เวลาเลิกงาน
"กลับแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ" ฉันบอกลาทุกคน แล้วขับรถกลับคอนโด เมื่อมาถึงห้องฉันก็โยนกระเป๋า แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า จากนั้นก็หยิบมือถือมาส่งข้อความหาเคนทาโร่ เมื่อเขายังไม่ตอบ ฉันจึงไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกิน จากนั้นก็อาบน้ำเตรียมเข้านอน "ครืด ครืด" เสียงวีดีโอคอลดังขึ้น ฉันจึงกดรับทันที "วันนี้ทำงานเป็นยังไงบ้าง" เขาเอ่ยถาม "ก็ดีค่ะ" ฉันตอบ หลังจากนั้นพวกเราก็คุยกันยาวๆ คุยจนถึงเที่ยงคืนก็แยกย้ายกันเข้านอน สองสัปดาห์ต่อมา ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่ง ฉันจึงมาทำงานแต่เช้า และเห็นเหมยนั่งทำหน้าเครียดๆ อยู่ที่หน้าคอม "สวัสดี" ฉันทักทาย "สวัสดี" เหมยตอบ "เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?" "ไม่ได้เป็นอะไร ขอบคุณนะ" เหมยตอบแล้วก็ก้มหน้าทำงาน ฉันจึงเดินกลับไปที่โต๊ะแล้วเคลียร์งานของตัวเอง พักเที่ยง "สา..." เหมยเดินมาหาฉันที่โต๊ะทำงาน "มีอะไรเหรอ?" "คะ...คือว่า" เหมยทำท่าทางลังเล ก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วดึงแขนฉันไปตรงบันไดหนีไฟ "มีอะไรเหรอ ทำลับๆ ล่อๆ" "คะ...คือว่า...เธอช่วยฉันได้ไหม" "ช่วยอะไร" "พอดีว่าแม่ของฉันป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลกระทันหัน แต่ฉันไม่มีเงินเก็บเลย ขอยืมเงินเธอได้ไหม" เหมยทำท่าทางร้อนรน "..." "คาริสา...แกช่วยฉันหน่อยนะ ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้ว" เหมยเขย่าแขนอ้อนวอนฉัน "..." "ฉันยืมไม่เยอะหรอก ขอ5,000ก็ได้ ฉันสัญญาว่าถ้าเงินเดือนออกฉันจะคืนให้...นะๆ ฉันไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครแล้วจริงๆ" "5,000ก็เยอะนะ ฉันมีแค่500อ่ะ" "ก็ได้ๆ...ขอยืมก่อน เดี๋ยวรีบคืนให้เลย" "ได้" ฉันรับคำ จากนั้นฉันจึงกลับไปหยิบเงินสดมาให้เหมย "ขอบคุณมาก" เหมยพูดด้วยความซาบซึ้งใจ "ไม่เป็นไรค่ะ" "เรื่องนี้...อย่าไปบอกใครนะ" เหมยกระซิบข้างหูฉัน แล้วพนมมือขอร้อง "อืม...ฉันไม่บอกใครหรอก" ฉันรับคำ เหมยจึงเดินจากไป "น้องสา" พี่บีมเรียกฉัน "คะ" "เอกสารที่พี่ให้ทำเสร็จหรือยัง?" "เสร็จแล้วค่ะ" ฉันพูดจบก็ยื่นซองเอกสารให้พี่บีม "ขอบคุณครับ" "ไม่เป็นค่ะ" ฉันยิ้มรับ หลังจากนั้นเวลาก็ล่วงเลยไปยันเลิกงาน ฉันได้รับสายจากกล้วยหอมก็รีบขับรถไปปลอบใจ ไลฟ์สดด้วยกัน แล้วนอนค้างที่หอพักของกล้วยหอม ช่วงเช้าฉันก็ตื่นมาอาบน้ำ แล้วไลน์บอกพี่บีมว่าขอเข้าสาย เนื่องจากหอพักของกล้วยหอมค่อนข้างไกลจากบริษัท เมื่อมาถึงที่ทำงาน ฉันก็นั่งทำเอกสาร แล้วออกไปหาลูกความกับพี่บีม จนถึงเวลาเลิกงาน ฉันก็ขอตัวกลับคอนโด เมื่อมาถึงห้องฉันก็ปรี่ขึ้นเตียงแล้วผล็อยหลับไป ฉันตื่นอีกทีก็ช่วงเที่ยง โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุด ไม่งั้นตายแน่ๆ เพราะฉันหลับลึกแบบไม่รู้ตัวเลย ฉันหยิบมือถือขึ้นมาก็เห็นข้อความจากเคนทาโร่เยอะมาก เขาทั้งโทรและส่งข้อความทิ้งไว้ "ไอ้ต้าวบ้าเคนทาโร่...ห่วงขนาดนี้มาเป็นแฟนกันเลยสิ" ฉันหัวเราะคิกคัก ก่อนจะกดส่งข้อความหาเขา บอกว่าเมื่อคืนเพลียเลยหลับลึก "ครืด ครืด" เคนทาโร่วีดีโอคอลมา ฉันกดรับสาย "คาริสาจัง~" "ว่างาย~" ฉันลากเสียง "หายไปแบบนี้ผมตกใจหมดเลย" เขาทำสีหน้าโล่งใจ ก่อนจะยิ้มกว้าง "ฮ่าๆ แค่หลับค่ะ...แล้วคุณทำอะไรอยู่คะ" "ทำงานครับ" "โอ้~ ฉันรบกวนเวลาทำงานของคุณหรือเปล่าคะ" "ไม่รบกวนครับ...แล้ววันนี้หยุดเหรอครับ" "ใช่ค่ะ" "งั้นคาริสาจังพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมทักไปหาอีกที" "ได้ค่ะ...ตั้งใจทำงานนะคะ สู้ๆ" "ขอบคุณครับ" หลังจากเขาวางสาย ฉันก็กินข้าว อาบน้ำ แล้วมาไลฟ์สดขายของ ก่อนจะเปลี่ยนใส่ชุดเดรสสีดำ แล้วแต่งหน้าสายฝอไลฟ์สดในแอป live jing กว่าจะได้ยอดเงินตามที่ต้องการ ก็เหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน "เฮ้อ~ เหนื่อยชะมัด" ฉันปิดไลฟ์ แล้วนั่งบีบนวดตัวเองอยู่บนเตียง "ครืด ครืด" เสียงแจ้งเตือนข้อความจากแอป live jing ดังขึ้น ฉันจึงกดเข้าไปอ่าน ก็พบว่าทางแอปกำลังจะทำช่องที่ใช้ชื่อว่า only live jing 18+ (โอนลี่ไลฟ์จริงสิบแปดบวก) โดยจะคัดเลือกสำหรับคนที่มีอายุ18ปีขึ้นไปจริงๆที่จะสามารถทำกิจกรรมต่างๆผ่านช่องนี้ได้ และจะได้เงินจากของขวัญคูณสองของการไลฟ์สดปกติ "โคตรน่าสนใจ" ฉันกดเข้าไปสมัครไว้ก่อน แต่ว่าจะทำอะไรกับช่องนั้นค่อยมาคิดอีกที "ครืด ครืด" เสียงเรียกเข้าจากเหมยดังขึ้น ฉันมองด้วยความแปลกใจ แต่ก็กดรับสาย "คาริสา" ปลายสายเรียกชื่อฉัน "ว่าไง" "วันนี้ว่างไหม ไปบาร์โฮสกัน" "ห๊ะ? ช่วงนี้ไม่มีเงินไม่ใช่เหรอ" ฉันถาม "เพื่อนเที่ยวด้วยกันมันลากมาอ่ะ เอ่อ....พูดตรงๆเลยนะ มาหารกันหน่อยสิ" "แบบนี้ก็ได้เหรอ" "ฉันโทรไปชวนไอ้นี่น่าแล้ว แต่มันไม่ยอมมา ก็เลยชวนเธอแทน" "..." "มาเถอะนะ ที่นี่มีหนุ่มตี๋สุดหล่อเหมือนหน้าจอในมือถือของเธอด้วยนะ" สิ่งที่เหมยพูดมามันล่อซื้อฉัน "ที่ไหน" "คิกๆ ที่xxx" เหมยรีบบอกสถานที่ทันที "โอเค ไว้เจอกัน" ฉันพูดจบก็กดวางสาย ก่อนจะลุกไปอาบน้ำ แต่งตัว ฉันใส่เสื้อเกาะอกแมงกระพรุนสีขาว ใส่กระโปรงยีนส์สั้น แต่งหนาโทนสีชมพู ลุคเหมือนตุ๊กตาสุดๆ หลังจากนั้นจึงออกจากคอนโด เมื่อมาถึงหน้าร้านฉันก็โทรหาเหมย เหมยก็เดินออกมารับที่หน้าร้าน แล้วพาฉันเข้าร้าน ด้านในจัดโต๊ะเป็นสัดส่วนดูมีความเป็นระเบียบ ตรงกลางเป็นเวที ซึ่งตอนนี้มีผู้ชายกำลังยืนเรียงอยู่บนเวทีเพื่อประมูลดื่ม "นี่เพื่อนร่วมงานฉันเอง ชื่อคาริสา" เหมยพาฉันมาแนะนำตัวกับเพื่อนผู้หญิงของเธอ จำนวน 5 คน "สวัสดีค่ะ" ฉันทักทายพวกเขา พวกเขาก็ทักทายฉัน "เป็นไง" เหมยถามแล้วชี้ไปทางเวที "ก็พอได้" ฉันยิ้ม แล้วมองไปบนเวที ผู้ชายที่อยู่บนเวทีมีหลายสไตล์มาก ไม่ว่าจะหน้าคม หน้าหวาน ตัวสูง ตัวล่ำมีครบจบในที่เดียว บนเวทีเริ่มมีการประมูลดื่ม ฉันก็เลยประมูลแบบจอยๆไป100ดื่ม รู้ตัวอีกทีก็แทบกรี๊ด เพราะมันดื่มละ300บาท ตอนประมูลมันก็สนุกอยู่หรอก แต่ตอนจ่ายถึงกับหน้าซีดเลยทีเดียว เงินเดือนฉันทั้งเดือนยังไม่ถึงขนาดนี้เลย(TT) "วันหลังไม่มาแล้วนะ" ฉันบอกเหมย "ก็ประมูลซะเว่อร์วังขนาดนั้น" "กระเป๋าแห้งแล้วเนี่ย" ฉันตบหน้าผากตัวเอง "สวัสดีครับ" น้องคิงที่ฉันประมูลดื่มมาเมื่อครู่ เดินตรงเข้ามาหา เขาทักทายแล้วยิ้มกว้าง เอาล่ะ ฉันโยนความคิดเมื่อครู่ทิ้ง ขยันทำงานหน่อยก็ได้แล้ววะ ไม่เป็นไรหรอก อิอิ "พี่คาริสาครับ" เสียงทุ้มต่ำที่ดังอยู่ข้างหู ฉันกับน้องพูดคุย คลอเคลียกัน มือน้องโอบที่รอบเอวฉัน มือฉันก็โอบรอบเอวน้อง "พี่คาริสา...คืนนี้ไปต่อกันไหมครับ" "หืม?" ฉันเงยหน้ามองน้อง "ผมพูดจริงนะครับ" "อย่ามาพูดเลย...ปกติทางร้านจะมีกฎไม่ให้ออกไปกับลูกค้าไม่ใช่เหรอ" "ก็ถ้าเป็นพี่ กฎนี้...ผมยอมแหกครับ" โอ้~ ทั้งฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทั้งฤทธิ์ของใบหน้านั้น ทั้งฤทธิ์ของน้ำเสียงออดอ้อนนั้น เล่นฉันแทบบ้า>.< "อย่ามาล้อเล่นเลย" ฉันตั้งสติแล้วผละออกจากน้องคิง จากนั้นจึงหันไปบอกเหมยว่า "ขอตัวก่อนนะ" "จะรีบกลับไปไหนล่ะ" "กลับไปนอนอ่ะสิ กลัวตื่นไปทำงานไม่ไหว" ฉันตอบไปแบบนั้นก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือกลัวหลงน้องคิง ฉันยิ่งเป็นผู้หญิงหวั่นไหวง่ายอยู่ด้วย "ได้" "อ่ะ" ฉันยื่นเงินสดที่เป็นค่าอาหาร และค่าอื่นๆให้เหมย "ขอบใจๆ...ว่าแต่กลับเองได้ใช่ไหม" "ได้ๆ ยังพอมีสติอยู่" ฉันพูด "เดี๋ยวไปส่งที่ลานจอดรถ" "โอเค ขอบใจ"หนึ่งเดือนต่อมา ฉันกับคุณใต้หล้าเลือกที่จะจดทะเบียนสมรสกันก่อน แล้วคุยกันว่าถ้าจะจัดงานแต่งงานก็อยากให้มีลูกของพวกเราร่วมงานด้วย ฉันปล่อยเช่าคอนโด แล้วย้ายมาอยู่กับคุณใต้หล้า เขาซื้อบ้านเดี่ยวแถวๆชานเมือง เป็นบ้านสองชั้น มีสระว่ายน้ำในตัวชีวิตของพวกเราเป็นไปอย่างเรียบง่าย วันหยุดพวกเราก็ใช้เวลาร่วมกันบ้าง บางทีก็พักผ่อนอยู่ที่บ้าน บางทีก็ออกไปเที่ยว ค่อนข้างมีความสุขเลยทีเดียว จนกระทั่งวันหนึ่ง "คุณใต้หล้า" ฉันเรียกเขาที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น"ครับ" เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉัน "แบมือ" ฉันบอกเขาพร้อมกับยิ้มมุมปาก เขาจึงยื่นมือมาตรงหน้า ฉันจึงวางของบางอย่างลงบนมือเขา"เซอร์ไพรส์""หืม?" เขามองสิ่งของที่อยู่บนมือของตัวเอง ก่อนจะลุกพรวดขึ้นมากอดฉันด้วยความยินดี"ดีใจไหมคะ?" ฉันถามเขา"ดีใจสิ...ในที่สุดก็จะมีลูกกับเธอแล้ว" เขายิ้มกว้าง และแน่นอนว่าสิ่งที่อยู่ในมือเขาคือที่ตรวจครรภ์ หลังจากนั้นเราสองคนก็เห่อลูกมาก พยายามเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเด็ก และกำลังวางแผนสร้างห้องให้ลูก แม้ฉันเพิ่งจะท้องได้สองเดือน แต่แล้ววันหนึ่ง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในวันที่ฉันเลิกงาน ใ
สองสัปดาห์ต่อมา หลังจากเคนทาโร่ออกจากโรงพยาบาล คุณใต้หล้าก็ส่งเคนทาโร่ไปอยู่ต่างหวัด ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆท่ามกลางธรรมชาติ และยังส่งบอดี้การ์ดในคราบเพื่อนบ้านให้คอยดูแลเคนทาโร่อีกด้วย หนึ่งเดือนต่อมา ฉันกับคุณใต้หล้าไปเยี่ยมเคนทาโร่ เคนทาโร่มีใบหน้าที่สดใส ฉันเห็นแล้วก็รู้สึกสุขใจ เพราะเคนทาโร่น่าจะได้ใช้ชีวิตแบบที่ต้องการแล้ว"คาริสาดูสิ ผมปลูกเองนะ" เขาอวดพืชผักที่ปลูกเอง "เก่งมาก" ฉันยิ้มกว้าง "ผมฝึกทำกับข้าวด้วยแหละ พี่ชานนท์ พี่ที่อยู่ข้างบ้านสอน" เคนทาโร่ทำตาเป็นประกาย"จริงเหรอ...งั้นวันนี้ขอชิมฝีมือคุณหน่อยนะ" ฉันพูด "ได้เลย นั่งรอก่อนนะ" เคนทาโร่ จับมือฉันกับคุณใต้หล้าให้ไปนั่งที่โซฟา แล้วจึงหายเข้าไปในครัวครู่ใหญ่ "มาแล้วๆ" เคนทาโร่เดินถือไข่เจียวต้นหอมร้อนๆ ส่งกลิ่นเย้ายวนใจ แล้วเรียกพวกฉันให้ไปที่โต๊ะอาหาร"หอมมาก" ฉันกลืนน้ำลาย "มีแค่ไข่เจียวเหรอ?" คุณใต้หล้าถาม "มียำปลากระป๋องด้วย" เคนทาโร่ตอบ ก่อนจะวิ่งเข้าไปในครัว แล้วถือจานยำปลากระป๋องมาวางบนโต๊ะ"มากินข้าวกันเถอะ" เคนทาโร่ ตักข้าวสวยร้อนๆ ยื่นให้พวกเราคนละจาน และหันไปตักของตัวเอง จากนั้นจึงเริ่มกิน "อร่อย"
"เคนทาโร่...กินส้มตำไหม?" "เอาสิๆ ผมชอบ" เขาพยักหน้าเห็นด้วย "ขอหาร้านเด็ดก่อน" ฉันหยิบมือถือขึ้นมาหาร้านส้มตำเจ้าอร่อย เมื่อหาได้ก็บอกเคนทาโร่ ประมาณเกือบยี่สิบนาทีพวกเราก็มาถึงร้าน "โห/โห" ฉันกับเคนทาโร่หันมามองหน้ากัน เมื่อมองเห็นว่าร้านส้มตำคนแน่นร้านมาก อาจจะเป็นเพราะว่าพักกลางวันด้วยแหละมั้ง "ร้านอื่นไหม" ฉันหันไปถามเคนทาโร่ "ดีครับ" เขาพูดจบก็ออกรถ พวกเราจึงหาร้านไม่ไกลจากบริเวณนั้นเพราะหิวแล้ว ขับได้สิบนาทีก็มาถึงร้านส้มตำ ฉันกับเคนทาโร่ก็สั่งตำไทย ตำปูปลาร้า ปีกไก่ย่าง น้ำตก ยำทะเล และจิ้มจุ่ม ระหว่างรออาหารก็คุยสัพเพเหระไปเรื่อย "คาริสาจัง" "หืม?" "เมื่อไหร่จะมีหลาน ผมอยากอุ้มหลาน" "พรวด!" ฉันที่ดูดน้ำส้มอยู่ น้ำส้มพุ่งออกจากปากทันที "แค่กๆ" เคนทาโร่รีบยื่นทิชชู่ให้ "ถามอะไรของคุณเนี่ย" ฉันทำหน้าไม่ถูกเลย "ผมจริงจังนะ คุณก็รู้ว่าผมมีลูกไม่ได้" เคนทาโร่หมายถึงว่าเขาชอบผู้ชาย และไม่คิดที่จะเอาน้ำเชื้อของตัวเองไปทำลูกด้วย "ฉันกับเขายังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น พวกเราเพิ่งจะคบกันเองนะ" "ผมใจร้อนไปเหรอ? ฮ่าๆ" เขาหัวเราะ "ก็ใช่น่ะสิ" "เฮ้อ~ แย่จัง" เขาถอนหายใจด้วยความเ
"พี่คะ" ฉันเรียกเขา "หืม?" "ร้องเพลงให้หนูฟังหน่อยสิ" ฉันลงไปนอนบนเตียง แล้วเท้าคางมองหน้าเขา"เอาเพลงอะไรดี?" "อะไรก็ได้ค่ะ หนูฟังได้หมด" "โอเค" เขาตอบรับ แล้วดีดกีตาร์ เริ่มทำนองเพลง ก่อนจะร้องเพลง ฉันฟังเขาอย่างตั้งใจ เนื้อเพลงที่เขาร้องสื่อความหมายว่าขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราพบกัน และเขาไม่รู้ตัวว่ารักฉันตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีคือรักไปแล้ว "คิกๆ" ฉันนั่งยิ้มกว้าง ทำตาหวานเยิ้มมองเขา อีตาพี่คนนี้มันโรแมนติกตัวพ่อเลยนี่นา( ꈍᴗꈍ) "แปะๆ" ฉันตบมือรัวๆ แล้วพูดว่า "ร้องเพราะมากเลยค่ะ" "เพลงนี้แต่งเองนะ" "จริงเหรอ" "ใช่...มันเป็นความรู้สึกของผม...ถึงคุณ" "โอ๊ย~" ฉันเอามือจับที่บริเวณหัวใจของตัวเอง แล้วกระตุกทำท่าเหมือนจะตาย "เว่อร์" เขาหัวเราะ แล้วลุกไปเก็บกีตาร์ จากนั้นจึงนอนบนเตียง แล้วตะแคงข้างหันมากอดฉัน "จุ๊บ" เขายื่นหน้า มาจูบริมฝีปากฉันเบาๆ และแน่นอนว่าฉันไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่>.ฉันขบเม้มริมฝีปากเขา แล้วค่อยๆสอดลิ้นเล็กเข้าไปในโพรงปาก ใช้ลิ้นเล็กเกี่ยวรัดลิ้นหนาอย่างหยอกล้อ มือที่ว่างอยู่ก็ยื่นไปปลดกระดุมเสื้อเขา ส่วนเขาใช้มือหนา ลูบไล้ที่บริเวณต้นขา ก่อนจะผลุ
หนึ่งเดือนต่อมา หลังจากที่ตกลงเป็นแฟนกัน เขากับฉันก็เจอกันบ้าง แต่ไม่ได้บ่อย ส่วนใหญ่จะวีดีโอคอลมากกว่าเพราะเขางานยุ่งและคืนนี้เขาสะพายกระเป๋าหนึ่งใบ มายืนอยู่หน้าห้องของฉันแล้วบอกว่า "ผมจะมาอยู่ที่นี่หนึ่งสัปดาห์" "พี่ไม่ทำงานทำการหรือไงคะ?" ฉันเอียงคอถามด้วยความสงสัย "เคลียร์หมดแล้วครับ" "อย่าบอกนะว่า...ที่พี่โหมทำงานหนักตลอดหนึ่งเดือนนี้เพราะจะลามาอยู่กับหนู" "ใช่" เขายิ้มกว้าง "โห~" น้ำตาของฉันไหลริน "ร้องไห้ทำไม" เขายื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ฉัน "ฮือ~" ฉันยิ่งร้องไห้หนัก เขาจึงดึงฉันเข้าไปกอดปลอบใจ แล้วอุ้มฉันเข้าห้อง จากนั้นจึงวางลงบนเตียงกว้าง"ไม่ดีใจเหรอ?" "ฮึก...ดีใจสิคะ" ฉันสะอื้นตอบ ก่อนหน้าที่เคยผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันก็เคยคิดว่าเป็นเพราะฉันดีไม่พอหรือเพราะอะไร ทำไมคนอย่างฉันไม่สมควรถูกรักบ้าง ทั้งๆที่ทุกความสัมพันธ์ฉันให้ใจไปเต็มร้อยและซื่อสัตย์กับทุกความสัมพันธ์เสมอ และในวันนี้ฉันได้คำตอบแล้วว่า'เพราะที่ผ่านมาฉันรักไม่ถูกคน' กว่าฉันจะก้าวผ่านความเจ็บปวดและเยียวยาจิตใจตัวเองจากคนก่อนๆค่อนข้างสาหัสทีเดียว ฉันเก็บความผิดพลาดจากคนก่อนๆมาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แล้วเริ
เมื่อขับรถตามมาจนถึงจุดหมาย ก็พบว่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ฉ้นกับคุณใต้หล้าจึงลงจากรถ "ฮือๆ" เสียงสะอื้นของเหมยดังลอดออกมา ฉันมองเข้าไปก็ไม่เห็นตัวเหมยเพราะคนที่จับตัวเหมยมายืนล้อมเหมยเอาไว้ "สาแก่ใจหรือยัง" เสียงผู้ชายที่เต็มไปด้วยความคับแค้นระคนเศร้าใจดังขึ้น ฉันจำได้ว่ามันเป็นเสียงของคนที่เอาปืนขู่ฉัน "ฮึกๆ...ฮือๆ...ฉันขอโทษ...ฉันไม่รู้" เหมยสะอื้น "ไม่รู้? พูดง่ายๆว่าไม่รู้...ฮ่าๆ" ชายคนนั้นหัวเราะเหมือนคนเสียสติ คุณใต้หล้าจับมือฉันเดินเข้าไปใกล้ พวกเขาได้ยินฝีเท้าของพวกเราจึงพากันเปิดทางออก ทำให้ฉันเห็นโลงศพสามโลงตั้งอยู่ หน้าโลงศพ มีผู้หญิงอายุราวๆสี่สิบปีหนึ่งคน เด็กผู้หญิงอายุราวๆสิบสองปีหนึ่งคน และเด็กชายอายุราวๆเก้าขวบหนึ่งคน เมื่อเห็นอย่างนั้นฉันก็พอนึกเรื่องราวออก ฉันมองไปที่เหมยแล้วเดินเข้าไปหา "เหมย" "คาริสา...ฮือๆ" "แกกลับไปทำงานแล้วเหรอ?" "ใช่" "คดีแรกเหรอ?" "ฮึก...ฮือๆ...ใช่...แต่ฉันไม่รู้นี่...ไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้" "เมาแล้วขับใช่ไหม" "น่าจะใช่...ฮือ" "เฮ้อ~" ฉันถอนหายใจ ไม่รู้จะช่วยยังไง ถ้าพูดในเรื่องของหน้าที่เหมยก็ทำถูกแล้ว แต่ถ้าจะพูดถึง