“อย่าพูดเลย เจ้าจะมีเงินสักเท่าไหร่กัน”
กู้หว่านเยว่มองร่างเปลือยเปล่าของสวีหลานด้วยความรังเกียจ ไม่อยากจะพูดอะไรมากมาย จึงทุบนางจนสลบไป
มองไปยังเณรน้อยและสวีหลานที่ล้มอยู่บนพื้น กู้หว่านเยว่ก็เอื้อมมือไปจับคอเสื้อด้านหลังของพวกเขา
จากนั้นก็หายตัวไปในพริบตา มาถึงที่หน้าห้องท่านหลี่โหว
“หว่านเยว่?”
ซูจิ่งสิงได้ยินเสียง ก็รีบพุ่งออกมา เมื่อเห็นว่ากู้หว่านเยว่ปลอดภัยดี แต่ก็อดถามไม่ได้ว่า
“เจ้าไม่เป็นไรนะ?”
“จะไปเป็นอะไรได้ล่ะ”
เห็นความกังวลของซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ก็แลบลิ้นแล้วอธิบายหนึ่งประโยค
“ท่านก็รู้ว่าข้ามีความสามารถขนาดไหน”
ซูจิ่งสิงรู้ แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้
“ต่อไปห้ามทำอะไรคนเดียวเด็ดขาด”
“รู้แล้วน่า”
เมื่อครู่ประตูหินปิดลงเร็วเกินไป กู้หว่านเยว่ไม่ทันได้คิดอะไรมาก ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปเลย
เพราะว่าครั้งนี้ถ้าปล่อยให้สวีหลานหนีไป ต่อไปคงจะยากที่จะหาหลักฐานสำคัญขนาดนี้ได้อีก
“อุโมงค์นั้นตรงไปยังห้องพระเล็ก ๆ ข้าเดาว่าพระปลอมนั่นคงจะมาที่นี่ทุกวันผ่านอุโมงค์นี้ เพื่อมาพบกับสวีหลาน พอเสร็จกิจ ก็กลับไปที่ห้องพระเล็ก ๆ ผ่านทางอุโมงค์”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้คนอื่นได้ยิน