ตอนที่ 6 เตรียมงานแต่ง
“คุณหนูพักก่อนเถอะค่ะ คุณหนูนั่งทำงานมาทั้งวันแล้วนะคะ เดี๋ยวร่างกายจะไม่ไหวเอา” เสียวปิงที่ยกของว่างมาให้เอ่ยเตือน คุณหนูของเธอนั่งทำงานหนักแบบนี้มาเกือบอาทิตย์แล้ว กว่าจะได้นอนก็ดึกดื่น
“ขอบคุณนะ แต่ฉันไม่เป็นอะไร จริงสิรายชื่อของแขกในงานเรียบร้อยหรือยัง” ถิงถิงถามถึงรายชื่อของแขกที่จะเชิญมาร่วมงานแต่ง
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ทางนั้นพึ่งส่งรายชื่อแขกมาให้” ทางนั้นที่เสียวปิงพูดถึงก็คืออี้ฟาน
“เอารายชื่อมาให้ฉันเลยนะ จะได้เริ่มเขียนซองเลยเดี๋ยวจะไม่ทัน พอพี่กลับมาจะได้เริ่มแจกเลย”
“ค่ะ ส่วนเรื่องชุดพรุ่งนี้ที่ร้านจะนำชุดที่คุณหนูเลือกมาให้ลองค่ะ” เสียวปิงรายงาน
“ขอบใจนะเสียวปิง เธอไปทำงานของเธอต่อเถอะ ไว้มีอะไรฉันจะเรียก” ถิงถิงบอก เสียวปิงมองเจ้านายสาวที่กำลังตั้งใจทำงานอยู่สักพักก่อนตอบรับคำสั่ง
“ค่ะ คุณหนูอย่าลืมพักผ่อนบ้างนะคะ” เสียวปิงย้ำก่อนจะออกจากห้องทำงานของเธอ ถิงถิงรู้ดีว่าเสียวปิงเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน แต่ตอนนี้เธอมีเรื่องหลายอย่างให้ต้องจัดการ ทั้งเรื่องกิจการของตระกูลที่เธอต้องเข้ามารับหน้าที่แทนคุณปู่ที่ป่วย และหวังเหล่ยก็ยังเด็กเกินที่จะรับผิดชอบหน้าที่ตรงนี้ โชคดีที่อาซ่งกับลูกชายของท่านช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้เยอะพอสมควรเธอเลยมีเวลาที่จะเตรียมงานแต่ง ถึงงานแต่งครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพราะผลประโยชน์แต่ก็เป็นงานแต่งครั้งแรกในชีวิตของเธอ เธอเองก็อยากจะทำมันให้ดีที่สุด
ถิงถิงกดส่งรูปชุดแต่งงานของเธอและของเจ้าบ่าวให้อี้ฟานช่วยเลือก ถึงแม้จะรู้ว่าคำตอบที่ได้มาจะมีแค่คำว่า แล้วแต่เธอก็ตาม เธอก็คิดว่าอย่างน้อยเขาได้เห็นมันบ้านก็ยังดี
เกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาตั้งแต่อี้ฟานไปทำงานนอกเมืองเธอกับเขาก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย จะเมีเพียงแค่การคุยกันผ่านโทรศัพท์หรือไม่ก็แอปสนทนา ในตอนแรกที่เธอติดต่อกับเขาเธอคิดว่าเขาจะไม่สนใจแม้แต่จะอ่านข้อความของเธอ แต่เธอก็คิดผิดเพราะอี้ฟานอ่านและตอบข้อความเธอแทบจะทันที ถึงจะเป็นเพียงแค่ข้อความสั้นๆ แต่มันก็ช่วยให้งานของเธอเบาไปได้เยอะ
‘ถ้าพรุ่งนี้พี่กลับมาเร็ว แล้วพอมีเวลาก็เข้ามาลองชุดด้วยกันนะคะ’ ถิงถิงพิมพ์ข้อความฝากไว้ให้อี้ฟานอ่าน ชุดเจ้าบ่าวของเขาถึงเธอจะเลือกให้ได้แต่ก็ไม่สามารถลองให้ก่อนได้ เธอเลยอยากให้เขามาลองด้วยตัวเองดีกว่า
‘อื้ม’ นี้คือคำตอบกลับของอี้ฟาน แต่ถิงถิงก็ไม่ได้คิดมากอะไร เธอยังคงนั่งทำงานของเธอต่อไปเรื่อยจนกระทั่งเย็น
“เย็นขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ถิงถิงหันออกไปดูข้างนอกหน้าต่างเห็นพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าเธอถึงได้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว
“ใช่ครับ อีกเดี๋ยวก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว” เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นที่หน้าห้อง ถิงถิงเลยหันกลับมามอง ก่อนจะยิ้มหวานออกมา
“หวังเหล่ย มาตั้งแต่เมื่อไร” ถิงถิงถามน้องชายของเธอที่อยู่ในชุดนักเรียนมอปลายของโรงเรียนชื่อดังที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของเธอแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง
ถิงถิงมองน้องชายร่วมสายเลือดของเธอด้วยความเอ็นดู ใครหลายๆคนที่ได้เจอน้องชายเธอล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน้องชายเธอดูเป็นผู้ใหญ่ ถ้าไม่บอกก็ไม่เชื่อว่าเป็นเด็กอายุสิบเจ็ด แต่สำหรับเธอต่อให้หวังเหล่ยจะสูงหล่อเท่ขนาดไหน ก็ยังคงเป็นหวังเหล่ยเจ้าแก้มนุ่มสำหรับเธออยู่ดี
“ผมพึ่งมาถึง ยังไม่ทันได้เข้าห้องไปเปลี่ยนชุดเลยพี่เสียวปิงก็มาบอกให้ผมมาเรียกพี่หน่อย เพราะพี่ทำงานไม่หยุดพักเลย นี่พี่ทำงานหนักขนาดไหนกัน พี่เสียวปิงถึงได้เป็นห่วงขนาดนั้นเนี่ย” หวังเหล่ยถาม ถึงเสียวปิงไม่บอกความจริงเขาก็ตั้งใจจะแวะมาหาพี่สาวของเขาอยู่แล้ว
“อย่าไปเชื่อเสียวปิงให้มาก ขานั้นนะเป็นห่วงพี่เกินไป”
“ผมว่าไม่นะ พี่เสียวปิงไม่ได้ห่วงพี่เกินไปหรอก เพราะพี่นะชอบฝืนตัวเองเกินไปต่างหาก ดูสิผอมลงอีกแล้วกินให้เยอะๆหน่อยสิ” หวังเหล่ยดุพี่สาวเบาๆ เขารู้ว่าที่พี่ต้องทำงานหนักก็เพราะเขา ที่ผ่านมาพี่ปกป้องเขามาตลอดแม้กระทั่งตอนนี้ เพื่อให้การขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลของเขาเป็นไปอย่างราบรื่นพี่ถึงกับยอมแต่งงาน
“พี่ ผมจะรีบโตแล้วก็ขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลถึงวันนั้นผมจะปกป้องพี่เอง” หวังเหล่ยพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“อื้ม พี่จะรอวันนั้นนะ” ถิงถิงตอบรับคำพูดของน้องชาย แล้วสองพี่น้องก็เดินออกจากห้องทำงานเพื่อไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหาร
เช้าวันต่อมา
“ชุดนี้ไม่ผ่านมันโป๊ไป ไปเปลี่ยนใหม่”
“แต่นี่ชุดที่ห้าแล้วนะหวังเหล่ย พี่ขี้เกียจเปลี่ยนแล้ว” ถิงถิงบอกเธอเปลี่ยนชุดตามที่หวังเหล่ยบอกเป็นรอบที่ห้าแล้วก็ยังไม่ถูกใจเขาสักที สรุปใครใส่ชุดนี้กันแน่ เป็นเจ้าบ่าวก็ไม่ใช่แต่สั่งเก่งจริง ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าในอนาคตถ้าใครได้เขาเป็นสามีจะปวดหัวขนาดไหน
“แค่ห้าชุดเอง ยังเหลือชุดที่ร้านเอามาให้ลองอีกเป็นสิบชุด อ่ะครั้งนี้ลองชุดนี้ถ้าชุดนี้โอเคก็ไม่ต้องลองชุดอื่น” หวังเหล่ยยื่นชุดเจ้าสาวชุดที่หกให้พี่สาวของเขาไปลอง เขาเองก็รู้ว่าพี่เหนื่อยแต่วันสำคัญของพี่ทั้งที เขาก็อยากให้พี่เขาสวยที่สุด
“พี่เสียวปิงวันนี้เจ้าบ่าวของพี่ไม่มาลองชุดด้วยเหรอ ผมเห็นมีชุดเจ้าบ่าวด้วยนี่” หวังเหล่ยมองไปที่ราวที่มีชุดเจ้าบ่าววางเรียงอยู่ แต่ยังไม่ถูกลองซักชุดเพราะคนลองไม่อยู่
“ประธานฮั้วไปทำงานต่างเมืองยังไม่กลับค่ะ” เสียวปิงตอบ
“ถึงจะงั้นก็เถอะ แต่ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ งานแต่งก็ให้พี่ผมเตรียมเองทั้งหมด ขนาดวันลองชุดก็ไม่ยอมมา ญาติฝ่ายตัวเองก็ยังไม่พาไปแนะนำให้รู้จักทั้งๆที่ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วแท้ๆ นี้ผมอยากรู้จังว่าฝั่งนั้นมีใครรู้ไหมว่าประธานฮั้วจะแต่งงานนะ พี่ผมคิดยังไงนะถึงได้เลือกคนเย็นชาแบบนั้นมาแต่งงานด้วย” หวังเหล่ยบ่นชุดใหญ่ เขารู้ว่าพี่เขากับประธานฮั้วแต่งงานกันแค่เพราะผลประโยชน์แต่ที่ประธานฮั้วทำมันก็เกินไป พี่สาวเขายิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ด้วยแต่มาโยนงานให้แบบนี้ถ้าพี่เขาเป็นอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ แค่คิดเขาก็โมโหจนอยากจะล้มงานแต่งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ถ้าทำแบบนั้นพี่ได้โกรธเขาแน่
“นอกจากเป็นซาตานแล้วฉันยังเป็นคนเย็นชาด้วยเหรอ ถ้านายไม่บอกฉันก็ไม่รู้เลยนะเนี่ย” เสียงของอี้ฟานดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาในห้องลองชุด อี้ฟานมองสำรวจน้องเขยที่จ้องเขาตาไม่กะพริบ ใจกล้าดีนี่กล้าจ้องเขาอย่างไม่กลัวเลย แบบนี้ค่อยหน้าสนับสนุนหน่อย ส่วนหวังเหล่ยก็สำรวจพี่เขยเหมือนกันเขาได้ยินชื่อของพี่เขยตามข่าวต่างๆมานานแต่นี้คือครั้งแรกที่เคยเจอตัวจริง พี่สาวเธอก็พอเลือกผู้ชายเป็นอย่างน้อยคนตรงหน้าก็ดูจะปกป้องพี่สาวของเขาได้
“พี่” เสียงของถิงถิงเรียกให้ทั้งสองคนที่กำลังจ้องกันอยากดุเดือดหันไปมองทางเธอ
อี้ฟานมองถิงถิงที่อยู่ในชุดแต่งงาน จนทำให้เธอรู้สึกเขิน
“พี่มาตั้งแต่เมื่อไรเหรอคะ”
“ไหนชุดฉันล่ะ” อี้ฟานไม่ตอบแต่เดินเข้าไปถามหาชุดเจ้าบ่าวของตัวเอง ถิงถิงเลยชี้ไปที่ราวที่มีชุดเจ้าบ่าวแขวนอยู่
“เลือกชุดที่คู่กับชุดนั้น” อี้ฟานหันไปบอกพนักงานของร้านชุด ก่อนจะหยิบชุดที่พนักงานเลือกให้แล้วนำเข้าไปเปลี่ยน สักพักเขาก็เดินออกมาแล้วมายืนข้างถิงถิง
“สวยหล่อมาเลยค่ะ นี้ต้องเป็นคู่ที่ทุกคนต้องอิจฉาแน่ๆ” เจ้าของร้านชุดชมไม่ขาดปาก มันก็จริงถ้าใครได้มาเห็นทั้งสองยืนคู่กับแบบนี้ก็ต้องรู้สึกแบบนี้ทั้งนั้น เพราะพวกเขาดูเหมาะสมกันจริงๆ
“เธอชอบชุดนี้ไหม หรืออยากลองชุดอื่นอีก” อี้ฟานหันไปถามถิงถิง เธอเลยหันไปมองหวังเหล่ยเพื่อถามความเห็น
“ผมว่าพี่เหมาะกับชุดนี้นะ ไม่เรียบเกินไปแล้วก็ดูใส่สบายกว่าชุดอื่นๆ พี่ไม่เหมาะกับชุดใหญ่ๆ ฟูๆ แบบที่ลองมาหรอก ถ้าใส่แบบนั้นพี่ได้เหนื่อยตาย” หวังเหล่ยออกความเห็น
อี้ฟานมองดูสองพี่น้องคุยกัน เขารู้แล้วแหละว่าทำไมถิงถิงถึงได้ยอมทุ่มสุดตัวที่จะปกป้องน้องชายของเธอ เพราะน้องชายของเธอก็ดูทุ่มสุดตัวเหมือนถ้าเป็นเรื่องของพี่สาว
“ค่ะ ฉันชอบชุดนี้” เธอบอกอี้ฟาน ความจริงเธอก็เห็นด้วยกับหวังเหล่ยนะ ชุดนี้ใส่สบายจริงๆ เวลาเดินหรือขยับตัวก็ง่ายไม่เหมือนชุดก่อนๆ ที่แค่ใส่ก็เหนื่อยแล้ว ถึงชุดนี้ส่วนหลังจะเป็นซีทรูแต่ก็มีการปักลูกไม้ให้เป็นลวดลายทำให้ดูไม่โป๊ ตรงส่วนที่เป็นหางปลาก็เป็นลูกไม้ถึงจะยาวไปหน่อยแต่ชุดก็ไม่ได้หนักจนเดินยาก
“ได้ งั้นฉันก็เอาชุดนี้เหมือนกัน” อี้ฟานบอก
“พี่จะไม่ลองชุดอื่นก่อนเหรอคะ” ถิงถิงถามเพราะชุดที่ร้านเอามาให้ลองมีตั้งหลายชุด แต่เขาลองไปแค่ชุดเดียวเอง
“จะลองไปทำไม่หลายๆ ชุด แค่นี้ก็พอแล้ว แล้วก็ไปเปลี่ยนชุดได้แล้วเดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอกกัน”
“ไปไหนคะ”
“ไปพบครอบครัวฉัน” อี้ฟานพูดจบก็เดินเข้าห้องไปปล่อยให้ถิงถิงยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
“พี่จะอึ้งอะไร รีบไปเปลี่ยนชุดสิ” หวังเหล่ยบอกก่อนจะดันหลังถิงถิงให้เดินไปเปลี่ยนชุด