เฝิงไฉ่เวยเม้มริมฝีปาก แต่หยาดน้ำตาบนใบหน้ากลับจางหายไปหมดแล้ว
ฮองเฮาเฝิงโน้มกายลงเบา ๆ แขวนพู่กันกลับขึ้นสู่แท่นวาง แล้วกระตุกมุมปากอย่างเย็นชา “เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเราอยู่ที่นี่โดยมิได้ก้าวออกไปเลยนานเท่าใดแล้ว?”
เฝิงไฉ่เวยเบิกตากว้างจ้องมองฮองเฮา สีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
“หลายสิบปี! มิใช่หนึ่งปีสองปี และมิใช่สามปีสี่ปี หากแต่เป็นหลายสิบปีเต็ม ๆ!” ฮองเฮาเฝิงมองนางด้วยแววตาเรียบนิ่ง “ตลอดหลายปีนี้ เราเองก็เคยมีบางคราที่ทนไม่ไหวเหมือนกัน แต่เราย่อมตระหนักดีว่า หากแม้เพียงก้าวเดียวพลาดพลั้ง ก็ล้วนกลายเป็นเหตุผลอันชอบธรรมในการปลดฮองเฮาได้ เช่นนั้นเราจึงไม่อาจก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียว”
พระนางยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว “ที่เจ้ามาเอ่ยคำเหล่านี้ในตอนนี้ มิใช่ก็เพื่ออยากให้เราเป็นผู้ลงมือกำจัดเด็กสาวจากตระกูลชีนั่น ใช่หรือไม่?”
เฝิงไฉ่เวยรีบส่ายศีรษะอย่างร้อนรน “ฮองเฮา หม่อมฉันมิได้มีความหมายเช่นนั้นเพคะ……”
“พอแล้ว!” ฮองเฮาตัดบทนางโดยไม่แสดงสีหน้าลังเลแม้แต่น้อย กล่าวเสียงเรียบเย็น “เราไม่มีทางช่วยเจ้าได้ อวิ๋นถิงเป็นเด็กที่มีสติปัญญาและความกล้าหาญ หากเราไปทำร้ายผู้ที่เขารัก เช่นนั้นเรา