"แตงกวาเรียกจ๋าเข้ามาหาผมหน่อย" นักรบเข้ามาเคลียร์งานในตอนเช้า เขากดสายหาเลขาหน้าห้อง เมื่อนึกใคร่รู้บางอย่าง
"ค่ะ" แตงกวาเลขาหน้าห้องตอบรับ จากนั้นเธอจึงจัดการประสานงานต่อไปยังจ๋าที่ผู้เป็นเจ้านายต้องการพบเจอ
จ๋าใช้เวลาไม่นานก็มาถึง เธอเคาะประตูห้องทำงานของเจ้านายตามมารยาทที่ควรทำ แล้วจึงเดินเข้าไปหาเจ้านายที่นั่งรออยู่
"คุณนักรบมีอะไรหรือเปล่าคะ"
"นั่งก่อนสิผมมีเรื่องจะถาม"
"ค่ะ"
จ๋าเอ่ยขึ้นก่อนเมื่อมาถึง จึงทำให้ผู้เป็นนายตอบรับและผายมือเชื้อเชิญ เธอจึงนั่งลงเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้าม รอลุ้นว่าเจ้านายจะเสนองานอะไรให้ทำ
"นางแบบคนเมื่อวานเธอสังกัดที่ไหนเหรอ"
"น้องน้ำส้มนะเหรอคะ"
"ครับ"
นักรบถามขึ้นโดยที่เขายังคงง่วนอยู่กับการเซ็นเอกสารกองโตตรงหน้า ทำเอาจ๋าเกิดสงสัยแต่ก็ไม่แคลงใจอะไร
"น้องไม่ได้สังกัดไหนค่ะ น้องเป็นนางแบบอิสระและบล็กเกอร์รีวิวสินค้าค่ะ จ๋าได้ยินว่าเป็นเพื่อนคุณเอมอร" เธอบอกเล่าแก่ผู้เป็นเจ้านายตามที่เธอรับรู้
"เพื่อนเอมอร?" เขาเงยหน้าแล้วย้อนถาม เพื่อนของน้องสาวแต่เขาไม่เคยรู้จักเพื่อนคนนี้ได้ยังไง ทั้งที่คิดว่ารู้จักเพื่อนสนิทของน้องสาวแทบทุกคน
"ค่ะ" จ๋าขานรับ
"จำได้ว่าผมไม่ได้เลือกเธอมาเป็นนางแบบคอลเลกชั่นนี้นะ"
"พอดีว่านางแบบที่คุณนักรบเลือกไว้เธอเกิดอุบัติเหตุค่ะ คุณเอมอรเลยเลือกน้องน้ำส้มมาแทน จ๋านึกว่าคุณเอมอรแจ้งทางคุณนักรบทราบแล้วซะอีก"
"ไม่ได้บอกผมนะและแตงกวาก็ไม่ได้บอกผมเหมือนกัน...แต่ช่างเถอะยังไงก็ผ่านไปได้ด้วยดี"
"ค่ะ"
นักรบไล่ถามพนักงานเมื่อลำดับการบางอย่างเขาไม่ได้รับข้อมูล แต่ก็ไม่เคืองใจอะไร เพราะเขาเป็นคนง่าย ๆ เรื่องใดที่ไม่หนักหนาหรือมีผลกระทบทำให้งานเสียหายก็ไม่โวยวายหรือตำหนิใคร จากนั้นจึงก้มหน้าดูเอกสารต่อ เนื่องจากช่วงบ่ายเขาจะไปดูการถ่ายแบบต่อ ที่ไปนั่นเพราะมีเป้าหมาย ทั้งที่เขาให้ใครไปดูแทนก็ได้
"ผมขอประวัตินางแบบคนนี้ด้วยนะ" นักรบเอ่ยขึ้น พลางขีดเขียนเอกสารอย่างตั้งใจ
"คะ? " แต่สิ่งที่ขอนั้นทำเอาจ๋าถึงกับต้องงุนงงไม่เข้าใจ ทั้งที่เธอเล่าสู่ฟังแล้ว
"ก็ผมจำเป็นต้องรู้ข้อมูลพื้นฐานของคนที่จ้างมาไม่ได้หรือไง" เมื่อเห็นสีหน้าของลูกน้องที่จ้องมอง นักรบจึงอธิบายขยายความต่อ แอบเคอะเขินสายตาของจ๋าที่เหมือนกับว่าจับผิดบางอย่าง จึงรีบแก้ต่างให้ตัวเอง
"ได้ค่ะได้ เดี๋ยวจ๋าจัดการให้นะคะ"
"ส่งเข้าเมล์ผมได้เลย...ขอบคุณครับ"
"ค่ะ"
หลังจากที่จ๋าออกจากห้องทำงานไปได้ราวสิบนาที ข้อมูลที่นักรบต้องการก็ถูกส่งเข้ามาในอีเมล์ส่วนตัว เขาเปิดอ่านประวัติของน้ำส้ม พลางยิ้มกริ่มเพียงแค่ได้อ่านชื่อของเธอเท่านั้น และที่สำคัญเขาเจ้าเล่ห์แอบบันทึกเบอร์โทรข้อมูลติดต่อส่วนตัวของนางแบบแม่ลูกติดใส่โทรศัพท์มือถือของตัวเองเรียบร้อย
"อัญชลิสา นรเรศ" เขาพูดชื่อของเธอออกมาด้วยรอยยิ้ม พลางนึกถึงใบหน้าสวยนั้นด้วยจินตนาการ จากนั้นจึงปิดมือถือแล้วเดินออกจากห้องทำงานเพื่อมุ่งสู่ปลายทางที่มีเธออยู่
(ดีครับ...สวยครับน้องน้ำส้ม...โอเคสวยเลย) เสียงของช่างภาพเอ่ยชม เมื่อน้ำส้มโพสต์ท่าทางได้สวยงามอย่างมืออาชีพ ผู้คนที่ร่วมงานกับเธอก็พลอยยิ้มและชื่นชมในฝีมือ นับถือในความมานะพยายามขยันทำงานไม่มีบ่นเหนื่อยสักคำ
"เป็นไงบ้างจ๋า" นักรบที่เพิ่งมาถึงไม่นานเอ่ยถามพนักงานถึงความคืบหน้า
"เรียบร้อยดีค่ะ คุณเอมอรนี่เลือกนางแบบเก่งจริง ๆ นะคะ ทำงานก็ขยันไม่บ่นสักคำ สวยด้วยเก่งด้วย" จ๋ามองไปยังน้ำส้มที่อยู่หน้ากล้องพร้อมคำชม
"ผมก็ว่างั้นแหละ" นักรบพูดสำทับ สายตาของเขามองนางแบบหน้ากล้องอย่างหยาดเยิ้มลุ่มหลง
(เบรกครับ)
"จ๋าขอไปดูชุดต่อไปก่อนนะคะ"
"อืม"
เสียงของช่างภาพดังขึ้นส่งสัญญาณ ทำให้ทุกคนกระจายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง น้ำส้ม้ดินไปนั่งพักยังจุดที่เจ้าหน้าที่เตรียมให้ เห็นดังนั้นนักรบจึงตั้งท่าเดินเข้าไปหา
"เหนื่อยไหมครับ" เขาถามขึ้น
"คุณนักรบ,..สวัสดีค่ะ" น้ำส้มที่กำลังนั่งนวดเท้าเพราะเมื่อยล้าต้องเงยหน้ามอง แล้วจึงเอ่ยขึ้นทักทาย
"ขอบคุณที่มาเป็นนางแบบให้ผมนะครับ"
"ฉันต่างหากล่ะคะที่ต้องขอบคุณที่มอบโอกาสให้ ไม่คิดว่าจะได้ถ่ายแบบให้กับแบรนด์ดังขนาดนี้ เพราะฉันมันโนเนมคงไม่มีใครอยากจ้าง" เธอพูดออกมาอย่างถ่อมตนเหนียมอาย พลอยให้คนที่จ้องมองนั้นลอบยิ้มในกิริยาของเธอ คำพูดและรอยยิ้มอ่อนแสนหวานยิ่งปลุกเสน่ห์ของน้ำส้มให้ตราติดแก่นักรบ สร้างความประทับใจให้แก่เขามากทวีไปอีก
(นักรบ)
การสนทนาต้องชะงัก เมื่อเสียงเรียกหนักแน่นดังแทรกขึ้น จนทำให้คนทั้งสองต้องเบนสายตาไปมอง และทำให้นักรบนั้นถึงกับเปลี่ยนสีหน้าที่เคยมีรอยยิ้มเป็นนิ่งขรึมทันที ดั่งกับว่าข้างหน้านั้นกำลังมีสิ่งไม่ปรารถนาคืบคลานเข้าใกล้...
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยสิครับว่าที่ภรรยา” นักรบแซวขึ้นในขณะที่น้ำส้มกำลังถูกรุมด้วยพนักงานร้านวิวาห์ ที่กำลังวัดสัดส่วนเพื่อเก็บรายละเอียดของชุดแต่งงานสีขาวระยิบ ประดับประดาด้วยเลื่อมและไข่มุกแท้ ที่นักรบวางแผนเลือกดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าชื่อดัง“ยังจะมาพูดอีก ฉันผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จู่ ๆ ได้มาลองชุดเจ้าสาว คุณควรให้ฉันทำหน้าแบบไหนดีละคะ” น้ำส้มตอบกลับอย่างกระแนะกระแหน สีหน้าของเธอขุ่นเคืองกับการถูกบีบ แม้มันจะเป็นเรื่องราวที่ดี แต่เขาก็ควรให้เธอได้ตั้งหลักบ้าง“แต่งงานกับผมที่หล่อเหลาอย่างกับพระเจ้าปั้นมา แถมทั้งเก่ง หน้าที่การงานก็โคตรจะดี เพอร์เฟ็คแบบผมนี่หายากนะจะบอกให้ คุณก็ต้องทำหน้าดีใจสิครับถึงจะถูก มีผู้หญิงมากมายอยากจะได้ผมนะ คุณไม่อยากได้ผมหรือไง” เขาปั้นหน้าพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ เยินยอคุณลักษณะของตัวเองอย่างภาคภูมิ“เรื่องหลงตัวเองนี่เก่งเหลือเกิน” จากที่ยืนฟังคำเยินยอของนักรบ ทำให้น้ำส้มถึงกับกลอกตามองบนด้วยความระอา“หรือว่าไม่จริง...ไม่เชื่อคุณลองถามพวกเธอดูสิว่าผมเป็นอย่างที่พูดหรือเปล่า พวกคุณว่ายังไงครับ” เขายังคงตีสีหน้ามาดมั่น แถมยังหาแนวร่วมเอ่ยถามความเห็นเหล่าพ
หลายเดือนผ่านไป“นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉันนี่คะ?” น้ำส้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้านักรบที่กำลังขับรถบนท้องถนน ในเส้นทางไม่ใช่ทางกลับบ้านของตนเอง“แล้วใครบอกว่าผมจะพาคุณกลับบ้าน” นักรบพูดตอบกลับด้วยความทะเล้น นั่นยิ่งทำให้น้ำส้มรู้สึกฉงนใจ“แล้วจะพาฉันไปไหน?” เธอย้อนถามอีกครั้ง“ถึงก็รู้เองแหละ” เขาตอบเธอด้วยความยียวน“ไม่ได้พาไปขายใช่ไหม?” น้ำส้มเอ่ยทีเล่นทีจริง พร้อมกับรอยยิ้มกริ่มมุมปาก“มันจะได้ราคาเท่าไหร่กันเชียว” นักรบตอบสบประมาท พร้อมกับเลี้ยวซ้ายในซอยหนึ่งที่เป็นปลายทางของสถานที่จะไป“ก็ลองดูไหมล่ะ?” คำหยามที่ไม่จริงจังแต่ช่างปั่นอารมณ์ผู้หญิงให้หัวร้อนได้ จนน้ำส้มต้องเอ่ยประโยคนี้ออกไปด้วยความท้าทาย“ไม่!!!” ทำให้นักรบรีบตอบทันควันด้วยน้ำเสียงแข็งและสีหน้าบึ้งตึง หันมองน้ำส้มตาเขม็ง เขาพูดแซวเล่นเพื่ออยากแกล้ง แต่เธอตลบคำปั่นอารมณ์เขาแทนเสียอย่างนั้น“หวงละสิ” เธอเย้ยเขาและพูดเข้าข้างตัวเอง สะบัดผมไปข้างหลังด้วยความเชิดมั่นใจ“..........” นักรบไม่ได้ตอบกลับเขาเลือกที่จะเงียบและเขารถนิ่ง ๆ ไปตามเส้นทาง เพราะหากพูดมากกว่านี้กลัวว่าน้ำส้มจะสวนคำจนทำให้เขาหน้าเสีย“ไม่ตอบซะด้
“เปรี้ยวจี๊ดแดดดี๊มาแล้วครับ” เสียงของนักรบดังมาแต่ไกล เรียกขานว่าที่ลูกเลี้ยงที่เขารักปานดวงใจ ข้าวของในมือที่เขาซื้อมาให้เธอ ทุกอย่างเป็นของโปรดปรานของน้องมะนาวทั้งนั้น“ว้าว...แดดดี๊ของน้องตัวจริงหล่อเวอร์ ๆ เลยค่ะ” น้องมะนาวที่อยู่ในชุดนักเรียนน่ารัก เดินลงมาจากบันไดพร้อมแม่มองเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของนักรบ จนเบิกตาร้องว้าวด้วยความตื่นตา เขามาในมาดนักรบคนเดิมหล่อเหลาและมีเสน่ห์“เดี๋ยววันนี้คนหล่อเวอร์ ๆ ของน้องจะไปส่งที่โรงเรียนดีไหม?” เขาย่อตัวลงให้เสมอเด็กหญิง แล้วบอกในสิ่งที่จะทำหลังจากนี้ เธอจะมีรอยยิ้มแห่งความสุขทุกครั้งที่นักรบและน้ำส้มไปส่งที่โรงเรียนพร้อมกัน และวันนี้ก็เป็นการไปโรงเรียนวันแรก หลังจากที่เรียนออนไลน์มาเป็นเดือน เขารู้เพราะน้องสาวบอกเล่า“เย่ เย่ ดีเวอร์ ๆ ไปเลยค่ะแดดดี๊...คอยดูนะวันนี้น้องจะเอาแดดดี๊ไปอวดกรีนเพื่อนที่มาใหม่ ชอบพูดอวดพ่อกับน้องตลอดเลย” น้องมะนาวชูสองมือท่วมหัว กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ การไปโรงเรียนของเธอไม่ได้มีความสุขเหมือนกับสีหน้าและท่าทาง บางวันเธอถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่อ จนทำให้เธอต้องแอบร้องไห้อยู่ในมุมอับที่ไม่มีใครเห็น เมื่อถึงเวลาที
“มะนาวเรามีเรื่องต้องเคลียร์กันหรือเปล่าคะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยกับลูกสาวตัวกลมที่วิ่งเข้ามาในห้อง ทุกคนล้วนตามเธอขึ้นมาเพื่อรอจับพิรุธเด็กอ้วนผู้ปั่นป่วน“เรื่องอะไรเหรอคะคุณขา” น้องมะนาวแกล้งทำเหมือนไม่รู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่งเล่นตุ๊กตาวางท่านิ่งทั้งที่ตอนนี้เธอหัวใจเต้นตุบตุบด้วยความพะวงกลัวแม่จะดุ แม้เธอเป็นคนจุดประทัดจนเสียงดังลั่นบ้าน“ยังจะมาตีหน้าใสซื่ออีกนะเปรี้ยวจี๊ด” เป็นเอมอรที่ยืนมือกอดอกพิงขอบประตูพูดขึ้น ท่าทางของน้องมะนาวในตอนนี้ทำเอาผู้ใหญ่อยากจะขำลั่น แต่ต้องวางฟอร์มนิ่งไว้ไม่อยากให้เธอได้ใจ “ใครกันที่โทรบอกแม่อรว่า ‘แม่อรเกิดเรื่องแล้วค่ะกำลังจะกินหัวกันแล้วค่า’ ประโยคใครพูดน้าคิดสิคิด...ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ใครนะใครที่เป็นคนพูดแบบนี้”“ใครเหรอคะแม่อร” น้องมะนาวก็ยังคงไม่ยอมรับ เธอจดจำประโยคพูดได้ดีว่าเป็นเธอ แต่ก็ยังไงเฉไฉตาใส เธอหันไปสบตากับนักรบแววตาเปล่งประกายระริกขยิบตาส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือจากแดดดี๊ของเธอ เพราะตอนนี้สายตาพิฆาตของผู้เป็นแม่กำลังจดจ้องอย่างจับผิด“ไม่รู้สิ สงสัยลูกหมูแถวนี้มั้ง” เอมอรตอบกลับอย่างเย้าแหย่“เอาล่ะ ๆ ผมว่าให้มันแล้วกันไปดีกว่า
“คุณใจร้ายกับผมมากเลยรู้ไหมส้ม ทำผมเกือบร้องไห้ ขอผมกอดอีกหน่อยให้หายคิดถึงแล้วกัน” เขาพูดกับเธอทันทีเมื่อเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน โอบกอดเธอแน่นด้วยความคิดถึง ดอมดมตามผิวกายและพวงแก้มจนมันแทบจะช้ำ(“ไม่นะไม่! จะกินหัวกันแล้ว น้องจะทำยังไงดีต้องหาคนมาช่วย”)“แม่อร แม่อร ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่เวอร์ ๆ แล้วค่า แดดดี๊กับคุณแม่ขาจะกินหัวกันแล้วค่า”((“อะไรกินหัวคะมะนาวแม่อรไม่เข้าใจ”) )“แดดดี๊ไง น้องบอกว่าแดดดี๊กับคุณแม่กินหัวกันแล้ว แม่อรรีบมาช่วยหน่อยสิคะ เร็ว ๆ นะคะมาตอนนี้เลย”((“แดดดี๊กลับมาแล้วเหรอ?”) )“ใช่นะสิคะตอนนี้อยู่บ้านของน้อง กำลังงาบหัวกันอยู่ข้างล่าง แม่อรต้องรีบมานะ”((“มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอลูก”) )“ก็ใช่สิคะ น้องเห็นเต็มฉองตาเลยรีบโทรหาแม่อรนี่ไง แดดดี๊กัดคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็กัดคอแดดดี๊ขยุ้มผมแดดดี๊ด้วย มันรุนแรงเวอร์ ๆ เลยค่ะแม่อร”((“โอเค ๆ เดี๋ยวแม่อรรีบไปตอนนี้เลย”) )“โอเคค่ะ”พฤติกรรมระหว่างน้ำส้มและนักรบที่น้องมะนาวเห็น สร้างความเข้าใจผิดไปคนละทิศคนละทาง ความเดียงสาที่ยากจะเข้าใจทำให้เด็กหญิงคิดว่าการสัมผัสกันที่เหมือนรุนแรงเป็นการตบตีทะเลาะวิวาท ความคิดของเด็กน้อยท
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้การสนทนาที่กำลังสนุกสนานต้องหยุดชะงักลง(น้องลงมาล้างมือเตรียมทานข้าวได้แล้วค่ะ) เสียงบอกของผู้เป็นแม่ดังลอดผ่านเข้ามาในห้อง“ค่ะคุณแม่...ไปกันค่ะแดดดี๊ คุณแม่ขามาเรียกแล้ว” คำพูดแรกเธอตอบผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยปากชวนนักรบด้วยสีหน้าระรื่นสดใส(รีบลงมานะคะ เดี๋ยวคุณอาธันวาจะรอนาน)“ค่ะ...”(แม่ไปรอที่โต๊ะอาหารนะคะ)“ลุกสิคะแดดดี๊เราไปทานข้าวกัน”“น้องไปเถอะ แดดดี๊ว่าจะกลับแล้วล่ะ”“ทำไมละคะ?”คำเอ่ยชวนของน้องมะนาวแต่นักรบปฏิเสธ ทำเอาเด็กน้อยย้อนถามทันควัน แต่สำหรับนักรบนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า ไร้ตัวตนในสายตาของน้ำส้ม ก็ตั้งแต่ที่เขาก้าวขาเข้ามาเธอก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขับไล่ที่เข้ามาในบ้าน ความเมินเย็นชาทำให้นักรบเกิดประหม่าและสู้หน้าเธอไม่ไหว เขาคิดถึงแทบขาดใจ แต่พอได้อยู่ใกล้ตรงหน้าก็ไม่สามารถกอดเธอให้หายคิดถึง...มันท้อแท้ใจจนต้องบอกกับตัวเองว่าเขาควรพอแค่นี้“แดดดี๊แค่รู้สึกเหนื่อย ๆ น่ะ” เขาตอบเด็กหญิงพลางลูบหัวของเธอเบา ๆ คำพูดของเขาทำเอาเด็กหญิงหน้าเศร้าในทันที“อยู่กับน้องไม่ได้เหรอ น้องยังไม่หายคิดถึ