ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช

ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช

last updateTerakhir Diperbarui : 2025-03-16
Bahasa: Thai
goodnovel18goodnovel
Belum ada penilaian
176Bab
2.0KDibaca
Baca
Tambahkan

Share:  

Lapor
Ringkasan
Katalog
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi

จูมี่เอิน เกิดมาพร้อมดวงตาวิเศษ นางสามารถมองเห็นอนาคตของผู้คนได้ หากแต่ว่าเรื่องที่เห็นไม่เคยมีเรื่องดีเลยสักครั้ง ยามเมื่อเยาว์วัยบิดาจากไป หลงเหลือเพียงมารดา ทว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดแต่ใดนำพามาทำให้นางและมารดาพลัดหลงกันในป่า ด้วยนางรู้ว่าคนในหมู่บ้านต่างพารังเกียจนาง อยากขับไล่นางและมารดาออกไป ด้วยความกลัวมารดาเดือดร้อนนางจึงตัดใจจากไป ใช้ชีวิตในอารามแห่งหนึ่งและปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก เพียงเพราะนางแตกต่าง เพียงเพราะไม่มีใครเหมือน เพียงเพราะความหวาดกลัวของผู้คน นางที่ไร้ความผิดกลับได้รับชะตากรรมที่น่าเวทนา หากแต่ความโชคร้ายหลายปีที่ได้ประสบพบเจอมากำลังจะจบสิ้นลงแล้ว เมื่อนางได้พบกับบุรุษผู้มีสายเลือดมังกร... คนหนึ่งถือทางธรรมละทางโลก สะอาดบริสุทธิ์ราวกลับผ้าขาว อีกคนสว่างไสวราวกลับทองคำ ดื้อรั้นเอาแต่ใจ ซ้ำยังมากเล่ห์เจ้าแผนการ คนสองคนที่ไม่น่าบรรจบพบเจอกันได้ หากแต่โชคชะตากลับไม่คิดเช่นนั้น การหลอกล่อทำให้นางกลายเป็นของเขาจึงเริ่มต้นขึ้น

Lihat lebih banyak

Bab 1

ตัวอย่างบทบาทตอน + แนะนำตัวละคร

     ...เป็นบทนำเสนอหน้าเล่มนะเจ้าค่ะ เพราะเนื่องจากเรื่องจะดำเนินตั้งแต่นางเอกเด็กๆ ทำให้ตอนปูเรื่องมาอาจน่าเบื่อไปบ้าง เลยถือโอกาสหยิบยกตอนที่เริ่มเข้มข้นแล้วมานำเสนอไว้ตอนแรกสุด และเป็นที่มาของชื่อนิยายด้วยค่ะ.....

     ......

     "ในเมื่อเท่าที่เจ้าเล่ามา... การสัมผัสอาจทำให้เจ้าเห็นอนาคตของผู้อื่นเพิ่มมากขึ้น งั้นเรามาลองกันหน่อยดีหรือไม่?"

     เหรินโย่วหลุนมองหญิงสาวในชุดขาวไม่วางตา ใบหน้าสวยสะครานตาก้มหน้าลงต่ำ ผมดำยาวของนางถูกจัดแต่งทรงไว้อย่างงดงาม หัวไหล่มนเล็กที่คล้ายสามารถโดนลมพัดปลิวได้พาให้คนอยากปกป้อง

     ความน่าดึงดูดที่แปลกประหลาดที่เกิดจากตัวนางนั้น มาจากความสามารถพิเศษของนางหรือไม่เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่นางกลับสามารถทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากนางได้เลย โดยไม่รู้ตัวทุกวันเมื่อเมื่อยล้าสายตาก็จะหันไปมองนาง ก็จะเห็นนางนั่งอยู่ต่อหน้าตนเองตลอด อยู่ในห้องทรงอักษรด้วยกันกับเขา นั่งหลับตาคล้ายตัดตนออกจากโลกภายนอก ยามนางจากไปเพียงไม่กี่วันเขาก็แทบทนไม่ไหว รู้ตัวอีกทีก็ต้องการเอาเชือกมาผูกมัดนางไว้กับเขาตลอดเวลาเสียแล้ว

     หากพูดถึงถ้านางไม่ได้เป็นนักบวช ใบหน้าเช่นนี้คงถูกจับมาเป็นบุตรสาวบุญธรรมของพวกขุนนางไปแล้ว คนพวกนั้นต้องการอำนาจมากมายเพียงใดทำไมเขาจะไม่รู้ ต่อจากรับนางมาเป็นบุตรสาวแล้วก็คงจับนางแต่งเข้ามาเป็นสนมของเขาเป็นแน่ ทว่ายามนี้นางกลับสวมอาภรณ์ของนักบวชหญิง ใครอยากทำเช่นนั้นก็ทำได้แค่เพียงคิดเท่านั้น

     เหรินโยว่หลุนยื่นมือออกไปหานาง

     จูมี่เอินที่ก้มหน้าอยู่ก็เหลือบตามองไปแว็บหนึ่ง คลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นฮ่องเต้ทรงยื่นพระหัตถ์ออกมา นางจึงขยับเข้าไปใกล้ช้าๆ ก้าวเดินของนางนั้นแผ่วเบา คล้ายเทพเซียนที่ลอยตัวได้ ยามขยับอาภรณ์สีขาวก็ไหวปลิวตามลมเหมือนธารของสายน้ำดูงดงามตา ดูยังไงนางก็เป็นนักบวชที่น่าเลื่อมใสไม่อาจเถียงได้

     เหตุใดต้องอยากให้นางเห็นนิมิตรของเขากัน ในเมื่อนางก็บอกไปแล้วว่าสิ่งที่นางเห็นคือการเจ็บป่วยที่รุนแรงหรือหนักสุดก็เป็นการเสียชีวิต ไม่ได้มีนิมิตรที่น่ายินดีเลยสักครั้ง ถ้าหากนางเห็นฮ่องเต้ในนิมิตรของตนก็แสดงว่าเขาต้องพบชะตากรรมที่อาจนำพาไปสู่ความตายได้ ทำไมยังอยากจะให้นางมองเห็นตนในนั้นอีก หรือกำลังกำลังกังวลว่าบางทีนางอาจจะมองพลาดไป ไม่เจอนิมิตรที่อันตรายถึงชีวิตเขากัน แต่ในเมื่อเบื้องสูงมีรับสั่งเช่นนั้น นางสามารถขัดได้หรือ?

     จูมี่เอินหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเตียงของฮ่องเต้ ยื่นมือทั้งสองข้างไปจับที่ปลายนิ้วของเขา แตะมือลงแผ่วเบาประกบปลายนิ้วของเขาไว้ด้วยมือทั้งสองของตน พระวรกายของฝ่าบาทนั้นมีค่ายิ่งกว่าทองคำ หากนางทำพลาดเพียงนิดไม่แน่ว่าอาจจะรักษาหัวของตนไว้ไม่ได้

     ต่อให้ที่ผ่านมาได้อยู่กับเขาทั้งวันในช่วงเช้าก็ไม่คล้ายจะเรียกว่าสนิท วันๆ พูดกันแทบนับคำได้ แถมเขายังมีฐานะสูงส่งเช่นนี้นางมีอาจตีตนเสมอได้ ยามนี้ในใจนางก็เห็นเขาคือฮ่องเต้ของแคว้นและเป็นผู้มีพระคุณของนางคนหนึ่งเท่านั้น

     เมื่อแตะมือไปแล้วนอกจากรับรู้ได้ถึงความร้อนจากฝ่ามือของอีกฝ่าย จูมี่เอินก็ไม่รู้สึกถึงสิ่งใดอีก ไร้นิมิตรจากดวงตาวิเศษ

     เหรินโย่วหลุนหรี่ตาเล็กลงอย่างชั่วร้ายเมื่อเห็นนางจับมือเขาไว้แล้ว เขากระตุกมือเล็กมาไว้ในมือของตนแล้วดึงร่างบางเข้ามาหาตัวเองทันที

     "..." จูมี่เอินเบิกตาโต กำลังจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่ก็มีสติได้ทันรีบสั่งตัวเองยกมือมาปิดปากไว้ก่อนจะหลุดเสียงร้องออกมา

     ตุบ

     ร่างบางเซลงไปนั่งลงบนตักของเหรินโย่วหลุน ทิ้งน้ำหนักลงที่ตัวเขาทั้งหมด ด้วยไม่อาจทรงตัวได้นางจึงซบไปที่ตัวเขาทั้งตัวอีกด้วย

     ใบหน้าเล็กที่ก้มต่ำมาตลอดกำลังเบิกตาโตก็แหงนหน้าจ้องขึ้นไปด้านบน เมื่อเห็นฮ่องเต้กำลังก้มมองตนเช่นกันนางก็เพิ่งได้สติ ก้มหน้าลงหนี ไม่มองหน้าเขาอีก

     ในนิมิตรนางเคยเห็นใบหน้าเขามาก่อน แน่นอนว่านั้นไม่ถือว่าผิดที่มองพระพักตร์ของฮ่องเต้โดยตรง เพราะในนั้นนางไม่อาจควบคุมตนเองได้ ภาพที่เห็นชัดเจนแม้กระทั่งสีก็ไม่มีเพี้ยนทำให้เห็นถึงความรูปงามของเขาอย่างชัดเจน ไม่มีใครเทียบเขาได้ นางเข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ คราได้เห็นเขาในนิมิตรยังว่าใจเต้นแล้ว ครานี้เมื่อเขาอยู่ไม่ห่างเช่นนี้นางกลับยิ่งไม่สามารถควบคุมหัวใจตนเองได้ เสียงหัวใจของนางเต้นดังสะท้อนอยู่ในหู จูมี่เอินเม้มริมฝีปากแน่น กลัวฮ่องเต้จะได้ยินไปด้วย นางเพียงคิดว่าตนนั้นเสียหลักล้มลงมา ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังถูกแกล้ง จึงรีบขอโทษเขาออกไป

     "ขอ ขออภัยที่เสียมารยาทเพคะ" จูมี่เอินรีบจะลุกออกจากตัวของเขา ทว่ากลับไม่สามารถขยับได้ พลันเพิ่งจะได้รู้สึกถึงมือที่เอวของตน มือนั้นแข็งราวกลับเหล็กชิ้นโต ยิ่งนางขยับเขาก็ยิ่งออกแรงกดนางไว้แน่นกว่าเดิม เหตุใดถึงไม่ปล่อยนางเล่า?

     ในตอนนั้นเสียงบนหัวก็เอ่ยถาม

     "มองเห็นอะไรรึไม่?" เหรินโย่วหลุนหลุบตามองเรือนผมของนางที่อยู่เบื้องหน้าของตน อารมณ์ที่อึดอัดมานานเริ่มคลายตัวลงเล็กน้อย จมูกได้กลิ่นหอมอ่อนๆ มาจากร่างบนตัก คล้ายกลิ่นของกลับดอกบัวจางๆ

     "ยัง ยังไม่เห็นเพคะ" อย่างที่จูมี่เอินได้บอกไปก่อนหน้านี้ นางไม่สามารถควบคุมการมองเห็นอนาคตได้ เมื่ออยู่อารามบางครั้งเดินชนกับใครอาจจะเห็นอนาคตของเขา แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งไป แถมยังเป็นภาพสีขาวดำไม่ชัดเจนอีกด้วย

     เหรินโย่วหลุนรอบนี้กลับไม่ได้ดูเหมือนเสียใจที่ได้ฟังเช่นนั้น ต่างกับก่อนหน้านี้ที่ผิดหวังที่นางไม่เห็นเขาในนิมิตรของตนเอง ยามนี้เรื่องนั้นมันกลับเข้าทางของเขา มือใหญ่จับคางมนของคนตัวเล็กในอกให้เงยหน้าขึ้นมามองเขา

     ใบหน้าสวยของนักบวชหญิงเงยขึ้นตามแรงดันก็จริง แต่ดวงตาสีดำกระจ่างของนางกลับหลุบต่ำลงไม่มองเขาโดยตรง

     เหรินโย่วหลุนจ้องมองริมฝีปากเล็กแต่อวบอิ่มและเป็นสีชมพูของคนใต้ร่าง ช่างน่าดึงดูดจนเขาไม่อาจละสายตาได้ ความต้องการบางอย่างถูกปลุกขึ้นในตัวของเขา ในเมื่อนางจงใจหลอก เขานางก็ต้องโดนสั่งสอนบ้างจริงไหม แผนในใจที่คิดว่าจะค่อยๆ หลอกล่อนางยามนี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว

     เหรินโย่วหลุนตัดสินใจก้มลงไปประกบปากลงบนริมฝีปากของนาง ความนุ่มอุ่นจากริมฝีปากของคนตัวเล็กทำให้เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก รู้สึกดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เสียอีก แทบไม่อยากผละออกและต้องการมากกว่านี้

     จูมี่เอินเบิกตาโต มองเห็นขนตาของอีกฝ่ายที่กำลังหลับตาลงอยู่ชิดกับดวงตาของนาง รับรู้ถึงความนุ่มชื้นที่ริมฝีปากของตน อีกทั้งลมหายใจของอีกฝ่ายที่เป่ารดใบหน้าของนางนั้นอุ่นจนนางสามารถรับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจน

     ไม่ได้!แบบนี้ไม่ถูกต้อง!

     มือเล็กผลักอกแกร่งอย่างไวโดยลืมตัวว่าเขาเป็นใคร

     คนโดนผลักก็ผละออกไปตามแรงดัน ทว่ากลับไม่ยอมปล่อยเอวบางแน่งน้อยของนางออกให้เป็นอิสระ ยังคงโอบกอดร่างเล็กไว้ด้วยมือเดียว ความหวานจากริมฝีปากของนางยังคงไม่จางหาย ฮ่องเต้หนุ่มยกยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างพอใจ มองดูใบหน้าของนักบวชหญิงที่แดงก่ำ ความแดงบนใบหน้ายังแผ่กระจายไปถึงใบหูเล็กๆ ของนางอีกด้วย ยิ่งมองยิ่งรู้สึกเอ็นดูนางเข้าไปใหญ่ ไหนจะดวงตาสีดำกลมโตกำลังจ้องมาที่เขาด้วยความตกใจนั้นอีก ดูเหมือนกระต่ายขี้ตกใจไม่มีผิด

     "เช่นนี้เล่าเห็นไหม?" เขายังคงหยอกล้อนาง ในใจหวานล้ำคล้ายได้กินของที่ชอบ ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากของตนไปอีกทีเพื่อย้ำรสสัมผัสจากริมฝีปากของคนงามที่ตนเพิ่งขโมยมา

     "..." จูมี่เอิ่นแทบหาเสียงของตนเองไม่เจอ จิตใจที่กระเจิดกระเจิงไปไกลไหนเลยจะมีสมาธิในการรับรู้สิ่งอื่น นางจะไปมองเห็นอนาคตได้ยังไงกันเมื่อโดนเขากระทำเช่นนั้น ถึงนางจะอยู่ในสายธรรม ใช้ชีวิตอยู่ในอารามมานาน แต่ก็เข้าใจดีว่าสิ่งที่ฮ่องเต้พระองค์นี้ทรงทำลงไปมันเกินเลยกว่าที่จะอยากให้นางมองเห็นนิมิตรของเขา เกินเลยกว่าหญิงสาวและบุรุษที่คบหาดูใจกันพึ่งกระทำด้วยซ้ำ นี่มันการกระทำของคู่รักที่แต่งงานไปแล้วต่างหาก

     พระองค์ทรงรู้ตัวรึไม่ว่าทำสิ่งใดอยู่ แน่นอนว่าเขาเป็นถึงผู้ครองแคว้น อยากได้สิ่งใดก็ย่อมได้ แต่กับนางนั้นมันต่างออกไป นางหาใช่หญิงสาวทั่วไปไม่ นางตัดสินใจอย่างกล้าๆ กลัวๆ ลองย้ำกับเขาออกไปว่า

     "ฮ่องเต้...หม่อมฉันเป็นนักบวชนะเพคะ!"

...........

     ที่ได้ยกมาให้อ่านคือบทที่ 51 นะคะ 

     คำเตือน ✨ เนื้อหาที่ไม่เหมาะกับผู้มีอายุต่ำกว่า  18+  จะใส่ 🔥🔥🔥 กับสัญลักษณ์รูป +++ ไว้นะคะ  ใครไม่ชอบกดข้ามได้ค่ะ ส่วนมากไม่มีผลกับเนื้อเรื่อง 

.........

     จูมี่เอิน: เด็กสาวที่มีดวงตาวิเศษ มองเห็นอนาคตของผู้คน ถูกเลี้ยงดูมาโดยนักบวช มีนิสัยคล้ายผู้ฝึกตนจนเหมือนคนซื่อบื้ออยู่บ้างในเรื่องความรัก

     เหรินโย่วหลุน: ฮ่องเต้แคว้นเซียว เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ย่อมได้

     เหรินเยว่เทียน: อ๋องห้า พระอนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เป็นจอมเสเพลไม่เอาการเอางาน

     หลี่ลู่ซือ: อาจารย์ของจูมี่เอิน ผู้ดูแลอารามที่หมู่บ้านจิ้ง

     ศิษย์พี่ทั้งสี่: ศิษย์พี่ทั้งสี่คนของจูมี่เอิน นางเรียกเขาตามลำดับการเข้ามาในอาราม ศิษย์พี่อี้(ศิษย์คนแรกของอาราม)

                 ศิษย์พี่เอ้อร์ (คนที่สอง) ศิษย์พี่ซาน (คนที่สาม) ศิษย์พี่ซื่อ (คนที่สี่)

     เพยเพย/ถิงถิง: สองนางกำนัลฝาแฝดที่เป็นคนสนิทของ จูมี่เอิน เพยเพยเป็นแฝดพี่มีนิสัยสุขุมและรอบขอบ ถิงถิงเป็นแฝดน้องมีนิสัยขี้กลัว

Tampilkan Lebih Banyak
Bab Selanjutnya
Unduh

Bab terbaru

Komen

Tidak ada komentar
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status