบ้างมั้ย นี่มันไม่ใช่บ้านคุณซะหน่อยนะ ที่จะได้เที่ยวเดินเข้านอกออกในไปได้ทุกท้องทุกซอกหลืบของบ้านน่ะ"