ตอนที่ 5
เปิดตัวเมีย
“พิมพ์ อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”
ภูริดลตื่นมาพบเพียงแค่ที่นอนที่ว่างเปล่าชายหนุ่มตะโกนเรียกหาภรรยาหมาด ๆ ของเขาแต่กลับไม่มีเสียงตอบมีเพียงแค่รอยปิดไม่สนิทของกระจกที่กั้นระหว่างส่วนของห้องนอนกับระเบียงที่มีรอยถูกเปิดออกภูริดลจึงตัดสินใจเดินออกไปเพราะคิดว่าบางทีภรรยาของเขาอาจจะออกไปยืนสูดอากาศด้านนอก
“คุณร้องไห้ทำไม ! ผมไม่ได้ข่มขืนคุณนะ”
คนถามไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขากลับรู้สึกโกรธและน้อยใจที่เห็นผู้หญิงที่เขานอนด้วยเมื่อคืนมาแอบยืนร้องไห้เสียใจเหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้มันทำให้เธอรู้สึกทุกข์ไม่มีความสุข
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าที่ฉันร้องไห้เพราะกำลังรู้สึกมีความสุขอีกไม่นานฉันก็จะหลุดจากสัญญาของคุณแล้ว”
พิรฎาปดคำโต เธอไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูดชีวิตความบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอก็มีความตั้งใจเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่อยากจะเก็บรักษาเอาไว้ให้ผู้ชายที่เธอรักที่สุดแต่วันนี้เธอกลับมอบให้กับผู้ชายที่เธอแทบจะไม่มีโอกาสได้รู้จักเขาดีพอเพียงเพราะต้องการเอาชนะบิดาเท่านั้น
“ใครบอกกันว่าใกล้จะสิ้นสุดสัญญามันคือการเริ่มต้นต่างหากสงสัยตอนที่คุณเซ็นยังไม่ได้อ่านโดยละเอียดถ้าอยากเข้าใจทุกอย่างให้มากกว่านี้สัญญาอยู่บนหัวเตียงลองอ่านดูนะ”
หญิงสาวหันมองหน้าชายหนุ่มที่ตอนนี้นุ่งเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวปกปิดส่วนล่างของเขาด้วยความตกใจเพราะเธอคิดว่าสัญญาที่เธอเซ็นคือการจ้างเธอมาเป็นภรรยาเพื่อตบตาบิดารอวันที่ภูริดลจะได้โอนสมบัติจากผู้เป็นพ่อ
“ฉันจะไปอ่านเดี๋ยวนี้แหละ”
หญิงสาวที่ยังคงอยู่ในชุดนอนรีบเดินกลับเข้ามายังห้องเดินไปตรงบริเวณหัวเตียงหยิบกระดาษแผ่นสีขาวสัญญาที่เธอเคยเซ็นนั่งอ่านอย่างพินิจพิจารณาก่อนที่จะวางลงพร้อมด้วยแววตาที่แน่นิ่งเพราะในสัญญามีมากกว่าที่เธอคิด เธอจะต้องมีลูกให้เขาและทันทีที่เด็กคลอดออกมา เธอถึงจะเป็นอิสระได้โดยที่ตัวเธอเองต้องยอมยกลูกให้กับครอบครัวของภูริดลดูแลแต่เพียงผู้เดียว
“ตกใจมากเลยใช่ไหมเกียรตินิยมอันดับ 1 แต่แค่เรื่องอ่านสัญญาก็ยังไม่ยอมอ่านละเอียดอย่างไรคุณก็เซ็นแล้วนะผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้”
ภูริดลไม่อยากจะพูดจาทำร้ายจิตใจคนตรงหน้าแต่เขาเองก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกันมีผู้หญิงมากมายที่อยากจะได้เขาเป็นสามีแต่กับผู้หญิงที่มีโอกาสได้อยู่นอนอยู่ข้าง ๆ เขากลับมองว่าสิ่งที่ได้ไปคือสิ่งไร้ค่าทำหน้าตาเสียใจเหมือนกับว่าการมีเขาเป็นสามีเป็นสิ่งที่ โชคร้ายเหลือเกิน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะนี่ แกตัดสินใจอะไรลงไปพิมพ์”
ทันทีที่ประตูห้องน้ำถูกปิดลงเสียงน้ำที่ไหลจากฝักบัวกระทบพื้นกระเบื้องในห้องน้ำเสียงร้องไห้จากด้านนอกก็ดังแข่งขึ้นมาทันทีเมื่อมั่นใจว่าชายหนุ่มมที่กำลังอาบน้ำจะไม่ได้ยินเสียงของเธอ
พิรฎาเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจมันผิดพลาดไปหมดแต่ด้วยทิฐิมานะทำให้เธอยอมที่จะเช็ดน้ำตากัดฟันสู้และทำให้เหมือนว่าเธอไม่ได้ผิดพลาดอะไรทุกอย่างคือความตั้งใจเธอจะไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้ภูริดลหรือไม่ว่าใครทั้งนั้นเห็นอีก อย่างน้อยมันก็คงดีกว่าการยอมเป็นนกน้อยในกรงทองให้บิดาขังไว้และต้องทนเจ็บปวดกับพฤติกรรมของแม่เลี้ยงที่แม้เธอจะพยายามบอกใครว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่ทุกคนคิดก็กลับไม่มีใครเชื่อ
“รีบอาบน้ำผมจะพาคุณไปข้างนอก”
“ไปไหน ฉันไม่อยากไปไหนทั้งนั้น”
หญิงสาวไม่ยอมลุกไปอาบน้ำตามความต้องการของอีกฝ่ายแต่เธอกลับเลือกที่จะดึงผ้าห่มผืนนุ่มขึ้นมาคลุมร่างกายหลับตานอนเหมือนว่าเธอตั้งใจจะดื้อดึงไม่ยอมทำตามคำสั่ง
“ลุกเดี๋ยวนี้หรือจะเล่นตัวให้อุ้มเธอไปอาบน้ำ สงสัยจะติดใจเมื่อคืนก็เลยอยากเปลี่ยนบรรยากาศ”
คนร่างสูงใหญ่กระชากผ้าห่มออกไปให้พ้นทางก่อนที่จะฉุดดึงมือคนตัวเล็กที่แกล้งนอนหลับอยู่บนเตียงให้ลุกขึ้นมานั่งและทำท่าเหมือนกำลังจะอุ้มเธอไปยังห้องน้ำ
“รู้แล้วเดี๋ยวไปอาบเองอย่าคิดว่าตัวเองถือสัญญาและจะเหนือกว่า”
“ทีหลังก็อย่าทำอะไรให้มันยากถ้าไม่อย่างนั้นผมคงต้องพัฒนาความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หรือบางทีที่คุณทำตัวแบบนี้ก็นิยมความรุนแรงอยู่เหมือนกัน”
ภูริดลไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตอนนี้เขาถึงได้กลายเป็นผู้ชายปากร้ายเพียงเพราะรู้สึกว่าต้องการเอาชนะหญิงสาวที่เขาตั้งใจเพียงว่าจะจ้างให้เธอมาเป็นภรรยารับจ้างเพื่อหลอกตาบิดาเท่านั้นแต่ทำไมเขากลับรู้สึกน้อยใจกับความเฉยชาที่อีกฝ่ายแสดงทั้งที่เมื่อคืนนี้เธอกับเขามีความสัมพันธ์ที่แนบชิดเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องทางกาย
คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาสายแล้วแต่ ทุกคนก็ยังคงนั่งคุยเล่นกันอยู่ที่ห้องโถงห้องรับแขกเป็นภาพที่พิรฎารู้สึกไม่คุ้นตาเพราะชีวิตของเธออยู่บ้านหลังใหญ่ที่มีชีวิตอยู่แค่เพียงในห้องนอนเท่านั้นเธอหลุดพ้นจากอณาเขตตัวเองมาเมื่อไรก็จะต้องมาพบเจอกับสงครามประสาทจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยง