เพราะอาการป่วยของคุณปู่เธอเลยจำเป็นต้องยื่นข้อเสอนการแต่งงานให้กับเขาทั้งที่รู้ว่าเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ส่วนเขาทั้งที่มีคนที่ชอบอยู่แล้วแต่ก็ยังตอบรับข้อเสนอการแต่งงานเพราะต้องการตอบแทนบุญคุณและข้อเสนอของเธอ โดยมีข้อสัญญาที่ทั้งสองต้องทำตาม โดยเฉพาะข้อสัญญาข้อสุดท้ายที่ปู่ของเธอขอ
View Moreตอนที่ 1 ฉันอยากให้พี่แต่งงานกับฉัน
หน้าตึกสูงระฟ้าใจกลางเมืองมีหญิงสาวหน้าตาสวยชนิดที่ใครได้เห็นเป็นต้องหันมอง ถึงแม้ผิวของเธอจะขาวเหมือนคนไม่เคยโดนแสงแดด แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหากลับยิ่งทำให้เธอคนนั้นดูน่าทะนุถนอมมากยิ่งขึ้นบวกกับรูปร่างเพรียวบางแต่สมส่วนประหนึ่งผลงานแก้วชิ้นเอก ซึ่งตอนนี้เธอกำลังเงยหน้ามองไปบนตึกสูงระฟ้านั่นอยู่
“ไปกัน” หญิงสาวพูดกับคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ เบาๆ ก่อนจะก้าวขาเดินนำเข้าไปภายในตึกสูง
บนชั้นที่ห้าสิบเก้าของตึกสูงเป็นห้องทำงานของท่านประธานใหญ่ผู้ที่ดูแลธุระกิจทุกอย่างในเครือของตะกูลฮั้ว โดยมีฮั้วอี้ฟานหนุ่มหล่อวัยสามสิบที่นั่งทำงานอยู่ เขาคือคนที่ได้รับฉายาว่าซาตานไร้หัวใจ เพราะเขามักแสดงท่าทีเย็นชาบวกกับเป็นคนปากร้าย ขัดกับหน้าตาหล่อเหลายิ่งกว่าดารา กับความสูงที่สูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเก้า แถมยังมีหุ่นที่ทำให้สาวๆ หลงใหลอยากลูบคลำซิกแพคแน่นจากการออกกำลังกาย
“นายครับ” เสียงของอาคังบอดี้การ์ดคนสนิทที่พ่วงตำแหน่งผู้ช่วยดังขึ้น ทำให้คนที่ก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่ต้องหยุดอ่านแล้วเงยหน้าขึ้นนมอง ดวงตาคมมองไปที่คนสนิทที่ขัดจังหวะการอ่านเอกสารอย่างหงุดหงิด
“มีอะไร” อี้ฟานพูดด้วยนำเสียงหงุดหงิด
“คุณหนูใหญ่ตระกูลจางมาขอเข้าพบครับ” อาคังบอกถึงสาเหตุที่ต้องเข้ามาขัดจังหวะการทำงานของเจ้านายหนุ่ม
“คุณหนูใหญ่ตระกูลจางเหรอ…จางถิงถิง” อี้ฟานทวนชื่อที่อาคังรายงานอีกครั้งด้วยความสงสัย เธออยากพบเขางั้นเหรอ ไม่ใช่ว่าอี้ฟานไม่รู้จักคนที่อยากพบเขา เขารู้จักเธอเพราะเธอเป็นหลานสาวคนสำคัญของผู้ใหญ่ที่เขานับถือ แต่เขากับเธอไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากพอให้มีเรื่องที่ต้องพบหรือพูดคุยกัน แล้วเธอมาหาเค้าทำไมอี้ฟานคิดอย่างสงสัย
“ครับ นายจะไปพบเธอหรือเปล่าครับ” อาคังถามย้ำ
“ให้เธอไปรอที่ห้องรับรอง อีกครึ่งชั่วโมงฉันจะไป” อี้ฟานบอก ถึงแม้เขาจะอยากรู้สาเหตุที่เธอมาพบเขาแต่ในเมื่อเธอไม่ได้นัดเขาล่วงหน้า ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องรีบไปพบเธอ ให้รอสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร
หลังจากที่อาคังเดินออกไปเพื่อถ่ายทอดคำสั่งของเขา อี้ฟานก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่หลังโต๊ะทำงานก่อนจะทอดสายตามองวิวของตัวเมืองที่อยู่ข้างล่างจากวิวของตึกสูง ชั้นที่เขาอยู่คือชั้นที่ห้าสิบเก้าทำให้เขาสามารถมองเห็นเมืองได้แทบทั้งเมือง
“จางถิงถิง” เขาพึมพำชื่อของหญิงสาวที่ขอเข้าพบเขาเบาๆ
ทางด้านจางถิงถิงหลังจากที่อาคังถ่ายทอดคำพูดของคนที่เธอต้องการเข้าพบเสร็จเขาก็พาเธอมานั่งรอที่ห้องรับรอง
“คุณหนูเรากลับดีไหมคะ นี่มันเกือบสองชั่วโมงแล้วนะคะ ทำไมประธานฮั้วถึงยังไม่มาสักที ไม่ใช่ว่าโกหกให้เรารอหรอกเหรอคะ” เสียวปิงสาวใช้คนสนิทที่รับหน้าที่เป็นทั้งพี่เลี้ยงและผู้ช่วยถามขึ้น หลังจากที่อาคังแจ้งให้เธอกับคุณหนูของเธอมานั่งรอในห้องรับรอง เขาก็ปล่อยให้เธอกับคุณหนูของเธอรอเกือบสองชั่วโมงแล้ว ทั้งๆ ที่ตอนแรกบอกให้รอแค่ครึ่งชั่วโมง ถ้าจะไม่พบก็บอกว่าไม่พบสิให้รอแบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ
“ไม่ ฉันจะไม่กลับจนกว่าจะได้พบเขา” ถิงถิงพูดด้วยเสียงหนักแน่นเธอตัดสินใจแล้ว และเธอต้องพบเขาให้ได้
“แต่ว่าร่างกายของคุณหนู...” ยังไม่ทันที่เสียวปิงจะพูดจบ ประตูห้องที่ทั้งสองอยู่ก็ถูกเปิดออกโดยอาคัง ก่อนที่จะมีผู้ชายหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง จะเดินเข้ามา
อี้ฟานเดินมานั่งไขว่ห้างเอนหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่าทีสบายที่ฝั่งตรงข้ามของถิงถิงโดยที่ไม่พูดอะไร ไม่มีแม้แต่การขอโทษสักคำกับการที่เขาปล่อยให้เธอรอนานขนาดนี้ แต่เธอเองก็ไม่ได้หวังให้เขาพูดอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว
“พี่จำฉันได้หรือเปล่าคะ” ถิงถิงเองก็ไม่มีการทักทายหรือการกล่าวอะไรตามมารยาทก่อนการสนทนา แต่กลับยิงคำถามใส่เขาทันที ในเมื่อเขาไม่อยากมีมารยาทกับเธอก่อนเธอก็ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทกับเขาเหมือนกัน
การกระทำของถิงถิงทำให้อี้ฟางเลิกคิ้วมองคนตรงหน้า สงสัยข่าวลือของเธอที่เขาเคยได้ยินผ่านหูมาคงจะเป็นเรื่องจริงสินะ
จางถิงถิงหรือคุณหนูใหญ่ตระกูลจางหลานสาวสุดรักสุดหวงเสมือนไข่ในหินของผู้เฒ่าจาง ข่าวว่าผู้เฒ่าจางรักและตามใจหลานสาวคนนี้มาก ถึงขนาดแทบจะไม่ให้เธอออกไปไหนเพราะร่างกายของหญิงสาวไม่ค่อยแข็งแรง แต่เขาคิดว่าเธอก็แค่เสแสร้งเพราะคนตรงหน้าเขาก็ดูแข็งแรงดีไม่ได้มีอาการเหมือนคนป่วยใกล้ตายที่ต้องอยู่แต่บ้านเลยสักนิด แล้วคนป่วยที่ไหนจะมีแรงสร้างวีรกรรมความร้ายกาจขนาดที่หลุดออกมาให้คนนอกได้รู้ ทั้งใช้กำลัง ด่าทอ จนต้องเปลี่ยนสาวใช้ส่วนตัวบ่อยๆ นี้ยังไม่รวมถึงความเอาแต่ใจที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ตามที่เขาได้ยินมาอีกนะ
“ฉันจำเป็นที่ต้องจำหน้าคนที่เคยพบกันครั้งเดียวเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ด้วยเหรอ” อี้ฟานตอบ ก่อนจะสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอย่างละเอียด เขาจำภาพของหญิงสาวเมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นหญิงสาวตรงหน้าจึงไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้าสำหรับเขา
“แต่อย่างน้อยก็ยังจำได้สินะคะว่าเราเคยเจอกัน แต่ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องสิบสองปีค่ะ สิบสองปีที่เราไม่ได้เจอกัน” ถิงถิงบอก เมื่อสิบสองปีก่อนเธอเคยมีโอกาสเจอเขาในงานวันเกิดของคุณปู่ ตอนนั้นเธออายุแค่สิบขวบส่วนเขาสิบแปด แหละหลังจากการเจอกันครั้งนั้นเธอก็ไม่เคยเจอกับเขาตัวเป็นๆ เลยสักครั้งนอกจากตามสือ เพราะเขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศถึงแม้ว่าเขาจะกลับมาแล้วจนตอนนี้เขารับตำแหน่งใหญ่ในบริษัทของที่ตระกูลเขาก็ตาม ส่วนเธอก็ไม่เคยออกไปไหนจึงไม่มีเหตุผลอะไรให้เธอกับเขาต้องเจอกัน ครั้งนี่จึงถือว่าเป็นการเจอกันครั้งแรกในรอบสิบสองปีของเธอกับเขา
“แล้วยังไง จะสิบปีหรือสิบสองปี มันเกี่ยวอะไรกับการที่เธอมาหาฉัน” อี้ฟานถาม
อี้ฟานแอบสังเกตหญิงสาวตรงหน้าแต่ก็เดาสีหน้าเธอไม่ออก เขาปล่อยให้เธอรอตั้งสองชั่วโมงแต่เธอก็ยังมีสีหน้าที่นิ่งเฉย เขานึกว่าเธอจะโวยวายหรืออาละวาดที่เขาปล่อยให้เธอรอเสียอีก นี่มันผิดคาดกับสิ่งที่เขาเคยได้ยินมาเลยนี่ ไหนคนเขาลือกันว่าเธอเป็นคนเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจ ถ้ามีใครขัดใจเธอจะอาละวาดทันที แต่คนตรงหน้าเขาไม่เห็นจะเป็นแบบนั้น หรือเธอแค่กำลังแสดงละครใส่เขาอยู่กันแน่
“ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ” ถิงถิงตอบอย่างขอไปทีเหมือนกัน
“ถ้างั้นก็เลิกสนใจเรื่องนั้นแล้วรีบคุยธุระของเธอมาฉันไม่ได้มีเวลามานั่งฟังเธอรำลึกความหลังหรอกนะ” อี้ฟานพูดจบก็หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย
“ฉันอยากให้พี่แต่งงานกับฉัน” ถิงถิงพูดออกมาตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม
อี้ฟานเกือบจะสำลักกาแฟที่กำลังดื่ม เมื่อกี้ยัยเด็กนั่นบอกอยากให้เขาแต่งานด้วยงั้นเหรอ ประสาทหรือไง
“ฉันไม่มีเวลามาพูดเล่นเรื่องไร้สาระกับเธอหรอกนะ ถ้าไม่มีธุระสำคัญอะไรก็กลับไปซะ” อี้ฟานพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรียมเดินออกไป แต่เสียงของถิงถิงก็รั้งเขาไว้ก่อน
“ฉันพูดจริง ฉันอยากให้พี่แต่งานกับฉัน” ถิงถิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
อี้ฟานเดินกลับมาหาเธอที่ยืนอยู่ที่โซฟาก่อนจะถามเสียงต่ำ ด้วยใบหน้าที่บ่งบอกให้รู้ว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี เขาอุตส่าห์เจียดเวลาอันมีค่าของเขามาคุยด้วย แต่กับต้องมาได้ยินเรื่องไร้สาระอะไรก็ไม่รู้
“แล้วทำไมฉันต้องแต่งงานกับเธอ” เขามองหญิงสาวที่ยืนจ้องหน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว ยัยเด็กนี้ตัวเล็กแค่อกเขาเองแถมยังผอมบางขนาดนี้ถ้าเขาจับตัวเธอกระดูกเธอจะหักคามือเขาไหมอี้ฟานคิด
“เพราะฉันอยากให้พี่แต่ง” ถิงถิงตอบด้วยใบหน้าเชิดๆ ของเธอ
“แล้วเธอเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน” เขาถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ยัยเด็กนี่กล้าดียังไงมาพูดจากับเขาแบบนี้ นี่เขายังเห็นแก่หน้าของผู้เฒ่าจางหรอกนะ ถึงยังยืนคุยกับเธออยู่แบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นมาพูดจาไร้สาระแบบนี้เขาให้คนโยนออกไปตั้งแต่พูดคำแรกแล้ว ไม่เสียเวลายืนคุยด้วยแบบนี้หรอก
“ฉันไม่มีสิทธิ์ แต่ฉันมีข้อเสนอ” พูดจบถิงถิงก็นั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทีที่มั่นใจว่าเขาต้องฟังข้อเสนอของเธอแน่ๆ
แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิด อี้ฟานเดินกลับไปนั่งที่นั่งเดิมที่เขาเคยนั่ง เพราะเขาเองก็อยากจะรู้ว่าเด็กนี่มีข้อเสนออะไรถึงได้มั่นใจว่าเขาจะต้องแต่งงานกับเธอ
“ข้อเสนออะไร” อี้ฟานถาม พร้อมกับคิดวิธีจัดการกับหญิงสาวหากข้อเสนอที่เธอว่าไม่ดีพอเพราะมันทำให้เขาเสียเวลา
ถิงถิงส่งยิ้มหวานให้อี้ฟานอย่างพอใจ อย่างน้อยเขาก็ดูสนใจที่เธอบอกว่ามีข้อเสนอ ตอนแรกเธอนึกว่าต้องใช้เวลานานกว่านี้ในการเกลี้ยกล่อมให้เขาฟังเธอ
“ฉันได้ข่าวมาว่าพี่อยากจะพัฒนาเขตที่อยู่อาศัยที่เขตนอกเมืองทางใต้ แต่พวกรรมการบริษัทของพี่ไม่เห็นด้วยใช่มั้ยเพราะคิดว่าการลงทุนของพี่ครั้งนี้จะต้องขาดทุนมากกว่าได้กำไร” ถิงถิงพูดออกไปอย่างมั่นใจ
“แล้วยังไง” อี้ฟานมองถิงถิงอย่างพิจารณาตอนแรกเขาคิดว่าเธอจะพูดเรื่องที่ไร้สาระกว่านี้เสียอีก แต่อยู่ๆ เธอก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแสดงว่าเธอเองคงสืบเรื่องเขามาพอตัว เพราะโครงการที่เธอพูดถึงยังเป็นความลับอยู่ ดูท่าแล้วเด็กนี่ก็พอใช้ได้เหมือนกัน
“ไม่ยังไง ฉันแค่จะบอกว่าฉันช่วยพี่ได้”
“หึ” อี้ฟานหัวเราะในลำคอกับคำพูดของถิงถิง “เด็กอย่างเธอที่อยากมีผัวจนตัวสั่นจนต้องมาขอให้ฉันเป็นผัวนี่นะ จะช่วยฉันได้ตลกล่ะ” อี้ฟาดพูดอย่างที่คิด แค่จะมีผัวยังต้องมาขอให้เขาเป็นให้แล้วเธอจะมีปัญญาที่ไหนมาแก้ปัญหาให้เขาได้
“พี่ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันคือใคร” ถิงถิงไม่สนใจคำดูถูกของอี้ฟาน แต่เธอกลับแสดงให้เขาเห็นว่าเธอช่วยเขาได้จริงๆ “ฉันคือจางถิงถิงคุณหนูใหญ่ตระกูลจาง ไม่มีอะไรที่ฉันอยากได้แล้วฉันไม่ได้ ถึงฉันกับพี่เราจะไม่ได้เจอกันตั้งสิบสองปี แต่พี่ก็น่าจะได้ยินเรื่องของฉันมาไม่มากก็น้อยใช่ไหม ถึงฉันจะไม่ค่อยได้ออกไปไหนก็เถอะ” ถูกต้องเขาได้ยินเรื่องของเธอมาจริงๆ ถึงแม้จะไม่ได้อยากได้ยินก็ตาม แต่เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะสามารถช่วยเขาได้ตรงไหน
“แล้วยังไงฉันได้ยินเรื่องของเธอมาก็จริง แต่เธอจะช่วยฉันยังไงไปบีบน้ำตาร้องไห้โวยวายแล้วอ้างเรื่องป่วยเพื่อบีบบังคับพวกกรรมการให้เห็นด้วยงั้นเหรอ อย่ามาตลกคนพวกนั้นไม่ใช่คนตระกูลจางของเธอ”
“ก็จริงอย่างที่พี่พูด ฉันไปบังคับพวกกรรมการบริษัทพี่ไม่ได้ก็จริง แต่ฉันใช้ชื่อของฉันหนุนหลังพี่ได้นี่ พี่ลองคิดดูนะถ้าโครงการของพี่ได้ฉันช่วยลงทุนมีเหรอว่าพวกตาแก่กรรมการพวกนั้นจะกล้าไม่เห็นด้วย พี่อย่าลืมสิฉันแซ่จางนะ”
อี้ฟานมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากตอนแรก เดิมทีเขามองเรื่องนี้เป็นแค่การเล่นสนุกของคุณหนูเอาแต่ใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เขาอยากรู้จริงๆ ว่ายัยเด็กนี่ต้องการอะไรถึงได้ยื่นข้อเสนอนี้ให้กับเขา เพราะใครๆ ต่างก็รู้ว่าตระกูลจางมีอิทธิพลและยิ่งใหญ่ขนาดไหน ไม่ว่าใครต่างก็ต้องการให้ตระกูลจางร่วมลงทุนด้วย เพราะนั่นหมายถึงความสำเร็จและกำไรมหาศาลที่จะตามมา แต่การลงทุกกับตระกูลจางก็เป็นเรื่องที่ยากมาก แล้วยิ่งเป็นการลงทุนกับคุณหนูคนสวยนี่อีก เขาไม่เห็นเคยได้ยินว่าเธอสนใจเรื่องพวกนี้
“เธอต้องการอะไรกันแน่” อี้ฟานถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ต้องการพี่ไง สนใจมาเป็นสามีของฉันมั้ย”
ตอนที่ 34 สัญญาสองปี (NC) จบ“พี่ ฉันช่วยค่ะ” ถิงถิงเดินเข้าไปช่วยรับเสื้อสูทของอี้ฟานมาวางพาดไว้ที่เก้าอี้ส่วนอี้ฟานก็คลายเนคไทออก พร้อมกับปลดกระดุมที่คอเสื้อกับแขน ก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กแล้วเดินไปที่โซฟา เขานั่งลงที่โซฟาโดยมีถิงถิงนั่งลงบนตักถิงถิงมองใบหน้าหล่อเหลาของสามีของเธอแล้วขำออกมาจนคนตัวใหญ่ต้องถาม“ขำอะไร”“พอมองหน้าพี่ใกล้ๆแบบนี้แล้วอดคิดถึงงานแต่งไม่ได้เลยค่ะ” ถิงถิงตอบก่อนจะขำออกมาเบาๆพวกเขาสองคนแต่งงานมาได้เดือนกว่าแล้ว แต่คิดถึงวันแต่งงานทีไรถิงถิงก็อดขำไม่ได้ เพราะความขี้หึงของอี้ฟานเกือบทำให้งานแต่งงานเกือบล่ม เพราะเขาให้เหตุผลว่าเจ้าสาวของเขาสวยเกินไปไม่อยากให้ใครเห็น งานตอนเช้าไม่เท่าไรเพราะเป็นงานพิธีการและมีแค่คนในครอบครัวและชุดที่เธอใส่ก็ค่อนข้างเรียบร้อย แต่ปัญหามันมาเกิดในตอนเย็นนี่สิเพราะตอนเย็นเป็นงานฉลองแล้วอี้ฟานก็เป็นคนเปลี่ยนงานในตอนแรกที่จะจัดแค่งานเล็กๆ แต่เขากลับเพิ่มแขกขึ้นมาเกือบสองเท่า นั่นยิ่งทำให้มีคนเห็นเจ้าสาวคนสวยของเขามากขึ้น แล้วชุดตอนเย็นของถิงถิงส่วนหลังยังเป็ยซีทรูถึงจะมีลายลูกไม้ปกปิด แต่เขาก็ยังหวงอยู่ดี“เธอไม่รู้หรอกว่าวันนั้นฉันอยากต
ตอนที่ 33 แต่งงานสักที“ขยับไปทางขวาอีก ใช่ๆตรงนั้นแหละ วางได้เลย เสร็จตรงนี้ช่วยไปดูแจกันดอกไม้ในสวนด้วยนะ” ซิงเยียนสั่งงานลูกน้องด้วยความวุ่นวายเพราะเธอต้องทำงานแข่งกับเวลา“พี่ซิงเยียนพี่ไปดูที่ซุ้มให้หน่อยว่าโอเคหรือยัง” เสียงลูกน้องที่รับผิดชอบที่ซุ้มเรียก“พี่ซิงเยียนดอกไม้ที่สวนไม่น่าจะพอทำไงดีพี่” เสียงลูกน้องอีกคนดังขึ้น“พี่ซิงเยียนแล้วในห้องรับแขกล่ะพี่ เอาไง” ลูกน้องอีกคนถามขึ้นตอนนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่เสียงเรียกพี่ซิงเยียนๆ จนเธอหนวกหูไปหมด สาเหตุที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะเธอหรือลูกน้องทำงานไม่ดี แต่มันเป็นเพราะนายจ้างจอมเรื่องมากของเธอต่างหากที่อยู่ๆก็เพิ่มงานมาให้เธอโดยไม่ให้เธอได้ตั้งตัวก่อน ซึ่งนายจ้างของเธอก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเพื่อนและน้องสาวที่รักของเธอนั่นเอง ใช่แล้วในที่สุดก็ถึงงานแต่งงานของอี้ฟานและถิงถิงก็มาแล้วหลังจากจัดการเรื่องวุ่นวายทั้งหลายในที่สุดวันพรุ่งนี้เป็นวันจัดงานแต่งของอี้ฟานกับถิงถิง ซึ่งเธอจัดเตรียมงานของทั้งสองเสร็จเรียบร้อยอย่างสวยงาม แต่ว่าเมื่อวานอี้ฟานก็โทรหาเธอแล้วบอกกับเธอว่าเขาอยากเพิ่มงานพิธีการแบบจีนในช่วงเช้า เดิมทีเธอก็ปฏิเ
ตอนที่ 32 ถอนรากถอนโคนก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องพักผู้ป่วยดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดออกแล้วชายหนุ่มหน้าหวานก็เดินเข้ามา“พี่ซ่งเหยียนมาแล้วเหรอคะ” เสียงหวานทักเข้าขึ้นทันทีที่เธอหันมามองเขา“ครับ” ซงเหยียนตอบรับสั้นๆ เขามองถิงถิงที่ตอนนี้นั่งพิงอกของอี้ฟานอยู่บนเตียงผู้ป่วย โดยมีอี้ฟานกำลังป้อนผลไม้ใส่ปากของเธอ ทำเอาซงเหยียนถึงกับพูดไม่ออกกับการแสดงความรักของทั้งสองคน“ทำไมนายมาช้าขนาดนี้ รู้มั้ยฉันต้องทนนั่งดูสองคนนั้นแสดงความรักกันจนฉันขนลุกไปหมดแล้ว” เฉินตงตงลุกขึ้นมาโวยวายใส่ซงเหยียนจนคนถูกโวยวายขมวดคิ้วใส่“ผมจะมาตอนไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ” ซงเหยียนถามหน้านิ่งๆ “ทำไมจะไม่เกี่ยว ก็ที่ฉันไปไหนไม่ได้ต้องทนดูสองคนนั้นโชว์หวานก็เพราะรอนายอยู่ไง” ตงตงบอก ซ่งเหยียนหันไปมองคุณหนูของเขาก่อนจะขอคำอธิบายเรื่องที่ตงตงพูด“หมายความว่ายังไงครับคุณหนู อย่าบอกนะว่าผมต้องทำงานร่วมกับคุณชายเฉินอีกแล้ว” ซ่งเหยียนถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ“นี้ๆ พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง น้ำเสียงนายเหมือนไม่ค่อยพอใจที่ได้ทำงานกับฉันเลย” ตงตงอดที่จะถามไม่ได้“ครับ คุณชายเฉินเข้าใจไม่ผิดหรอกครับ ผมไม่อยากทำงา
ตอนที่ 31 คิดบัญชี“อ๊ากกกกกกก พวกมึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้เลยนะ รู้มั้ยกูเป็นใคร อ๊ากกกกก” เสียงร้องโหยหวนกับคำขู่ของจางหย๋งดังลั่นห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกปิดตาย ซึ่งภายในห้องมีคนอยู่ไม่กี่คน“ไม่อยากเจ็บก็หยุดดิ้นสิ ฉันกำลังทำแผลให้นายอยู่ไม่เห็นเหรอ พวกนายก้จับมันแน่นๆหน่อยอย่าให้มันขยับได้” เสี่ยวปิงพูดขึ้นลูกน้องของอี้ฟานที่กำลังล๊อกแขนขาของจางหย๋งไม่ให้ขยับมองการทำแผลของเสี่ยวปิงด้วยความสยอดสยอง เพราะตอนนี้เสี่ยวปิงกำลังใช้มีดกรีดไปที่แผลถูกยิงของจางหย๋งก่อนจะควักเอาลูกกระสุนออกมาแล้วทำความสะอาจแผลโดยการเทแอลกอฮอราดไปบนแผลทั้งขวด“อ๊ากกกกกกก อีเสี่ยวปิงมึงกล้าทำกูเหรอ อย่าให้กูหลุดไปได้นะมึงกูไม่เอามึงไว้แน่” จางหย๋งร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับขู่อาฆาตเสี่ยวปิงไว้ แต่เสี่ยวปิงก็ไม่ได้สนใจ“หึ ก่อนคิดจะมาแก้แค้น แกหาทางหนีไปให้ได้โดยที่ไม่ตายก่อนดีกว่า” เสี่ยวปิงพูดพร้อมกับลงมือเย็บแผลของจางหย๋งแบบสดๆ จนหมอนั่นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง “แต่แกไม่ต้องห่วงนะ แกจะไม่ได้ตายง่ายๆหรอก เพราะแบบนั้นมันสบายเกินไป คนอย่างแกมันต้องทรมารจนร้องหาความตายแต่ก็ตายไม่ได้ต่างหาก”คำพูดของเสี่ยวปิงที่พ
ตอนที่ 30 ช่วย“อ๊ากกกกกก”หลังจากเสียงปืนดังก็เป็นเสียงร้องด้วยความทรมานของใครบางคนดังขึ้น แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงของเสี่ยวปิงและเสียงของถิงถิง เพราะเสียงร้องเจ็บปวดนั่นเป็นเสียงของผู้ชายและเสียงนั่นก็คือเสียงของจางหย๋ง หมอนั่นถูกปืนยิงเข้าที่มือและที่ขา จนต้องลงไปร้องโอดครวญที่พื้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก อยู่ๆถิงถิงก็ถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดของใครบางคนที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะเธอจำความอบอุ่นและสัมผัสนั้นได้ โดยเฉพาะกลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้ซึ่งเป็นกลิ่นที่เธอเคยบอกว่าเหมาะกับเขาอี้ฟานกอดลูกพีชของเขาไว้แน่ เขารู้สึกได้ถึงร่างกายที่สั่นเทาของคนตัวเล็ก ยิ่งได้เห็นเธอที่กอดเขาพร้อมกับสะอื้นร้องไห้มันทำให้เขายิ่งแทบคลั่ง“จัดการมันแต่อย่าให้มันแต่อย่าให้มันตายเพราะมันต้องทรมานยิ่งกว่านี้” อี้ฟานสั่งลูกน้องของเขาที่พามาด้วยน้ำเสียงที่ใครได้ฟังต่างก็ต้องหวาดกลัว เพราะมันทั้งเย็นชาและเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ“พะ พี่” คนตัวเล็กเงยหน้ามองคนตัวใหญ่ที่กอดเธออยู่ก่อนจะส่งเสียงเรียกเบาๆ จนแทบจะเหมือนเสียงกระซิบอี้ฟานก้มมาสพตาหญิงสาวก่อนที่เขาจะเห็นรอยแดงกับคราบเลือดที่ใบหน้าของเธอ และนั่นยิ่งท
ตอนที่ 29 จางหย๋งถิงถิงเริ่มได้สติแต่เธอรู้สึกว่าไม่สามารถขยับตัวได้ดังใจเพราะว่ายังมึนงงอยู่ เธอพยายามฝืนลืมตาด้วยความยากลำบากเพราะรู้สึกว่าหนังตามันหนักและรู้สึกเวียนหัวจนลืมตาแทบไม่ขึ้น แต่เธอก็พยามฝืนมันจนในที่สุดเธอก็ลืมตาได้สำเร็จเธอมองสำรวจรอบๆห้องที่มือมีเพียงแสงไฟสลัวๆที่มาจากหน้าจอทีวีที่กำลังดูหนังฆ่าตกรรม ถึงความสว่างจากแสงทีวีจะมีไม่มากแต่ก็พอให้เธอมองเห็นภายในห้องได้ เธอพยามเพ่งสายตาเพื่อมองว่าคนที่นั่งหันหลังดูทีวีอยู่เป็นใคร“จางหย๋ง” ถิงถิงอุทานชื่อของคนที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องออกมาทันทีที่รู้ว่าเป็นใคร นั่นลูกชายบุญธรรมของอาเว่ยนี่ ทำไมถึงเป็นหมอนั่นที่มาอยู่ที่นี่จางหย๋งพอได้ยินชื่อของตัวเองก็หันกลับมามองถิงถิง ก่อนหมอนั่นจะส่งรอยยิ้มที่ชวนขนหัวลุกไม่ต่างจากฆ่าตกรที่ปรากฏในทีวีที่กำลังฉายอยู่ให้กับหญิงสาว“ตื่นแล้วเหรอ มึงตื่นเร็วกว่าที่กูคิดอีก กูนึกว่ามึงจะนอนจนถึงชาติหน้าซ่ะอีก เสียดายว่ะหลับไปแค่ครึ่งชั่วโมงเองสงสัยยานอนหลับจะอ่อนเกินไป” จางหย๋งพูดขึ้นก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วเดินมาหาถิงถิงที่นอนอยู่บนเตียง“นี่เป็นฝีมือนายเหรอ” ถิงถิงถาม ตอนนี้เธอเข้าใจสถานการณ
ตอนที่ 28 ติดกับ“คุณหนูคะ พรุ่งนี้คุณเว่ยอิงขอนัดพบคุณหนูคะ คุณหนูจะไปพบเธอหรือเปล่าคะ” เสี่ยวปิงรายงานถิงถิงวางปากกาในมือลงก่อนจะมองเสี่ยวปิง เธอใช้เวลาคิดสักพักก่อนจะพยักหน้าตกลง“เอาสิ พรุ่งนี้ก็ไม่มีงานด่วนอะไร ฉันเองก็มีเรื่องที่อยากจะคุยกับอาเว่ยพอดี” ความจริงช่วงนี้ถิงถิงไม่ค่อยอยากจะพบใครเพราะใกล้ถึงงานแต่งของเธอแล้ว งานของเธอเลยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว“แล้วคุณหนูจะให้แจ้งประธานฮั้วด้วยหรือเปล่าคะ” เสี่ยวปิงถาม เพราะตั้งแต่วันที่แถลงข่าววันนั้น อี้ฟานก็สั่งเธอไว้ว่าไม่ว่าถิงถิงจะไปไหน ไปหาใครต้องรายงานเขาทุกอย่าง เพราะเขากลัวว่าศัตรูของเขาจะทำร้ายเธอ“อืม...บอกพี่แค่ว่าฉันไปพบอาเว่ยเพราะเธอนัดเจอก็พอ แต่ไม่ต้องบอกเรื่องที่ฉันจะพูดกับอาเว่ยหรอก” ถิงถิงบอก“ค่ะ” เสี่ยวปิงรับคำก่อนจะเดินออกจากห้องไป ซึ่งสวนกับหวังเหล่ยที่เดินเข้ามาพอดี “สวัสดีค่ะคุณชาย” เสี่ยวปิงทักทายตามมารยาท“สวัสดีครับ พี่อยู่ในห้องมั้ย” หวังเหล่ยถาม“ค่ะ คุณหนูอยู่ในห้อง” เสี่ยวปิงตอบ“คนเดียว” หวังเหล่ยถาม“ค่ะ คนเดียว” เสี่ยวปิงตอบยิ้ม พร้อมกับเน้นยำคำว่าคนเดียว เพราะว่าหวังเหล่ยจะไม่เข้าไปถ้าพี่สาวของเขาอ
ตอนที่ 27 ไม่จริง“ตื่น ตื่น จางลี่ตื่นเดี๋ยวนี้”“โอ๊ย...จะปลุกทำไมเนี่ยไม่เห็นเหรอว่าคนกำลังนอน” จางลี่โวยวายเสียงดังเพราะเธอหงุดหงิดที่ถูกปลุก แต่พอเธอเห็นว่าใครเป็นคนปลุกเธอก็ยิ่งอารมณ์เสีย “นายจะปลุกฉันทำไมเนี่ย อย่าบอกนะว่าจะเอาอีก ฉันไม่เอาแล้วที่เอาไปยังไม่พออีกเหรอ” เธอบอกชายหนุ่มคู่ขาของเธอด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะพลิกตัวหนีไปอีกทาง“ฉันไม่ได้ปลุกเธอมาเอาหรอกน่า ตื่นมาดูนี่ก่อน” ชายหนุ่มยังไม่ยอมแพ้เขาต้องปลุกเธอมาดูเรื่องที่เขาจะบอกให้ได้“อะไรว่ะ” จางลี่ลุกขึ้นมาอย่างหงุดหงิดไม่ได้สนใจว่าผ้าห่มที่ปกปิดร่างกายของเธอจะตกไปกองที่ต้นขา ทำให้หน้าอกของเธอที่ไม่มีอะไรปกปิดจะออกมาอวดสายตาของใคร “ถ้าเรื่องที่นายบอกไม่สำคัญนะฉันฆ่านายแน่” จางลี่ขู่ก่อนเธอจะรับโทรศัพท์ที่ชายหนุ่มยื่นมาให้แล้วอ่านข้อความที่ปรากฏในนั้น“นี่มันคืออะไรนายไปเอาไร้สาระข่าวพวกนี้มาจากไหน” จางลี่หันไปถามชายหนุ่มด้วยความโกรธ“ก็จากงานแถลงข่าววันนี้ไง วันนี้จู่ๆยัยคุณหนูพี่สาวเธอก็เดินขึ้นไปบนเวทีแล้วประกาศว่าตัวเองเป็นภรรยาของไอ้อี้ฟานนั่น สรุปว่ายังไงกันแน่ ไหนเธอบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม
ตอนที่ 26 จับกุม“ไอ้บ้าอี้ฟานหายมันหัวไปไหนของมันว่ะ อย่าบอกนะว่ารีบไปอยู่กับเมีย” ตงตงที่เดินตามหาอี้ฟานที่หลังเวทีแต่ก็ไม่เจอ เขาทั้งโทรหาทั้งส่งข้อความไป แต่ก็ยังไม่สามารถติดต่อเพื่อนรักที่พ่วงตำแหน่งเจ้านายได้ “ตั้งแต่มีเมียนี่ชักจะเอาใหญ่ ไม่สนใจงานเลย” ตงตงอดบ่นไม่ได้ ถ้าถิงถิงมาได้ยินที่ตงตงบ่นเธอคงจะพยักหน้าเห็นด้วยเพราะเขาเอาเก่งจริงๆนั่นแหละ แต่ความหมายของคำว่าเอาของเธอกับตงตงมันต่างกัน“ขอโทษนะครับคุณชายเฉิน” ขณะที่ตงตงกำลังหงุดหงิดที่ตามตัวอี้ฟานไม่เจอก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง เขาเลยหันกลับไปมองก่อนจะพบกับผู้ชายคนหนึ่งตงตงมองสำรวจผู้ชายคนนั้นอย่างละเอียดพร้อมกับใช้ความคิดว่าเขารู้จักหมอนี่หรือเปล่า แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าเขาเคยรู้จักหมอนี่ที่ไหน หมอนี่หน้าหวานขนาดนี้ แถมหุ่นก็บาง ถ้าเขาเคยเจอเขาต้องจำได้แน่ๆ“ผมซงเหยียน เป็นทนายที่คุณหนูถิงถิงส่งมาครับ” ซงเหยียนแนะนำตัว เพราะเขารู้ว่าเฉินตงตงกำลังสงสัยว่าเขาเป็นใคร“อ่อ แล้วนายมาหาฉันทำไม” ตงตงถามด้วยความสงสัย“คุณหนูให้ผมเอาเอกสารมาให้ครับ” ซงเหยียนบอกพร้อมกับยื่นซองเอกสารให้ ตงตงมองซองเอกสารนั้นอย่างสงสัย “ในซองนี้มีห
Comments