เมื่อฮูหยินเอกเดินมาถึงหน้าจวนก็รีบพูดขึ้นทันที ด้วยไม่อยากจะออกมาเจอเรื่องวุ่นวายเช่นนี้อยู่แล้ว“วันนี้ที่จวนของเราไม่สะดวก เจ้าค่อยมาใหม่วันหลังเถอะ” ฮูหยินพูดกับอิงจื่อด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ และคำพูดก็คล้ายกับพ่อบ้านเสียเหลือเกินอิงจื่อไม่สนใจว่าสตรีตรงหน้าจะอ้างเหตุผลใดก็ตาม นางยังคงตั้งใจพูดตอบโต้ด้วยเสียงดังยิ่งกว่าเดิม “ทางร้านส่งคนมาเก็บเงินกับพวกท่านตั้งสิบเจ็ดครั้งแล้ว แต่ไม่เคยได้เงินกลับไปสักครั้ง ไม่ทราบว่าฮูหยินท่านนี้จะให้ข้ามาทวงอีกกี่ครั้ง พวกท่านตระกูลหยวนถึงจะยอมจ่ายเงินที่ค้างไว้ได้เจ้าคะ”“โอ้โห นี่นางมาเก็บเงินตั้งสิบเจ็ดครั้ง ถ้าเป็นข้าละก็แค่สามครั้งก็คิดว่าถูกโกงแล้ว” เสี่ยวหลานพูดแทรกขึ้นมาชาวบ้านก็เห็นด้วยกับนาง“นี่เจ้า!! เงินแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถึงกับส่งคนมาเก็บถึงหน้าจวนเลยหรือ” ฮูหยินเอกเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง เมื่ออิงจื่อกล่าวว่านางมาที่นี่ถึงสิบเจ็ดครั้ง“ถ้ามันเป็นจำนวนเล็กน้อยอย่างที่ท่านกล่าวมา แล้วทำไมถึงไม่ยอมจ่ายให้กับทางร้านสักทีเล่าเจ้าคะ นายท่านตระกูลหยวนก็เป็นถึงขุนนางในเมืองเหลียงซาน เหตุใดถึงปล่อยปละละเลยคนในครอบครัว ใช้อำนาจในทางที่
อี้ซวนเห็นลี่หลินเป็นห่วงตนเอง หลังจากนางวิ่งออกไปก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ไม่มีท่าทางเหมือนคนป่วยเลยสักนิด เขาชะเง้อมองดูต้นทางเมื่อไม่เห็นว่ามีบ่าวไพร่จึงอยากเห็นว่า ห้องนอนในเรือนหลังเล็ก ๆ ของนางจะเป็นอย่างไรเมื่อแอบย่องเข้าไปอย่างเงียบ ๆ อี้ซวนก็ได้เห็นกับตาแล้วว่า ห้องของลี่หลินตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ก็น่ามอง ด้วยเครื่องตกแต่งที่แปลกตาแต่ก็สวยงาม ยิ่งมีกลิ่นหอมที่ลอยเข้าจมูกที่คล้ายกับกลิ่นกายของนางที่นอนอันหนานุ่มไม่รู้ว่ามันทำมาจากสิ่งใด อี้ซวนมองไล่ไปเรื่อย ๆ จนมาสะดุดกับรูปภาพที่วางอยู่ข้างเตียง เขาหยิบมาพิจารณาดูหญิงสาวในรูปภาพ ซึ่งสตรีที่อยู่ในกระดาษแผ่นนี้ช่างชัดเจน ประหนึ่งว่าตัวของลี่หลินเข้าอยู่ด้านในกระดาษเสียเองภาพในมือของอี้ซวนคือภาพที่ลี่หลินปล่อยผมยาวเต็มแผ่นหลัง รอยยิ้มของนางมีเสน่ห์น่ามองจนไม่อยากละสายตา แต่เมื่อเขาเลื่อนลงมาเห็นชุดที่นางใส่ถึงกับใจเต้นแรง เนื่องจากชุดของนางในภาพคล้ายซับในของสตรี แต่มันยาวลงไปถึงต้นขาไหนจะไหล่และแขนที่ขาวดุจหยกชั้นดี รวมถึงเรียวขาคู่งามที่น่าสัมผัสนั่นอีกเมื่อหันไปมองโต๊ะข้างเตียงอีกฝั่งก็มีรูปภาพวางอยู่เช่นกัน อี้ซวนจึงเอื้อมมือ
ทางด้านซินเยว่ก็กำลังจินตนาการ ยามที่นายท่านฝูกับลูกน้องเปิดกล่องไม้ที่นางมอบให้ ว่าจะทำสีหน้าเช่นไรกันบ้าง เพราะนางได้มอบมีดสั้นที่ใช้พกติดตัวได้ง่ายจากในมิติมอบให้ส่วนมู่เหวินซินเยว่อนุญาตให้พวกเขาพักผ่อนสามสี่วัน ก่อนที่จะทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ห้องส้วมเจ้าแรกของแคว้นหยุน คิด ๆ ดูแล้วอีกไม่กี่วันทุกคนคงจะยุ่งมากแน่ ๆ คิดได้ดังนั้นนางจึงเดินข้ามถนนไปที่จวนของอี้ซวน เผื่อว่าวันนี้จะโชคดีได้เจอพี่เฟยเทียนรูปงามของข้า อิ อิ’ซินเยว่ที่เดินผ่านประตูจวนของอี้ซวนได้อย่างง่ายดาย เมื่อนางเดินเข้าไปในห้องโถงก็พบกับฟยเทียน ซึ่งกำลังพูดคุยเรื่องงานกับท่านหวงอยู่พอดี“คาราวะท่านหวงเจ้าค่ะ ตอนนี้ร่างกายของท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”“อ้าวซินเยว่เองหรอกหรือ ร่างกายของข้าดีขึ้นมากแล้วล่ะ เจ้ามาหาถึงจวนมีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่”“ไม่มีเจ้าค่ะ แต่มีเรื่องอยากปรึกษาพี่เฟยเทียนมากกว่าเจ้าค่ะ”“อ่อ เช่นนั้นพวกเจ้าก็พูดคุยกันไปก่อนเถิด ข้าขอตัวออกไปยืดเส้นยืดสายสักหน่อยก็แล้วกัน”เฟยเทียนที่ถูกเด็กสาวตัวน้อยกล่าวถึง เมื่อเห็นว่าอี้ซวนออกไปไกลพอสมควรจึงถามนางไปตรง ๆ “เจ้าตัวแสบมีธุระอะไรกับข้างั้นเหรือ”“อืม
ซินเยว่ที่เดินเข้ามาในห้องโถง พอดีกับที่เสี่ยวหลานกำลังเอ่ยชมตนเอง ถึงกับรีบแสดงตัวกับมารดาทันที“พี่เสี่ยวหลานจะชื่นชมข้าเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” ซินเยว่พูดขึ้นเพื่อให้คนด้านในรู้ว่านางกลับมาแล้ว“เห็นไหมเจ้าคะนายหญิง พอบ่าวพูดถึงคุณหนูก็มาทันทีเลยนะเจ้าคะ” เสี่ยวหลานทำเป็นกระซิบกับเจ้านายของตนเพี๊ยะ!! “เจ้านี่ละก็มาชวนข้านินทาบุตรสาวตนเองได้อย่างไร” ลี่หลินตีแขนเสี่ยวหลานไปหนึ่งทีโทษฐานที่ชวนนางนินทาบุตรสาว “เยว่เอ๋อร์เจ้าออกไปที่ไหนมาแต่เช้าหรือลูก แม่เดินตามหาเจ้าให้ทั่วก็ไม่เจอ วันนี้ต้องอยู่รอขบวนของสำนักคุ้มภัยท่านฝูมิใช่หรือ” เมื่อเห็นบุตรสาวลี่หลินก็เปลี่ยนเรื่องพูดคุยอย่างรวดเร็ว“อ่อ ข้าแค่ออกไปพบลูกค้ารายใหญ่อย่างที่บอกพี่เสี่ยวหลานไว้เจ้าค่ะ และข้าก็มีของมามอบให้ท่านแม่ด้วย ถ้าท่านเห็นแล้วอย่าตกใจนะเจ้าคะ” ซินเยว่พูดคล้ายกับว่าสิ่งที่นางจะนำออกมาเป็นของอันตราย แต่ที่นางหยิบมันคือตั๋วเงินสองหมื่นตำลึงเงินออกมาจากกระเป๋า ที่นางมักจะสะพายติดตัวไว้เป็นประจำลี่หลินตกใจอย่างมากเมื่อเห็นตั๋วเงินหลักหมื่นตำลึง ที่บุตรสาวยื่นมันให้กับนางในตอนนี้ “เยว่เอ๋อร์!!! นะ นะ นี่เจ้าไปแอบทำอันใ
เมื่อเข้ามาด้านในของเรือนหน้าซึ่งเป็นห้องรับแขก ซินเยว่ก็พบว่าคนป่วยของนางมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว“คาราวะท่านอาเจ้าค่ะ ข้าชื่อว่าซูซินเยว่แต่ท่านเรียกข้าว่าซินเยว่ก็ได้เจ้าค่ะ” ซินเยว่ทำความเคารพพร้อมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ“เจ้าเองก็เรียกข้าว่าท่านหวงก็แล้วกันนะซินเยว่”“เจ้าค่ะ”ก่อนจะทำการถอนพาอี้ซวนแนะนำท่านหมอที่นั่งข้าง ๆ ให้ซินเยว่ได้รู้จักเพิ่มอีกคน “ข้าขอแนะนำเจ้าให้รู้จักท่านนี้คือท่านหมอกัว เขาเป็นหมอหลวงที่คอยดูแลข้าตั้งแต่ได้รับพิษตัวนั้น”“คาราวะท่านหมอกัวเจ้าค่ะ” ‘แม้แต่หมอที่ดูแลข้างกายยังมาจากวังหลวง เบื้องหลังคงไม่ธรรมดาเสียแล้วกระมัง’“อืม ยินดีที่ได้รู้จักข้าแค่มาดูวิธีการรักษาเท่านั้น เพราะอี้ซวนบอกว่าเจ้าสามารถรักษาเขาได้” ท่านหมอกัวพูดกับซินเยว่ด้วยท่าทางสุภาพ“เจ้าค่ะ ก่อนอื่นข้าขอแจ้งเรื่องค่ารักษาให้ท่านออาหวงได้ทราบก่อนนะเจ้าคะ”อี้ซวนเลิกคิ้วหนาดั่งกระบี่เมื่อซินเยว่พูดถึงเรื่องค่ารักษษกับตน เจ้าลองว่ามาสิจะคิดค่ารักษาข้าจำนวนเท่าใดหรือ?” อี้ซวนถามออกไปเพราะอยากรู้เหมือนกัน“ค่ารักษาท่านอาในครั้งนี้คือหนึ่งหมื่นตำลึงเงินเจ้าค่ะ” ซินเยว่พูดออกไปแล้วแต่แอบคิดอยู
ลี่หลินที่รีบเดินเข้าเรือนเพราะนางรู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นแรง เมื่อนึกถึงบุรุษหน้าตาหล่อเหลาผู้นั้น‘ เป็นบุรุษเสียเปล่าเหตุใดถึงคิดเล็กคิดน้อยไปได้ แค่ข้าสัมผัสถูกร่างกายนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง เป็นบุรุษจะเสียหายได้อย่างไรกัน คนที่ควรพูดเช่นนั้นต้องเป็นนางสิ ที่ต้องโกธรเคืองเพราะเขาแกล้งหมดสติ ไม่ยอมทักท้วงปล่อยให้นางทำเรื่องหน้าอายเช่นนั้นโดยไม่ขัดขืน’ที่ลี่หลินสัมผัสร่างกายของอี้ซวน เพราะนางเผลอคิดถึงแผงอกของบุรุษที่เล่นงิ้วในมิติ เมื่อเห็นของจริงตรงหน้าก็อยากจะลองสัมผัสดู ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดเรื่องดังกล่าวสักนิด พอคิดถึงเรื่องที่นางทำกับบุรุษผู้นั้นก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาอีกครั้ง“ท่านแม่ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ซินเยว่ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แสร้งทำทีส่งเสียงเรียกมารดาออกไป“อ้าว เยว่เอ๋อร์กลับมาแล้วหรือเหตุใดถึงเดินเข้ามาคนเดียว เสี่ยวหลานไปที่ใดเล่า” ลี่หลินเห็นบุตรสาวเดินมาเพียงลำพัง แต่ไม่เห็นเสี่ยวหลานจึงถามถึงสาวใช้คนสนิท“อ้อ พอดีพี่เสี่ยวหลานเลอะฝุ่นเล็กน้อย ข้าจึงให้กลับเรือนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วนี่ท่านแม่รู้สึกไม่สบายตรงที่ใดหรือไม่เจ้าคะ เหตุใดใบหน้าของท่านถึงเป็นส