Search
Library
Home / LGBTQ+ / ซ่อนกลิ่นรัก / เป็นเวรหรือกรรม

เป็นเวรหรือกรรม

2024-11-28 19:47:21

          ๙

          เป็นเวรหรือกรรม

          “ เป็นเช่นไรบ้าง เอ็งเจ็บแผลมากหรือไม่ ”

          ไอ้จอมเอ่ยปากถามเจ้ากลิ่นที่ยังคงนอนคว่ำหน้าเพราะบาดแผลที่โดนโบยยังคงมีเลือดติดอยู่ เจ้ากลิ่นหันหน้ามามองคนที่ตนรักเหมือนพี่ชาย ที่สองวันมานี้เทียวแวะเวียนมาถามไถ่อยู่แทบจะทั้งวี่วัน

          “ เจ็บอยู่จ้ะพี่จอม แต่ไม่เท่าคราแรก ”

          “ เอ็งอยากได้กระไรก็บอกพี่นะกลิ่น พี่เอามาให้เอง ”

          “ ฉันขอบใจพี่มากนะจ๊ะพี่จอม แต่แม่คอยหามาให้ฉันไม่ได้ขาดกระไร อีกอย่างงานพี่จอมก็มากโขอยู่ไม่ต้องห่วงฉันหรอกจ้ะพี่จอม ”

          " จะไม่ให้ห่วงเอ็งได้ยังไง ดูตัวเอ็งสิเล็กกระจ้อยร่อยเพียงนี้ ลมพัดก็แทบจะปลิวไปตามแรงลมเสียกระมัง ”

          “ พี่ก็พูดเกินไปพี่จอม ฉันไม่ได้อ่อนแอเยี่ยงนั้นเสียหน่อย ”

          “ เอาเถิด ๆ นอนพักเสียจะได้หายไว ๆ หายแล้วพี่จะพาเอ็งไปกินขนม ”

          “ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่จอม ”

          “ ฮะ ๆ ๆ พี่ไปก่อนนะ นอนเสียเถิด ”

          ไอ้จอมลูบหัวน้องด้วยความรักใคร่ รอยยิ้มใจดีมอบให้กับเจ้ากลิ่นที่ทำหน้าบึ้งตึงที่โดนมองว่ายังเป็นเด็กน้อยตัวเล็กในสายตาของคนอื่น

          นับตั้งแต่วันที่เจ้ากลิ่นโดนโบยวันนั้น เพลาผ่านมาแรมเดือนเห็นจะได้ แผลที่โดนโบยของเจ้ากลิ่นก็หายดีแล้ว เหลือก็เพียงแต่รอยแผลจางที่ยังคงมีให้เห็น เหตุการณ์ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติเฉกเช่นเรือนอื่น ๆ แต่นั่นก็เป็นเพราะตั้งแต่วันที่มีเรื่องคุณรักษ์ไม่ได้กลับมาที่เรือนเลยสักครา ท่านเจ้าคุณเองก็ไม่ได้ไถ่ถามถึงลูกชายเลยสักครั้ง ทำเหมือนตนไม่มีบุตรชายที่ชื่อรักษ์เสียอย่างนั้น

          “ ป้าจวงจ๊ะ... ”

          “ อ้าว...มีกระไรรึไอ้กลิ่น ”

          “ คุณรักษ์ยังไม่กลับมาที่เรือนอีกหรือจ๊ะป้า ”

          “ เฮ้อ... ”

          เมื่อได้ยินคำถามจากเจ้ากลิ่น นังจวงก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

          “ คุณรักษ์ไม่กลับมาเป็นแรมเดือนแล้ว เจ้าคุณท่านก็มิเคยเอ่ยถามหาเลยสักครั้ง บนเรือนใหญ่ตอนนี้มิมีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงกันสักคน เอ็งก็อย่าทะเล่อทะล่าไปเอ่ยถามกระไรให้ถึงหูเจ้าคุณท่านเชียว พูดมากไปหลังจะลายอีกคราเสียเปล่า ๆ นะไอ้กลิ่น ”

          “ แต่ฉันเป็นห่วงคุณรักษ์นี่จ๊ะป้าจวง ข้าวปลาจะได้กินดี ๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ เจ็บไข้ขึ้นมาใครจะดูแลหาหยูกยาให้ล่ะจ๊ะป้า ”

          “ เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงนายเอ็งหรอกกลิ่นเอ๊ย หากมีเรื่องกระไรป่านนี้เรื่องถึงหูเจ้าคุณท่านนานแล้ว ”

          “ ถึงกระนั้นก็เถอะ อย่างไรเสียฉันก็อดห่วงไม่ได้นี่จ๊ะป้า ”

          “ เอ็งเป็นแค่บ่าวไอ้กลิ่น เรื่องของคุณ ๆ เอ็งอย่าไปยุ่งเสมือนเป็นเรื่องของตัวเด็ดขาด ถึงคุณ ๆ ท่านจะเมตตาเอ็ง แต่เอ็งก็ต้องไม่ลืมกำพืดตัวเองว่าเป็นแค่บ่าวนะไอ้กลิ่น ”

          “ ... ”

          เจ้ากลิ่นได้แต่เงียบงันกับสิ่งที่นังจวงเอ่ยเตือน ถึงแม้ว่ามันไม่เคยมีความคิดที่จะตีตนเสมอนายเลยสักเพียงครั้ง แต่มันก็รู้ว่าการกระทำของมันนั้นออกจะเกินหน้าที่ของบ่าวไพร่ในเรือนอย่างที่มันควรต้องเป็น

          “ พี่กลิ่นจ๊ะ ”

          เสียงหวานของคุณรำพึงที่กำลังเดินลงมาจากเรือนเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นบ่าวคนสนิทของพี่ชายยืนอยู่กับนังจวง

          “ คุณรำพึงมีกระไรให้บ่าวรับใช้หรือขอรับ ”

          “ ไม่มีกระไรหรอกจ้ะพี่ แล้วนี่แผลที่หลังดีขึ้นแล้วหรือจ๊ะ ”

          “ หายดีแล้วขอรับ ยาทาที่คุณรำพึงให้ไปได้ผลชะงัดนักขอรับ บ่าวต้องขอขอบคุณคุณรำพึงมากขอรับที่เมตตาบ่าว ”

          “ พี่กลิ่นไม่ต้องขอบใจฉันหรอกจ้ะ พี่เองก็เหมือนพี่ชายของฉันอีกคนหนึ่งเหมือนกัน ป้าจวงมีงานก็ไปทำเถอะจ้ะ รำพึงขอคุยกับพี่กลิ่นสักครู่นะจ๊ะ ”

          คุณรำพึงหันไปบอกนังจวงที่ยังนั่งอยู่ไม่ไกล นังจวงดูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เพราะเห็นว่าบริเวณนี้มีบ่าวไพร่เดินทำงานกันอยู่จึงคลายความกังวลแล้วจึงเดินออกไปทำงานของตนบนเรือนใหญ่

          “ พี่กลิ่นจ๊ะ... ”

          “ ขอรับ ”

          “ ฉันขอโทษแทนเจ้าคุณพ่อด้วยนะจ๊ะ ”

          “ คุณรำพึงอย่าพูดเยี่ยงนี้เลยขอรับ เป็นความผิดของบ่าวเองขอรับที่ดูแลคุณรักษ์ท่านไม่ดี โดนโบยแค่นี้ยังน้อยไปขอรับคุณรำพึง ”

          “ พี่กลิ่นเป็นคนดีจริง ๆ นะจ๊ะ ไม่แปลกใจเลยที่คุณพี่ถึงชอบอยู่กับพี่กลิ่น รำพึงอยากให้คุณพี่เอ็นดูรำพึงเหมือนกับพี่กลิ่นบ้างสักเสี้ยวหนึ่งของพี่กลิ่นก็ยังดี ”

          รอยยิ้มหวานซ่อนไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ หน้าหวานดูหม่นหมองเมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่เติบโตมาโดยที่โดนพี่ชายหมางเมินใส่มาตั้งแต่จำความได้

          “ คุณรำพึงอย่าคิดเยี่ยงนั้นสิขอรับ คุณรักษ์รักคุณรำพึงมากนะขอรับ ”

          “ พี่กลิ่นไม่ต้องพูดปลอบใจรำพึงก็ได้จ้ะพี่ รำพึงเข้าใจดี ”

          “ จริง ๆ นะขอรับคุณรำพึง คุณรักษ์จะคอยถามบ่าวตลอดว่าคุณรำพึงมีกระไรทำหรือไม่ หากรู้ว่าคุณรำพึงจะทำกระไร ก็จะให้บ่าวมาช่วยคุณรำพึงทุกครั้งเลยขอรับ เพลาคุณรำพึงจะไปไหนก็จะคอยบอกให้บ่าวในเรือนดูแลคุณรำพึงเสมอ ไม่สงสัยหรือขอรับว่าเพลาคุณรำพึงจะไปไหน บ่าวในเรือนตามไปเป็นพรวนทุกครั้งเลยขอรับ ”

          รำพึงย้อนนึกไปตามที่เจ้ากลิ่นพูดถึง จากใบหน้าที่ดูหงอย ๆ ก็เผยรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้าขาวนวล

          “ คุณรักษ์อาจจะดูไม่พูด ใบหน้าดูถมึงทึงไปบ้าง แต่บ่าวรู้ว่าหากคุณรำพึงต้องการความช่วยเหลือกระไร คุณรักษ์ก็เต็มใจที่จะช่วยคุณรำพึงนะขอรับ เพียงแต่อาจจะไม่ได้ลงมือเองเท่านั้นขอรับ ”

          “ หากเป็นเช่นนั้นรำพึงคงมีความสุขมาก ๆ เลยจ้ะพี่กลิ่น ”

          “ คุณรำพึงต้องมีความสุขแน่นอนขอรับ บ่าวมั่นใจ ”

          “ รำพึงรู้แล้วล่ะจ้ะว่าเหตุใดคุณพี่ถึงได้รักและเอ็นดูพี่กลิ่นถึงเพียงนี้ ”

          “ ไม่ถึงกระนั้นหรอกขอรับ บ่าวก็แค่ทำหน้าที่ของบ่าวในเรือนให้คุ้มกับข้าวสุกที่เลี้ยงดูบ่าวมาตั้งแต่เกิดจนโตมาถึงเพียงนี้น่ะขอรับ ”

          รำพึงมองเจ้ากลิ่นด้วยสายตาของความเคารพ แต่เล็กจนโตเจ้ากลิ่นคือเพื่อนเล่นเพียงคนเดียวของรำพึงที่เล่นด้วยแล้วสนุกที่สุด แต่การจะได้เล่นกับเจ้ากลิ่นก็ต้องแอบเล่นไม่ให้พ่อรักษ์เห็น หากพ่อรักษ์เห็นว่าเจ้ากลิ่นเล่นกับรำพึงคราใดเป็นต้องมีเรื่องมีราวทุกครั้งไป

          “ พี่กลิ่นจ๊ะ คุณพี่ออกจากเรือนไปก็แรมเดือนแล้ว รำพึงเป็นห่วงคุณพี่น่ะจ้ะ วันที่ออกไปไม่รู้ว่าคุณพี่จะมีอัฐติดตัวไปมากน้อยเพียงใด รำพึงอยากให้พี่กลิ่นไปดูคุณพี่ได้หรือไม่จ๊ะ ”

          “ ได้ขอรับ บ่าวก็เป็นห่วงคุณรักษ์เหมือนกันขอรับ ข้าวปลาจะได้กินบ้างหรือไม่ก็ไม่รู้ ”

          “ ถ้าอย่างนั้นรำพึงฝากเอาอัฐไปให้คุณพี่ทีนะจ๊ะพี่กลิ่น อย่างน้อยถ้าคุณพี่ยังไม่อยากกลับเรือนตอนนี้จะได้มีอัฐไว้ซื้อของกินได้บ้าง ”

          “ ได้ขอรับคุณรำพึง ”

          “ แต่พี่กลิ่นอย่าให้เจ้าคุณพ่อรู้เป็นอันขาดนะจ๊ะ รำพึงไม่อยากเห็นคุณพ่อโกรธอีกแล้วน่ะจ้ะ ”

          เจ้ากลิ่นรีบเก็บถุงอัฐที่รับมาเหน็บไว้ที่เอว รอยยิ้มของทั้งสองที่ส่งให้กันนั้นถูกสายตาของคุณพุดซ้อนนั้นมองลงมาจากข้างบันไดขึ้นเรือน แววตาดำขลับนั้นฉายแววเจ้าเล่ห์

          “ เฮ้ ๆ เอาเลยสิวะ ”

          เสียงผู้คนมากมายที่รายล้อมอยู่ที่เวทีมวยคาดเชือก กระทาชายร่างบึกบึนพอ ๆ กันที่อยู่กลางลานที่ล้อมรอบไปด้วยเชือกที่ขึงต่อกันไว้เป็นสี่เหลี่ยม ทั้งคู่ขยับเป็นจังหวะเพื่อดูชั้นเชิงของคู่แข่ง แต่เมื่อเพ่งดูให้ถ้วนถี่ก็จะเห็นว่าหนึ่งในนั้นคือบุตรชายของท่านเจ้าคุณวรจิตร ที่กำลังยกมือเพื่อกันหน้าตนเองในขณะที่คู่ต่อสู้ส่งหมัดที่พันด้วยเชือกเข้าที่ใบหน้าด้วยความรวดเร็ว

          นับแต่วันที่ออกจากเรือนบิดามา คุณรักษ์ที่หุนหันออกมามีอัฐติดตัวมาเพียงเล็กน้อย ใช้อัฐเพียงไม่กี่วันก็หมดสิ้น ครั้นจะบากหน้ากลับเรือนไปเอาอัฐของบิดาก็กระไรอยู่ คุณรักษ์ก็เลยมาลงประชันมวยคาดเชือกเพื่อหาอัฐมาประทังชีวิต แต่ครั้นจะเรียกว่าประทังชีวิตก็เห็นจะไม่ใช่ไปเสียหมด ในเมื่ออัฐที่ได้มาส่วนใหญ่หมดไปกับเหล้าไหและนางกลางเมืองเสียสิ้น

          “ คุณรักษ์ ”

          เจ้ากลิ่นตะโกนเรียกพ่อรักษ์หลังจากที่แหวกผู้คนที่ยืนรายล้อมเข้ามาได้อย่างทุลักทุเล แต่เพราะเสียงของชาวบ้านที่ตะโกนแข่งกันดังลั่นนั้นไม่ทำให้พ่อรักษ์ได้ยินได้ เจ้ากลิ่นเองเมื่อเห็นนายของมันกำลังชกมวยอยู่ก็ตื่นกลัว เพราะไม่อยากให้นายของมันต้องเจ็บตัว มันพยายามเดินแทรกเข้ามาให้ใกล้ที่สุดเท่าที่มันจะทำได้

          “ คุณรักษ์ขอรับ ”

          เจ้ากลิ่นตะโกนเรียกอีกครั้งเมื่อเข้ามาใกล้มากขึ้น พ่อรักษ์นั้นพอได้ยินเสียงคุ้นหูแม้จะเพียงแค่แว่วมาตามลม แต่นั่นก็ทำให้พ่อรักษ์เสียสมาธิ เปิดช่องให้กับคู่ต่อสู้นั้นส่งหมัดเข้าเสยปลายคางอย่างแรง ส่งผลให้พ่อรักษ์ล้มลงกับพื้นทันที

          “ คุณรักษ์ คุณรักษ์ขอรับ

          “ โอ๊ย เบามือหน่อยซีพ่อกลิ่น ”

          พ่อรักษ์ร้องโอยเมื่อมือขาวของเจ้ากลิ่นใช้ผ้าสะอาดกดซับเลือดใต้คางที่ได้จากการโดนต่อยจนแพ้มาในครานี้

          “ คุณรักษ์เจ็บปวดเป็นด้วยหรือขอรับ ทีตอนต่อยตีกับเขาบ่าวไม่เห็นว่าจะกลัวเจ็บเลยขอรับ ”

          “ ก็ตั้งแต่ข้าลงประชันมา ข้ายังไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง เนื้อตัวไม่เคยได้โดนหมัดโดนเข่าให้ระคาย ”

          “ แล้วเหตุใดวันนี้คุณรักษ์ถึงได้แพ้เล่าขอรับ ”

          “ ก็เพราะพ่อกลิ่นไงเล่า ”

          “ เพราะบ่าวหรือขอรับ มิใช่ว่าคุณรักษ์ฝีมือไม่ถึงเองหรือขอรับ ”

          “ เพราะพ่อกลิ่นจริง ๆ เพราะเสียงของพ่อกลิ่นที่ข้าอยากได้ยินมาตะโกนเรียกข้า เสียงที่ข้าเคยได้ยินมาตั้งแต่ข้าจำความได้ ”

          น้ำเสียงเว้าวอนที่มาพร้อมแววตาพรายระยับ มือกร้านจับมือขาวที่กำลังเช็ดเลือดให้ตนเอง เจ้ากลิ่นรู้สึกหวามไหวไปกับแววตาคู่ที่อยู่ตรงหน้า ตาดำขลับที่ดูแข็งแกร่งแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยนอยู่ในที

          “ นะ...นี่คุณรักษ์ได้กินกระไรบ้างหรือไม่ขอรับ ทำไมถึงดูผอมเช่นนี้เล่าขอรับ ”

          เป็นเจ้ากลิ่นที่ต้องหลบแววตากรุ้มกริ่มนั่น ก่อนมันจะคว้ามือของพ่อรักษ์มาพลิกดูไปมา รวมทั้งเนื้อตัวของนายมันอย่างละเอียด

          “ เป็นห่วงข้าถึงเพียงนั้นเลยรึพ่อกลิ่น ”

          “ เป็นห่วงซีขอรับ ยิ่งมาเห็นว่าคุณรักษ์ผ่ายผอมลงเช่นนี้บ่าวก็ยิ่งเป็นห่วง ”

          “ ข้า...ขอโทษ ”

          “ คุณรักษ์ขอโทษบ่าวทำไมขอรับ คุณรักษ์ไม่ได้ทำกระไรผิดนี่ขอรับ ”

          “ ทุกเรื่อง ขอโทษที่ทำให้พ่อกลิ่นเจ็บ ขอโทษที่ไม่ได้ทำกระไรเพื่อจะช่วยพ่อกลิ่นเลยสักนิด เพราะโทสะของข้ามีมากเหลือเกิน ”

          “ อย่ากล่าวโทษตนเองสิขอรับ อย่างไรเสียบ่าวก็เต็มใจขอรับ ไม่ว่าบ่าวจะต้องเจ็บตัวอีกกี่คราบ่าวก็เต็มใจขอรับ ขอก็เพียงแต่คุณรักษ์ไม่เป็นกระไรก็พอขอรับ ”

          “ ... ”

          “ อีกอย่างไม่ได้มีแต่บ่าวที่เป็นห่วงคุณรักษ์นะขอรับ คุณรำพึงเองก็เป็นห่วงคุณรักษ์เหมือนกันนะขอรับ ”

          “ หากจะมาพูดเช่นนี้ก็กลับไปเสียพ่อกลิ่น ”

          น้ำเสียงแข็งกร้าวพร้อมแววตาที่เปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างทันทีที่ได้ยิน ร่างสูงลุกพรวดขึ้นด้วยอารมณ์โทสะ

          “ คุณรักษ์ขอรับ ”

          “ กลับเรือนไปเสียพ่อกลิ่น ข้าไม่อยากโมโหพ่อกลิ่นตอนนี้ ”

          “ คุณรักษ์ฟังบ่าวก่อนขอรับ คุณรำพึงเป็นห่วงคุณรักษ์จริง ๆ นะขอรับ คุณรักษ์เมตตาเธอเสียสักนิดไม่ได้หรือขอรับ ”

          “ น้องข้ามันให้พ่อกลิ่นมาพูดกับข้าหรือ เหตุใดพ่อกลิ่นถึงต้องทำถึงเพียงนี้ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ”

          “ คุณรักษ์ขอรับ บ่าวแค่... ”

          “ ไม่ต้องเอ่ยกระไรอีกพ่อกลิ่น ข้าไม่อยากฟังกระไรจากพ่อกลิ่นอีกแล้ว นี่ก็จะมืดค่ำแล้วพ่อกลิ่นรีบกลับเรือนไปเสีย ”

          “ คุณรักษ์... ”

          เจ้ากลิ่นได้แต่มองตามร่างสูงที่เดินจากไปพร้อมด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ

          “ ยังไม่ทันได้ให้อัฐที่คุณรำพึงให้มาเลยเสียด้วยซ้ำ เฮ้อ ”

          เจ้ากลิ่นกลับเรือนมาด้วยใจห่อเหี่ยว มือกำถุงอัฐหวังจะเอาไปคืนให้คุณรำพึงบนเรือนใหญ่ แต่เสียงแผดดังก็ทำให้เจ้ากลิ่นหยุดชะงักเสียก่อน

          “ ไอ้กลิ่น ท่านเจ้าคุณให้มึงขึ้นไปที่เรือนใหญ่เดี๋ยวนี้ ”

          “ มีกระไรหรือจ๊ะลุงมาด ”

          “ กูก็ไม่รู้ มึงรีบขึ้นไปประเดี๋ยวนี้เลย ”

          เจ้ากลิ่นรีบเดินขึ้นไปบนเรือนใหญ่ บนเรือนมีท่านเจ้าคุณนั่งอยู่บนแคร่ โดยมีคุณพุดตานและคุณรำพึงที่นั่งทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก

          “ ไอ้มาดค้นตัวมัน ”

          “ ขอรับ ”

          ไอ้มาดยังไม่ทันได้ค้นกระไร เสียงหวานใสของคุณพุดตานก็เปล่งออกมาเสียก่อน หากใครสังเกตสักนิดก็จะเห็นมุมปากบางนั้นยกยิ้มน้อยๆ

          “ มิต้องค้นให้เสียเพลาดอกไอ้มาด ถุงอัฐที่มันหลอกเอาไปจากแม่รำพึงก็อยู่ในมือมันนั่นประไร ”

          ท่านเจ้าคุณเดินมากระชากถุงอัฐไปจากมือของเจ้ากลิ่น มองดูถึงผ้าที่ลายปักด้านนอกนั้นดูก็รู้ว่าเป็นของบุตรสาวของตนแน่แท้

          “ มึงเอาอัฐมากมายนี้มาจากไหนไอ้กลิ่น ”

          “ .... ”

          เจ้ากลิ่นได้แต่นิ่งเงียบ ไม่กล้าแม้จะสบตากับคุณรำพึงเสียด้วยซ้ำเพราะไม่อยากให้ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย

          “ ทำไมมึงไม่พูดไอ้กลิ่น หรือมึงขโมยอัฐของลูกกูไป ฮะ ”

          “ ไม่ใช่ขอรับ บ่าวไม่เคยคิดขโมยอัฐผู้ใดเลยสักครั้งขอรับ ”

          “ เช่นนั้นมึงจะบอกว่าลูกกูให้อัฐมึงเองงั้นรึ ว่าอย่างไรไอ้กลิ่น ”

          “ ... ”

          “ เหตุใดมึงไม่บอกกูไอ้กลิ่น หรือมึงจะกินบนเรือนแล้วยังขี้บนหลังคาเรือนของกูอีก ”

          “ ไม่ขอรับ บ่าวไม่เคยคิดเช่นนั้นเลยขอรับ ”

          “ แล้วมึงเอาอัฐนี้มาจากไหน เหตุใดมึงถึงไม่ยอมปริปากพูดออกมาฮะ ”

          ท่านเจ้าคุณยิ่งโมโหมากขึ้นเมื่อเจ้ากลิ่นไม่ยอมพูดกระไร ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธระคนผิดหวังในตัวของคนตรงหน้า ที่ถึงแม้ท่านเจ้าคุณจะไม่ได้เอ็นดูมันมากมายนัก แต่ท่านเจ้าคุณก็เห็นมันตั้งแต่เกิดและคลุกคลีกับมันมากกว่าลูกบ่าวคนอื่นในเรือน

          “ น้องว่ามันต้องหลอกแม่รำพึงเป็นแน่เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ แม่รำพึงเองก็กำลังจะเป็นสาว หน้าตาก็สะสวย ต้องไม่ทันเล่ห์ทันเหลี่ยมมันแน่เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ”

          ท่านเจ้าคุณหันไปมองหน้าเมีย ก่อนจะเพ่งมองไปยังบุตรสาวที่นั่งหน้าถอดสีอยู่ด้วยความสงสัย

          “ ไม่จริงขอรับ บ่าวไม่เคยคิดกับคุณรำพึงมากกว่าผู้มีพระคุณเลยขอรับ ”

          “ แล้วที่กูเห็นมึงนั่งคุยอ้อล้อต่อกระซิกกับแม่รำพึงที่ศาลาหน้าเรือนนั่นเล่า มึงคุยกระไรกับแม่รำพึง ”

          “ บ่าวแค่.... ”

          “ บอกท่านเจ้าคุณท่านไปสิ นี่ถ้ากูไม่ออกไปเห็นมึงคงลวงแม่รำพึงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว บอกสิ บอกไป หรือมึงอยากจะโดนหวายลงหลังอีกคราฮะไอ้กลิ่น นังจวงไปเอาหวายมาให้ท่านเจ้าคุณ ”

          เสียงหวานใสแปรเปลี่ยนไปเป็นแผดกังวาน สีหน้าที่ดูจะมีความสะใจมากกว่าความโกรธของแม่พุดตานนั้นฉายชัดเจนจนน่ากลัว

          “ ลูกให้พี่กลิ่นไปเองเจ้าค่ะคุณพ่อ ”

          เมื่อเหตุการณ์เริ่มเลยเถิดแม่รำพึงที่ถึงแม้จะกลัว แต่เพราะไม่ได้อยากให้ใครต้องเดือดร้อนในเรื่องที่ตนเองเป็นคนก่อ จึงเอ่ยออกมาขณะที่นังจวงกำลังยื่นไม้หวายให้ท่านเจ้าคุณ

          “ หมายความเช่นไรแม่รำพึง เหตุใดเอ็งต้องเอาอัฐมากมายให้บ่าวเช่นนี้ ”

          “ ลูกแค่เป็นห่วงคุณพี่น่ะเจ้าค่ะ ก็เลยฝากอัฐให้พี่กลิ่นเอาไปให้คุณพี่แทนลูก ”

          “ แล้วเหตุใดไม่บอกพ่อ ”

          “ ลูกกลัวว่าเจ้าคุณพ่อจะโกรธ เลยไม่กล้าพูดเจ้าค่ะ ”

          “ ที่ลูกข้าพูดจริงหรือไม่ไอ้กลิ่น ”

          ท่านเจ้าคุณหันกลับมาถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง แม้เจ้ากลิ่นจะไม่อยากให้นายเดือดร้อน แต่หากมันไม่พูดความจริงอีก คุณรำพึงจะกลายเป็นผู้เสียหายแทน

          “ ขอรับ จริงขอรับ บ่าวเองก็เพิ่งกลับมาจากการไปพบคุณรักษ์มาขอรับ บ่าวกำลังจะเอาอัฐมาคืนคุณรำพึงเพราะบ่าวยังไม่ได้เอาให้คุณรักษ์ขอรับ ”

          “ หากเป็นเช่นนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่กระไร รู้ไหมว่าเอ็งสองคนสร้างเรื่องสร้างราวให้คนอื่นปวดหัวได้เยี่ยงนี้ ”

          “ ท่านเจ้าคุณจะเชื่อบ่าวมันได้อย่างไรเจ้าคะ น้องว่ามันคงบังคับให้แม่รำพึงโป้ปดเพื่อช่วยมันแน่เจ้าค่ะ ”

          “ แม่พุดตาน ต่อให้ไอ้กลิ่นมันจะโกหกข้า แต่ข้ารู้ว่าแม่รำพึงไม่โกหกข้าดอก เพียงแต่หนนี้ลูกข้าเองก็เลือกที่จะไม่บอกข้าเพราะเกรงว่าข้าจะโกรธ ซึ่งแม่รำพึงก็น่าจะได้บทเรียนแล้วว่าจะทำกระไรต้องบอกพ่อ เข้าใจหรือไม่รำพึง ”

          “ แต่ท่านเจ้าคุณเจ้าคะ... ”

          “ แยกย้ายกันไปทำงานทำการเสีย ไป ส่วนเอ็งตามข้ามาไอ้กลิ่น ”

          ท่านเจ้าคุณตัดบทเพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลาย โดยไม่สนใจว่าเมียของตนจะมีสีหน้าเช่นไร แม่พุดตานได้แต่เก็บความโกรธขึ้งไว้ภายใน แม้ครานี้จะทำให้อีลูกสาวนอกไส้อย่างรำพึงอับอายไม่ได้ แต่หากมีโอกาสอีกคราตนจะไม่พลาดซ้ำสองเป็นแน่

          “ นายเอ็งเป็นเช่นไรบ้างล่ะ ”

          เจ้ากลิ่นที่เดินตามท่านเจ้าคุณมาที่ห้องพระมองท่านเจ้าคุณด้วยแววตาประหม่า

          “ คุณรักษ์ผ่ายผอมลงมากขอรับ แต่ก็ยังแข็งแรงดีขอรับ ”

          “ แล้วเอ็งล่ะ หายดีแล้วรึ ”

          “ หายดีแล้วขอรับ ”

          “ เอ็งคงโกรธเกลียดข้ามากเลยสินะ ที่ทำกับเอ็งขนาดนั้นทั้ง ๆ ที่เอ็งไม่ได้ทำกระไรเลย ”

          “ ไม่หรอกขอรับ บ่าวรู้ตัวเองดีขอรับว่าดูแลคุณรักษ์ได้ไม่ดีเท่ากับที่ท่านเจ้าคุณไว้ใจ โดนโบยไม่กี่ทีแค่นี้บ่าวว่ามันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำขอรับ ”

          “ ... ”

          “ ท่านเจ้าคุณขอรับ บ่าวขอถามได้มั้ยขอรับ ”

          “ ว่ามาสิ ”

          “ หากคุณรักษ์จะกลับเรือนคุณท่านจะว่าไหมขอรับ ”

          “ ข้าจะไปว่ากระไรนายเอ็ง ดีชั่วอย่างไรนายเอ็งมันก็เป็นลูกข้า ไม่ให้กลับมาอยู่เรือนแล้วจะให้นายเอ็งไปอยู่ที่ใด เว้นก็แต่นายเอ็งจะไม่อยากกลับมาร่วมชายคาเรือนกับข้าเสียมากกว่า ”

          “ เช่นนั้น...หากท่านเจ้าคุณอนุญาตบ่าวขอไปตามคุณรักษ์กลับมาเรือนนะขอรับ ”

          “ ก็ตามใจเอ็ง ข้าไม่ได้เป็นพ่อที่ใจไม้ไส้ระกำถึงเพียงนั้น แต่หากมาอยู่แล้วเป็นผู้เป็นคนขึ้น ข้าก็จะเบาใจมากกว่านี้ ข้าเองก็อายุปูนนี้แล้ว มีลูกชายอยู่คนเดียวก็อยากจะฝากผีฝากไข้ไว้บ้างตอนใกล้จะตาย ”

          “ ท่านเจ้าคุณยังแข็งแรงเช่นนี้ ต้องอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้พวกบ่าวอีกนานขอรับ ”

          “ เอ็งนี่เป็นเด็กพูดจาฉอเลาะจริงเทียว ไม่สงสัยเลยเหตุใดลูกข้าสองคนถึงไว้ใจเอ็งได้ถึงเพียงนี้ ”

          ท่านเจ้าคุณยิ้มอ่อนให้กับบ่าวตรงหน้า อยากจะเอื้อมมือหนาไปลูบหัวเจ้ากลิ่นแต่ก็ต้องชะงักไว้ เพราะไม่อยากให้ใครในเรือนว่าตนได้ว่าเอ็นดูลูกบ่าวคนนี้มากจนเกินไป

          ...พี่เข้าใจแม่กลอยแล้วว่าเหตุใด แม่กลอยถึงเอ็นดูมันมากถึงเพียงนี้...

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP