LOGIN"so, you mean- if that scumbag of a tycoon hadn't approached and seduced my sister...then my family's fashion company would still be No.1 in the country, and my sister would still be sane, right?" Kate Valentine asked. "Well....you can put it like that...so what are you gonna do about it?" Lucy asked. "Easy - Get into his company, get close to him, seduce him, make him suffer, break his pathetic heart, bring down his company and then bring back ours to the top...Lucy my dear.... revenge is as easy as these steps....." Kate smirked... "Don't you think it's.... dangerous?" "There's no 'dangerous' in my dictionary. Besides, he was the one who first played the game of hearts, I'm simply showing him how it's done...." ———— ..... Faith reunites them in a game... Set in a boss and assistant trope...... And unaware of each other in intention....they weave a daring game of love and war...... He wants to get back at her 15 years ago... She wants to punish him, seduce him, break his heart, destroy his company, bring back her family's stolen glory, and avenge her sister..... And now in this game of love and war....any means is considered fair!
View Moreบรรยากาศภายในโถงผู้โดยสารขาเข้า ของท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิในวันนี้ดูคึกคักและวุ่นวายเป็นพิเศษ แสงแฟลชวูบวาบสาดส่องจนพื้นที่บริเวณนั้นสว่างจ้าจนแสบตา เสียงรัวชัตเตอร์ดังระงมราวกับปืนกล แข่งกับเสียงกรีดร้องของกลุ่มแฟนคลับที่มายืนออพร้อมป้ายไฟ และกองทัพนักข่าวจากทุกสำนักที่เบียดเสียดยัดเยียดกันจนแทบไม่มีทางเดิน
เป้าหมายของความสนใจทั้งหมดพุ่งตรงไปยังประตูทางออก VIP เพื่อเฝ้ารอใครบางคน... และในที่สุดร่างระหงในชุดเดรสรัดรูปสีแดงเพลิง สวมแว่นกันแดดโอเวอร์ไซส์แบรนด์หรู กำลังเดินเชิดหน้าออกมาด้วยท่วงท่าที่มั่นใจประหนึ่งกำลังเดินอยู่บนรันเวย์
หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เธอคือพิมดาวซูเปอร์โมเดลและดีไซเนอร์สาวไฮโซ... เมื่อเธอเห็นกองทัพของฝูงชนหญิงสาวก็โบกมือทักทายแฟนคลับด้วยรอยยิ้มที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีเพื่อหน้ากล้อง แต่หากสังเกตให้ดี ภายใต้กรอบแว่นสีชานั้น แววตาของเธอฉายแววรำคาญใจเล็กน้อยเมื่อมีคนพยายามเข้าประชิดตัวมากเกินไป
“คุณพิมครับ! ได้ข่าวว่า... การกลับมาคราวนี้ของคุณเพื่อที่จะมาร่วมโปรเจกต์ใหญ่กับอัครเดชา กรุ๊ป โดยเฉพาะจริงไหมครับ?” นักข่าวคนหนึ่งยื่นไมค์จ่อปากถามเสียงดัง
ยังไม่ทันที่นักข่าวคนแรกจะได้รับคำตอบ ก็ตามมาด้วยนักข่าวสายบันเทิงที่แทรกขึ้นมา “แล้วข่าวลือที่ว่าถ่านไฟเก่ากับคุณดลลวิญ์เริ่มคุขึ้นมาอีกรอบ มีมูลความจริงไหมคะ?”
พิมดาวแสร้งทำท่าเขินอาย ยกมือเรียวขึ้นป้องปากหัวเราะเบา ๆ อย่างมีจริตจะก้านแพรวพราวสมกับเป็นดาราหน้ากล้อง “อุ๊ย ข่าวไวกันจังเลยนะคะ... เรื่องงานพิมขออุบไว้ก่อน แต่เรื่องคุณดล... เราก็คุย ๆ กันอยู่ค่ะ แต่ในฐานะเพื่อนสนิทที่รู้ใจเท่านั้นเองค่ะ”
คำตอบที่จงใจทิ้งปมให้คิดต่อ เรียกเสียงฮือฮาและแสงแฟลชให้รัวกระหน่ำมากขึ้นไปอีก พิมดาวยิ้มรับความสนใจเหล่านั้นอย่างผู้ชนะ เธอชอบที่เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาลแบบนี้
ทว่า... ในขณะที่สปอตไลท์ทั้งหมดส่องไปที่นางพญาจอมปลอม ห่างออกไปไม่ไกลนักที่ประตูทางออกฝั่งผู้โดยสารทั่วไปซึ่งไร้ผู้คนสนใจ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเข็นรถเข็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาอย่างเงียบเชียบ ท่วงท่าการก้าวเดินของเธอนั้นสง่างามและมั่นคงเสียยิ่งกว่านางแบบที่กำลังโพสท่าอยู่ตรงนั้นเสียอีก
รองเท้าส้นสูงสีครีมยี่ห้อดังจรดลงบนพื้นหินขัดเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เสื้อโค้ทตัวยาวสีเบจคัตติ้งเนี๊ยบห่อหุ้มเรือนร่างสมส่วน ใบหน้าสวยเฉี่ยวถูกบดบังด้วยหมวกปีกกว้างและหน้ากากอนามัย เหลือให้เห็นเพียงดวงตากลมโตที่ฉายแววเด็ดเดี่ยวและลึกลับ...
ระรินธรหรือที่คนในวงการออกแบบระดับโลกเรียกขานเธอว่าไอรีน ปรายตามองความวุ่นวายทางฝั่งนั้นเพียงแวบเดียว ริมฝีปากภายใต้หน้ากากยกยิ้มหยัน
พิมดาว... ผู้หญิงที่เคยหัวเราะเยาะเธอเมื่อ 7 ปีก่อน ยังคงโหยหาแสงไฟและสร้างภาพเก่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“เสียงดังหนวกหูจังเลยค่ะหม่ามี้”
เสียงใสแจ๋วของเด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งแกว่งขาอยู่บนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เอ่ยขึ้น... คารินคือชื่อของเด็กหญิง... เจ้าตัวน้อยอยู่ในชุดเอี๊ยมยีนส์ขาสั้น ผมเปียสองข้างผูกโบว์สีชมพู ยกมือป้อม ๆ ขึ้นปิดหู ทำหน้ายู่
“ป้าคนนั้นเขาเป็นใครคะ ทำไมต้องใส่แว่นกันแดดในร่มด้วย ตาเขาแพ้แสงเหรอ?”
“ชู่ว... เบา ๆ สิคาริน” คิรินแฝดผู้พี่ที่เดินลากกระเป๋าใบเล็กขนาบข้างมารดา เอ่ยปรามน้องสาวเสียงขรึมด้วยมาดเกินวัย 6 ขวบ
“นั่นเขาเรียกว่าการสร้าง Publicity/พับ-บลิ-ซิ-ตี้ เรียกร้องความสนใจทางการตลาด... ถึงแม้ว่าชุดสีแดงนั่นจะดูไม่เข้ากับสีพื้นสนามบินเลยก็เถอะ ค่าความเด่นชัดมันสูงเกินไปจนดูเหมือนป้ายไฟจราจรเดินได้มากกว่า”
ระรินธรหลุดขำพรืดออกมาเบา ๆ กับคำวิจารณ์แสนแสบสันของลูกชายอัจฉริยะและลูกสาวจอมช่างสังเกต
“เด็ก ๆ อย่าไปวิจารณ์คนอื่นเสียงดังสิลูก เดี๋ยวใครได้ยินเข้าจะดูไม่งาม” เธอก้มลงกระซิบสอนลูกพลางลูบศีรษะทุย ๆ ของคิริน แต่แววตากลับพราวระยับอย่างชอบใจ
“เราต้องรีบไปกันแล้วจ้ะ คุณอากวินทร์รออยู่ที่จุดจอดรถตู้” จบคำคุณแม่ยังสาวพร้อมกับลูกน้อยวัยน่ารักก็พากันเดินไปยังจุดหมายของตน โดยที่นักข่าวเหล่านี้ไม่มีใครระแคะระคายเลยว่าภายในสนามบินวันนี้มีไอรีน ดีไซเนอร์ดาวรุ่งจากอิตาลีที่วงการกำลังจับตามอง เพราะเป้าหมายของการกลับมาครั้งนี้ของหญิงสาว ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียง... แต่เพื่อทวงคืน
ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เธอหนีไปพร้อมกับลูกในท้องที่เธอเพิ่งมารู้ตัวภายหลัง ชีวิตในต่างแดนลำบากยากเข็ญเป็นอย่างมากในช่วงแรก แต่ด้วยความช่วยเหลือของอาจารย์ที่ มิลานและพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ ทำให้เธอถีบตัวเองขึ้นมาจนประสบความสำเร็จ
ในขณะที่ทางเมืองไทย... วิไลแม่เลี้ยงจอมวางแผน และรินดาน้องสาวจอมมารยา คงคิดว่าเธอตายจากโลกนี้ไปแล้ว หรือไม่ก็คงตกต่ำจนไม่กล้าโผล่หัวกลับมา จึงเสวยสุขบนกองมรดกของแม่เธออย่างสบายใจ
หึ... ฝันหวานกันไปก่อนเถอะ
“หม่ามี้ครับ...” คิรินกระตุกชายเสื้อโค้ทของผู้ให้กำเนิดเบา ๆ แล้วชี้ไปที่จอโฆษณา LED ขนาดยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางโถง “ผู้ชายคนนั้น... หน้าเหมือนผมตอนส่องกระจกเลยครับ”
ระรินธรชะงักเท้า ลมหายใจสะดุดไปจังหวะหนึ่งเมื่อเงยหน้ามองตามนิ้วป้อม ๆ ของลูกชาย บนจอ LED ขนาดมหึมานั้น ฉายภาพโฆษณาโครงการคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีพรีเซนเตอร์กิตติมศักดิ์เป็นเจ้าของโครงการเอง ดลลวิญ์ อัครเดชา
กาลเวลา 6 ปีไม่ได้ทำให้เขาดูแก่ลง แต่กลับเพิ่มความสุขุมและดูทรงอำนาจมากขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลักเทพเจ้านั้นยังคงเรียบนิ่งและเย็นชา ดวงตาคมกริบภายใต้คิ้วเข้มมองตรงมาข้างหน้าราวกับจะทะลุจอออกมา เขายังคงดูดีเหมือนเดิม... เหมือนกับคนใจร้ายที่โยนบัตรเครดิตใส่หน้าเธอในเช้าวันนั้น
มือของระรินธรเผลอกำเข้าหากันแน่น ดวงตาของเธอไม่ได้โฟกัสไปที่พาดหัวข่าวตัววิ่งด้านล่างที่เขียนว่า ‘อัครเดชา กรุ๊ป ประกาศกำไรไตรมาสแรกทะลุเป้า เตรียมผุดโปรเจกต์หมื่นล้าน’ หากจะบอกให้ถูกก็คือดวงตาของเธอได้ย้อนกลับไปเมื่อหกปีก่อนมากกว่า
“เขาดูรวยจังเลยค่ะ แต่หน้าดุเหมือนยักษ์” คารินเอียงคอวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา “ไม่เห็นหล่อเหมือนลุงวินเลย ลุงวิน ยิ้มสวยกว่าตั้งเยอะ” คำพูดของบุตรสาวทำให้ระรินธรหลุดจากภวังค์
“คนบางคน... หน้าตาดีแค่เปลือกนอกจ้ะลูก” เธอตอบเสียงเรียบ พยายามข่มความรู้สึกเจ็บแปลบที่แล่นริ้วขึ้นมาในอก มือที่จับรถเข็นบีบแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว “แต่ข้างใน... ว่างเปล่าและเย็นชา”
เธอเคยเจ็บปวดเพราะเขา เคยถูกเขาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจนจมดิน แต่ระรินธรคนเก่าที่อ่อนแอ หัวอ่อน และยอมคนได้ตายไปแล้วตั้งแต่วันที่ก้าวขาออกจากประเทศไทย ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนี้ คือคุณแม่ลูกสองที่เข้มแข็งและเป็นดีไซเนอร์มืออาชีพที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร
“ไปกันเถอะเด็ก ๆ” ระรินธรละสายตาจากภาพอดีตคู่หมั้น แล้วเข็นรถเข็นเดินฝ่าฝูงชนออกไปทางประตูอีกฝั่ง สวนทางกับแสงแฟลชที่ยังคงรุมล้อมพิมดาว
เธอกลับมาในเงามืด... เพื่อรอวันที่เหมาะสมที่จะจุดไฟเผาคนที่เคยทำร้ายเธอให้วอดวาย... ทันทีที่ประตูอัตโนมัติเปิดออก ไอร้อนของอากาศเมืองไทยก็ปะทะใบหน้า แต่ยังไม่ทันที่ เด็ก ๆ จะบ่นร้อน เสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“ทางนี้ครับหลาน ๆ!”
กวินทร์ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยืนพิงรถตู้สีดำคันหรู เขาสวมเสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยเชิ้ตยีนส์สบาย ๆ สวมหมวกแก๊ปสีดำกดต่ำเพื่ออำพรางใบหน้า แต่รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้หลานสาวชายหญิงนั้นสว่างไสวกว่าแดดเมืองไทยเสียอีก
“ลุงวิน!” สองแฝดประสานเสียงอย่างดีใจ วิ่งเข้าไปหาคุณลุงคนโปรดทันที
“ไงครับตัวแสบ! ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ” กวินทร์อ้าแขนรับร่างเล็ก ๆ สองร่างที่วิ่งเข้ามากอด ก่อนจะเงยหน้าสบตาหญิงสาวที่เดินตามมาทีหลังด้วยแววตาอ่อนโยน “เหนื่อยไหมริน?”
“ไม่เหนื่อยหรอกวิน... พร้อมมากต่างหาก” ระรินธรถอดหมวกปีกกว้างออก เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ขอบคุณนะที่มารับ”
“สำหรับคุณกับหลานผมว่างเสมอครับ เชิญครับคุณผู้หญิง” กวินทร์ผายมือเชื้อเชิญให้เธอขึ้นรถ พร้อมช่วยจัดการยกกระเป๋าสัมภาระใบโตให้อย่างคล่องแคล่ว
เมื่อประตูรถตู้สไลด์ปิดลง ความเงียบสงบและความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศก็เข้ามาแทนที่ กวินทร์ขยับตัวไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับระรินธร พร้อมกับเปิดตู้เย็นเล็กข้างเบาะ หยิบน้ำผลไม้และช็อกโกแลตที่เขาเตรียมไว้ส่งให้เธอและเด็ก ๆ
“กินรองท้องไปก่อนนะ ลุงวินเตรียมไว้ให้ ของโปรดคิรินกับคารินทั้งนั้น”
ระรินธรมองดูลูก ๆ ที่ดูมีความสุขดี แล้วจึงหันกลับมาสบตาเพื่อนสนิท แววตาของเธอเปลี่ยนจากความเป็นแม่ผู้ใจดี เป็นนักธุรกิจสาวผู้เฉียบคมทันที
“สถานการณ์ทางฝั่งนั้นเป็นยังไงบ้างวิน?”
กวินทร์รู้ดีว่าเธอหมายถึงใคร เขาปรับท่าทีให้จริงจังขึ้น หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเปิดไฟล์ข้อมูลบางอย่างส่งให้เธอดู “เป็นไปตามที่เธอคาดไว้ วรโชติเมธีกำลังเข้าขั้นโคม่า คุณบัญชาพ่อของเธอพยายามวิ่งเต้นหากู้เงินจากทุกธนาคารแต่ไม่มีใครปล่อยกู้ เพราะเครดิตเสียหมดแล้วตั้งแต่ที่คุณหนีไป ส่วนแม่เลี้ยง... คนนั้น”
กวินทร์แค่นหัวเราะ “กำลังพยายามขายหุ้นส่วนหนึ่งของบริษัททิ้งเพื่อเอาเงินสดมาหมุน แต่กดราคาต่ำจนน่าเกลียด เรียกว่ากำลังทุบหม้อข้าวตัวเองชัด ๆ”
“ขายสมบัติแม่ฉันกิน... นิสัยไม่เปลี่ยนเลยนะ” ระรินธรกำมือแน่น ดวงตาวาวโรจน์เมื่อนึกถึงน้ำพักน้ำแรงที่แม่ผู้ล่วงลับของเธอสร้างไว้กำลังจะถูกคนพวกนั้นผลาญจนหมด
“แล้วทางอัครเดชาล่ะ”
“ดลลวิญ์ยังนิ่งอยู่” กวินทร์เอ่ยชื่อนี้ด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง พลางลอบสังเกตสีหน้าของระรินธร “เขาดูเหมือนจะไม่สนใจที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยวรโชติเมธีเลย ทั้งที่เมื่อก่อนพ่อคุณพยายามเอาชื่อเขาไปอ้างเพื่อขอกู้เงิน แต่ทางอัครเดชาประกาศชัดเจนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง... ดูเหมือนเขาจะตัดขาดครอบครัวคุณแบบไร้เยื่อใย”
“ดี...” ระรินธรเหยียดยิ้มเย็น “ยิ่งเขาเมินเฉยเท่าไหร่ ยิ่งเข้าทางเรามากเท่านั้น เขาคงคิดว่าวรโชติเมธีเป็นแค่ขยะที่ไร้ค่างั้นฉันจะทำให้เขาเห็นเองว่าขยะชิ้นนี้แหละที่จะกลับมาทิ่มแทงเขา”
“ริน...” กวินทร์เรียกชื่อเธอเบา ๆ เอื้อมมือมาแตะหลังมือเธอเพื่อให้กำลังใจ “คุณแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้? ถ้าคุณเปิดเผยตัวตนว่าคือไอรีนเมื่อไหร่... คนพวกนั้นต้องวิ่งเข้าหาคุณแน่”
“นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ วิน” เธอมองตอบเขาด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว “ฉันจะให้พวกมันวิ่งเข้ามาหาฉันเอง เข้ามาอ้อนวอนขอความเมตตาจากฉัน เหมือนที่ฉันเคยขอร้องพวกมัน... แล้วตอนนั้นแหละ ฉันจะกระชากหน้ากากพวกมันออกมาทีละคนแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว” กวินทร์พยักหน้ายิ้มรับ “ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจยังไง ผมอยู่ข้างคุณเสมอ... อ้อ เรื่องประวัติของคุณที่มิลาน ผมจัดการปิดข้อมูลส่วนตัวให้หมดแล้ว ไม่มีทางที่ใครจะขุดเจอว่าคุณคือระรินธร ลูกสาวที่หายสาบสูญไปของวรโชติเมธี ตอนนี้คุณคือไอรีน ดีไซเนอร์ลูกครึ่งผู้ลึกลับเท่านั้น”
“ขอบใจมากนะวิน ถ้าไม่ได้นาย ฉันคง...”
“เลิกขอบคุณผมได้แล้วน่า” กวินทร์ตัดบทด้วยรอยยิ้มขี้เล่น “บอกแล้วไงว่าผมเต็มใจ”
ท่ามกลางบทสนทนา... รถตู้ก็เคลื่อนตัวฝ่าการจราจรที่คับคั่งของกรุงเทพฯ เข้าสู่คอนโดมิเนียมหรูใจกลางย่านสุขุมวิท ซึ่งเป็นหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัวที่กวินทร์แอบซื้อไว้ในนามนอมินี
เพนต์เฮาส์ชั้นบนสุดถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย การตกแต่งภายในเป็นสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่ที่เรียบหรู ซึ่งเขาออกแบบเองกับมือเพื่อให้ถูกใจดีไซเนอร์อย่างเธอ เด็กแฝดตื่นเต้นกับห้องใหม่ วิ่งสำรวจกันสนุกสนาน จนกระทั่งเหนื่อยและหลับไป
เมื่อจัดการให้เด็ก ๆ เข้านอนเรียบร้อยแล้ว ระรินธรก็เดินออกมาที่ระเบียงกว้าง ลมยามค่ำคืนพัดผ่านร่างบาง แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนดิน มันช่างแตกต่างจากวิวแม่น้ำที่เงียบสงบในมิลานเหลือเกิน
หญิงสาวเหม่อมองออกไปไกล มือเรียวถือแก้วไวน์แดงขึ้นมาหมุนเล่น... ของเหลวสีเลือดนกในแก้วทรงสูงสะท้อนแสงไฟวูบวาบ ภาพความทรงจำบางอย่างซ้อนทับขึ้นมาในหัว แก้วไวน์งานเลี้ยงคืนนั้น... และผู้ชายคนนั้น...
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ ยายริน” เธอพึมพำกับตัวเอง ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ รสฝาดเฝื่อนของมันเหมือนกับรสชาติชีวิตของเธอที่ผ่านมา
6 ปีที่แล้ว... ในคืนนั้น คืนที่เปลี่ยนชีวิตเด็กสาวผู้ใสซื่อให้กลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุน คืนที่เธอถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงแพศยา และถูกคู่หมั้นของตัวเองยัดเยียดความอัปยศให้พร้อมกับเงินฟาดหัว
ระรินธรหลับตาลง ปล่อยให้ความทรงจำอันขมขื่นย้อนกลับมา... ภาพเหตุการณ์ในคืนที่เธออยากจะลืม แต่กลับจำได้แม่นยำอย่างที่สุด ค่อย ๆ ปรากฏชัดขึ้นราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
Kate sighed, looking out the car window. Today had been strenuous for her. She didn't believe she would end up doing something that she didn't like. And even learning to do it perfectly. This was a nightmare for her. A nightmare she had to live on for a long.She admitted the night scenery of the city which seemed beautiful and admirable. right now she was so tired. All she wanted was a good rest. But it didn't seem like she would get it anytime soon because of where she was planning to go. Which was at Mrs Luis place.Kate's eyes were caught by something interstate as she looked closely at the scene.This was the same scene she had seen Bryan coming out from but didn't put much interest in it. And now she had seen Bryan before the old bar house surrounded by a group of men."Stop the car" She ordered the driver who did as she said. She had to get out and pay her bill as the man drove off.Kat
XKate certainly wasn't feeling all comfortable in this outfit of hers. She was simply adjusting it all the way through.She walked through the corridor, heading over to Dane's office. Her heels were killing her and not to mention the dress she was wearing.Yeah, Mrs. Luis was a pro in the fashion area and she had recommended this to her. But Kate still had to admit that this wasn't her style because the suit was just killing her.She arrived at Dane's door to give a knock as she heard noises. She paused leaning closely to hear a thing or two but too bad, they had stopped talking.Just then, she heard someone coming out she drew back. The door was pushed open and Bryan walked out.He seemed shocked to see Kate waiting at the door as he stared at her. Kate on the other hand struggled to look cool in her outfit."Any problem?" He managed to ask as Kate smiled."Nothing... Actually... there's no such problem to it" Kate said runni
Mrs. Luis was done with her work for the day. Taking a glance at her golden wristwatch, it was already 8:00 PM by the time. She had indeed been busy today for her.She was carefully picking up the papers before her desk when a knock came on the door. Before she could look up and invite the person in, it was already pushed open and Kate entered with a big smile on her face.Mrs. Luis sighed looking at the young lady "You?"With a broad smile, Kate came to sit before Mrs. Luis. "Yeah it's me""How bold of you to just walk right into my office without permission. Didn't you meet my secretary out there?""Oh she was asleep, so I sneaked right into to see you" Kate smiled looking at a load of work on her table."You must be damn busy" Kate observed "You look exhausted"Mrs. Luis looked up at Kate with a smile "If work does not exhaust you, the
The photo shooting had commenced with Dane and Kate dressed in wedding outfits.With the heartthrob, Dane, dressed in his stunning designer's black suit and red ties. He had Kate dressed In an eye-catching wedding gown that was outstandingly designed.They stood close to each other in different postures. Some with Dane's hand around her waist, some with them in a close hug, and another with them seated on a white seat.The venues were also changed from a flowery area to a riverside. And some effects added behind them. It was a completely professional and standard photo shooting area.The shooting was still on. They had moved ahead to another scene Which was on a stage. A wedding stage.Dane stood aside as he watched them help Kate adjust her make-up and others. He found himself admiring her beautiful face. Who could know such a tomboyish girl would look so elega






Welcome to GoodNovel world of fiction. If you like this novel, or you are an idealist hoping to explore a perfect world, and also want to become an original novel author online to increase income, you can join our family to read or create various types of books, such as romance novel, epic reading, werewolf novel, fantasy novel, history novel and so on. If you are a reader, high quality novels can be selected here. If you are an author, you can obtain more inspiration from others to create more brilliant works, what's more, your works on our platform will catch more attention and win more admiration from readers.