"อะไรนะคะแม่ แม่กับเจ้าสัวจะไปปฏิบัติธรรมอาทิตย์หน้านี้หรอคะ แล้วไปกี่วันคะแม่"
หญิงสาวได้รับรู้ข่าวจากแม่ว่าท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อน จึงชวนกันไปปฏิธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่ง แล้วหลังจากนี้เธอจะต้องทำยังไงดี เพราะพี่วายุก็ไปราชการต่างจังหวัด บ้านหลังนี้ก็เหลือแค่เธอกับวาทิตย์ ความหวาดหวั่นเข้าเกาะกุมหัวใจดวงน้อย แต่จะโวยวายให้ผู้เป็นแม่เป็นกังวลก็คงไม่ได้ เธอไม่อยากสร้างปัญหาให้แม่ไม่สบายใจ
"ท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อนซักสัปดาห์นึง ลูกอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่มั้ยจ้ะ "
คุณเดือนเพ็ญเห็นแววตากังวลของลูกสาวก็อดห่วงไม่ได้
"แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูอยู่ได้สบายอยู่แล้วค่ะ" เธอรีบพูดขึ้นเพื่อให้แม่คลายกังวล ยังไงซะแค่สัปดาห์เดียว พี่วาทิตย์เองก็คงไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกมั้ง อาจนัดสาวไปสนุกกันที่คอนโดก็เป็นได้ แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องหาทางเลี่ยงชายหนุ่มให้ได้มากที่สุดอยู่ดี
ด้านชายหนุ่มที่เป็นตัวปัญหาของนับดาวนั้น เมื่อรู้ว่าพ่อของตัวเองจะไปปฏิบัติธรรมต่างจังหวัด ก็จงใจพูดจากระทบกระแทกแดกดันหญิงสาว เมื่อต้องนั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกันในตอนเย็นก่อนที่ท่านเจ้าสัวจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น
"คุณพ่อไม่ต้อห่วงผมหรอกครับ ห่วงลูกเลี้ยงของคุณพ่อดีกว่า แมวไม่อยู่ หนูคงร่าเริงละสิทีนี้ จะนัดเจอกับใครคงทางสะดวกเค้าล่ะครับ "
"เจ้าทิตย์ทำไมว่าน้องอย่างนี้ แกนี่มันจริงๆเลยเชียว" ท่านเจ้าสัวอดไม่ได้ที่จะต่อว่าลูกชาย ในความปากคอเราะร้าย
"ก็มันเรื่องจริงนี่ครับ ทุกวันนี้ที่ไปเรียนเคยไปถึงมหาวิทยาลัยบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้"
ชายหนุ่มยังคงมั่นใจในความคิดของตัวเองว่าหญิงสาวที่นั่งทานข้าวฝั่งตรงข้ามจะเป็นอย่างที่เขาคิด
"จะพูดจาอะไรเกรงใจคุณเดือนกับหนูดาวเค้าบ้าง พ่อรู้จักหนูดาวเค้าดี เค้าไม่ได้เป็นแบบที่แกคิดหรอกนะเจ้าทิตย์ "
เจ้าสัวเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยความอ่อนใจทั้งยังสงสารนับดาวที่นั่งก้มหน้าหลบสายตาทุกคน หญิงสาวต้องกล้ำกลืนฝืนทนร่วมโต๊ะกับทุกคนในบ้าน เพราะถ้าจะลุกพรวดพราดออกไปก็เกรงใจท่านเจ้าสัว ดังนั้นกว่าจะสิ้นสุดเวลาอาหารค่ำ เธอจึงต้องทนฟังคำพูดจาร้ายๆจากชายหนุ่มที่ใครๆก็บอกว่าเจ้าคารม เจ้าเสน่ห์ แต่เธอยังไม่เคยพบเจอด้านนั้นของเขาเลย
ในวันรุ่นขึ้นหลังจากท่านเจ้าสัวและแม่เดือนเพ็ญออกเดินทางตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง นับดาวเองก็จงใจรีบออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อไปมหาวิทยาลัย เพราะไม่อยากต้องพบเจอกับคนปากร้าย ใจร้าย แต่ด้วยความเป็นห่วงเรื่องอาหารการกินของเขา เธอจึงแอบเข้าครัวไปต้มโจ๊กไว้ให้เขาเป็นอาหารเช้า โชคดีที่วันนี้วาทิตย์ไม่ได้ลงจากห้องมาในตอนที่เธออยู่ในครัว เธอจึงรู้สึกปลอดภัยไปได้อีกวัน
"ดาว เย็นนี้ว่างมั้ย ไปเดินห้างกันดีกว่า" จ๊ะจ๋าเพื่อสนิทของเธอที่มหาลัยเดินมาพร้อมกับนาวิน ชายหนุ่มที่แอบชอบนับดาวมาตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่นับดาวกลับรู้สึกเพียงแค่เพื่อน นาวินก็ยอมรับแต่ก็ยังแอบหวังอยู่ลึกๆว่าซักวันนับดาวจะหันมาชอบเขาบ้าง
"อืม...ได้สิจ๋ายังไงเย็นนี้แม่เราก็ไม่อยู่บ้าน งั้นวันนี้เราไปเดินเล่นที่ห้างกันนะ" นับดาวเองก็ไม่อยากกลับบ้านเร็วเพราะกลัวจะกลับไปเจอวาทิตย์ จึงตกปากรับคำกับเพื่อน เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ทั้งสามคนก็นั่งรถของชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่ม ไปห้างที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย นาวินอาสาขับรถพาสองสาวไปเดินห้าง ทั้งสามแวะกินอาหาร ช้อปปิ้งและตบท้ายด้วยการเข้าดูหนังในโรงภาพยนตร์ รู้ตัวอีกที กว่าจะกลับออกมาก็มืดค่ำ
"ตายแล้วจ๋า นี่มัน4ทุ่มแล้วหรอ เราดูหนังกันเพลินเชียว" เมื่อออกจากโรงหนังนับดาวจึงรู้ว่าพวกตนใช้เวลาในการดูหนังนานเกือบ2ชั่วโมง
"นั่นนะสิดาว งั้นเดี๋ยวจ๋านั่งแท็กซี่กลับ ส่วนวินบ้านอยู่ทางเดียวกับดาว ช่วยไปส่งดาวที่บ้านหน่อยนะ" จ๊ะจ๋าวางแผนเสร็จสรรพก็บอกให้นาวินไปส่งนับดาวกลับบ้าน
"ไม่มีปัญหาครับคุณผู้หญิง กระผมจะส่งคุณหนูนับดาวให้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย สบายใจหายห่วงได้เลยครับผ้ม" นาวินพูดอย่างทะเล้น ด้วยนิสัยนี้เองที่นับดาวไม่รู้สึกอึดอัดแม้นาวินจะชอบตัวเอง แต่นาวินก็ไม่เคยล้ำเส้น และยังเป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา
"ขอบใจมากนะวิน งั้นเราแยกย้ายกันดีกว่านะ เจอกันพรุ่งนี้นะจ๋า " นับดาวโบกมือลาจ๊ะจ๋า แล้วแยกตัวมาที่ลานจอดรถกับนาวิน
" ท่านเจ้าสัวกับคุณแม่สบายดีนะดาว" นาวินเอ่ยขณะที่ขับรถฝ่าการจราจรคับคั่งของเมืองกรุง
"ก็สบายดีจ้ะวิน ตอนนี้ก็ไปปฏิบัติธรรมกันหน่ะ" นับดาวตอบ นาวินรู้จักคุ้นเคยกับบ้านของเธอ เพราะบ้านเขาอยู่ถัดไปอีกแค่ไม่กี่ซอย นาวินจึงแวะเวียนมาหานับดาวที่บ้านเป็นประจำ
"งั้นแบบนี้ดาวก็อยู่บ้านคนเดียวนะสิ"
"พี่วาทิตย์เค้ากลับมาจากต่างประเทศได้ซักพักแล้วจ้ะ" นับดาวตอบนาวินเสียงอ้อมแอ้ม
"พี่วาทิตย์ คนที่ดาวเคยบอกว่าเค้าไม่ชอบดาวกับแม่เดือนนะหรอ"
"อื้อ ใช่"
"งั้นถ้าดาวมีอะไรให้วินช่วย ดาวบอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ"
นาวินรู้ดีว่านับดาวนั้นขี้เกรงใจ และขี้สงสาร หญิงสาวไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ยังมีจิตใจอ่อนโยนอีกด้วย
กว่าทั้งสองจะกลับมาถึงบ้านนับดาวเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบเที่ยงคืน เพราะการจราจรที่ไม่ได้เบาบางลงซักเท่าไหร่ แถมยังมีฝนพรำตลอดเส้นทางทำให้การเดินทางล่าช้ายิ่งขึ้น
"ขอบใจมากนะวิน ขับรถดีๆล่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะ"
"ดาวก็เข้าบ้าน ดีๆนะ ฝนยังตกอยู่รีบอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวจะไม่สบาย"
นับดาวโบกมือลานาวินและรีบพาตัวเองเข้าบ้าน โดยที่ไม่ทันสังเกตุเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองลงมาจากห้องนอนชั้นบนคฤหาส จนเมื่อเธอวิ่งหลบฝนมาถึงตัวคฤหาสนั่นเอง ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของสายตาคม ก็ลงมายืนกอดอกต้อนรับเธออยู่หน้าบ้านแล้ว
" ดึกดื่นเที่ยงคืน ผู้ชายมาส่งถึงหน้าบ้าน เสร็จกันไปกี่น้ำแล้วล่ะ ถึงกลับมาส่งกันได้" เพียงประโยคแรกของวัน คำทักทายของเขาก็ทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ
"ดาวเหนื่อยของตัวกลับไปพักก่อนนะคะ"นับดาวไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับวาทิตย์ เพราะเธอรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เหมือนจะเป็นไข้
"เดี๋ยวสิ ไหนเธอบอกถ้าฉันอยากใช้บริการก็ขอให้บอก ตอนนี้ไงฉันเองก็กำลังเหงาๆ ไม่ได้ออกไปเจอคู่ขาตั้งหลายวันแล้ว ไอ้หมอนั่นมันให้เธอเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันจะจ่ายให้สองเท่าเลย " ไม่พูดเปล่าชายหนุ่มฉุดแขนของนับดาวให้เดินตามเข้าไปในคฤหาสน์
"เล่นกันไปหลายท่าละสิถึงอ่อนเพลียกลับมาขนาดนี้"
"ปล่อยดาวนะคุณวาทิตย์ ปล่อย บอกให้ปล่อย"
นับดาวพยายามสะบัดข้อมือให้หลุดพ้นจากคนใจร้าย แต่เรี่ยวแรงของเธอสู้เขาไม่ได้ ทำให้ตัวเองต้องถูกฉุดกระชากลากถูไปจนถึงบันไดชั้นบนที่ซึ่งเป็นห้องนอนของเขากับท่านเจ้าสัว
"ทำเป็นสะดีดสะดิ้ง เหมือนคนไม่เคยไปได้ ร่านๆแบบเธอคงไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรให้มันมากนักหรอกมั้ง" ชายหนุ่มที่คิดอยากสั่งสอนแม่ตัวดีที่กลับบ้านค่ำมืด ว่ามันอันตรายแต่พอเห็นท่าทางรังเกียจเขาของหญิงสาว เลยทำให้เขาอยากเอาชนะหล่อน เมื่อมาถึงหน้าห้องนอนของเขา ชายหนุ่มก็เปิดประตูพร้อมกับกระชากแขนของหญิงสาวให้ตามเข้าไป จากนั้นจึงผลักประตูปิดลงพร้อมกับกดล็อกแน่นหนา
"คุณวาทิตย์จะทำอะไรดาวคะ ปล่อยดาวไปเถอะนะ ดาวขอร้อง " หญิงสาวเริ่มเห็นเค้าลางของหายนะที่กำลังจะเกิด เขายืนขวางหน้าประตูไว้ และดูเหมือนว่าเธอจะหนีเขาไม่พ้นเป็นแน่
"ก็ทำอย่างที่เธอเคยเสนอไง ส่วนราคาฉันไม่เกี่ยงหรอกนะ ของมือสองอย่างเธอ จะแสดงละครอัพค่าตัวก็เอาเลย มันดูตื่นเต้นดีเหมือนกัน" พูดจบชายหนุ่มก็ย่างสามขุมเข้าใกล้ร่างแน่งน้อยที่ยืนตัวสั่นระริก เพราะเสื้อผ้านักศึกษาที่เปียกปอนทำให้ชุดขาวบางส่วนแนบไปกับผิวขาวอมชมพู โดยเฉพาะบริเวณอกอวบที่มีบราเซียสีชมพูหวานแหว๋วเกาะอยู่
"ดาวขอโทษนะคะ คุณวาทิตย์ปล่อยดาวไปเถอะนะ ดาวขอร้อง"หญิงสาวยกมือขึ้นอ้อนวอนแต่เหมือนชายหนุ่มจะรู้สึกสนุกกับการที่เห็นคนตรงหน้าหวาดกลัว
"มันสายไปแล้วนับดาว ฉันให้โอกาสเธอมาหลายปี ให้เธอออกไปจากครอบครัวของฉัน แต่เธอก็ยังหน้าด้าน หน้าทนไม่ยอมไป วันนี้ฉันขอคิดราคาที่พ่อฉันเลี้ยงดูเธอกับแม่ก็แล้วกัน" พูดจบชายหนุ่มก็รั้งตัวหญิงสาวเข้ามาปะทะกายหนา
กรี้ดดดดด.....
****สวัสดีค่าาา รี้ดที่น่ารัก ฝากคอมเม้นต์ เป็นกำลังใจให้ไรท์หน้าใหม่คนนี้ด้วยน๊าาาา สามารถติชมกันได้ ไร้ท์พร้อมปรับปรุงแก้ไขค่ะ