ในที่สุด
หลังจากที่วัยรุ่นประมาณสิบกว่าคนเข้าร่วมกันต่อสู้ อวี๋จื่อเสวียนอาศัยกำลังของตัวเอง ล้มนักเลงอย่างน้อยยี่สิบกว่าคน
นักเลงพวกนี้ถึงขั้นที่ยังพกมีดสปาต้ากับมีดกริชมาด้วย
อวี๋จื่อเสวียนไม่ทันได้ระวัง บนแขนถูกมีดกรีดจนเป็นแผลใหญ่ และมีเลือดสดไหลออกมา
“แฮ่ก…แฮ่ก…”
อวี๋จือเสวียนหายใจหอบ
เมื่อเธอมองไปรอบๆ นักเลงที่เพิ่งพุ่งเข้ามาในที่สุดก็ถูกพวกเขาจัดการได้
แต่อวี๋จื่อเสวียนในตอนนี้ เกือบจะถึงขีดจำกัดแล้ว
“ดีมากเลยนังหนู!”
“คิดไม่ถึงว่านังหนูตระกูลอวี๋จะสุดยอดขนาดนี้!”
“นังหนู แขนของเธอเลือดออกแล้ว เร็ว…รีบทำแผลหน่อย!”
ได้ยินเสียงชื่นชมและปรบมือจากรอบๆ ด้าน อวี๋จื่อเสวียนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธออกผายไหล่ผึ่ง มองไปทางชายวัยกลางคน
“แค่…แค่นี้เนี่ยนะ?”
“หึหึหึ…”
ชายวัยกลางคนเห็นภาพนี้ก็ไม่ได้รู้สึกโมโห และก็ไม่ได้โทษที่นักเลงเหล่านี้ไร้ความสามารถ แต่กับหัวเราะออกมา
ในระหว่างที่หัวเราะ เขายังยื่นมือออกไปปรบมือ
“ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะกำเริบเสิบสานแบบนี้ ที่แท้ก็เป็นนักบู๊นี่เอง ถึงแม้จะมีความสามารถแค่นิดหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นนักบู๊!”
“รู้แล้วสินะ งั้นก็รีบไสหัวไป!”
อวี๋จื่อเสว