ช่วงสายวันต่อมา
ฉันตื่นมาอาบน้ำ แต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นสีครีม แต่งหน้าอ่อนๆ รวบผมลวกๆ จากนั้นจึงไปร้านขนส่งเพื่อส่งของให้ลูกค้า แล้วไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ซื้อพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารแห้ง ขนมขบเคี้ยว ช็อกโกแลต น้ำต่างๆ เอาไว้ตุนในห้อง พอกลับมาถึงห้อง ฉันก็ทำความสะอาดห้อง ซักผ้า กินข้าว แล้วนอนเล่นแอป live jing เวลานี้เคนทาโร่ยังไม่ขึ้นไลฟ์ ฉันจึงคุยกับคนอื่นๆเพื่อแก้เบื่อ "ครืด ครืด" เสียงแจ้งเตือนส่งข้อความจากไลน์เด้งขึ้นที่หน้าจอ เคนทาโร่ : คุณคาริสาทำอะไรอยู่ครับ? คาริสา : เล่นแอป live jing อยู่ค่ะ เคนทาโร่ : อ่า...งั้นผมไม่กวนแล้ว ไว้ทักไปใหม่นะครับ คาริสา : อ้าว จะรีบไปไหนคะ ฉันยังไม่ได้ตอบว่าสะดวกหรือไม่สะดวกเลยนะ คาริสา : ส่งสติกเกอร์หัวเราะ เคนทาโร่ : ผมกลัวว่าจะรบกวนเวลาคุณน่ะครับ คาริสา : ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าคะ? เคนทาโร่ : แค่รู้สึกเหงาๆน่ะครับ คาริสา : เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เล่าให้ฟังได้นะคะ เคนทาโร่ : ไม่ได้เป็นอะไรครับ...แต่ว่า ช่วยอยู่คุยเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหมครับ คาริสา : ได้สิคะ เคนทาโร่ : ขอบคุณมากนะครับ คาริสา : ไม่เป็นไรค่ะ เคนทาโร่ : งั้นผมขอเปิดกล้องคุยได้ไหมครับ คาริสา : ได้ค่ะ แต่ขอเวลาสิบนาทีนะคะ เดี๋ยวฉันโทรหาเองค่ะ เคนทาโร่ : ได้ครับ เมื่อเขาตอบตกลง ฉันรีบลุกไปนั่งหน้ากระจก จัดการเติมแป้ง เติมตา เติมลิปสติก แล้วเปลี่ยนไปใส่เสื้อเปิดไหล่สีแดง เมื่อเช็คตัวเองเรียบร้อยแล้ว ฉันจึงกดวีดีโอคอลหาเขา "สวัสดีครับ" เขากดรับแล้วทักทายพร้อมรอยยิ้มบางๆ "สวัสดีค่ะ" ฉันยิ้มกว้าง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันวีดีโอคอลกับเขาแบบส่วนตัว ก่อนหน้านั้นเคยคุยกันในแอป live jing ก็จริง แต่ก็จะมีคนเข้าๆ ออกๆห้องไลฟ์ตลอด "รู้ไหม...คุณเป็นคนแรกในแอป live jing ที่ผมแลกไลน์ส่วนตัว" "โอ้~ พูดจริงหรือพูดเล่นคะเนี่ย ไม่ใช่ว่าพูดแบบนี้กับทุกคนเหรอคะ" "ผมพูดจริงๆนะ เชื่อผมสิคุณคาริสา" เขาพูดด้วยสีหน้ากังวล "ฉันหยอกคุณเล่นค่ะ คิกๆ...ฉันเชื่อคุณอยู่แล้วค่ะ" ฉันหัวเราะเบาๆ "คุณรู้ไหม...เวลาผมคุยกับคุณ ผมสบายใจมากเลยนะ ถึงเราจะเพิ่งรู้จักกันไม่นานก็ตาม" "จริงเหรอคะ ดีใจที่คุณรู้สึกแบบนั้นนะคะ ถ้างั้นพวกเราก็คุยกันบ่อยๆสิคะ คุยกันทุกวันยังได้เลย" "คุณพูดเองนะ งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ" เขาพูดทีเล่นทีจริงแล้วหัวเราะ "แน่นอนสิคะ คุณโทรหาฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ" "ขอบคุณมากนะครับ" "ไม่เป็นไรค่ะ" หลังจากนั้นเขาจึงเปิดประเด็นขึ้นมาว่ามีเรื่องไม่สบายใจ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องอะไร ฉันก็ได้แต่ให้กำลังใจเขา "คาริสาจัง" เราคุยกันไปมาจนเขาสนิทใจ เรียกฉันว่าคาริสาจัง "อะไรคะ เคนทาโร่คุง" "วันไหนที่ว่างๆ คุณมาเที่ยวที่ญี่ปุ่นสิครับ" "อยากเจอฉันเหรอคะ?" ฉันเอียงคอถามอยางมีจริต "ใช่ครับ ไว้ว่างๆ เรามาเจอกันไหมครับ" "ดีเลยค่ะ ฉันเองก็อยากไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นอยู่เหมือนกัน" "งั้นถ้าวันไหนที่คาริสาจังว่าง ก็บอกผมได้เลยนะ เดี๋ยวผมจองตั๋วเครื่องบินให้ ส่วนเรื่องค่าที่พักหรือค่ากินก็ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะออกให้ทั้งหมด" "ไม่เป็นไรค่ะๆ ฉันเกรงใจเคนทาโร่คุง" "ไม่ต้องเกรงใจนะคาริสาจัง พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่ครับ" คำพูดเขาดับฝันฉันมาก ทำไมต้องขีดเส้นใต้คำว่าเพื่อนด้วย แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้เป็นแค่เพื่อน...แต่ในอนาคตอาจจะเลื่อนสถานะก็ได้ คิกๆ(≧▽≦) "งั้นก็ได้ค่ะ" "ดึกแล้ว...แยกย้ายกันไปนอนเถอะครับ" เขาพูดขึ้นหลังจากที่คุยกันไปหลายชั่วโมง "ได้ค่ะ ฝันดีนะคะเคนทาโร่คุง" "ฝันดีครับ" จากนั้นเขาก็วางสายไป ส่วนฉันเปลี่ยนเสื้อ แล้วต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสลาบกิน จากนั้นก็กินขนมปังทาแยมกับนมช็อคโกแลต แล้วไปอาบน้ำมาไลฟ์สดขายของ จากนั้นจึงเข้านอน เช้าวันต่อมา "ครืด ครืด" เสียงเรียกเข้ามือถือดังขึ้น ฉันงัวเงีย ยื่นมือควานหามือถือ จากนั้นจึงกดรับสาย "สวัสดีค่ะ โทรจากบริษัทxxxนะคะ คุณคาริสาใช่ไหมคะ?" "ใช่ค่ะ" "ยินดีด้วยค่ะ คุณได้รับเข้าทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยทนายความ พรุ่งนี้เวลา08.00 กรุณามารายงานตัวที่บริษัทด้วยนะคะ" "ค่ะ" เมื่อฉันตอบรับ ปลายสายจึงวางสายไป ส่วนฉันนอนหลับต่อ...แต่เอ๊ะ...เดี๊ยวนะ "กรี๊ด~" ฉันกระเด้งขึ้นจากเตียงแล้วกรีดร้องด้วยความดีใจ นี่ฉันได้งานแล้วนี่นา แถมได้ทำงานกับทนายบีมด้วย โคตรจะโชคดี "ทักไปบอกเคนทาโร่ดีกว่า" ฉันยิ้มด้วยความดีใจ แล้วส่งข้อความไปหาเคนทาโร่ จากนั้นจึงไล่เปิดดูคลิปของทนายบีม ทั้งคลิปเก่า ทั้งคลิปใหม่ "คนอะไรทั้งหล่อ ทั้งเก่ง หลงอ่า งื้อ~" ฉันดูคลิปไป จินตนาการไป วาสนาของใครกันหนอ น่าอิจฉาจริงๆหนึ่งเดือนต่อมา ฉันกับคุณใต้หล้าเลือกที่จะจดทะเบียนสมรสกันก่อน แล้วคุยกันว่าถ้าจะจัดงานแต่งงานก็อยากให้มีลูกของพวกเราร่วมงานด้วย ฉันปล่อยเช่าคอนโด แล้วย้ายมาอยู่กับคุณใต้หล้า เขาซื้อบ้านเดี่ยวแถวๆชานเมือง เป็นบ้านสองชั้น มีสระว่ายน้ำในตัวชีวิตของพวกเราเป็นไปอย่างเรียบง่าย วันหยุดพวกเราก็ใช้เวลาร่วมกันบ้าง บางทีก็พักผ่อนอยู่ที่บ้าน บางทีก็ออกไปเที่ยว ค่อนข้างมีความสุขเลยทีเดียว จนกระทั่งวันหนึ่ง "คุณใต้หล้า" ฉันเรียกเขาที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น"ครับ" เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉัน "แบมือ" ฉันบอกเขาพร้อมกับยิ้มมุมปาก เขาจึงยื่นมือมาตรงหน้า ฉันจึงวางของบางอย่างลงบนมือเขา"เซอร์ไพรส์""หืม?" เขามองสิ่งของที่อยู่บนมือของตัวเอง ก่อนจะลุกพรวดขึ้นมากอดฉันด้วยความยินดี"ดีใจไหมคะ?" ฉันถามเขา"ดีใจสิ...ในที่สุดก็จะมีลูกกับเธอแล้ว" เขายิ้มกว้าง และแน่นอนว่าสิ่งที่อยู่ในมือเขาคือที่ตรวจครรภ์ หลังจากนั้นเราสองคนก็เห่อลูกมาก พยายามเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเด็ก และกำลังวางแผนสร้างห้องให้ลูก แม้ฉันเพิ่งจะท้องได้สองเดือน แต่แล้ววันหนึ่ง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในวันที่ฉันเลิกงาน ใ
สองสัปดาห์ต่อมา หลังจากเคนทาโร่ออกจากโรงพยาบาล คุณใต้หล้าก็ส่งเคนทาโร่ไปอยู่ต่างหวัด ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆท่ามกลางธรรมชาติ และยังส่งบอดี้การ์ดในคราบเพื่อนบ้านให้คอยดูแลเคนทาโร่อีกด้วย หนึ่งเดือนต่อมา ฉันกับคุณใต้หล้าไปเยี่ยมเคนทาโร่ เคนทาโร่มีใบหน้าที่สดใส ฉันเห็นแล้วก็รู้สึกสุขใจ เพราะเคนทาโร่น่าจะได้ใช้ชีวิตแบบที่ต้องการแล้ว"คาริสาดูสิ ผมปลูกเองนะ" เขาอวดพืชผักที่ปลูกเอง "เก่งมาก" ฉันยิ้มกว้าง "ผมฝึกทำกับข้าวด้วยแหละ พี่ชานนท์ พี่ที่อยู่ข้างบ้านสอน" เคนทาโร่ทำตาเป็นประกาย"จริงเหรอ...งั้นวันนี้ขอชิมฝีมือคุณหน่อยนะ" ฉันพูด "ได้เลย นั่งรอก่อนนะ" เคนทาโร่ จับมือฉันกับคุณใต้หล้าให้ไปนั่งที่โซฟา แล้วจึงหายเข้าไปในครัวครู่ใหญ่ "มาแล้วๆ" เคนทาโร่เดินถือไข่เจียวต้นหอมร้อนๆ ส่งกลิ่นเย้ายวนใจ แล้วเรียกพวกฉันให้ไปที่โต๊ะอาหาร"หอมมาก" ฉันกลืนน้ำลาย "มีแค่ไข่เจียวเหรอ?" คุณใต้หล้าถาม "มียำปลากระป๋องด้วย" เคนทาโร่ตอบ ก่อนจะวิ่งเข้าไปในครัว แล้วถือจานยำปลากระป๋องมาวางบนโต๊ะ"มากินข้าวกันเถอะ" เคนทาโร่ ตักข้าวสวยร้อนๆ ยื่นให้พวกเราคนละจาน และหันไปตักของตัวเอง จากนั้นจึงเริ่มกิน "อร่อย"
"เคนทาโร่...กินส้มตำไหม?" "เอาสิๆ ผมชอบ" เขาพยักหน้าเห็นด้วย "ขอหาร้านเด็ดก่อน" ฉันหยิบมือถือขึ้นมาหาร้านส้มตำเจ้าอร่อย เมื่อหาได้ก็บอกเคนทาโร่ ประมาณเกือบยี่สิบนาทีพวกเราก็มาถึงร้าน "โห/โห" ฉันกับเคนทาโร่หันมามองหน้ากัน เมื่อมองเห็นว่าร้านส้มตำคนแน่นร้านมาก อาจจะเป็นเพราะว่าพักกลางวันด้วยแหละมั้ง "ร้านอื่นไหม" ฉันหันไปถามเคนทาโร่ "ดีครับ" เขาพูดจบก็ออกรถ พวกเราจึงหาร้านไม่ไกลจากบริเวณนั้นเพราะหิวแล้ว ขับได้สิบนาทีก็มาถึงร้านส้มตำ ฉันกับเคนทาโร่ก็สั่งตำไทย ตำปูปลาร้า ปีกไก่ย่าง น้ำตก ยำทะเล และจิ้มจุ่ม ระหว่างรออาหารก็คุยสัพเพเหระไปเรื่อย "คาริสาจัง" "หืม?" "เมื่อไหร่จะมีหลาน ผมอยากอุ้มหลาน" "พรวด!" ฉันที่ดูดน้ำส้มอยู่ น้ำส้มพุ่งออกจากปากทันที "แค่กๆ" เคนทาโร่รีบยื่นทิชชู่ให้ "ถามอะไรของคุณเนี่ย" ฉันทำหน้าไม่ถูกเลย "ผมจริงจังนะ คุณก็รู้ว่าผมมีลูกไม่ได้" เคนทาโร่หมายถึงว่าเขาชอบผู้ชาย และไม่คิดที่จะเอาน้ำเชื้อของตัวเองไปทำลูกด้วย "ฉันกับเขายังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น พวกเราเพิ่งจะคบกันเองนะ" "ผมใจร้อนไปเหรอ? ฮ่าๆ" เขาหัวเราะ "ก็ใช่น่ะสิ" "เฮ้อ~ แย่จัง" เขาถอนหายใจด้วยความเ
"พี่คะ" ฉันเรียกเขา "หืม?" "ร้องเพลงให้หนูฟังหน่อยสิ" ฉันลงไปนอนบนเตียง แล้วเท้าคางมองหน้าเขา"เอาเพลงอะไรดี?" "อะไรก็ได้ค่ะ หนูฟังได้หมด" "โอเค" เขาตอบรับ แล้วดีดกีตาร์ เริ่มทำนองเพลง ก่อนจะร้องเพลง ฉันฟังเขาอย่างตั้งใจ เนื้อเพลงที่เขาร้องสื่อความหมายว่าขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราพบกัน และเขาไม่รู้ตัวว่ารักฉันตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีคือรักไปแล้ว "คิกๆ" ฉันนั่งยิ้มกว้าง ทำตาหวานเยิ้มมองเขา อีตาพี่คนนี้มันโรแมนติกตัวพ่อเลยนี่นา( ꈍᴗꈍ) "แปะๆ" ฉันตบมือรัวๆ แล้วพูดว่า "ร้องเพราะมากเลยค่ะ" "เพลงนี้แต่งเองนะ" "จริงเหรอ" "ใช่...มันเป็นความรู้สึกของผม...ถึงคุณ" "โอ๊ย~" ฉันเอามือจับที่บริเวณหัวใจของตัวเอง แล้วกระตุกทำท่าเหมือนจะตาย "เว่อร์" เขาหัวเราะ แล้วลุกไปเก็บกีตาร์ จากนั้นจึงนอนบนเตียง แล้วตะแคงข้างหันมากอดฉัน "จุ๊บ" เขายื่นหน้า มาจูบริมฝีปากฉันเบาๆ และแน่นอนว่าฉันไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่>.ฉันขบเม้มริมฝีปากเขา แล้วค่อยๆสอดลิ้นเล็กเข้าไปในโพรงปาก ใช้ลิ้นเล็กเกี่ยวรัดลิ้นหนาอย่างหยอกล้อ มือที่ว่างอยู่ก็ยื่นไปปลดกระดุมเสื้อเขา ส่วนเขาใช้มือหนา ลูบไล้ที่บริเวณต้นขา ก่อนจะผลุ
หนึ่งเดือนต่อมา หลังจากที่ตกลงเป็นแฟนกัน เขากับฉันก็เจอกันบ้าง แต่ไม่ได้บ่อย ส่วนใหญ่จะวีดีโอคอลมากกว่าเพราะเขางานยุ่งและคืนนี้เขาสะพายกระเป๋าหนึ่งใบ มายืนอยู่หน้าห้องของฉันแล้วบอกว่า "ผมจะมาอยู่ที่นี่หนึ่งสัปดาห์" "พี่ไม่ทำงานทำการหรือไงคะ?" ฉันเอียงคอถามด้วยความสงสัย "เคลียร์หมดแล้วครับ" "อย่าบอกนะว่า...ที่พี่โหมทำงานหนักตลอดหนึ่งเดือนนี้เพราะจะลามาอยู่กับหนู" "ใช่" เขายิ้มกว้าง "โห~" น้ำตาของฉันไหลริน "ร้องไห้ทำไม" เขายื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ฉัน "ฮือ~" ฉันยิ่งร้องไห้หนัก เขาจึงดึงฉันเข้าไปกอดปลอบใจ แล้วอุ้มฉันเข้าห้อง จากนั้นจึงวางลงบนเตียงกว้าง"ไม่ดีใจเหรอ?" "ฮึก...ดีใจสิคะ" ฉันสะอื้นตอบ ก่อนหน้าที่เคยผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันก็เคยคิดว่าเป็นเพราะฉันดีไม่พอหรือเพราะอะไร ทำไมคนอย่างฉันไม่สมควรถูกรักบ้าง ทั้งๆที่ทุกความสัมพันธ์ฉันให้ใจไปเต็มร้อยและซื่อสัตย์กับทุกความสัมพันธ์เสมอ และในวันนี้ฉันได้คำตอบแล้วว่า'เพราะที่ผ่านมาฉันรักไม่ถูกคน' กว่าฉันจะก้าวผ่านความเจ็บปวดและเยียวยาจิตใจตัวเองจากคนก่อนๆค่อนข้างสาหัสทีเดียว ฉันเก็บความผิดพลาดจากคนก่อนๆมาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แล้วเริ
เมื่อขับรถตามมาจนถึงจุดหมาย ก็พบว่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ฉ้นกับคุณใต้หล้าจึงลงจากรถ "ฮือๆ" เสียงสะอื้นของเหมยดังลอดออกมา ฉันมองเข้าไปก็ไม่เห็นตัวเหมยเพราะคนที่จับตัวเหมยมายืนล้อมเหมยเอาไว้ "สาแก่ใจหรือยัง" เสียงผู้ชายที่เต็มไปด้วยความคับแค้นระคนเศร้าใจดังขึ้น ฉันจำได้ว่ามันเป็นเสียงของคนที่เอาปืนขู่ฉัน "ฮึกๆ...ฮือๆ...ฉันขอโทษ...ฉันไม่รู้" เหมยสะอื้น "ไม่รู้? พูดง่ายๆว่าไม่รู้...ฮ่าๆ" ชายคนนั้นหัวเราะเหมือนคนเสียสติ คุณใต้หล้าจับมือฉันเดินเข้าไปใกล้ พวกเขาได้ยินฝีเท้าของพวกเราจึงพากันเปิดทางออก ทำให้ฉันเห็นโลงศพสามโลงตั้งอยู่ หน้าโลงศพ มีผู้หญิงอายุราวๆสี่สิบปีหนึ่งคน เด็กผู้หญิงอายุราวๆสิบสองปีหนึ่งคน และเด็กชายอายุราวๆเก้าขวบหนึ่งคน เมื่อเห็นอย่างนั้นฉันก็พอนึกเรื่องราวออก ฉันมองไปที่เหมยแล้วเดินเข้าไปหา "เหมย" "คาริสา...ฮือๆ" "แกกลับไปทำงานแล้วเหรอ?" "ใช่" "คดีแรกเหรอ?" "ฮึก...ฮือๆ...ใช่...แต่ฉันไม่รู้นี่...ไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้" "เมาแล้วขับใช่ไหม" "น่าจะใช่...ฮือ" "เฮ้อ~" ฉันถอนหายใจ ไม่รู้จะช่วยยังไง ถ้าพูดในเรื่องของหน้าที่เหมยก็ทำถูกแล้ว แต่ถ้าจะพูดถึง