หน้าหลัก / อื่น ๆ / เส้นทางเชื่อมใจ / บทที่ 6 ถามใจหรือถามหน่วยงาน

แชร์

บทที่ 6 ถามใจหรือถามหน่วยงาน

ผู้เขียน: Bosskerr
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-13 00:06:27

ในบ้านกึ่งไม้สักกึ่งปูนหลังใหญ่หลังหนึ่ง...

“ไอ้แทนนี่มันชักจะยุ่มย่ามเกินไปแล้วนะพี่เพิ่ม” อัมพร หญิงวัยกลางออกปากบ่นกับบุญเพิ่มผู้เป็นสามี

“นั่นสิ มันนึกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่เห็นหัวผู้หลักผู้ใหญ่เลย ชาวบ้านก็เอากับเขาด้วย ลืมไปแล้วมั้งว่าข้าเป็น อบต.” บุญเพิ่ม ต่อว่าต่อขานกลุ่มคนในหมู่บ้านยกใหญ่ เขาดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้า อบต. ของเขตตำบลนี้

“แล้วอย่างนี้จังหวัดเขาจะไม่ว่าพี่เหรอ” ผู้เป็นภรรยายังคงถามต่อ

“ไม่รู้ รอดูไปก่อน แต่คงต้องตักเตือนมันบ้างแล้วล่ะ”

บุญเพิ่มถอนหายใจออกมา สายตาไม่พอใจยังคงจับจ้องมองไปกลุ่มของแทนไทที่กำลังเก็บของหลังจากที่ทาสีราวกั้นสะพานเสร็จ ก่อนลงน้ำหนักเท้าเหยีบคันเร่งแล้วขับรถผ่านไป

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา... การทำงานของราชการส่วนท้องถิ่นก็เกิดมีประสิทธิภาพขึ้นมาเนื่องจากได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านที่ไม่ได้แจ้งชื่อเสียงเรียงนาม

“แม่วิไลอยู่ไหม!” บุญเพิ่มมาตะโกนเรียกคนในบ้านสังกะสีหลังเล็กหลังหนึ่งในเช้าของวันถัดมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยอารมณ์ เพราะชื่อของตนไปปรากฏอยู่ในหนังสือร้องเรียนแบบเด่นหราแถมยังเน้นหมึกตัวหนากว่าใคร

“อยู่ ใครมาหาจ๊ะ อ้าวพี่เพิ่มมีอะไรจ๊ะ” วิไลถามพลางเช็ดไม้เช็ดมือเพราะเพิ่งออกจากครัว

“ข้าขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”

“เชิญจ้ะ” วิไลประเมินจากสีหน้าของชายอายุใกล้หกสิบตรงหน้าแล้วคงไม่มีเรื่องดีแน่ ไม่งั้นหัวล้านใสสะท้อนแสงไฟคงมันวาวน้อยกว่านี้

“เข้าเรื่องเลยนะ ข้ามาคุยเรื่องไอ้แทนลูกชายแม่วิไลน่ะ”

“ไอ้แทนมันทำไมเหรอจ๊ะ”

“บอกให้มันเพลา ๆ เรื่องทำนู้นทำนี่บ้างเถอะ ไม่งั้นก็ช่วยมาแจ้งข้าก่อนที่จะทำอะไร เบื้องบนเขาต่อว่ามาน่ะ” บุญเพิ่มบิดเบือนข้อเท็จจริงเล็กน้อยเพราะเขาต่างหากที่โดนตำหนิ มันเลยเป็นเหตุให้เขาต้องมาต่อว่าแทนไทผ่านมารดาอีกที

“เอ้า มันก็ทำเรื่องดี ๆ นะพี่เพิ่มแล้วคนก็ช่วยกันอีกตั้งหลายคนทำไมไอ้แทนมันถึงโดนด่าคนเดียวล่ะ” วิไลออกตัวปกป้องลูกของตนเต็มที่ทั้งยังมองเห็นบางอย่างที่บุญเพิ่มพูดออกมาไม่หมด

“ก็ไอ้แทนมันเป็นตัวต้นเรื่อง ข้าก็ต้องมาคุยกับมันก่อน แต่ตอนนี้มันไม่อยู่ก็ต้องคุยผ่านแก”

“เฮ้อ เอาเป็นว่าฉันจะบอกมันให้ก็แล้วกัน” วิไลตัดบท ไม่มีแม่คนไหนอยากฟังคนอื่นต่อว่าลูกตัวเองหรอก ทนไม่ไหวขึ้นมาบุญเพิ่มจะได้เพิ่มเลือดบนหัวล้าน ๆ แน่

เย็นวันนั้นหลังแทนไทกลับจากไซต์งานก่อสร้าง เขาก็ต้องมานั่งฟังมารดาสาธยายความอีกพักใหญ่

“ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลุงเพิ่มต้องมาว่ากัน”

“นี่ ไอ้แทนเอ็งก็ทำงานอยู่ไซต์งานเอ็งก็ต้องเห็นแล้วสิว่าแค่ตรงนั้นต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีใครไปก้าวก่ายกัน จริงอยู่ว่าเอ็งทำดี แต่การทำดีของเอ็งมันก็ทำให้ผู้รับผิดชอบตรงนั้นรู้สึกว่าถูกข้ามหน้าข้ามตา อีกอย่างเอ็งไม่เคยได้ยินเหรอว่าคนหัวล้านมักใจน้อย” วิไลตักเตือนแต่ก็ปลอบลูกชายไปในตัว

“แม่ก็ นี่ผมไม่รู้จะเครียดเรื่องไหนก่อนดีเลย” แทนไทหัวเราะ

เช้าถัดมาแทนไทตัดสินใจไปหาบุญเพิ่มถึงหน้าบ้าน ในฐานะที่เขาเด็กกว่าบางทีการอ่อนน้อมอาจช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้มันดีขึ้นได้บ้าง

“ลุงเพิ่ม สวัสดีครับ” แทนไทกมือไหว้ทักทาย

“อืม มาทำไมล่ะ พ่อนายช่างใหญ่” บุญเพิ่มอดใจไม่ไหวเลยออกปากแซะชายหนุ่ม

“นายช่างอะไรกันล่ะครับ คือว่าผมมาถามลุงเพิ่มว่าเรื่องมันเป็นมายังไง” แทนไทไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับผู้ใหญ่เลยตรงเข้าประเด็น

“เข้ามาก่อนสิ” บุญเพิ่มหันหลังเดินไปหยิบเอกสารในบ้านแล้วชี้ให้แทนไทนั่งรอที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้

ไม่นานนักกระดาษเย็บติดกันสองสามแผ่นก็ถูกโยนไว้ตรงหน้า ตลอดชีวิตแทนไทยังไม่เคยโดนใครทำแบบนี้ใส่ เขาถึงกับขมวดคิ้วมองหน้าชายวัยกลางคนหัวล้านใส

“อ่านดูสิ” บุญเพิ่มไม่คิดไว้หน้าชายหนุ่มอยู่แล้ว

“ครับ” แทนไทไล่สายตาอ่านหนังสือร้องเรียนทีละบรรทัดเพราะไม่อยากพลาดอะไรไป แต่ที่สำคัญกว่าคือการต้องอดทนอดกลั้นไม่ให้ตัวเองเผยรอยยิ้มออกมา ทุกปัญหาในหนังสือร้องเรียนดูเหมือนผู้ทำมันจะแค้นเคืองกับลุงเพิ่มมากพอดู

“เป็นยังไงล่ะ”

“เอ่อ ผมขอโทษลุงเพิ่มด้วยนะครับที่...” แทนไทนึกไม่ออกจะว่าควรเอ่ยคำใดจึงจะเหมาะสม

“สร้างความเดือดร้อน” บุญเพิ่มทำเสียงเข้ม

“ครับ สร้างความเดือนร้อนให้ลุงเพิ่ม” แทนไทอมอ่อนข้อให้ผู้ที่อายุมากกว่า

“นี่ไอ้แทน เรื่องที่เอ็งทำน่ะใช่ว่ามันไม่ดีนะ แต่การทำดีของเอ็งต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”

“แต่สะพานที่ผมทำมันก็บรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านนะครับ”

“ข้ารู้ แต่ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เอ็งคิด เอางี้แล้วกัน หลังจากนี้ข้าต้องทำหนังสือชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นกับจังหวัด เอ็งลองมาทำดูไหม เอ็งจะได้รู้”

บุญเพิ่มเสนอทางเลือก เขาทอดถอนใจ จริงอยู่ว่าเรื่องที่โดนตำหนิทำเขาขุ่นเคืองแต่พอได้เห็นใบหน้าใสซื่อของแทนไทแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ เขาเลยลองให้แทนไททำความรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าระบบราชการของประเทศไทย

“ก็ได้ครับ แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ”

“อย่างแรกเลยนะ...” บุญเพิ่มยื่นกระดาษกับปากกาให้ชายหนุ่มจดขั้นตอน

แทนไทมองกระดาษที่เขียนด้วยลายมือรีบ ๆ ของตัวเองแล้วก็อดเกาหัวไม่ได้ จริงอยู่ว่ามันแค่ครึ่งเดียวของกระดาษ A4 แต่รายละเอียดมันไม่ได้น้อยตาม

“เป็นไงบ้างล่ะไอ้แทน” วิไลถามลูกชายหลังกลับจากบ้าน อบต.

“ลุงเพิ่มแกให้ผมทำหนังสือชี้แจงไปที่จังหวัดกับของบติดตั้งไฟส่องถนนเพิ่มน่ะครับ”

“เออ เองก็ลองดูสิ เลือกตั้งครั้งหน้าเผื่อว่าเอ็งอยากจะลงสมัคร” วิไลหัวเราะ

“ไม่เอาน่าแม่” แทนไทรีบปฏิเสธแม้จะรู้ว่ามารดาแค่หยอกเย้า

เช้าวันหยุดประจำสัปดาห์ แทนไทเดินไปตามถนนของหมู่บ้านพลางยกกล้องถ่ายรูปรุ่นเก่าที่รื้อบ้านหาจนเจอขึ้นมาบันทึกภาพตามแผนที่หมู่บ้านที่เขาวาดคร่าว ๆ เขาสำรวจจุดที่จำเป็นต้องติดไฟส่องถนนเพิ่มเช่นตามแยกและมุมอับสายตา

ชายหนุ่มมีความเห็นว่าหมู่บ้านของเขาต้องการไฟส่องถนนเพิ่มอีก 5 จุดถึงจะเพียงพอ เขาหยุดอยู่บนสะพานแล้วถ่ายรูปทุกตำแหน่งที่เขาและชาวบ้านช่วยกันซ่อมปรับปรุงจนมันสวยงาม รอยยิ้มภาคภูมิใจประดับบนใบหน้ากระทั่งกลับบ้าน

คอมพิวเตอร์เครื่องเก่าถูกเปิดขึ้นมาหลังไม่ได้ยุ่งกับมันมาสักพักใหญ่แล้ว ตัวอย่างเอกสารราชการที่ลุงเพิ่มให้มาทำเอาเขาต้องรื้อวิชาจนมึนหัว ภาพถ่ายถูกดาวน์โหลดลงเครื่องแล้วจัดวางบนเอกสาร

ภาษาทางการเป็นสิ่งไม่คุ้นเคย เขาต้องพิมพ์ไปหาข้อมูลไป มันกินเวลามากเกินควรจากคิดว่าชั่วโมงเดียวน่าจะเสร็จเรียบร้อย แต่แทนไทกลับใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงในการทำหนังสือราชการเพียงเรื่องเดียว

“ไอ้แทนมากินข้าว”

“อ่า ครับ” แทนไทรับคำก่อนเหลือบมองเวลามุมจอคอมพิวเตอร์ นี่เขานั่งอยู่หน้าคอมนานเท่าไหร่แล้วนะ ดูท่าต้องปริ้นที่ร้านพรุ่งนี้แล้วล่ะ คืนนี้ขอพักก่อน

ชายหนุ่มผู้ไม่เคยสัมผัสกับหน่วยงานราชการจริงจังวันนี้ก้าวเข้ามาถึงห้องประชาสัมพันธ์องค์การบริหารส่วนจังหวัดเรียบร้อยแล้ว

“สวัสดีครับ พอดีผมมาส่งเอกสารครับ” แทนไทกมือไหว้พนักงานรุ่นใกล้เคียงกับมารดา

“ห้องไหนล่ะ”

“เอ่อ” แทนไทอึกอัก เขาไม่ได้ถามลุงเพิ่มเลยว่าต้องส่งที่ไหน ออกจากร้านเอกสารได้ก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลยเพราะเขาลางานได้แค่ครึ่งวัน

“อ้าว ไม่รู้ห้องแล้วจะส่งถูกได้ไง ไหนเอาเอกสารมาให้พี่ดูสิ” พนักงานรุ่นเดียวกับแม่แทนตัวเองได้น่ารักน่าชัง

“นี่ครับพี่” แทนไทตามน้ำ

“อ้าว นี่ต้องเอากลับไปแก้นะ”

“อะไรนะครับ แก้อะไรเหรอครับ” แทนไทหายใจเริ่มไม่คล่อง ความผิดพลาดของตัวเองทำหัวใจตุ่ม ๆ ต่อม ๆ

“นี่มีคำผิดนะ อันนี้ไม่ต้องใส่เพราะเลขที่เอกสารต้องมาลงที่เล่มนี้ แล้วก็รูปถ่ายไม่ต้องปรินต์ใส่กระดาษ หนุ่มต้องไปล้างรูปแล้วเอามาแปะนะ อีกอย่างกั้นหน้ากั้นหลังแบบนี้ไม่ผ่านนะ ต้องตั้งประมาณนี้” ปากกาสีแดงขีดเขียนเต็มกระดาษที่นั่งทำมาทั้งคืนอย่างกับว่ามันไม่มีค่าอย่างไรอย่างนั้น

“ต้องแก้หมดเลยเหรอครับ”

“แก้สิ มันเป็นหนังสือราชการ หนุ่มไปแก้ก่อนค่อยเอามาส่งใหม่นะ” พนักงานราชการส่งยิ้ม ใบหน้าจืดเจื่อนของผู้คนเธอเห็นมาจนชินแล้วแถมยังเคยโดนต่อว่าด้วยซ้ำ

“ครับ เดี๋ยวผมแก้ให้” ชายหนุ่มถือกระดาษแผ่นนั้นกลับไปไซต์งานด้วย เนื่องจากระยะทางจากอำเภอไปจังหวัดใช้เวลาพอสมควร

หลังเลิกงานแทนไทก็ตรงดิ่งไปยังร้านถ่ายรูป ดีหน่อยที่การล้างรูปดิจิตอลไม่ต้องรอนานเหมือนฟิล์ม ถึงบ้านได้ก็ขลุกอยู่ในห้อง เขาอยากทำมันให้เสร็จจนลืมเวลากินข้าวเย็นสนิทใจกว่าจะรู้ตัวก็เกือบเที่ยงคืน

แทนไทวนวัฏจักรชีวิตซ้ำรอยเมื่อวานอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้คนรับหนังสือของเขาเป็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาซึ่งไม่ได้คร่ำเคร่งอะไรมากนัก

“เอ่อ แล้วเรื่องที่ส่งวันนี้ผมจะได้คำตอบเมื่อไหร่เหรอครับ”

“อืม น่าจะประมาณสองอาทิตย์ค่ะ ถ้าส่งเมื่อวานก็น่าจะทันอยู่ พอดีนายกต้องไปอบรมที่กรุงเทพด้วยค่ะ” หญิงสาวตอบ

“อ๋อ ครับ งั้นเดี๋ยวผมค่อยมาตามเรื่องทีหลังครับ”

“ค่ะ”

แทนไทออกจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดด้วยใจไม่เป็นสุขเท่าใดนัก เขาต่อว่าตัวเองที่ทำงานช้าเลยทำให้หมู่บ้านได้ไฟส่องถนนช้าไปด้วย

สองอาทิตย์ถัดมา

“อ้าว มาตามเอกสารเหรอหนุ่ม” พนักงานราชการรุ่นแม่ร้องถาม

“ครับ ผมอยากรู้ว่ามันถึงไหนแล้ว” แทนไทถามพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู วันนี้เขาขอเข้าสายไม่ได้ลางานเลยกลัวว่าจะไปไซต์งานไม่ทัน

“อ้อ นายกยังไม่ได้เซ็นเลย แล้วนี่มีใครโทรหาหรือเปล่า เห็นนายกเขียนว่าให้โทรหาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว”

“ไม่มีใครโทรมาเลยครับ” แทนไทขมวดคิ้วแน่น หากมีคนโทรแจ้งจริงเขาคงลางานเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว

“เอางี้ อยู่รอเจอนายกเลยไหมจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาอีก”

“เอ่อ ก็ได้ครับ” แทนไทเห็นว่าเรื่องน่าจะจบง่ายเขาเลยโทรไปลางานแล้วนั่งรออยู่ตรงนั้นนานเกือบสองชั่วโมง

“หนุ่ม ๆ” แทนไทดีดตัวลุกขึ้นทันที

“วันนี้นายกไม่เข้ามาแล้วนะ กลับก่อนได้เลย”

“ฮะ!”

“ไว้ค่อยมาใหม่นะ เดี๋ยวพี่ให้คนโทรนัด” พนักงานรุ่นแม่ยิ้มเจื่อน

“เฮ้อ พี่ครับผมถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ ที่นี่ทำงานกันแบบนี้เหรอครับ”

“ระบบราชการมันก็แบบนี้แหละหนุ่ม ทุกอย่างต้องรอแล้วก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ตามลำดับชั้น” พนักงานราชการเองก็อ่อนใจกับระบบการทำงานเช่นกัน

“สมมติว่ามีเรื่องด่วนแล้วชาวบ้านแก้กันเองล่ะครับ มันจะเป็นยังไง” เขาถามส่วนที่ค้างคาใจ

“ถ้ามันเรื่องเล็กก็ดีไป แต่ถ้าเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยอย่างสะพานที่หนุ่มกับชาวบ้านซ่อมน่ะมันก็ไม่ได้ ต้องให้ช่างที่มีความรู้ทำ อบต.ก็ต้องตั้งงบแล้วก็มาขอที่นี่”

“แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็ยิ่งอันตรายไม่ใช่เหรอครับ” แทนไทพูดความในใจ

“หนุ่มเคยได้ยินคำนี้ไหม ถูกใจ กับ ถูกต้อง ขึ้นอยู่ที่ว่าจะเลือกอะไร ระบบราชการมันไม่เอื้อต่อคำว่าถูกใจและรวดเร็วหรอก”

พนักงานราชการคือผู้ที่สัมผัสกับระบบมากกว่านักการเมืองที่อยู่กับมันแค่ไม่กี่ปี ดังนั้นสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดมาย่อมเป็นความจริง แทนไทนั่งมองถนนที่ตนกำลังสร้างในไซต์งานแล้วตั้งคำถามว่า ถ้าใจพร้อม แต่ระบบไม่พร้อม แล้วแบบนี้เราจะเริ่มยังไง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 21 เส้นทางสุดท้ายที่เดินร่วมกัน

    สายลมยามเย็นพัดผ่านต้นไม้ใหญ่ที่ยังคงยืนหยัดอยู่ในสนามบอลชุมชน แสงแดดสีทองทอผ่านใบไม้สาดกระทบใบหน้าของแทนไท เขายืนอยู่ตรงระเบียงชั้นสองของบ้านไม้สองชั้นหลังเก่า ที่บัดนี้ได้รับการรีโนเวทใหม่ให้แข็งแรงและอบอุ่นขึ้น แต่ยังคงเก็บรายละเอียดเดิมไว้ทุกอย่าง ตั้งแต่ไม้กระดานที่เคยเดินเล่นกับแม่ ยันชานบ้านที่เขาเคยหอบเสื่อ มุ้ง หมอนมามองท้องฟ้าในวัยเยาว์แทนไทในวัย 65 ปี หัวใจยังเต็มเปี่ยมเหมือนวัยหนุ่ม แม้จะไม่สามารถปีนขึ้นลงชั้นสองได้คล่องเหมือนเดิมแล้ว แต่วันนี้เขาก็ยังรู้สึกอยากมองวิวจากมุมเดิม มุมที่เขาเคยนั่งอยู่กับแม่ มองถนนเส้นเล็ก ๆ ด้านล่างถนนเส้นเดิมที่แม่ของเขาเคยเดินผ่านเพื่อหาบขนมหวานไปขายแล้วตกหลุมบ่อจนปาดเจ็บ ถนนเส้นนั้นที่เขาได้เป็นคนซ่อมแซมมัน ถนนเส้นนั้นที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเขา“เขาเป็นใครกันเหรอแม่” เสียงเด็กชายคนหนึ่งถามขณะวิ่งผ่านหน้าบ้านไปพร้อมกลุ่มเพื่อน“นั่นแหละ คนที่ทำให้หนูเดินไปโรงเรียนได้ง่ายขึ้นทุกวันนี้ไงลูก” เสียงแม่ของเด็กคนนั้นตอบกลับอย่างภูมิใจแทนไทได้ยินประโยคนั้นแผ่วเบา แต่กลับชัดเจนในหัวใจ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอดรับ

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 20 สร้างถนน สร้างเส้นทางมั่นคงของหัวใจ

    เสียงเปิดแฟ้มเอกสารดังแผ่วเบาภายในห้องประชุมของกรมทางหลวง แทนไทนั่งเงียบอยู่ตรงหัวโต๊ะ สายตาอ่านผ่านเอกสารฉบับหนึ่งไปยังอีกฉบับด้วยความตั้งใจอย่างไม่ลดละ ด้านข้างของเขาคือแผนที่ที่ถูกขีดเขียนวางแนวเส้นทางจนลายเส้นหนาทึบเหมือนชั้นหินทับซ้อน“นี่คือโครงการที่รัฐบาลอนุมัติล่าสุดนะแทนไท” เสียงของหัวหน้ากองวางแผนโครงสร้างพื้นฐานเอ่ยขึ้น พร้อมส่งเอกสารอีกชุดหนึ่งให้เขาแทนไทเงยหน้าขึ้น พยักหน้าช้าๆ เขารับแฟ้มมาก่อนจะเปิดดู หน้าปกระบุชื่อโครงการว่า “มอเตอร์เวย์สายตะวันออกเฉียงใต้-ตะวันตกเฉียงเหนือ”“ทางด่วนสายใหม่นี้จะเชื่อมจากชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกทะลุไปถึงจังหวัดทางเหนือ ใช้ตัดผ่านถึง 7 จังหวัด กินระยะเวลาก่อสร้างทั้งหมด 4 ปี มีคุณเป็นผู้ควบคุมโครงการโดยตรง” หัวหน้ากองวางแผนโครงสร้างพื้นฐานอธิบายแทนไทนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นคง“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ”นับจากวันนั้น เขาเริ่มเข้าสู่การทำงานอย่างเต็มรูปแบบในโครงการระดับชาตินี้ แม้จะใช้เวลาก่อสร้างนานถึงสี่ปี แต่ในทุกปี ทุกเดือน และทุกสัปดาห์ของการทำงาน เขาไม่เคยผ่อนแรงหรือปล่อยผ่านรายละเอียดเลยแม้แต่น้อยภายในไซต์งานกลางหุบเ

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 19 ความสำเร็จที่มามาพร้อมกับคำขอบคุณ

    เช้าตรู่ของวันจันทร์ แสงแดดอ่อน ๆ สาดลอดผ่านผ้าม่านบาง ๆ ที่หน้าต่างห้องพักของแทนไท เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงไม่ต่างจากวันแรกที่ยืนต่อหน้ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อเสนอโครงการครั้งแรก มือของเขาลูบผ่านปกเสื้อเชิ้ตที่แขวนไว้ข้างเตียงอย่างเบามือ ทุกอย่างต้องพร้อม ทุกอย่างต้องเป๊ะในวันนี้ วันประชุมใหญ่ประจำเดือนของกรมทางหลวงที่สำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯแทนไทนั่งอยู่ในห้องประชุมที่เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่จากหลากหลายแผนกและตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ห้องประชุมกว้างใหญ่เงียบกริบเมื่อเสียงประธานเปิดการประชุมจบลง และแทนไทก็ได้รับเชิญให้ขึ้นไปนำเสนอในลำดับแรก“ผมขอเริ่มต้นด้วยโครงการเส้นทางตัดผ่านจากหมู่บ้านปากคลองสำราญไปยังโรงเรียนบ้านทุ่งหญ้าคา จังหวัดพัทลุงครับ” แทนไทกล่าว พลางคลิกเปิดสไลด์ที่เตรียมไว้ภาพแผนที่ถูกฉายขึ้นหน้าจอพร้อมกับกราฟิกที่แสดงเส้นทางที่เด็ก ๆ ต้องนั่งเรือข้ามคลองไปโรงเรียนทุกวัน เสียงซุบซิบเบา ๆ ดังขึ้นจากบางมุม“ปัจจุบัน เด็ก ๆ ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีในการเดินทางไปโรงเรียนในแต่ละวัน ต้องพึ่งเรือโดยสารที่มีอยู่เพียงสองลำ ซึ่งหากฝน

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 18 ทางเลือกในมือเรากับแสงดาวในหัวใจ

    หลังจากกลับจากหมู่บ้านบนดอย แทนไทเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ยิ่งกว่าเดิม ความรู้สึกอบอุ่นจากรอยยิ้มและคำขอบคุณของชาวบ้านยังคงติดตรึงอยู่ในใจของเขา กลิ่นหอมของอาหารพื้นเมือง คำพูดที่แสนจริงใจของผู้ใหญ่บ้าน เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่รับขนมจากมือของเขา และสายตาแห่งความหวังจากคนทั้งหมู่บ้าน มันหล่อหลอมใจเขาจนแน่นหนา เขารู้เพียงว่าจะต้องไม่ยอมแพ้ทันทีที่กลับมาถึง เขาจัดโต๊ะทำงาน เปิดโน้ตบุ๊ก และเริ่มลงมือเขียนโครงการเส้นทางลัดจากหมู่บ้านบนดอยสู่ตัวอำเภออย่างจริงจังที่สุดเท่าที่เคยทำมา ทำมันด้วยความรอบคอบมากกว่าครั้งไหน ๆ เขาอ่านเอกสารอ้างอิงซ้ำไปซ้ำมา นั่งวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเทคนิค ทบทวนเส้นทางบนแผนที่ที่เขาศึกษาไว้ทั้งคืนจนกระทั่งดวงตาเริ่มพร่ามัวแต่ในขณะที่เขากำลังจะพักสายตา เขาก็นึกถึงภาพหนึ่งที่ยังคงติดอยู่ในใจตอนที่เขาไปเที่ยวพักร้อนภาคใต้ในช่วงนั้น ภาพของหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ริมคลองใกล้กับตัวเมืองก็ปรากฏขึ้นในความทรงจำ เด็ก ๆ ในหมู่บ้านแห่งนั้นต้องล่องเรือข้ามคลองเพื่อไปเรียนหนังสือในโรงเรียนอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ ทุกเช้าและเย็นเด็ก ๆ ต้องนั่งเรือไปกลับ บางครั้งน

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 17 ก้าวเดินด้วยหัวใจและความตั้งใจ

    เสียงเครื่องยนต์รถกระบะสีขาวคู่ใจของแทนไทดังกระหึ่มไปตามถนนที่ลัดเลาะผ่านเนินเขาและหุบเหว เขากำลังเดินทางกลับขึ้นสู่หมู่บ้านบนดอยอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยเดินทางมาเมื่อหลายเดือนก่อนเพื่อศึกษาสภาพพื้นที่และฟังเสียงสะท้อนจากชาวบ้านด้วยตัวเอง ครั้งนี้เขามาพร้อมกับความหวังใหม่และแผนงานที่วางไว้อย่างรอบคอบกว่าเดิม พร้อมกับคำมั่นในใจว่า จะต้องทำให้โครงการถนนเส้นทางลัดเชื่อมหมู่บ้านบนดอยกับตัวอำเภอเป็นจริงให้ได้ ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม“อาแทนไท!” เสียงเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งที่ยืนรออยู่ริมทางหน้าศาลาหมู่บ้านร้องเรียกด้วยความดีใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง แทนไทยิ้มกว้างก่อนจะจอดรถ เขาเปิดประตูลงมาและหยิบถุงขนมหลายถุงออกจากกระบะหลัง แจกจ่ายให้กับเด็ก ๆ อย่างที่เคยทำ“อ้าว มาเร็วเด็ก ๆ ทั้งหลาย ยังจำอาได้กันอยู่ไหมเนี่ย” เขาถามพร้อมเสียงหัวเราะ เด็ก ๆ พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น บ้างก็ยื่นมือไปรับขนม บ้างก็โผเข้ากอดเอวเขาไว้แน่น“คราวนี้อามาพร้อมของสำคัญด้วยนะ” แทนไทหยิบแฟ้มเอกสารหนาออกมาจากรถ“จะให้พ่อ ๆ แม่ ๆ ของทุกคนช่วยเซ็นชื่อสนับสนุนโครงการถนนที่จะสร้างตัดผ่านหมู่บ้านของเราไ

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 16 ถนนที่แม่ไม่เคยเห็น

    แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านผ้าม่านสีอ่อนในบ้านไม้สองชั้นหลังเดิมของวิไล หญิงร่างเล็กในวัยชราเดินออกมายังระเบียงหน้าบ้าน หยิบวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเก่าที่เปิดฟังเป็นประจำมานั่งฟังข่าวยามเช้า ท่ามกลางเสียงไก่ขัน เสียงลมพัดผ่านยอดไม้ วิไลทอดสายตามองไปยังถนนดินเล็ก ๆ ที่ทอดยาวออกจากหมู่บ้าน ผู้เป็นแม่เฝ้ามองอยู่ทุกวัน ไม่ใช่เพราะเธอคาดหวังจะเห็นลูกชายกลับบ้านโดยไม่บอกกล่าว แต่เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่ลูกชายของเธอเคยใช้ก้าวออกไปสู่โลกกว้าง“แทน เอ็งสู้ไหวไหมลูก..” วิไลพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มองหน้าจอแชตกับลูกชายคนเดียวที่เธอรักที่สุดแทนไท ในวัยสามสิบปลาย ๆ เจ้าหน้าที่วิศวกรชำนาญการพิเศษของกรมทางหลวง หลังจากถูกตักเตือนอย่างเป็นทางการด้วยเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว เขากลับไม่ได้เสียขวัญ หากแต่เขาได้นำเอาเหตุการณ์นั้นกลับมาเป็นบทเรียนสำคัญที่หล่อหลอมวิธีคิดและการวางแผนของเขาให้รอบคอบมากยิ่งขึ้นเช้าวันนี้ แทนไทนั่งอยู่ในห้องทำงานเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยแผนที่ภูมิประเทศ กระดาษโน้ต และหนังสือวิชาการเกี่ยวกับวิศวกรรมโยธา เขาหยิบแผนที่เดิมขึ้นมาดูอีกครั้ง เส้นทางสายที่เขาอยาก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status