Search
Library
Home / LGBTQ+ / ซ่อนกลิ่นรัก / มั่นคงดั่งทานตะวัน

มั่นคงดั่งทานตะวัน

2024-11-27 23:06:10

          ๓

          มั่นคงดั่งทานตะวัน

          “ พี่กลิ่นจ๊ะ คุณพี่ไปไหนแล้วหรือจ๊ะ ”

          คุณหนูรำพึงบุตรสาวคนเล็กของท่านเจ้าคุณวรจิตร เติบโตมาเป็นสาวรุ่นอายุอานามก็เข้าปีที่สิบแล้ว หน้าตาก็สะสวยละม้ายคล้ายคลึงมารดาที่รำพึงเองก็จำหน้ามิได้

          “ คุณรักษ์อยู่ที่ท้ายสวนขอรับคุณหนู ”

          เจ้ากลิ่นละมือจากการคัดดอกมะลิ มองไปยังหญิงสาวด้วยสายตาเอ็นดู

          “ คุณพี่คงดูชนไก่อีกสินะ แล้วนี่พี่กลิ่นไม่ไปดูบ้างหรือจ๊ะ เห็นมาช่วยรำพึงคัดแต่ดอกมะลิจะเบื่อเอานะ ”

          “ บ่าวไม่เบื่อหรอกขอรับคุณหนู บ่าวอยู่กงนี้ดีแล้วขอรับไปอยู่กับคุณรักษ์ตอนนี้บ่าวสงสารไก่ขอรับ ”

          “ พี่กลิ่นนี่ก็ช่างแปลกคน บ่าวผู้ชายคนอื่นก็ขลุกกันอยู่ที่ท้ายสวนกันทั้งนั้น มีก็แต่พี่กลิ่นนี่แหละหนาที่มาขลุกอยู่แต่กับรำพึง ระวังเถิดประเดี๋ยวคุณพี่เรียกหาไม่เจอจะโดนดุเอาเสียอีก ”

          “ คุณรักษ์ไม่ว่าบ่าวหรอกขอรับ เพราะคุณรักษ์เป็นคนไล่บ่าวให้กลับมาช่วยงานคุณหนูเองขอรับ ”

          “ คุณพี่น่ะหรือเป็นคนบอกให้พี่กลิ่นมาช่วยงานรำพึงที่เรือนนี้ ”

          “ ขอรับ คุณรักษ์เป็นคนพูดเองเลยขอรับ ” เจ้ากลิ่นพูดบอกคุณรำพึงก่อนจะอมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกพ่อรักษ์ไล่ให้ออกมาช่วยงานแทนที่จะอยู่กับตน

          ท้ายสวนก่อนหน้านี้

          “ เฮ้...เอาเลยสิวะไอ้เหลืองลูกพ่อ ”

          เสียงโห่ร้องดังลั่นอยู่ท้ายสวน บ่าวผู้ชายหลายคนยืนล้อมคอกไม้ไผ่สานเป็นวงกลม ด้านในมีไก่ชนพันธุ์ดีสองตัวกำลังเข้าสู้กันตามสัญชาตญาณ

          คุณรักษ์นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ที่บ่าวในบ้านเป็นคนทำไว้ นุ่งโจงนั่งชันเข่าท่อนบนเปลือยเปล่าอวดมัดกล้ามพร้อมผิวกร้านที่ดูสมกับวัยที่ครบสิบเก้าปี สายตามองไปยังไก่ชนที่กำลังไล่ตีไล่จิกกันอยู่ในคอก

          “ เอาสิวะ อย่าไปยอมมัน ”

          เสียงทุ้มห้าวดวงตามุ่งมาด ผนวกกับใบหน้าคร้ามที่สันกรามเด่นชัด จมูกเป็นสันโด่งรั้นเข้ากับริมฝีปากหนา ส่งผลให้เจ้าตัวดูมีราศีเป็นที่ต้องตาต้องใจหญิงสาวที่เข้ามาทอดสะพานให้แทบไม่ว่างเว้น ไม่เว้นแม้แต่บ่าวสาวๆ ในเรือน

          “ พ่อกลิ่นส่งน้ำมาให้ข้าที ”

          คุณรักษ์สั่งบ่าวคนสนิทด้วยคำเรียกที่ถ้าเป็นคนอื่นคงแปลกใจเพราะมันไม่ใช่ถ้อยคำที่จะใช้เรียกบ่าวไพร่ แต่กับคนในบ้านหลังนี้ไม่ได้แปลกใจเลยสักน้อย เพราะต่างก็รู้ว่าเจ้ากลิ่นกับพ่อรักษ์โตมาพร้อมกันจนแทบจะเป็นพี่น้องกันได้เสียด้วยซ้ำ

          “ น้ำลอยดอกมะลิขอรับคุณรักษ์ ”

          เจ้ากลิ่นยื่นขันน้ำให้นาย อาจเพราะเจ้ากลิ่นมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก จากที่พ่อรักษ์สนใจแต่กับไก่ชนของตน ก็ต้องหันมามองหน้าบ่าวข้างกายแทน

          “ เป็นกระไรหรือพ่อกลิ่น ”

          น้ำเสียงอ่อนโยนส่งตรงไปให้คนข้างกาย

          “ บ่าวไม่ได้เป็นกระไรขอรับ ”

          “ จะไม่เป็นกระไรได้อย่างไร คิ้วพ่อขมวดเป็นปมเสียขนาดนี้ หรือพ่อกลิ่นไม่ชอบตีไก่ ”

          “ ขะ...ขอรับ บ่าวแค่สงสารไก่มันน่ะขอรับ คนเราจับมันมาตีกันเยี่ยงนี้กันเพื่อกระไรหรือขอรับคุณรักษ์ ”

          “ ก็เพื่อความสนุกของคนกระมัง ดูสิบ่าวไพร่ในเรือนก็ดูมีความสุขดีมิใช่รึ ”

          “ ให้คนมีความสุข แล้วความสุขของไก่เล่าขอรับ คนเรายังไม่ชอบความเจ็บปวด แล้วไก่มันจะชอบความเจ็บปวดหรือขอรับ ”

          พ่อรักษ์ได้แต่นิ่งเงียบแล้วคิดตามคำพูดของบ่าวข้างกาย เอื้อมมือหนาไปวางบนหัวแล้วใช้หัวแม่มือลูบหัวเบา ๆ

          “ หากพ่อกลิ่นไม่ชอบใจ ข้าก็ไม่ได้ฝืนใจพ่อให้อยู่ดูหรอก แต่หากจะให้ข้าห้ามไม่ให้บ่าวในเรือนตีไก่ ซึ่งมันเป็นความสุขเล็กน้อยของพวกมัน ข้าว่าก็ไม่ควร ”

          “ บ่าวเข้าใจขอรับ... ”

          “ เช่นนั้นพ่อกลิ่นก็ขึ้นไปช่วยงานบนเรือนเถิด เห็นว่าน้องข้าอยากได้คนไปช่วยคัดดอกมะลิอยู่พอดี ”

          “ หากให้บ่าวไปแล้วใครจะช่วยงานล่ะขอรับ ”

          “ ไปเถิด ข้ายังไม่อยากได้กระไรตอนนี้ดอก ”

          “ เช่นนั้นบ่าวไปช่วยคุณหนูบนเรือนนะขอรับ ”

          “ ไปเถิดพ่อกลิ่น... ”

          “ พี่กลิ่น ๆ ” เสียงเรียกของคุณรำพึงทำให้เจ้ากลิ่นหลุดออกจากภวังค์

          “ ขอรับคุณหนู ”

          “ อยู่ดี ๆ ก็นั่งยิ้มอยู่อย่างนั้น คิดกระไรอยู่หรือจ๊ะพี่กลิ่น ”

          “ บ่าวก็คิดไปเรื่อยขอรับ ”

          เจ้ากลิ่นบอกกับคุณรำพึง แล้วก็นั่งคัดดอกมะลิให้รำพึงต่อ

          “ นายเอ็งไปไหนเสียล่ะไอ้กลิ่น ”

          เสียงท่านเจ้าคุณดังมาจากบันไดหัวเรือน ริ้วรอยบนใบหน้ายิ่งสร้างความน่าเกรงขามให้มีมากขึ้นไปอีกโข ไอ้มาดบ่าวข้างกายเองก็ดูแก่ตัวลงไปมากทีเดียว มันถือดาบตามนายของมันมาต้อย ๆ

          “ เจ้าคุณพ่อ ”

          รำพึงเข้าไปหาท่านเจ้าคุณ ก่อนจะตักน้ำให้ผู้เป็นบิดากินให้หายเหนื่อย

          “ ว่าอย่างไรไอ้กลิ่น นายเอ็งออกไปก่อเรื่องที่ไหนอีก ”

          “ คุณรักษ์อยู่เล้าไก่ที่ท้ายสวนขอรับ ”

          “ กูเพิ่งจะมาจากท้ายสวนกูไม่ยักเห็นนายมึง แล้วนี่มึงขึ้นมาทำกระไรบนเรือนใหญ่ ”

          ท่านเจ้าคุณมองไปที่เจ้ากลิ่นตาเขม็ง ก่อนหน้านี้ใช่ว่าเจ้ากลิ่นไม่เคยขึ้นมาช่วยงานบนเรือนใหญ่ แต่เป็นเพราะตอนนั้นมันกับรำพึงยังเป็นเด็กนัก แต่ตอนนี้เจ้ากลิ่นเริ่มเข้าสู่วัยกำหนัดแล้วท่านเจ้าคุณจึงไม่ใคร่ชอบใจนัก

          “ คุณพี่ให้พี่กลิ่นมาช่วยลูกคัดดอกมะลิเจ้าค่ะ ”

          “ บ่าวไพร่มีตั้งมากตั้งมายที่จะเรียกใช้ได้ ไอ้กลิ่นมันก็ผู้ชายคัดดอกมะลิมันหน้าที่ผู้หญิงมันไม่สมควร อีกอย่างพี่ชายเจ้าน่ะหรือจะให้บ่าวของมันมาช่วยเจ้า พ่ออยากจะขำให้ฟันร่วงเสียให้หมดปาก ”

          ท่านเจ้าคุณแค่นหัวเราะออกมาอย่างขบขัน

          “ คุณรักษ์สั่งให้บ่าวมาช่วยคุณหนูจริง ๆ นะขอรับท่านเจ้าคุณ ”

          เจ้ากลิ่นรีบยืนยันกับท่านเจ้าคุณ เพราะต้องการให้ท่านเจ้าคุณเห็นความดีความชอบของบุตรชายบ้าง

          “ เอ็งมันรักนายเอ็งไอ้กลิ่น ก็ต้องเข้าข้างนายเอ็ง แต่ไหนแต่ไรนายเอ็งเห็นหน้าน้องสาวตัวเองก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง เหน็บแนมน้องนุ่งยิ่งเสียกว่าผู้หญิงเสียอีก ”

          “ แต่คุณรักษ์สั่งบ่าวจริง ๆ นะขอรับ ”

          “ ไป ๆ เอ็งจะไปไหนก็ไป ข้าเห็นหน้าเอ็งแล้วก็พาลจะหงุดหงิด ”

          เจ้ากลิ่นได้แต่ถดถอยตัวออกมาจากเรือนใหญ่ ก่อนที่จะวิ่งไปดูนายของมันที่เล้าไก่ท้ายสวน

          “ พี่จอมๆ เห็นคุณรักษ์บ้างไหมจ๊ะ ”

          เจ้ากลิ่นเอ่ยถามจอมบ่าวหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่เพิ่งเข้ามาเป็นบ่าวที่เรือนนี้ได้ไม่นาน จอมเป็นลูกชายของน้าผาดที่เป็นเพื่อนของแม่เจ้ากลิ่น พอแม่จอมตายก็เลยให้บุตรชายมาพึ่งใบบุญของท่านเจ้าคุณ เพราะแม่เจ้ากลิ่นมักจะมาเล่าถึงความเมตตาของนายเรือนนี้ให้แม่ของจอมฟัง

          “ ข้าเห็นคุณรักษ์เดินดุ่ม ๆ ออกไปตอนท่านเจ้าคุณมาน่ะ แต่ก็ไม่รู้ดอกว่าคุณรักษ์ไปที่ใด ”

          “ หรือว่าคุณรักษ์จะไปตลาดวังหว้า ”

          “ แล้วนั่นเอ็งจะไปไหนกลิ่น นี่ก็ใกล้จะมืดแล้วหนา ”

          “ ข้าจะไปตามคุณรักษ์จ้ะพี่จอม บอกแม่ข้าให้ทีนะจ๊ะพี่ ” เจ้ากลิ่นรีบวิ่งออกไปยังท่าน้ำเพื่อพายเรือไปที่ตลาดวังหว้า

          ตลาดวังหว้า เป็นตลาดที่อยู่ตีนเขาห่างไกลจากหมู่บ้านออกมาสมควร ตลาดนี้เป็นที่รู้กันว่าเป็นแหล่งโสมมที่สุด เพราะมีทั้งโรงบ่อน โรงมวย โรงชำเรา ไหนจะร้านเหล้าดองยาดองที่ตั้งกันให้เต็มพื้นที่ ทำให้ตลาดแห่งนี้คือที่ที่รวมเหล่ากระทาชายหลากหลายวัย รวมไปถึงนักเลงเจ้าถิ่นที่เดินกันขวักไขว่ไม่เกรงกลัวผู้ใด

          เจ้ากลิ่นพายเรือมาเทียบที่ท่าน้ำตลาดวังหว้า ผูกเรือเสร็จสรรพก็รีบกุลีกุจอวิ่งตามหานายของตน แต่จนแล้วจนรอดก็ตามหาไม่เจอ ทุกที่ที่นายมันเคยไปก็ตามไปดูจนทั่วแล้วก็ไม่เห็นแม้กระทั่งเงา ถามผู้ใดก็ไม่มีใครพบเห็นเลยสักคน

          “ หรือคุณรักษ์จะไปที่โรงชำเรา...แต่คุณรักษ์ไม่เคยไปเสียหน่อย ”

          สถานที่สุดท้ายที่เจ้ากลิ่นยังไม่ได้ไปคือโรงชำเรา ถึงแม้ในใจจะไม่คิดว่านายของตนจะไปแต่ขาก็ก้าวเดินเข้าไปในซอยที่เจ้ากลิ่นไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย

          เจ้ากลิ่นเดินเข้ามาในซอยที่มีแสงสีแดงสลัว ตลอดทางที่เดินมีหญิงสาวยืนอยู่หน้าเรือนไม้ที่ดูจะมืดสลัวไปเสียหมด บางคนก็เปลือยท่อนบนจนเห็นปทุมถัน บางคนก็มีเพียงผ้าแพรบาง ๆ ปิดไว้เท่านั้น เจ้ากลิ่นได้แต่ยืนชะโงกหน้ามองอยู่ด้านหน้า ไม่กล้าเข้าไปด้านใน

          “ เฮ้ย เอ็งมายืนทำกระไรกงนี้ ”

          เจ้ากลิ่นสะดุ้งตัวโยน หันไปมองกระทาชายร่างกำยำสามสี่คนที่มองมาด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร

          “ ข้ามาตามหานายของข้าน่ะจ้ะพี่ พวกพี่เห็นนายข้าบ้างหรือไม่จ๊ะ ”

          “ แล้วนายเอ็งเป็นใครล่ะวะ ”

          “ คุณรักษ์น่ะจ้ะพี่ ลูกชายของท่านเจ้าคุณวรจิตรน่ะ เห็นบ้างไหมจ๊ะ ”

          “ อ๋อ นายเอ็งชื่อคุณรักษ์งั้นรึ เห็นสิข้าเห็นนายเอ็งไปทางโน้นน่ะ เดี๋ยวข้าพาเอ็งไปหานายเอ็งเอง ตามข้ามาสิ ”

          แววตาที่ตอนแรกว่าน่ากลัวแล้ว แต่ตอนนี้กลับดูเยือกเย็นกว่าเก่า แต่ดวงตาแข็งกร้าวก็ไม่ทำให้เจ้ากลิ่นเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

          “ พี่จ๊ะพี่ คุณรักษ์มาที่นี่จริงหรือจ๊ะ ฉันไม่เห็นมีใครผ่านมาแถวนี้เลยจ้ะ ” เจ้ากลิ่นทักในขณะที่เดินตามเข้ามาในตรอกมืด ๆ ไม่มีผู้ใดเดินสวนไปมาเลยสักคน

          พลั่ก

          เจ้ากลิ่นล้มลงเพราะแรงเตะที่ขาพับด้านหลัง ก่อนที่มันจะโดนคนที่มันเดินตามมารุมเตะมันบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยกรวดแข็ง ๆ

          พลั่ก ๆ ๆ

          “ อั่ก โอ้ยยย ”

          “ นายมึงมันระยำแย่งอีจำเรียนของกูไป กูทำกระไรนายมึงไม่ได้เพราะนายมึงเป็นลูกคนมียศมีตำแหน่ง เช่นนั้นมึงก็ต้องรับกรรมแทนนายมึงเสียก็แล้วกัน ”

          “ โอ้ย อั่ก อุกกก อย่าทำ โอ้ยย กระไรคุณรักษ์ ”

          “ กูไม่ทำกระไรนายมึงดอก แต่มึงต้องมาเป็นที่ระบายอารมณ์ให้กู ”

          พลั่ก ผัวะ ๆ

          “ เฮ้ย พี่เชิดพอได้แล้วพี่ เดี๋ยวมันก็ตายห่ากันพอดี เรื่องใหญ่เลยนะพี่ ”

          เสียงห้ามทำให้ ไอ้เชิด นักเลงที่ใคร ๆ ต่างก็รู้จักดี เพราะมันเป็นคนคุมตลาดวังหว้าแห่งนี้นั้นหยุดเตะเจ้ากลิ่น ร่างบางสะบักสะบอม เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลจากกรวด และรอยช้ำจากการถูกทำร้าย

          “ ฝากไปบอกนายมึงด้วยว่ากูชื่อไอ้เชิด ใครที่มันมายุ่งกับของ ๆ กู ของ ๆ มันก็ต้องย่อยยับเหมือนกัน ถุย!! ”

          “ ... ”

          เจ้ากลิ่นได้แต่นอนหายใจรวยริน มันไม่รู้ว่าเป็นเพราะที่ตรงนี้มันมืด หรือเพราะตาของมันฝ้าฟางกันแน่จึงทำให้มันมองกระไรพร่าเลือนไปเสียหมด

          ไอ้เชิดกับลูกน้องทิ้งร่างเจ้ากลิ่นที่แทบจะไร้วิญญาณไว้ เจ้ากลิ่นได้แต่ยื่นมือไปหวังจะคว้าตัวของไอ้เชิดไว้

          “ อย่า...ทำกระไร...คุณรักษ์... ”

          “ กลิ่น กลิ่น ใครทำกระไรเอ็ง ”

          ก่อนสติจะดับหายเงาสลัว ๆ ที่ดูคุ้นเคยก็เข้ามาช่วยร่างที่นอนอยู่บนพื้น ร่างสูงอุ้มเจ้ากลิ่นไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะรีบวิ่งไปท่าน้ำเพื่อพาเจ้ากลิ่นกลับเรือน

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP