เมื่อพ่อหม้ายลูกแฝดอยากมีรักอีกสักครั้งกับเพื่อนน้องสาว ทั้งคู่กำลังเริ่มต้นบ่มเพาะความสัมพันธ์ที่ดีแก่กันแต่ก็ต้องมาสะดุดเมื่อ ภรรยาเก่ากลับมาทวงเอาสมบัติเพิ่มโดยเอาลูกชายฝาแฝดมาเป็นตัวประกัน
View Moreเสียงทารกน้อยวัยสิบเดือนร้องประสานเสียงดังลั่นห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้สำหรับเด็กเพราะรู้สึกไม่สบายตัว แต่หากบอกออกมาเป็นคำพูดไม่ได้จึงใช้วิธีการงอแงเพื่อบอกอาการให้คนที่เห็นรู้ พี่เลี้ยงสองคนวุ่นวายเพื่อหาวิธีทำให้ทารกน้อยทั้งสองสงบลง ให้กินนมก็แล้ว พาอุ้มเดินทั่วบ้านก็แล้วแต่ทารกน้อยก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดก่อกวน
“เอายังไงดีวะนังลำดวน” พี่เลี้ยงผู้มีประสบการณ์เอ่ยถามเพื่อนที่ทำงานที่เป็นพี่เลี้ยงลูกของนายหัวด้วยกัน เดิมทีทั้งคู่เป็นคนงานที่ไร่แต่เพราะเคยเลี้ยงเด็กอ่อนมาก่อนธัชกรจึงได้ให้ทั้งสองมาช่วยชัญญาภรรยาของตนเลี้ยงลูก
“โทรหาคุณนายดีไหม เดี๋ยวฉันเข้าไปเอาโทรศัพท์ก่อน ฝากแกดูคุณหนูก่อนนะ”
พูดจบลำดวนก็รีบวิ่งเข้าห้องของเธอไป ครู่เดียวเธอกลับมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ มองไปยังนวลจันทร์ที่อุ้มเด็กสองคนพลางโยกตัวกล่อม ลำดวนรีบกดเบอร์โทรหาคุณนาย นวลจันทร์มองไปทางลำดวนที่หน้ามุ่ยก็เดาได้ว่าคุณนายไม่รับโทรศัพท์เช่นเคย
“โทรหาพ่อเลี้ยงสิ”
“แต่พ่อเลี้ยงทำงานอยู่นะ ฉันไม่กล้าโทรไปหรอก” ลำดวนเอ่ยตอบพร้อมเดินไปช่วยเพื่อนอุ้มทารกน้อยอีกคน
“มีเรื่องอะไรกัน”
ไม่ทันที่ทั้งคู่ได้เถียงกันเสร็จร่างสูงก็เดินเข้ามามองลูกชายฝาแฝดที่งอแงเสียงดัง แล้วมองหน้าพี่เลี้ยงที่มองเขาราวกับมีความหวังอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มมองไปรอบบ้านพบลูกชายอีกคนที่ลำดวนกำลังเดินไปอุ้มมาหา พร้อมกับบอกว่าคุณหนูทั้งสองไม่รู้เป็นอะไรตั้งแต่สองทุ่มถึงร้องไห้ไม่หยุด แถมยังแหวะนมออกมาบ่อยครั้ง
“คุณนายล่ะ” ธัชกรถามเพราะตั้งแต่กลับมายังไม่เจอภรรยาของเขาเลย
“เอ่อ”
เห็นพี่เลี้ยงทั้งสองอ้ำอึ้งธัชกรก็พอเดาทุกอย่างได้ ภรรยาของเขาออกไปนอกบ้านอีกแล้ว สามสี่เดือนมานี้ชัญญาอยู่ไม่เคยติดบ้าน ช่วงแรกแค่กลับดึกแต่พักหลังมานี้มีค้างที่อื่นด้วย โทรหาก็ไม่เคยรับพอถามก็บอกว่าไปนอนบ้านแม่ แล้วยังหงุดหงิดใส่เขาทุกครั้ง ธัชกรจึงไม่อยากจะถามอะไรต่อแล้วก็หวังว่าเมื่อลูกเริ่มโตภรรยาของเขาจะคิดได้บ้าง
“ไม่เป็นไร ส่งมานี่มา” ธัชกรรับนทีแฝดพี่มาอุ้มเอาไว้คิดว่าจะกล่อมให้นอนเหมือนทุกที แต่ครั้งนี้รู้สึกแปลกเพราะตัวของลูกชายอุณหภูมิไม่เหมือนเดิม
มือใหญ่ยกขึ้นแตะหน้าผากเล็ก ๆ ของลูกชายก่อนจะเดินข้าไปแตะที่หน้าผากของอีกคนที่อยู่กับนวลจันทร์ จึงแน่ใจว่ามันไม่ปกติ
“สงสัยจะไม่สบาย ไปบอกคนรถให้เอารถออกผมจะพาลูกไปหาหมอ”
พ่อเลี้ยงหนุ่มสั่งลำดวลไปตามคนรถ ส่วนนวลจันทร์ให้เตรียมข้าวของสำหรับทารกน้อยนทีและรพีสำหรับออกไปข้างนอก สองพี่เลี้ยงรีบทำตามทันที ร่างเล็ก ๆ ถูกวางเอาไว้ที่เบาะนั่งสำหรับเด็ก เมื่อทุกอย่างพร้อมทั้งหมดจึงมุ่งหน้าพาทารกน้อยฝาแฝดไปที่โรงพยาบาลกลางดึกทันที
เมื่อสองแฝดถึงมือหมอแล้ว ธัชกรนั่งเงียบอยู่นานสองนานตรงหน้าห้องขณะที่พี่เลี้ยงทั้งสองเดินเข้ามาขอโทษเขา เพราะวันนี้มัวแต่ยุ่งเลยไม่ทันคิดว่าเด็กน้อยทั้งสองจะป่วยแบบนี้ ธัชกรก็เข้าใจจึงไม่ได้ติดใจเอาเรื่อง ดวงหน้าเข้มละจากใบหน้าของพี่เลี้ยงทั้งสองก่อนจะเข้าสู่โหมดเงียบอีกครั้ง
ธัชกรชายหนุ่มวัยสามสิบห้าปี เจ้าของไร่ส้มหลายร้อยไร่และเจ้าของโฮมสเตย์ของจังหวัดน่าน ด้วยช่วงนี้ใกล้ถึงช่วงหน้าหนาวเพื่อรองรับผู้คนที่จะเข้ามาพักเขาจึงได้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ
เดิมทีเขาฝ่าฟันสร้างฐานะก็เพราะอยากจะให้ลูกเมียสุขสบาย เขาจึงพยายามสร้างครอบครัวให้สมบูรณ์แบบตามที่เขาเคยวาดฝันโดยมีสาวในฝันที่ตนหมายปองเป็นคู่ตุนาหงัน
หลังจากที่ชัญญาคลอดลูก ธัชกรไม่อยากให้ภรรยาเหนื่อยจึงให้อยู่บ้านเลี้ยงดูลูกและมีพี่เลี้ยงช่วยอีกสองคน เดิมทีชัญญาเป็นคนเรียบร้อยและอ่อนหวานตามแบบฉบับคนเชียงใหม่บ้านเกิดของเธอ
แต่พอหลังจากที่คลอดลูกชายฝาแฝด ชัญญากลับกลายเป็นคนละคน ตอนแรกธัชกรคิดว่าคงเป็นเพราะฮอร์โมนคุณแม่หลังคลอดเขาจึงไม่ถือสาเมื่อภรรยาบ่นว่าเขาไม่มีเวลาให้ เมื่อมีเรื่องทะเลาะธัชกรก็เอาแต่เงียบไม่ตอบโต้เรื่อยมากระทั่งตอนนี้ลูกได้หนึ่งขวบแล้ว ชัญญาไม่ได้มีท่าทีแข็งกร้าวอ่อนลงเลย กลับหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้เธอเริ่มเที่ยวกลางคืนกลับบ้านอีกทีก็รุ่งสางของอีกวัน
ธัชกรพาลูกชายฝาแฝดกลับมาถึงบ้านก็ปาไปตีหนึ่งตีสอง พี่เลี้ยงพาสองแฝดเข้านอนแล้วก็กลับบ้านพักของตัวเองไป ด้วยความที่ธัชกรกลัวว่าลูกน้อยจะตื่นขึ้นมากลางดึกจึงได้อาบน้ำแล้วมานั่งทำงานเฝ้าลูกอยู่ที่ห้อง ชายหนุ่มจ้องมองรายงานที่คนงานเขียนมาส่ง กวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษรในนั้นอย่างใจจดใจจ่อ สักพักก็ได้ยินเสียงล้อยางบดถนนเข้ามาภายในเขตบ้านด้วยความเคยชิน เขาถอนหายใจยาวเพราะรู้ว่านั่นเป็นรถของชัญญา
ร่างสูงเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของเขา เข็มสั้นชี้ชัดที่เลขห้า เข็มยาวตรงดิ่งลงเลขหก เขาถอนหายใจก่อนจะหันไปมองร่างบอบบางที่เดินเซเข้ามาในบ้านพร้อมกับทักทายเขาด้วยถ้อยคำเดิม ๆ
“ไปไหนมา” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยถาม
“ฉันเครียดเลยไปดื่มมานิดหน่อย”
ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยมีเพียงคิ้วหนาที่เรียงตัวสวยบนสันคิ้วงามเท่านั้น เขาขมวดจนหัวคิ้วแทบจะติดกันพร้อมทั้งพ่นลมหายใจบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจเธออย่างยิ่ง และดูเหมือนคนที่พึ่งกลับมาก็รับรู้ด้วยขณะที่เตะส้นสูงของตนไปคนละทิศละทางก็เอ่ยถามด้วยอาการหงุดหงิด
“อะไร ก็อยู่บ้านเฉย ๆ มันน่าเบื่อ คุณเอาแต่ทำงาน ฉันก็แค่ออกไปเที่ยวผ่อนคลายบ้างแค่นี้ ผิดอะไรนักหนาเหรอคะ” หญิงสาวเริ่มเสียงดัง ข่มผู้เป็นสามีให้เชื่อในสิ่งที่ตนยกมาอ้างกลบเกลื่อนความผิด
“คุณไปเที่ยวผมไม่เคยว่า แต่โทรหาทำไมไม่รับ คุณรู้ไหมว่าวันนี้ลูกไม่สบาย ถ้างานผมเสร็จช้าเหมือนทุกวันป่านนี้ลูกจะเป็นยังไง”
“ตอนบ่ายลูกยังดีอยู่ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะไม่สบาย น่ารำคาญจริง ๆ ฉันไปนอนดีกว่า”
“เดี๋ยว” ธัชกรลุกขึ้นรั้งแขนภรรยาเอาไว้เพราะเขายังพูดไม่จบแต่กลับถูกแขนเล็ก ๆ สะบัดจนหลุด
“อะไรอีก จะเอาอะไรอีกแค่ไปเที่ยว บอกแล้วไง นี่ก็ไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงจะอะไรนักหนา”
เมื่อเห็นว่าเถียงกันต่อไปคงไม่วายทะเลาะตามเคย ธัชกรจึงเป็นฝ่ายยอมเสียเอง
“โอเค ผมขอโทษ แต่ขอได้ไหมต่อไปนี้ขอให้คุณอยู่กับลูกบ้าง”
“ฉันก็อยู่ไง”
“ไม่ใช่ผมหมายถึง...”
“โอ๊ยคุณนี่ยังไง ยิ่งนับวันยิ่งน่ารำคาญ พอแล้วฉันจะไปนอน”
ดวงตาคมหลุบต่ำมองแก้วเหล้าในมือพร้อมขยับคนมันสองสามทีก่อนกระดกเข้าปากไป รสเฝื่อนแสบคอทำให้พ่อหม้ายลูกติดแบบธัชกรรู้สึกราวกับว่าในโลกนี้ของเขาช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน แม้แต่เหล้ายังขมไม่เท่าชีวิตของเขาด้วยซ้ำ เมื่อคิดถึงตอนก่อนที่ยังมีภรรยาอยู่เคียงข้าง แต่ในวันนี้เหลือเพียงเขาและลูกทั้งสอง ธัชกรยอมหย่าให้ภรรยาที่ตัดสินใจเดินออกไปจากเขาและลูก ทั้งยังให้เงินเธอติดตัวไปหลายล้านด้วยเพราะไม่อยากจะทำให้ชีวิตของชัญญาไม่มีความสุขอย่างที่เธอบอกเขาตลอดมา
“น่าสงสารนายหัวจริง ๆ นะพี่ว่ามั้ย” เสียงน้อยเด็กสาววัยสิบแปดที่มีแม่และพ่อเป็นคนงานในไร่ ขณะที่มองธัชกรนั่งพักในร่มใต้ต้นส้มต้นเก่ารอโค่นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย เพราะหลังจากที่หย่าไปหลายเดือนมานี้นายหัวก็เอาแต่ติดเหล้า ทั้งยังปิดใจ สาวน้อยสาวใหญ่เฉียดเข้าใกล้เขาเป็นต้องปฏิเสธกลับไปทุกคน
“ก็นั่นน่ะสิ ทั้งหล่อทั้งรวยแถมขยันขนาดนี้ยังโดนทิ้งได้ หน้าตาแบบพี่นี่หมดหวังเลย” นายไม้คนงานในไร่ที่อายุมากกว่าน้อยห้าปีพูดขึ้น
“โห...พี่ พูดเกินไป คนดี ๆ อย่างนายหัวไม่ผิด คนผิดคือคุณนายต่างหาก นี่ถ้าเป็นหนูนะ มีผัวแบบนี้จะดูแลเป็นอย่างดีเลย”
“ฝันไปเถอะนังน้อย ก่อนหน้านี้ลูกสาวนายอำเภอทั้งสวยทั้งจบนอกเข้าหานายหัวยังไม่สนใจเลย นับประสาอะไรกับเอ็ง” สมพรแม่ของน้อยดับฝันลูกสาวทันควัน
“แค่สมมุติน่ะแม่ แค่สมมุติ”
“นี่จะตามทำไมนักหนาเนี่ย” เมธาวีก้าวขาให้สูงพอให้พ้นจากความสูงของหญ้าที่คนงานยังไม่ทันได้เข้ามาตัดเพื่อหนีแขกของเพื่อนสนิทที่เอาแต่เดินตามเธอไม่หยุด“พี่จะไปไหนล่ะ”“อย่ามาเรียกฉันพี่นะ ฉันเป็นลูกคนเล็กและอีกอย่างฉันไม่อยากมีน้องชายแบบนาย”“ครับไม่ให้เรียกพี่งั้นผมเรียกป้านะ”“ใครป้านาย นี่จะกวนประสาทฉันไปถึงไหน ตั้งแต่มาแล้วนะ” เมธาวีพูดจบก็กำลังจะเดินหนีทว่ากลับก้าวไม่ระวังหลุมดินที่คนงานขุดเอาไว้ระบายน้ำเธอจึงเหยียบเข้าไปเต็มแรง โชคดีที่ณัฐชัยมือไวจึงคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ทัน จึงทำให้อีกคนค้างเติ่งอยู่ในท่ายืนขาเดียว“นี่จะทำอะไร ลวนลามฉันเหรอ ว๊ายยย...ไอ้บ้า ปล่อยทำไมยะ”ทันทีที่อ้าปากด่าคนที่ช่วยเธอเอาไว้ก่อนหน้า คนตัวสูงก็ทำมึนก่อนจะปล่อยมือทันทีจนทำให้อีกคนล้มสะโพกกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บตัวก็อีกส่วนแต่เรื่องที่ปล่อยมือจนทำให้เธอล้ม เธอต้องเอาเรื่องเขาให้ได้ทว่าแค่จะลุกยังทำไม่ได้เพราะปวดที่ข้อเท้า“ก็คุณบอกผมจะลวนลาม”“โอ๊ย” เ
หลังจากที่ได้นอนเต็มอิ่มทนายหนุ่มก็ยกนาฬิกาตรงข้อมือมาดูพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว ชายหนุ่มตัดสินใจไม่นอนต่อ ใช้ฝ่ามือตบแก้มของตัวเองเบา ๆ สองสามทีก่อนจะดีดตัวลุกจากที่นอน ณัฐชัยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง ตั้งแต่ทำงานก็จำแทบไม่ได้แล้วว่าตัวเองไปพักผ่อนสูดอากาศที่ดีแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ชายหนุ่มพาร่างที่ยังไม่ตื่นดีลุกแล้วเดินออกไปริมระเบียง คิดในใจแม้ว่าเขามาที่นี่เพราะอยากจะทำให้พี่ชายกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าก็เถอะ แต่ว่าผู้ชายคนใหม่ของอดีตว่าที่พี่สะใภ้เป็นคนยังไงกันถึงได้ถูกใจกวินตราได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว“อ๊า” ณัฐชัยยืนตัวตรงยกแขนเหยียดขึ้นจนสุดพลางสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางหุบเขาเข้าปอดจนเต็มจะว่าไปนายธัชกรอะไรนั่นก็ไม่ใช่คนที่ขี้เหนียวตระหนี่แถมยังมีความสามารถ แม้ว่าที่ผ่านมาจะเคยมีครอบครัวไปแล้วก็เถอะ แต่ว่าภายในระยะเวลาอันสั้นหมอนั่นใช้ความสามารถบริหารธุรกิจโฮมสเตย์จากศูนย์จนมีชื่อเสียงขนาดนี้นับว่ามีความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียวตาคมมองไปรอบ ๆ ที่เขาพักอยู่ บ้านเดี่ยวเป็นส่วนตัวมีวิวสวนส้ม พี่ชายของเขาก็พักอยู่อีกห้องซึ่
“นี่ตัวบอกนายดินเรื่องพี่กรเหรอ ทำไมละ”เมธาวีแทบปรี้ดแตกเมื่อได้ยินเพื่อนรักพูดถึงรักเก่าที่เคยทำเพื่อนของเธอเจ็บแสบแล้วเขายังจะมาที่นี่พร้อมกับน้องชายในอีกสองวันข้างหน้า เพื่อมาฟ้องอดีตพี่สะใภ้เพื่อหาทางเอาหลานทั้งสองคืนมา ถึงอย่างนั้นเมธาวีก็ไม่อาจเห็นแก่ตัวให้เพื่อนรักกลับไปพัวพันกับรักครั้งก่อนที่เฮงซวยแบบนั้นได้“ไม่ได้ ฉันไม่ยอม นี่เราหาทางอื่นก็ได้นะไม่ต้องให้พวกเขามา ฉันอุตส่าห์พาเธอหนีมาตั้งไกลจะให้ตามมาอีก”กวินตรารู้ถึงความหวังดีจากเพื่อนของเธอ ทว่าเรื่องนี้มันเร่งด่วนจริง ๆ เพราะเธอไม่อาจปล่อยให้ธัชกรตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ได้“เฮ้อ ช่างเถอะฉันว่าอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้วนี่”“ไม่เอาน่า ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดอะไรกับดินแล้ว จริง ๆ” เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนรักเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด กวินตราก็ยกมือขึ้นชูนิ้วสาบานทันที“ก็ได้ เอางี้ฉันจะให้คนงานไปเตรียมห้องที่โฮมสเตย์ ฉันเห็นความสัมพันธ์ของเธอกับพี่กรไปได้ด้วยดีก็ไม่อยากจะให้อะไรมาทำให้มันสั่นคลอน ในฐานะเพื่อนฉันอยากให้เธอได้เจอคนดี ๆ
พอเห็นว่ารถขับออกไปกวินตราที่แอบดูอยู่ก็เดินเข้ามา เธอนั่งลงข้าง ๆ ธัชกรก่อนจะกอดเขาเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าเธอนั้นจะพึ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานแต่กวินตาก็รู้ดีกว่าทั้งเรื่องโฮมสเตย์และเรื่องลูกธัชกรทุ่มเทกับสองสิ่งนี้มากแค่ไหน ชีวิตของลูกใครจะไม่เป็นห่วง แล้วยังมีชีวิตและปากท้องของคนงานที่โฮมสเตย์ กวินตราเข้าใจดีที่เขาไม่อาจตัดสินใจโดยไม่ไตร่ตรอง“ผมโง่ใช่มั้ย” ธัชกรซบหญิงสาวแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย“คุณไม่ได้โง่เลยค่ะ คุณเป็นคนดีฉันรู้”จบประโยคนั้นชายหนุ่มโผเข้ากอดกวินตราแน่นท่ามกลางสายตาของคนงานที่มองพ่อเลี้ยงของพวกเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร เมธาวีอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ เธอเข้าไปกอดพี่ชายของเธอเอาไว้แน่นเธอผิดเองที่ตอนนั้นไม่ได้ห้ามพี่ชายของเธอในวันที่หย่า หากวันนั้นเธอใจแข็งบังคับให้ชัญญาเซ็นสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับลูกอีก วันนี้เธอคงเรียกตำรวจมาลากผู้หญิงนิสัยต่ำช้าคนนี้ไปเข้าคุกเรียบร้อยแล้วธัชกรก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร เขานั่งเงียบ ๆ คนเดียวอยู่ในห้องทำงาน งานเลี้ยงที่เตรียมไว้สำหรับสองแฝดเป็นต้องยกเลิกไ
เปลือกตาบางสะท้านแสงจ้าด้านนอก เสียงเครือเพราะความเหนื่อยล้าเนื่องจากชายผู้กินไม่รู้จักอิ่มกวนเธอทั้งคืน กว่าจะได้นอนก็เกือบจะเช้า พอนึกเหตุการณ์สุดสยิวเมื่อคืนความปวดหน่วงที่ท้องน้อยจึงเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุย กวินตราพลิกตัวเพื่อจะเปลี่ยนท่านอนกลับพบว่าข้าง ๆ มีใบหน้าอันหล่อเหล่านอนกอดเธออยู่“คุณคะ”“อือ บอกแล้วไงเรียกพี่ เรียกคุณอีกคำเดียวพี่จับกินอีกวันนี้ไม่ต้องออกไปไหนเลย”กวินตรากลืนน้ำลายหนืดลงคอเพราะรู้ว่าเขาจะทำจริงแน่ เมื่อคืนเพราะอยากจะหาเรื่องมีอะไรกับเธอหลายต่อหลายรอบธัชกรจึงใช้ข้ออ้างที่เธอเผลอเรียกเขาคุณไปคำหนึ่งเพื่อลงโทษเธอเหลี่ยมจัดจริง ๆ คนบ้านนี้กวินตราคิดในใจเนื่องจากรู้นิสัยของเพื่อนรักดี เหมือนพี่ชายเธอไม่มีผิด เจ้าความคิดจอมวางแผน“วันนี้มีงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอคะ เราจะไปสายนะ” เป็นวันที่ไร่และโฮมสเตย์ปิดเพราะวันนี้มีงานเลี้ยงวันเกิดของสองแฝดครบสามขวบและเลี้ยงคนงานไปเลยในวันเดียว“อือ เดี๋ยวค่อยไปพวกเขาจัดงานอยู่ นอนต่ออีกหน่อยนะพี่ง่วงมาก เพลียด้วย ปวดเอวอีกต
ร่างบางถูกดันจนขาของเธอสะดุดเข้ากับเตียงจนตัวล้มลงบนที่นอน เมื่อกระเด้งขึ้นมาก็ถูกมือหนาจับตัวยกขึ้นจนเธอไปนอนตรงกลางเตียงทันที ริมฝีปากบางถูกครอบครองอีกครั้งโดยชายหนุ่มที่ร้างสัมพันธ์สวาทมานาน ความหอมหวานนี้เขาไม่แน่ใจว่าตนเองเลิกสนใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่“อือ”เสียงครางแผ่วเบาเมื่อริมฝีปากของกวินตราถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ทว่าแค่ไม่กี่วิก็กลับถูกต้อนอีกครั้ง ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากควานหาความหวานจนทั้งคู่เริ่มรู้สึกวูบวาบขึ้นมาทั่วร่าง กวินตรายกมือขึ้นถอดเสื้อยืดที่อีกคนใส่อยู่ มัดกล้ามเป็นลอนสะท้อนแสงไฟจากด้านนอก สันกรามเป็นเส้นปูดโปนทำเอาหัวใจของเธอเริ่มสั่นคลอนอยู่ไม่สุข“อ้า”กวินตราพึ่งรับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาลให้ตัวของเธอที่กำลังจะปะทุ เมื่อเขาเริ่มจัดการถอดเสื้อผ้าของเธอออกจนหมด ริมฝีปากอุ่นไล่จูบไปตามเรือนร่างบอบบาง ชั้นในสีหวานถูกปลดออกไปอย่างง่ายดายด้วยมือของเขาเพียงข้างเดียว หน้าอกหน้าใจที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้การแต่งตัวแสนธรรมดามานาน วันนี้ธัชกรพึ่งได้รู้ว่าหญิงสาวนั้นซ่อนรูปงดงามขนาดนี้เอาไว้เพียงใด“ไม่เสีย
Comments