ร่างบางสั่นสะท้าน เสียงสะอื้นไห้คร่ำครวญระงมไปทั้งห้อง เธอไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะลุกไปเปิดไฟด้วยซ้ำ เพราะใช้สติที่หลงเหลือเพียงนิดฝืนขับรถกลับมาที่คอนโดจนหมดแล้ว กว่าสี่ชั่วโมงตั้งแต่บ่ายสามโมงจนถึงตอนนี้เธอยังคงนั่งร้องไห้อยู่บนโซฟาตัวโปรดที่เธอและหัสดินซื้อมาไว้นอนดูหนังด้วยกันทุกวันหยุดที่เขามาหา
ราวกับโลกทั้งใบพังทลาย ความฝันที่เคยวาดเอาไว้ถูกพังทลายลงภายในไม่กี่ชั่วโมง ความไว้ใจตลอดหลายปีที่ผ่านมาถูกผู้ชายที่เธอคิดมาตลอดว่าเขาคือคนที่เธอสามารถฝากชีวิตไว้ได้
หญิงสาวคิดวนในหัวไม่หยุด ไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้มันเป็นความจริงหรือแค่เธอฝันอยู่กันแน่
“กลับมาแล้วครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์อันเจ็บปวดของตัวเอง
“ทำไมไม่เปิดไฟละมิน”
ทันทีที่ภายในห้องมีแสงสว่าง หัสดินได้เห็นแฟนสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เคยมองเขามาก่อน กวินตราลุกจากโซฟาที่เธอนั่งอยู่ด้วยท่าทางอิดโรย หอบร่างบอบช้ำและหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินเข้าไปหาชายหนุ่มที่กำลังทำตัวไม่ถูกเพราะแฟนสาวไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“เป็นอะไรครับ ถูกใครรังแกมาหรือเปล่า บอกดินมาดินจะไปจัดการมันเอง”
กวินตราไม่พูดเพียงแค่หัวเราะออกมาเท่านั้น เธอหยิบกระดาษที่มารีญาทิ้งเอาไว้ให้ขึ้นมาแล้วส่งให้หัสดินก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม
มือหนาหยิบกระดาษที่หญิงสาวส่งให้อย่างงุนงงก่อนจะเปิดอ่านก็พบว่ามันเป็นใบแจ้งผลตรวจครรภ์แถมยังมีชื่อเขาแจ้งว่าเป็นพ่อด้วย หัสดินรู้แล้วว่าตอนนี้กวินตรารู้เรื่องทั้งหมด
“ตอนไหน” กวินตราถามด้วยน้ำเสียงไร้ชีวิตชีวาราวกับคนไม่มีวิญญาณ
“คือ...คือดินอธิบายได้นะ”
“งั้นก็อธิบายมาสิ ทำเรื่องแบบนั้น...ไปตอนไหน”
ประโยคสุดท้ายราวกับมีดแหลมที่ปักกลางอกของกวินตรา ก่อนจะกรีดเป็นแผลยาวบาดลึกตัดขั้วหัวใจ เจ็บปวดจนเธอแทบไม่อยากจะมองหน้าของเขาเลยด้วยซ้ำ
“มัน...คือดินไม่ได้ตั้งใจ วันนั้นดินเมาสาบานได้เลย เรามีอะไรกันครั้งเดียวแค่คืนนั้น แต่หลังจากนั้นดินไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับน้องเขาเลยนะ ดินรักมินคนเดียว”
ฟังจบหยดน้ำตาที่แห้งไปไม่นานก็ไหลลงมาอีกครั้ง คำว่ารักของหัสดินเมื่อก่อนมันเหมือนเป็นยาที่เอาไว้เยียวยาจิตใจของเธอ ได้ยินทีไรก็ใจฟูชุ่มฉ่ำ ผิดกับตอนนี้ที่คำว่ารักของเขาเมื่อได้ฟังมันเหมือนยาพิษ เพราะมันสวนทางกับสิ่งที่เขาทำให้เธอเห็นเหลือเกิน
“ช่างเถอะ ยังไงเด็กก็เกิดมาแล้ว ดินไปทำหน้าที่ของตัวเองเถอะยังไงเด็กก็ไม่ผิด”
“หมายความว่ายังไง”
กวินตราเงียบไปครู่หนึ่งราวกับครุ่นคิดอย่างหนักที่จะพูดประโยคต่อไปซึ่งไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้พูด
“เราเลิกกันเถอะ”
“อะไรนะ มะ ไม่นะมิน ดินไม่เลิกเด็ดขาด”
“แล้วดินจะทำยังไง นั่นชีวิตเด็กทั้งคน ดินจะให้เขาเกิดมาไม่มีพ่อเหรอ”
“ก็ดินจะรับผิดชอบเด็ก แต่ดินจะไม่ยอมเสียมินไป”
กวินตราเกือบจะใจอ่อนสงสารเขาแล้วหากไม่คิดถึงตอนที่ตัวเองเสียพ่อกับแม่ไป เธอรู้ดีกว่าชีวิตที่ไร้พ่อขาดแม่นั้นเป็นยังไง แม้ว่าเธอจะรักหัสดินแค่ไหนก็ไม่อยากปล่อยให้เด็กที่ไม่ได้ผิดอะไรต้องมารับผิดชอบกับการกระทำของผู้ใหญ่แบบนี้
หลังจากที่เอ่ยคำลาก่อนจะออกมาในคืนนั้นโดยไม่สนคำรั้งของชายหนุ่ม เธอไม่อยากอยู่นานกลัวตัวเองจะใจอ่อน ขณะที่ขับรถโดยไร้จุดหมายอยู่นั้นกวินตราเห็นว่ามีร้านอาหารกลางคืนที่บรรยากาศดีอยู่ร้านหนึ่งจึงแวะเข้าไปเผื่อจะได้นั่งคิดว่าจะเอายังไงต่อ กวินตราได้โทรหาเมธาวีเพื่อนสนิทให้มาเจอเธอที่ร้านอาหาร น้ำสีอำพันในแก้วใสถูกกระดกดื่มครั้งแล้วครั้งเล่าในขณะที่อาหารบนโต๊ะไม่ถูกแตะแม้แต่น้อย
“เห้ยมิน พอแล้วเดี๋ยวก็เมาพอดี” เมธาวีมาทันได้เห็นเพื่อนรักที่ปกติเหล้าไม่เคยแตะทว่าตอนนี้กับยกดื่มปานน้ำจึงรีบเข้ามาห้ามทันที
“เมาก็ดีจะได้ลืมเรื่องบ้า ๆ นั่น”
พอได้ยินเพื่อนรักพูด เมธาวีจึงนั่งลงตรงข้ามกับกวินตราก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่กวินตราโทรมาเล่าทั้งน้ำตาอีกครั้งว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“สรุป เรื่องมันเป็นไง เล่าให้ฟังอีกที”
กวินตราได้เริ่มเล่าเรื่องให้เพื่อนรักฟังตั้งแต่ต้นจนจบก่อนจะกระดกเหล้าในขณะที่เมธาวีตบโต๊ะดังฉาด เจ็บแค้นแทนเพื่อนรักแล้วยังเสียดายที่ตอนนั้นตนดันติดธุระพอดี ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้เพื่อนรักที่แสนดีอย่างกวินตราถูกเหยียดหยามถึงร้านเช่าชุดแต่งงานขนาดนั้น
“แหม่ เสียดายจริง ๆ ไม่อย่างนั้นแม่จะสั่งสอนสักหน่อย แอบกินของคนอื่นไม่ว่ายังจะมาเลือกเวลาบอกได้พอดิบพอดีอย่างกับคิดมาแล้วแบบนี้ ฉันละเจ็บใจแทนแกจริง ๆ” เมธาวีรินเหล้าใส่แก้วให้ตัวเองก่อนจะกระดกดื่มเป็นเพื่อนกวินตรา เจ็บใจที่ผู้ชายเลวทำกับเพื่อนรักที่แสนดีของเธอ
“ช่างมันเถอะ มันจบแล้ว จบหมดแล้วทุกสิ่ง ฮึก...ทุกอย่าง”
พูดไปน้ำตาก็ไหลพรากไป กวินตราบอกกับตัวเองในใจว่าอย่าได้เห็นแก่ตัว แม้จะรักหัสดินเพียงใดก็อย่าได้เห็นแก่ตัวเด็ดขาด ตัดใจเสียแต่ตอนนี้
“โธ่...มินพอแล้ว ๆ ไม่พูดถึงเรื่องบ้านั่นแล้ว วันนี้เมจะเมาเป็นเพื่อนมินเอง”
พูดจบกวินตราก็ชนแก้วกับเมธาวีอย่างหนักจนคนที่คออ่อนอย่างกวินตรากินไปไม่กี่แก้วก็เมาคอพับไปแล้ว เมธาวีเห็นสภาพเพื่อนรักเป็นแบบนี้แน่นอนว่าไม่ปล่อยกลับบ้านแน่ เธอตัดสินใจทิ้งรถของกวินตราไว้ที่ร้านแล้วพากวินตรากลับคอนโดของเธอแทน
รุ่งเช้าเมธาวีทำโจ๊กให้เพื่อนรักทานเพราะคิดว่าต้องแฮงค์หนักแน่ แล้วก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ กวินตราปวดหัวเดินออกมาด้วยสภาพที่ไม่น่าดูนัก เธอลากร่างบางที่ไร้วิญญาณมานั่งตรงเคาน์เตอร์ครัว ชิมอาหารฝีมือเพื่อนรักโดยไม่ลืมปากหวานชมแม่ครัวอีกด้วย เห็นกวินตราไม่ได้เป็นหนักอย่างที่เธอกลัว รุ่งเช้ายังคงกินข้าวได้ปกติแถมยังมีสติเมธาวีเองจึงโล่งใจไม่น้อย
“แล้วนี่มินจะเอาไงต่อ”
“ตัดสินใจแล้วล่ะ เราจะจบทุกอย่าง”
การตัดสินใจของเพื่อนเมธาวีจะไม่ขัดเลยแม้แต่น้อย กลับกันเธอมองหน้าเพื่อนรักคิดไปถึงวันที่กวินตราโทรมาเล่าว่าหัสดินได้ขอเธอแต่งงาน ตอนนั้นเธอจำได้ว่าเพื่อนรักมีความสุขแค่ไหน ไม่คิดเลยว่าความสุขจะจากเพื่อนเธอไปเร็วแบบนี้
“งั้นอยู่ที่ห้องเมไปก่อนนะ รอดีขึ้นค่อยกลับไปเก็บของ”
“อืม...ขอบใจนะ”
กวินตราฝืนยิ้มให้เมธาวีก่อนจะก้มลงตักโจ๊กร้อนเข้าปากแล้วกลืนราวกับมันไม่ร้อน เมธาวีมองแล้วอดสงสารเพื่อนรักไม่ได้ ที่ไหนได้เธอคิดผิดมาตลอดที่ว่าเพื่อนของเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก กวินตราปกติก็ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ อยู่แล้ว เพราะเมื่อวานเมาเธอจึงได้เห็นเพื่อนรักพรั่งพรูความเสียใจออกมาขนาดนั้น
เมธาวีคิดหาวิธีที่อยากจะทำให้เพื่อนรักกลับมายิ้มได้อีกครั้งเลยเอ่ยชวนกวินตราไปเที่ยวที่ไร่ของพี่ชายของเธอ ช่วงนี้เป็นช่วงท่องเที่ยวป่านนี้เจ้าพี่บ้างานของเธอคงหัวปั่นไม่มีเวลาดูแลเจ้าแฝดตามเคย เธอเลยถือโอกาสพากวินตราไปพักกายพักใจเสียเลย
“นี่มินอยากไปเที่ยวมะ”
ร่างบางชะงักเมื่อได้ยินประโยคชักชวนของเพื่อนรักก่อนจะครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถาม
“ไปไหนเหรอ”
“ไร่ของพี่ธัชกร ช่วงนี้นักท่องเที่ยวเยอะ พี่ชายฉันน่ะบ้างานป่านนี้คงไม่ได้หลับไม่ได้นอน น่าจะไม่มีเวลาดูลูกด้วยซ้ำมั้ง มินสนใจไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กชั่วคราวมั้ย นี่หลาน ๆ ของเราน่ะน่ารักมากเลยนะ รับรองว่าถ้ามินเห็นต้องรักต้องหลงแน่ ๆ”
กวินตราเงียบคิดไปครู่หนึ่ง ก็จริงที่ก่อนหน้านี้หลังจากเรียนจบเมธาวีที่เคยบอกว่ายังไงก็จะทำงานอยู่ที่กรุงเทพกับเธอ แต่พอได้กลับบ้านไปไม่กี่เดือนดันเปลี่ยนใจเสียอย่างนั้น ทุกวันนี้ก็ไป ๆ มา ๆ นานทีจะลงมาช่วยเธอขายดอกไม้ พอถามก็บอกติดหลานไม่อยากจะกลับมาที่กรุงเทพอีกแล้ว แถมมาทีก็เล่าเรื่องหลานตัวน้อยให้ฟังจนเธออยากจะเจอบ้างเหมือนกัน