ชีวิตในแต่ล่ะวันของแทนไทยังคงเป็นไปตามปกติ เขายังคงไปทำงานที่ไซต์งานก่อสร้างเหมือนเดิม และพอตกเย็นเลิกงานก็ตรงกลับบ้านทันที นิสัยของแทนไทไม่ค่อยเหมือนกับคนส่วนมากที่อยู่วัยเดียวกัน เขาไม่เคยเถลไถลไปที่อื่น เวลาวันหยุดหรือวันเงินเดือนก็ไม่เคยไปสังสรรค์ต่อที่ไหน แทนไทมักปฏิเสธตลอด จนทุกคนนั้นเป็นอันรู้กันและต่างก็เลิกชวนไปโดยปริยาย แต่ถึงอย่างนั้นแทนไทก็ยังคงเป็นที่รักใคร่ของทั้งเจ้านายและบรรดาเพื่อนฝูง ด้วยความที่เป็นคนขยันขันแข็งทำงาน หนักเอาเบาสู้ เวลาใครใช้ให้ช่วยเหลือหรือหยิบจับอะไรก็ไม่เคยบ่ายเบี่ยง น้ำใจของแทนไทนั้นเป็นที่ประจักษ์ในสายตาของทุกคนมานานแล้ว
“เฮ้ย! แทน เดี๋ยววันนี้พี่วานหน่อยได้ไหมวะ เลิกงานแล้วช่วยข้ามฝั่งเอาข้าวเอายาไปให้เมียพี่ที่บ้านพี่หน่อย” ชาญยุทธ์ เดินเข้ามาหาแทนไทในช่วงเวลาที่กำลังใกล้จะเลิกงาน
“พอดีวันนี้นายสั่งให้พี่เข้าไปรับวัสดุในเมือง ของมันขาด เมียพี่ท้องแก่มากแล้ว พี่ไม่อยากให้ออกมาเอง”
“อ๋อ ได้สิพี่ยุทธ์ เดี๋ยวผมเอาไปให้พี่พรเองครับ” เพราะรู้จักกับชาญยุทธ์มานานจึงค่อนข้างสนิทกับภรรยาของคนพี่ด้วย แถมยังเคยไปฝากท้องกินข้าวที่บ้านของชาญยุทธ์อยู่ 2-3 ครั้ง
“เออ ขอบใจมากนะ ฝากบอกพรมันด้วยว่าคืนนี้พี่น่าจะกลับมาดึกหน่อย ไม่ต้องให้มันอยู่รอ นอนไปก่อนได้เลย” ชาญยุทธ์เอ่ยสำทับอีกเล็กน้อย
“ได้ครับ”
หลังจากเลิกงานแล้วแทนไทก็ตรงไปที่บ้านของชาญยุทธ์ทันที เขาแวะซื้อกับข้าวเพิ่มเข้าไปให้พี่พรอีก 1-2 อย่าง คนท้องคนไส้แบบนี้บำรุงเยอะ ๆ หน่อยก็น่าจะดี
บ้านของชาญยุทธ์นั้นอยู่หมู่บ้านฝั่งตรงข้ามกับหมู่บ้านของแทนไท ซึ่งสามารถไปได้ 2 ทาง... ทางแรกคือทางถนนปกติแต่ต้องอ้อมนิดหน่อย ส่วนอีกทางคือทางข้ามสะพานไม้เก่า ๆ ที่ใกล้ผุพังไป ด้านล่างนั้นคือสระบัวสีชมพูที่ออกดอกสวยงาม สะพานไม้แห่งนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก เป็นสะพานไม้ขนาดเล็กค่อนไปถึงกลาง สามารถสัญจรได้แค่รถคันเล็กอย่างจักรยานและจักรยานยนต์เท่านั้น รถใหญ่ไม่สามารถผ่านได้ และแทนไทเองก็เลือกใช้เส้นทางนี้เพราะว่าเขาไม่มีรถ
ตลอดทางที่เดินผ่านนั้นแทนไทถูกคนร้องทักทายตลอด มีทั้งที่เขารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ดูท่าว่าเรื่องที่เขาช่วยซ่อมถนนด้วยเงินส่วนตัวกับซ่อมท่อประปาแตกของชุมชนให้โดยไม่คิดเงินคงจะถูกเล่าปากต่อปากไปจนทั่วแล้ว
“อ้าวแทน มาได้ยังไง เข้ามาก่อน ๆ” พี่พรเมื่อเห็นแทนไทก็รีบเอ่ยทักพร้อมกับเชื้อเชิญให้เข้ามาข้างใน
“สวัสดีครับพี่พร” แทนไทกมือไหว้หญิงสาว
“พอดีพี่ยุทธ์ฝากให้ผมมาส่งข้าวให้ พี่ยุทธ์แกติดธุระต้องเข้าไปรับพวกวัสดุให้เถ้าแก่ที่ในเมืองครับ อาจจะกลับมาค่ำหน่อย พี่ยุทธ์ฝากบอกว่าไม่ต้องรอนะครับ ให้พี่กินข้าวเสร็จก็รีบพักผ่อนเลย”
พี่พรถือขันน้ำสะอาดมาวางไว้ตรงหน้าแทนไท “ดื่มน้ำดื่มท่าก่อน น้ำฝนเย็น ๆ”
“ขอบคุณครับ”
“ที่จริงแล้วเดี๋ยวพี่ออกไปหาซื้ออะไรกินเองก็ได้ เลยต้องลำบากแทนเลย ขอบใจมากนะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่พร ไม่ได้ลำบากอะไรเลย อีกอย่างก็ใกล้แค่นี้ด้วย” แทนไทพูดยิ้ม ๆ สายตาก็มองท้องของพี่พรที่โตออกมา
“นี่กี่เดือนแล้วครับพี่พร”
“8 เดือนแล้วจ่ะ เดือนหน้าก็คลอดแล้วล่ะ” หญิงสาวใช้มือลูบที่ท้องของตัวเองเบา ๆ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
แทนไทพยักหน้า “ไว้รอหลานคลอดออกมาแล้วผมจะเอาของมารับขวัญนะครับ”
“โอ๊ย ไม่เป็นไรเลยแทน แค่มาเยี่ยมดูหน้าหลานพี่ก็ดีใจแล้ว”
ในระหว่างนั้นเองก็มีเสียงของชาวบ้านสองคนที่กำลังเดินพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติผ่านหน้าบ้านของพี่พร เมื่อเห็นหญิงสาวคนพวกนั้นก็หยุดเดิน
“นี่พร เอ็งน่ะอย่าเที่ยวไปเดินผ่านสะพานไม้นั่นล่ะ ทางมันไม่ค่อยดีแล้ว เมื่อกี้ก็มีคนเกือบตกลงไป”
หญิงวัยกลางคนร่างสูงคนหนึ่งร้องบอกพี่พรทันที และก็ตามด้วยหญิงวัยไล่เลี่ยที่เดินมาด้วยกันก็รีบสมทบต่อ
“ใช่ ๆ ข้าเห็นเอ็งชอบเดินข้ามไปซื้อของฝั่งโน้น เอ็งน่ะยิ่งท้องแก่แล้วด้วย เดี๋ยวหกล้มหกท่าไปเป็นเรื่องเลยนะ”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอจ๊ะป้า” พี่พรยังคงมีท่าทางงง ๆ
“ก็ไอ้สะพานไม้ใกล้ผุพังข้ามคลองนั่นน่ะสิ เมื่อกี้มีคนเดินผ่านปรากฏว่าพื้นมันหักทะลุลงไป ดีนะที่ขาแค่ติดไม่ตกลงไปในคลองบัว”
“ตายจริง” พี่พรเมื่อได้ยินก็ยกมือทาบอก “แล้วเป็นอะไรมากไหมจ๊ะ”
“แค่ขาเคล็ดกับขาถลอกนิดหน่อย” หญิงคนแรกที่เล่าส่ายหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ไอ้สะพานนี่ก็นะ แจ้งไปทางหน่วยงานหลายทีแล้วให้มาช่วยดูหน่อย จนป่านนี้ก็ยังไม่เคยโผล่หัวมา ต้องรอให้มันหักพักไปทั้งสะพานก่อนล่ะมั้ง”
“แกก็รู้นะยายเล็กว่าไอ้พวกนี้มันไม่เคยสนใจเรื่องเดือนร้อนของชาวบ้านตาดำ ๆ หรอก บอกให้แต่รอ ๆ ให้รออะไรแม่งไม่รู้ของมัน” อีกคนที่เดินมาด้วยกันก็พยักหน้างึกงักอย่างเห็นด้วย พูดคุยกันต่ออีกสองสามประโยคจากนั้นคนทั้งสองก็เดินจากไป
“แทนเดินกลับทางนั้นใช่ไหม ยังไงก็เดินระวัง ๆ ด้วยล่ะ” พี่พรเอ่ยบอกแทนไท
“ครับพี่ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ” และไม่นานแทนไทเองก็ขอตัวกลับบ้านด้วยเหมือนกัน
ตอนที่แทนไทเดินข้ามสะพานไม้เขาก็สังเกตเห็นแผ่นไม้กลางทางแผ่นหนึ่งที่หักและทะลุลงไป และเมื่อสำรวจให้ดีก็จะเห็นว่าแผ่นอีก ๆ ก็เก่ามาก ๆ แล้วเช่นกัน
สะพานไม้แห่งนี้มีระยะทางประมาณ 50 เมตร ทางกว้างประมาณ 2.50 เมตร เป็นสะพานไม้โล่งไม่มีอะไรกั้น แม่บอกว่าสะพานไม้แห่งนี้มีมาตั้งแต่รุ่นตายาย และถึงแม้ว่าเขาไม่รู้ว่าสะพานแห่งนี้มีอายุเท่าไหร่กันแน่ แต่เท่าที่แทนไทจำได้ก็คือเขาเห็นสะพานที่ไม่มีชื่อเรียกแห่งนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
“อันตรายจริง ๆ ด้วยแฮะ” แทนไทบ่นงึมงำเหมือนพูดกับตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นตลอดทางที่เดินกลับบ้านในหัวของเขากลับมีความคิดบางอย่าง
“เฮ้ยแทน ทำอะไรอยู่วะ ป่านนี้ยังไม่กลับบ้านอีก”
ชาญยุทธ์เอ่ยถามแทนไทเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวบริเวณกองไม้ด้านหลังไซต์งาน
“พี่ยุทธ์นี่เอง ผมตกใจหมด” แทนไทสะดุ้งเล็กน้อย
“ก็พี่เองสิวะจะใคร แล้วนี่ทำไมยังไม่กลับบ้านกับช่องอีก ป่านนี้พวกไอ้วิทย์มันไปกลับถึงบ้านไปตั้งวงเหล้ากันแล้วมั้ง”
ชาญยุทธ์เอ่ยหยอกก่อนจะพูดต่อ “เออ เมื่อวานนี้ขอบใจมากนะที่เอากับข้าวไปให้เมียพี่ แถมยังซื้อเผื่ออีก รบกวนเอ็งแล้ว”
“ไม่เป็นเลยพี่ เล็กน้อย”
“แล้วสรุปนี่เอ็งทำอะไรอยู่ มาหาอะไรแถวเศษซากไม้พวกนี้ล่ะ” ชาญยุทธ์ถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัยก่อนหน้านี้
“ไม้พวกนี้จะทิ้งเหรอครับพี่ ยังดี ๆ อยู่เลย” แทนไทเอ่ยถามชาญยุทธ์
“ใช่ มันใช้งานอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เดี๋ยวอีก 2-3 วันก็จะให้พวกรับซื้อไม้มาชั่งกิโลไป”
แทนไทเงียบไปพักหนึ่ง “พี่ครับ ถ้าผมอยากจะซื้อต่อไม้พวกนี้เองล่ะครับ ต้องทำยังไง”
“แล้วเอ็งจะเอาไม้พวกนี้ไปทำอะไรล่ะ” เขายังคงสงสัยว่าไม้พวกนี้จะเอาไปใช้ทำอะไรได้
“ซ่อมสะพานครับ”
“ซ่อมสะพาน?”
“ครับ” ถึงแม้จะบอกว่ามันเป็นเพียงแค่เศษไม้ แต่สำหรับแทนไทแล้วกองไม้ที่วางพะเนินตรงหน้านั้นกลับไม่ได้เป็นเพียงแค่เศษไม้... ไม้พวกนี้เป็นส่วนเกินที่ถูกตัดออกมาจากสิ่งก่อสร้าง มันมีทั้งชิ้นส่วนขนาดใหญ่และเล็กประปรายกันไป และที่สำคัญคือมันยังใหม่มาก แทนไทคิดจะใช้เศษไม้พวกนี้ไปซ่อมทางเดินบนสะพาน อีกทั้งเขายังคิดออกแบบเพิ่มเติมให้มันปลอดภัยมากกว่านี้
“เอ็งหมายถึงสะพานไม้ทางเชื่อมข้ามคลองของหมู่บ้านเราน่ะเหรอ” ชาญยุทธ์ถามต่อ
“เมื่อวานนี้เมียพี่ก็เพิ่งบอกว่ามีคนเกือบตกสะพานไป”
“ใช่ครับ เท่าที่ผมดูแล้วพวกฐานและโครงสร้างยังคงแข็งแรงอยู่ ผมคิดว่าถ้าแค่ซ่อมพื้นสะพานในส่วนที่มันผุพังและก็ต่อเติมราวให้แข็งแรงปลอดภัยอีกหน่อยก็น่าจะดีครับ” แทนไทพยักหน้า
ชาญยุทธ์มองแทนไทด้วยแววตาชื่นชมแวบหนึ่ง “เอ็งเนี่ยนะ ถ้าไม่เป็นคนดีมีน้ำใจมากเกินไปก็เป็นพวกประเภทที่ชอบหาเรื่องเหนื่อย”
แทนไทหัวเราะ “ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ผมทำได้ครับ”
“เอาเถอะ เดี๋ยวพี่จะคุยกับเถ้าแก่ให้เรื่องไม้ ส่วนเรื่องซ่อมแซมสะพานพี่ก็จะหาคนมาช่วยด้วย เอ็งบอกพี่มาแล้วกันว่าจะให้พี่ทำอะไรบ้าง”
แทนไทได้ยินแบบนั้นก็ดีใจ “ขอบคุณนะครับพี่”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร ยังไงสะพานนั่นก็ถือว่าเป็นของหมู่บ้านเรา เอ็งไม่ต้องห่วง มีอะไรก็บอกได้เลย”
และเพราะแบบนั้นในอีก 1 อาทิตย์ต่อมาการซ่อมแซมสะพานไม้ของแทนไทจึงเกิดขึ้นมาจริง ๆ มีการแจ้งเตือนชาวบ้านล่วงหน้าและปิดถนนเพื่อซ่อมแซมสะพาน และยิ่งเถ้าแก่เจ้าของไซต์งานได้ทราบเรื่องจากชาญยุทธ์ถึงสิ่งที่แทนไทจะทำก็ยังช่วยสมทบทุนค่าวัสดุและอุปกรณ์ต่าง ๆ มาเพิ่มอีก แถมยังส่งคงงานมาช่วยแทนไทด้วย
สะพานไม้ที่ถูกออกแบบโดยแทนไทค่อย ๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในที่สุด พื้นทางเดินถูกเปลี่ยนใหม่หมดอีกทั้งยังเสริมรั่วกั้นขึ้นมาอย่างแน่นหนาด้วย จนกระทั่งจากสะพานไม้เก่า ๆ ที่ใกล้จะผุพังกลายมาเป็นสะพานไม้ทาด้วยสีฟ้าใหม่เอี่ยม... และสะพานไม้แห่งนี้ก็ถูกตั้งชื่อขึ้นมาใหม่ว่า ‘สะพานแห่งน้ำใจ’