“ถ้าทำถนนตัดผ่านเส้นทางนี้ เราจะใช้เวลาน้อยลงกว่าเส้นทางเก่าที่ชาวดอยถากถางกันเองถึงสองชั่วโมงครับ” ในห้องประชุมใหญ่ แทนไทกำลังอธิบายตามสไลด์งานบนหน้าจอโปรเจกเตอร์ท่ามกลางสายตานับยี่สิบคู่ที่มองมา
“แต่มันต้องตัดผ่านป่าและกินพื้นที่อุทยานนะ” หัวหน้าทีมทรัพยากรป่าไม้เอ่ยทักท้วง
“มันก็จริงครับ แต่ระยะทางที่ล้ำอุทยานมันไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรนะครับท่าน”
“คุณคิดว่าไอ้คำว่าแค่นั้นน่ะ สำหรับอุทยานมันไม่มากเหรอ คุณต้องคิดด้วยว่าการทำถนนของคุณมันจะรบกวนสัตว์ป่าที่เราอนุรักษ์ไว้ไหมและหลังสร้างเสร็จจะยังไงต่อ” ทีมทรัพยากรคัดค้านหัวชนฝา
“ครับผมรู้ แต่เราอยู่ร่วมกันได้นี่ครับ ทั้งมนุษย์และสัตว์ป่า ท่านครับถนนเส้นนี้สามารถช่วยคนแก่คนป่วยบนดอยให้เดินทางมาถึงโรงพยาบาลได้เร็วขึ้น ท่านรู้ไหมครับว่าบนดอยนั้น ผู้หญิงยังต้องคลอดกับหมอตำแยเพราะกลัวเด็กจะคลอดกลางทาง คนป่วยเองก็ใช้สมุนไพรป่ารักษาตัวเอง” แทนไทพยายามโน้มน้าวคนในห้องประชุม
“แล้วคนเหล่านั้นมีกี่คนที่มีสัญชาติไทย” คนจากกรมการปกครองเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
“...” แทนไทถึงกับพูดไม่ออก เหตุผลที่ก้ำกึ่งระหว่างความเป็นมนุษย์และภาษีของประชาชนคนไทย ซึ่งมักเป็นความยุ่งยากอยู่เสมอ
“เอางี้แล้วกัน คุณกลับขึ้นไปสำรวจให้ละเอียดอีกทีก่อนเสนอแผนแม่บทสุดท้ายประจำปีนี้ คุณยังมีเวลาอยู่” ผู้อำนวยการทีมสำรวจเอ่ยพลางส่งยิ้มเล็ก ๆ ให้แทนไท เขาไม่ต้องการหักหน้าลูกน้องที่มีผลงานโดดเด่นคนนี้เพราะความสำเร็จของทีมก็คือเงินเดือนและการเลื่อนขั้นของเขาในอนาคต
“ครับ” แทนไทตอบรับการช่วยเหลือของผู้ใหญ่พลางคิดว่าต้องทำทุกอย่างให้ละเอียดและโน้มน้าวคนในระบบราชการให้สำเร็จ
อาทิตย์ถัดมาแทนไทก็โยนกระเป๋าสัมภาระใส่ท้ายรถจีพคันใหญ่พร้อมทีมสำรวจ ปัญหาเดียวของชายหนุ่มคือเขาไม่ถูกโรคกับการโยกไปโยกมาบนเส้นทางขึ้นดอยที่ชาวบ้านถากถางเอง ร่องดินตามถนนนอกจากกินลึกลงจนเกือบมิดล้อแล้วยังไม่สม่ำเสมอ มีบางครั้งที่เขาขอลงเดินเองเพราะเวียนหัวคลื่นไส้
“เย้ อาแทนมาอีกแล้ว” เสียงร้องหนึ่งคนนำพาเด็กนับสิบรวมถึงคนโตอีกจำนวนหนึ่งเข้ามามุงรอบรถจีพ
“สวัสดีตัวเล็ก มาเข้าแถวเร็ว” แทนไทเปิดท้ายรถจีพหยิบถุงขนมที่ซื้อมาจากในเมืองมาแจกเด็ก ๆ ทีละคน เมื่อแจกจ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงขอปลีกตัวไปพบผู้ใหญ่บ้าน
ประเด็นสำคัญถูกหยิบยกมาคุยกันอย่างไม่ปิดบัง ทำให้แทนไททราบว่าครึ่งหนึ่งของหมู่บ้านคือคนไร้สัญชาติ เนื่องจากคลอดกับหมอตำแย ชาวบ้านไม่ประสีประสาเองก็ปล่อยเวลาล่วงเลยไม่ยอมไปแจ้งเกิดทำให้ผลกระทบส่งต่อมายังคนรุ่นหลังซึ่งยากต่อการเดินเรื่องขอสัญชาติใหม่
แทนไทมองดูการใช้ชีวิตของผู้คนบนนี้แล้วก็รู้สึกเศร้าใจ จริงอยู่ว่าการปล่อยปะละเลยเรื่องการแจ้งเกิดของลูกหลานตัวเองเพราะเดินทางไม่สะดวกและสนใจแต่เรื่องปากท้องของตัวเองจนทำให้เสียสิทธิ์พลเมืองที่พึงได้รับไปอย่างเสียดายนั้น แต่เรื่องนี้ทั้งรัฐและประชาชนย่อมผิดพอ ๆ กัน
“ผมอยากทำทางให้แต่ต้องใช้ชาวบ้านลงชื่อขอเส้นทาง ถึงปีนี้อาจจะยังไม่ได้แต่ส่งเรื่องไปบ้างก็ดี” แทนไทกึ่งรับกึ่งสู้ ดูท่าถนนเส้นนี้อาจจะต้องใช้เวลามากกว่าที่คิดและเขาไม่อยากให้ความหวังชาวบ้านมากเกินไป
คืนนั้นท้องฟ้าสีดำไร้แสงเมืองรบกวนถูกดาวสีขาวสว่างแต่งแต้มจนสุดลูกหูลูกตา แทนไทนอนมองความสวยงามนั้นบนแคร่ไม้ไผ่เก่า ๆ ของผู้ใหญ่บ้าน จันทร์เสี้ยวดวงโตทำให้เขาคิดถึงชานบ้านที่เคยหอบหมอนมุ้งออกมานอนรับลมทุกครั้งที่ความคิดวุ่นวายสับสน
“อาแทนครับ อาแทน” เสียงเด็กชายตัวเท่าเอวเรียกชายหนุ่ม
“ว่าไงตัวเล็ก”
“อาแทนจะสร้างถนนให้แม่ผมไปโรงพยาบาลใช่ไหมครับ” เด็กชายตัวน้อยถามด้วยดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์
“อาจะพยายามนะ แต่มันต้องใช้เวลาหน่อย” แทนไทไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ทว่าเขาเองก็ตั้งใจจะทำอย่างตามที่พูดไว้จริง ๆ
“ขอบคุณครับ” เด็กชายยิ้มกว้างให้เขาหนึ่งครั้งแล้ววิ่งจากไป
แทนไทมองตามแผ่นหลังนั้นจนลับตา ความหนักอึ้งบนบ่าดูเหมือนจะได้รับน้ำหนักจากความหวังขึ้นอีกเล็กน้อย
เช้าวันต่อมาแทนไทเดินผ่านเส้นทางในหมู่บ้านท่ามกลางสภาพอากาศเย็นจัดของฤดูหนาว ที่นี่มีเพียงแสงจากคบไฟนำทางเท่านั้นที่ส่องสว่างพาไปยังเต็นท์ที่พัก หัวใจเขารู้สึกบีบรัดและเกิดคำถามมากมายถึงการทำงานของหน่วยงานรัฐ ทว่าเขาเพียงคนเดียวไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ คำว่า ‘โอกาส’ หากมันมาช้านักก็มีแต่ต้องสร้างขึ้นมาด้วยสองมือของตัวเอง
ท้องฟ้าสลัวจากหมู่เมฆลอยตามลม ไอหมอกเย็นชื้นละผิวดินและต้นไม้จนมองไม่เห็นทางข้างหน้า กลิ่นกาแฟซองราคาถูกโชยเข้าจมูก แทนไทเป่ามันเบา ๆ เพื่อให้ตัวเองดื่มบรรเทาความหนาวบนภูเขาสูง
“หูย พี่แทนหนาวขนาดนี้ยังมีใจออกมากินกาแฟอีกเหรอครับ” ทิวา หนึ่งในทีมสำรวจของแทนไทเอ่ยทักทายในยามเช้า
“อากาศกับวิวสวยขนาดนี้ถ้ามัวนอนอยู่ก็เสียดาย ไม่รู้จะได้มาอีกเมื่อไหร่” แทนไทกแก้วกาแฟเชื้อเชิญชายหนุ่มให้ออกมานั่งด้วยกัน
“พี่กินก่อนเลยครับ ผมนอนต่อดีกว่า หนาว” แต่ทิวาทำเพียงแค่ส่งยิ้มแล้วกลับเข้าไปนอนต่อเหมือนเดิม อากาศหนาวแบบนี้ การนอนคงเป็นทางเลือกที่สบายที่สุดแล้ว
แทนไทหยิบแผนที่ออกมากางแล้วมองตามจุดที่กากบาทสีแดง เขาวาดเส้นตัดผ่านทางเล็ก ๆ ในนั้นด้วยดินสอและไม้บรรทัด เขาจดบันทึกทุกอย่างที่พบเห็นลงในสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง กระทั่งแสงอาทิตย์เริ่มขับไล่อากาศหนาวเย็นออกไปทีละนิด... ถึงเวลากลับไปสานต่อโครงการสักที
สองอาทิตย์หลังกลับจากเส้นทางบนดอยของภาคเหนือ แทนไทก็ง่วนอยู่กับการทำเอกสารเพื่อยื่นเข้าสู่ที่ประชุมเป็นครั้งที่สอง ซึ่งเป็นเป้าหมายสุดท้ายของปีงบประมาณ
“นี่คุณยังเลือกที่นี่อีกเหรอ” หัวหน้าทีมอุทยานกล่าวตำหนิชายหนุ่ม
“ครับ ผมกลับขึ้นไปสำรวจอีกรอบมา ท่านลองดูนี่ก่อนนะครับ” แทนไทเลื่อนจอสไลด์เสนอโครงการไปยังรูปชาวดอยที่เขาถ่ายรูปมา เด็กน้อยหน้าตามอมแมมยิ้มร่า ผู้หญิงวัยสาวในชุดประจำเผ่ากำลังแบกกิ่งไม้เพื่อก่อฝืน กลุ่มคนชรานั่งสานหมวกไม้ไผ่สร้างอาชีพ คบไฟท่ามกลางความมืดมิดของหมู่บ้านรวมไปถึงเส้นทางที่แทนไทหัวโยกขณะทำการสำรวจ
“คุณให้ผมดูภาพพวกนี้ทำไม” หัวหน้าอุทยานเบือนหน้าหนี
“ท่านครับ ชาวดอยกลุ่มนี้ขาดโอกาสมากมาย สาเหตุที่ไร้สัญชาติส่วนหนึ่งก็เพราะการเดินทางไม่สะดวกและต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง ท่านดูคนกลุ่มนี้สิครับ แค่เงินจะกินแต่ละวันยังลำบากเลย ไหนจะคนป่วยอีก” แทนไทกล่าวเสริมเมื่อเห็นว่าในห้องประชุมมีหน่วยงานหลายภาคส่วนที่สามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือนี้ได้
“ถึงยังไงผมก็ไม่เห็นด้วย” หัวหน้าอุทยายังคงยืนกรานเช่นเดิม
“งั้นเรามาลงคะแนนเสียงกันดีกว่า” ผู้อำนวยการสำนักสำรวจหาบันไดทางลงให้คนทั้งคู่
กระดาษสีขาวสีเหลี่ยมแผ่นเล็กและหมึกปากการาคาถูกกลายเป็นคำตัดสินคุณภาพชีวิตของมนุษย์ แม้เพียงคนเดียวก็ถือว่าเป็นเรื่องโหดร้าย ทว่าคนในห้องนี้ทั้งหมดต้องมาตัดสินมากถึงหนึ่งหมู่บ้าน แทนไทรู้สึกรับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง นี่เขากำลังทำอะไรอยู่ที่นี่กันนะ ไม่มีหนทางอื่นที่เขาสามารถทำได้มากกว่าเลยหรือ
“ลงคะแนนครบแล้วค่ะ”
“งั้น มานับกันเลย” ผู้อำนวยการอนุญาตให้เลขาเป็นผู้ตรวจนับอย่างเปิดเผยเพื่อป้องกันข้อครหาภายหลัง
ทุกการขานคำว่า ‘เห็นด้วย’ และ ‘ไม่เห็นด้วย’ แทนไทรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองถูกแขวนไว้บนเส้นด้ายบาง ๆ กลางหุบเหวลึกมองไม่เห็นก้น เขารู้สึกว่าแต่ละนาทีช่างเชื่องช้ายาวนาน สีหน้าของแทนไทสลับซีดสลับแดงทุกครั้งที่คะแนนฝั่งตนขยับ
“เห็นด้วย 11 เสียง ไม่เห็นด้วย 12 เสียงค่ะ”
“โครงการถนนเส้นผ่านภูเขาตกไป” น้ำเสียงหนักแน่นของหญิงสาวเป็นดั่งค้อนตอกตะปูลงกลางอกของแทนไท ขาดเพียงคะแนนเดียวคุณภาพชีวิตอีกมากมายก็จะดีขึ้นแล้วแท้ ๆ
หลังจบการประชุมแทนไทก็ยังไม่สามารถตัดใจได้ เขาพาตัวเองมานั่งอยู่ใต้ต้นไม้หลังอาคารคนเดียว รู้สึกว่าทั้งหมดที่ทำมาช่างเปล่าประโยชน์ แล้วเขาจะมีหน้ากลับไปบนดอยนั้นได้อย่างไร
“มานั่งอยู่นี่เอง พี่ตามหาตั้งนาน” ผู้อำนวยการมากประสบการณ์นั่งลงข้างชายหนุ่มอย่างไม่ถือตัว
“มีอะไรหรือเปล่าครับ ผอ.”
“แทน พี่ขอพูดอะไรหน่อยนะ”
“ครับ ผอ.” แทนไทรับคำ
“พี่รู้ว่าแทนหวังดีกับหมู่บ้าน แต่การทำถนนตัดผ่านอุทยานมันก็น่าเสียดาย หากเป็นเส้นทางอื่นอาจจะพอโน้มน้าวคนได้มากขึ้นกว่านี้ แทนก็เห็นว่าช่วงนี้กระแสช้างป่าบนถนนที่เขาใหญ่มันกำลังดัง ถ้าเราไปทำถนนตัดผ่านป่าแบบนั้น กรมทางหลวงคงโดนสวดเละแน่”
“มันก็จริงครับ ผอ. ผมแค่สงสารพวกเขา” แทนไทตอบตามที่ตนคิด
“พี่รู้ ที่พี่อยากจะบอกคือ ตอนนี้ยังทำไม่ได้ก็จริง แต่วันหน้ามันก็อาจจะทำได้ไม่ใช่เหรอ การไหลไปตามน้ำบางทีมันก็ให้ข้อดีมากกว่าข้อเสียนะ”
“ครับ ผอ.” แทนไทเองก็ได้แต่ตอบรับคำ เขาเองก็คงทำดีได้ที่สุดเท่านี้แล้ว... เขาเสนอทางลัดที่ช่วยลดเวลาเดินทางของชาวบ้านได้ครึ่งหนึ่ง แต่ถูกปัดตกเพราะ ‘มันไม่ได้อยู่ในแผนแม่บท’