เหล่าองครักษ์แต่ละคนเองก็หิว ยังถูกเขาทุบตีไปทั้งตัวอีก
“ท่านอ๋องนับวันยิ่งวิปริต ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”
“ซวยจริงเชียว ติดตามเจ้านายเช่นนี้...”
องครักษ์บ่นตำหนิเบาๆ เป็นการส่วนตัว
“ชู่ว์ เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้ว ท่านอ๋องได้ยินต้องฆ่าเจ้าเป็นแน่”
องครักษ์อีกคนเอ่ยเตือน คนอื่นอีกสองสามคนหุบปากลงในทันใด กลับรู้สึกอึดอัดคับข้องใจภายในใจ
รุ่งอรุณวันต่อมา มู่หรงอวี้หิวกระหายมากเกินไป เบ้าตาลึกอิดโรยเป็นพิเศษ
กอปรกับทั้งตัวล้วนคือทรายเหลืองและฝุ่น พูดว่าเขาเป็นขอทานก็ไม่เกินจริง
ตรงข้ามกับพวกกู้หว่านเยว่ เพราะกินกระบองเพชรอิ่มไปหนึ่งมือ มีชีวิตชีวาอย่างมาก เปล่งเสียงหัวเราะมีความสุข
“ข้าโมโหยิ่งนัก!”
มู่หรงอวี้นอนบนลาเทียมเกวียน หิวจนไม่มีแรงด่าแล้ว
เขาลืมตาขึ้น มองท้องฟ้า “ท่านย่าทวด ข้าคล้ายมองเห็นท่านย่าทวดของข้าแล้ว...”
องครักษ์ “....”
ทันใดนั้น จางเอ้อร์ร้องตะโกนเสียงดัง “พวกเจ้าดู ข้างหน้ามีป่ามะกอกทะเลทรายผืนหนึ่ง!”
ป่ามะกอกทะเลทรายนี้ เพียงมองดูก็รู้ว่ามีคนปลูกไว้ เห็นทีพวกเขาอยู่ห่างจากหมู่บ้านและเมืองไม่ไกลแล้ว
“ดียิ่งนัก ในที่สุดพวกเราก็ออกจากทะเลทรายแล้ว” ทุกคนเดินทางมาอย่