เช้าวันต่อมา
ฉันตื่นนอนด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ขณะอาบน้ำ แต่งตัว แต่งหน้าก็เปิดเพลงฟังพร้อมกับร้องตาม วันนี้ฉันอยู่ในชุดเดรสสีชมพูดีเทลผูกโบว์ช่วงคอ ตรงช่วงแขนเป็นผ้าชีฟองสีขาว มัดผมหางม้า ปล่อยปอยผมที่ด้านหน้าเล็กน้อย แต่งหน้าโทนสีชมพูอ่อน ดูสดใสสุดๆ "สวยจัง" ฉันหมุนตัวไปมา จากนั้นจึงฉีดน้ำหอม แล้วสะพายกระเป๋าออกจากห้อง ลงลิฟต์ไปลานจอดรถ เมื่อถึงบริษัท ฉันก็แลกบัตร แล้วขึ้นไปรอตรงหน้าห้องที่ใช้สัมภาษณ์ในวันนั้น ผ่านไปราวๆ5-10นาที พี่เปรี้ยวก็เดินเข้ามาทักทายฉัน แล้วพาฉันไปห้องทนายบีม "สวัสดีค่ะ" ฉันพนมมือไหว้ทนายบีมที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ในห้องทำงาน "สวัสดีครับคุณคาริสา" เขารับไหว้พร้อมกับยิ้มบางๆ จากนั้นจึงลุกออกจากที่นั่ง ผายมือให้ฉันนั่งตรงโซฟารับแขก "เชิญครับ" "ขอบคุณค่ะ" ฉันเอ่ยแล้วนั่งตรงข้ามกับเขา "เดี๋ยวพี่ไปเตรียมเอกสารมาให้เซ็นนะคะ" พี่เปรี้ยวพูดกับฉัน "ค่ะ" เมื่อฉันรับคำ พี่เปรี้ยวจึงเดินออกจากห้อง "ยินดีที่ได้ร่วมงานกับนะครับคุณคาริสา" เขายื่นมือมาตรงหน้า ฉันจึงยื่นมือไปจับพร้อมกับยิ้มบางๆ "ยินดีที่ได้ร่วมงานเช่นกันคะคุณทนายบีม" "เรียกพี่บีมเฉยๆก็ได้ครับ" "ได้ค่ะพี่บีม" "งั้นพี่เรียกเราว่าน้องสานะ" "ได้ค่ะ ตามสบายเลยค่ะ" จากนั้นพี่บีมก็บรีฟรายละเอียดงานที่ฉันต้องทำคร่าวๆ เช่น การเก็บข้อมูลหลักฐานที่ต้องใช้ในคดี ประสานงานระหว่างลูกความกับทนาย ทำเอกสารกฎหมาย ฯลฯ จากนั้นพี่บีมก็พาฉันไปแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ทุกคนเงยหน้ามายิ้มแล้วหันไปทำงานของตัวเองต่อ "เหมย...ช่วยสอนงานน้องใหม่หน่อย" พี่บีมกวักมือเรียก ผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าหมวยๆที่กำลังนั่งทำเอกสารอยู่ที่โต๊ะของตน "เหมยยังไม่ว่าง พี่บีมเรียกนีน่าสิ นั่งว่างๆอยู่ตรงนั้น" เหมยหันไปชี้ผู้หญิงผมยาวค่อนข้างอวบอัดที่กำลังนั่งกินขนมอยู่หน้าโต๊ะคอมตนเอง "อะไร! ฉันว่างที่ไหนล่ะ กำลังกินขนมอยู่ เห็นไหมเนี่ย" นีน่าชะโงกหน้ามาตอบเหมย "ปล่อยสองคนนั้นไปเถอะค่ะพี่บีม เดี๋ยวปีโป้สอนงานน้องเองค่ะ" ผู้หญิงผมยาวตัวเล็กๆเดินมาหาพี่บีม จากนั้นจึงจับมือฉันแล้วดึงไปที่โต๊ะทำงาน ที่ตั้งอยู่หน้าห้องของพี่บีม "ยัยสองคนนั้นเป็นแบบนี้แหละ เราอย่าถือสาเลยนะ" พี่ปีโป้ตบที่มือฉันเบาๆ จากนั้นจึงเริ่มสอนงาน โดยเริ่มจากการใช้ระบบสารสนเทศในการรับส่งเอกสารต่างๆ เพื่อเป็นการประหยัดเวลา และเป็นนโยบายในการลดใช้เอกสาร จากนั้นก็สอนเรื่องระบบการยืมครุภัณฑ์ต่างๆ และสอนการออกเอกสารทางกฎหมายของบริษัท และอื่นๆ ฉันทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็วเพราะไม่ต่างจากบริษัทเดิมของฉันสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ฉันต้องทำแน่ๆคือการปรับตัวให้เข้ากับคน คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ยังใช้คำพูดนี้ได้เสมอ เวลาเที่ยง "น้องสาไปกินข้าวด้วยกันนะ" พี่บีมเดินออกจากห้องมาชวนฉันไปกินข้าวกลางวัน "ได้สิคะพี่บีม" "เหมยไปด้วยได้ไหมคะ" เหมยเดินคล้องแขนมากับนีนาแล้วส่งสายตาอ้อนเขา "ไม่ได้" พี่บีมตอบ "อ้าว" เหมยทำหน้าเด๋อ "ล้อเล่น ไปด้วยกันนี่แหละ มีพนักงานใหม่ทั้งทีเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง" "จริงเหรอ...งั้นไปกินอาหารญี่ปุ่นกัน" นีน่ายิ้มกว้างพลางนึกถึงของกิน "ต้องถามน้องสาสิ" พี่บีมพูด ทุกคนจึงหันมามองหน้าฉัน "ยังไงก็ได้ค่ะ" "เย้~ งั้นไปกินอาหารญี่ปุ่นกัน" นี่น่ายิ้มดีใจ แล้วตบหลังฉันเบาๆแทนคำพูดว่าดีมาก "ปีโป้ ไปไหม" พี่บีมชวน "โอ๊ย จะชวนทำไมคะ ชวนยังไงก็ไม่ไปหรอก ใช่ไหมปีโป้" เหมยหันไปพูดกับพี่ปีโป้ "ขอโทษด้วยนะคะพี่บีม พอดีหนูมีข้าวแล้วค่ะ" พี่ปีโป้หยิบปิ่นโตออกมาจากกระเป๋า แล้วชูให้พี่บีมดู "เก็บไว้กินตอนเย็นก็ได้นี่นา" "ไม่เป็นไรค่ะ พวกพี่ไปกันเถอะ" พี่ปีโป้ปฏิเสธ "ก็ได้ๆ...ใครจะไปบ้าง ไปกันเถอะ" พี่บีมพูดกับพี่ปีโป้จบ ก็หันไปพูดกับคนอื่นๆ "ไปกันเถอะค่ะ" เหมยเดินนำหน้าไปพร้อมกับนีน่า และเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ส่วนพี่บีมเดินข้างๆฉัน พวกเขาพาฉันเดินไปข้ามถนนไปยังตึกด้านหน้า ซึ่งเป็นศูนย์อาหาร มีทั้งอาหารไทย ญี่ปุ่น เกาหลี พวกเราเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น เนื่องจากมีหลายคน จึงแบ่งนั่งกลุ่มละ4คนบ้าง 5คนบ้าง "โห~ น่ากินหมดเลยอ่ะ" นีน่าจ้องเมนูอาหาร พลางกลืนน้ำลาย "สำหรับแก มีไรไม่น่ากินบ้างอ่ะ" เหมยพูด ก่อนจะก้มลงดูเมนู "น้องสากินอะไร สั่งเลยนะ" พี่บีมยื่นเมนูมาให้ฉันดู "เอาราเมนต้มยำ เกี๊ยวซ่า ทาโกะยากิ" นีน่าเริ่มสั่งของกิน ส่วนฉันกำลังไล่อ่านเมนู แล้วจึงเลือกกินข้าวหน้าแซลมอน เมื่อสั่งอาหารเสร็จ พี่บีมก็เริ่มชวนคุย เพื่อให้ฉันผ่อนคลาย "ครืด ครืด" เสียงข้อความจากไลน์เข้า ที่หน้าจอเป็นชื่อเคนทาโร่ "อุ๊ย หนุ่มทักมาหรือเปล่าเนี่ย" พี่บีมเอ่ยแซว ฉันยิ้มบางๆไม่ได้พูดอะไร "เธอมีแฟนแล้วเหรอ อยากมีบ้างจัง" นีน่าพูดขึ้น "มีแฟนแล้วปวดหัว ไปบาร์โฮสกับฉันดีกว่า" เหมยพูดแล้วหัวเราะ "ไม่เอาอ่ะ ฉันลงทุนกับการกินก็พอ" นีน่าตอบ "แล้วเธอล่ะ สนใจไหม" เหมยหันมาถามฉัน "น่าสนใจดีนะคะ" ฉันตอบ "จริงเหรอ ไว้เราไปด้วยกันนะ" เหมยขยิบตาให้ฉันแล้วยิ้มกว้าง จากนั้นก็มองฉันเป็นมิตรมากขึ้น ชวนคุยนู่นคุยนี่ไม่หยุด จากนั้นอาหารจึงมาเสริฟ พวกเรากินอย่างเอร็ดอร่อย นั่งคุยกันจนเวลาเกือบบ่าย จึงชวนกันกลับบริษัท "ขอบคุณสำหรับมื้อกลางวันนะคะ" พวกเรากล่าวขอบคุณพี่บีม แล้วแยกย้ายกันไปทำงาน ฉันหยิบกล่องแปรงสีฟันเดินเข้าไปในห้องน้ำ ในขณะที่ยืนแปรงฟันอยู่หน้ากระจกก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงสะอื้น ในใจรู้สึกกระตุกวูบ คงไม่ใช่กุ๊กกู๋หรอกนะ ฉันรีบบ้วนปากให้สะอาด แล้วมองส่องเข้าไปในห้องน้ำ โชคดีที่เห็นว่าห้องน้ำห้องสุดท้ายปิดอยู่ "แอ๊ด~" ประตูห้องน้ำเปิดออก ฉันสะดุ้งตกใจ ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะคนที่เดินออกมาคือพี่ปีโป้ "ตกใจพี่เหรอ" พี่ปีโป้หัวเราะ "นิดหน่อยค่ะ...หนูได้ยินเสียงสะอื้นก็นึกว่า..." "ฮ่าๆ...ไม่มีไรหรอก เมื่อกี้พี่ดูซีรีย์อ่ะ มันเศร้าเกิน อารมณ์เลยค้าง" พี่ปีโป้หัวเราะแล้วล้างคราบน้ำตาออก "อ๋อ...เข้าใจค่ะ หนูก็เคยเป็น" ฉันหัวเราะเบาๆ "พี่ไปก่อนนะ" "ค่ะ" ฉันตอบแล้วเดินเข้าห้องน้ำทำธุระเบา แล้วกลับไปนั่งทำงาน "ครืด ครืด" ฉันเปิดข้อความจากไลน์อ่าน เป็นข้อความจากเคนทาโร่ที่ดีใจกับฉันที่ได้งาน ส่วนข้อความล่าสุดคืออยากให้ฉันมาที่ญี่ปุ่นเร็วๆ ฉันส่งตอบไปหลายข้อความ แล้วบอกเขาว่าถ้าเลิกงานเดี๋ยวจะโทรหาเขา