ทว่าทั้งๆ ที่เป็นเช่นนั้น หากแต่เพราะจำตัวตนมิได้ จึงไม่ใช่ซ่อนตัวหรือต้องเก็บงำอันใด ซิงเยว่จึงไม่จำเป็นต้องปกปิดนิสัยใจคอ
นางยังคงผ่าเผย เป็นตัวของตัวเองอย่างที่สุด
ดุจวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือนั่นล่ะ!
หลิวไท่หยางยิ่งรู้ดี หากพยัคฆ์ไม่ถูกกระตุกหนวดอวดอ้างบารมีล้ำอาณาเขตส่วนตัวอย่างอุกอาจท้าทาย ไหนเลยจะทำร้ายใครก่อน
ชายหนุ่มค่อยๆ ยกมุมปากเป็นรอยยิ้มบาง รอยยิ้มนี้ยิ่งมองยิ่งลึกลับ ยากคาดเดา มีเพียงเขาเข้าใจอยู่คนเดียว
ขอแค่ทดสอบบางสิ่งอีกประการ คำตอบย่อมชัดเจน
จังหวะนั้นจิ่นอิ่งรีบเอ่ยเสียงสั่นเครือเจือสะอื้นไห้ “นายน้อย บ่าวสองคนอยู่ดีๆ ซิงเยว่ก็เข้ามาทำร้ายเจ้าค่ะ”
จิ่นอ้านจึงฟ้องร้องเสริมสหายเพื่อขอความเป็นธรรม
“ใช่เจ้าค่ะ พวกบ่าวแค่ถามซิงเยว่ดีๆ ว่ามีเรื่องอะไรกับม่านเหนียง ถามว่าปัญหาคืออันใดเท่านั้น ซิงเยว่ก็โกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง ทำร้ายตบตีพวกบ่าวเจ้าค่ะ”
สีหน้าของนางทั้งสองแลดูงดงามเย้ายวนชวนสงสาร ท่าทางอ้อนแอ้นอ่อนแอบอบบางชวนถนอมอย่างที่สุด
ไม่ว่าบุรุษคนใดได้ยลเป็นต้องเห็นใจทั้งนั้น!
“นายน้อย ซิงเยว่ผู้นี้ร้ายกาจยิ่งนัก” จิ่นอ้านร่ำไห้น้ำตาดุจไข่มุกร่วงหล่น
จิ่นอิ่งซับน้ำตาส่งเสี