CLOSE FRIEND
CHAPTER 1
ผับ G
ถึงเวลาจะล่วงเลยเข้าเที่ยงคืนไปแล้ว แต่บรรยากาศรอบตัวยังคงคึกคัก บรรดาวัยรุ่นกำลังตบเท้าเดินเข้าผับใจกลางเมืองอย่างคับคั่งเพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่มีเรียน ไม่ต้องตื่นเช้า ไม่ต้องกังวลอะไร…
ฉันยืนนิ่ง ๆ มือกำลังเลื่อนโทรศัพท์เล่น ในขณะที่รอบตัวมีผู้ชายร่างสูงสี่คนยืนขนาบข้างอยู่ เพราะความหล่อจัด ความสูงเท่ ดูคูล... ของพวกมันทำให้เรียกสายตาสาว ๆ ได้เหมือนเคย
พวกมันกำลังสูบบุหรี่พลางก็คุยกันเรื่อยเปื่อย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ไม่พ้นเรื่องสาว ๆ ฉันผู้ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มทำได้แค่เก็บข้อมูล ไม่ก็เสนอหน้าสอดเป็นพัก ๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
เจิน ยืนกอดอกพ่นควันท่าทางเหมือนเบื่อหน่ายบรรยากาศรอบตัว ดวงหน้าหล่อเฉี่ยวแบบลูกครึ่งจีนกับเรือนผมสีน้ำตาลอ่อน ยังคงหล่อจัดเหมือนเดิม ติดแค่ช่วงนี้มันดูไม่ค่อยอยากจะออกมาเที่ยวเท่าไร เดาได้ไม่ยากว่าช่วงนี้เพื่อนมันกำลัง ติดเมีย…
ยักษ์ เป็นคนตัวสูงที่สุดในหมู่เพื่อน ใบหน้าเปื้อนยิ้มของมันคมชัดไปเสียทุกส่วนตัดกับผิวขาว ๆ ผมสีดำยาวจนระต้นคอ ถ้าวันไหนมันรำคาญก็จะมัดเป็นจุกไว้ที่ท้ายทอย มันเป็นคนที่ยืนอยู่ใกล้ฉันที่สุด และบางครั้งก็จะยกแขนขึ้นมาพาดคอคนที่ตัวเล็กกว่าเป็นศอกแบบฉัน ชวนคุยบ้างเพื่อไม่ให้ผู้หญิงหนึ่งเดียวในแก๊งเบื่อตายไปเสียก่อน
คราม เป็นคนเดียวที่ไม่ค่อยพูดอะไร มันเป็นพวกถามคำตอบคำ ถ้าไม่เป็นพวกโคตรหล่อชนิดที่ว่ายังโดดเด่นในหมู่คนหล่อด้วยกัน ฉันคิดว่าคนนิสัยแบบมันคงจะไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้าหาหรอก น่าเบื่อจะตาย วัน ๆ เอาแต่ทำหน้านิ่ง ไม่ก็นอน… แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นเพื่อนฉันมาสี่ปีแล้ว
ส่วนอีกคน…
ร่างสูงโปร่งดูทะมัดทะแมง กำลังยืนเลียริมฝีปาก กวาดตามองไปรอบตัว เวลายกบุหรี่ขึ้นมาสูบอัดควันเข้าปอดถึงจะหันมาหาเพื่อนได้ทีนึง เรือนผมสีดำสนิท เรียวคิ้วเข้มตัดกับผิวขาว รวมถึงริมฝีปากแดง ๆ ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนมีแสงสปอตไลต์จับส่องตลอดเวลา นัยน์ตาสีเข้มมักจะหันมาทิ้งสายตาที่ฉัน แล้วเบนมองไปที่คนอื่นอยู่หลายครั้ง
ก็คงจะเป็นคนเดียวในบรรดาเพื่อน… ที่ทำให้ฉันใจเต้นได้เป็นพัก ๆ
มันชื่อว่า ราม
เพราะตอนปีหนึ่งฉันเป็นคนที่ถูกพวกพี่ว้ากเล่นงานมากที่สุด และเด๋อด๋าที่สุดเลยไม่มีเพื่อนคบ จะมีก็แต่พวกมันที่โดนทำโทษเพราะโดดรับน้องเหมือนกัน เราเลยสนิทกันในที่สุด แล้วจนวันนี้ก็เข้าปีที่สี่แล้วที่ฉันได้อยู่ท่ามกลางแก๊งเพื่อนสนิทที่หล่อระเบิดระเบ้อที่สุดในรั้วมหา’ลัย
ฉันชื่อ พริก ตอนแรกก็ไม่ได้แซ่บเหมือนชื่อเท่าไร เพราะเป็นคนที่ค่อนข้างเด๋อ โก๊ะ และไม่ค่อยเป็นผู้หญิง แต่เพราะเวลาผ่านมานานทำให้ตอนนี้ฉันพัฒนามาไกล ไกลชนิดเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือเลยทีเดียว
ตอนนี้ฉันเปลี่ยนจากสาวแว่นในตอนปีหนึ่งเป็นสาวเฉี่ยวใส่คอนแท็กต์เลนส์ เรือนผมสีน้ำตาลที่เคยมัดรวบแบบหางม้าในทุกวันก็เปลี่ยนเป็นดัดลอนยาวถึงบั้นเอว เสื้อผ้าที่เคยใส่แบบเรียบ ๆ ตอนนี้ก็จัดจ้านขึ้นเพราะการแต่งหน้าทำผมที่เปลี่ยนไป จากคนที่ไม่กล้ายืนรวมกลุ่มกับเพื่อนสนิททั้งสี่ในตอนนั้น ก็กลับรู้สึกเฉย ๆ ในวันนี้เพราะความเคยชิน
โอเค ยอมรับตรงนี้ว่าฉันไม่ใช่คนเรียบร้อย ไม่ใช่คนพูดจาไพเราะเสนาะหูเหมือนชาวบ้าน แต่นั่นก็อาจเพราะอยู่กับเพื่อนชายเป็นโขยงเลยได้นิสัยแบบผู้ชายแมน ๆ มาเต็ม ๆ
“มึงก็เข้าไปก่อน” ไอ้ยักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้สุดเอาแขนหนัก ๆ มาคล้องคอกันอีกรอบ ก่อนจะพยักพเยิดถาม “ให้กูเข้าไปเป็นเพื่อนไหม?”
“กูไม่อยากอยู่คนเดียว” ฉันกลอกตามองบนอย่างเหนื่อยใจ กี่ครั้งกี่หนก็ต้องเป็นหมานั่งเฝ้าโต๊ะให้พวกมันเดินหายออกมาสูบบุหรี่ครั้งละยี่สิบนาทีทุกครั้งไป
“กูสูบเสร็จแล้ว เดี๋ยวพามึงเข้าไปก่อนก็ได้” ร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงฝั่งข้ามกันดีดก้นบุหรี่ทิ้งไปแล้วพยักหน้าเรียก
ส่วนไอ้ยักษ์ที่ว่าจะเข้าไปเป็นเพื่อนในตอนแรกรีบผลักไหล่ฉันให้คนที่มารับเคราะห์กรรมแทนแทบจะในทันที
“มึงเข้าไปก่อนเลย กูขอยืนเงียบ ๆ อีกแป๊บเสียงดังฉิบหาย” ครามตบไหล่ฉันเบา ๆ
“กูด้วย... เดี๋ยวน้องอ้ายจะโทรมา” เสียงของเจินผู้ติดเมียตะโกนไล่หลังมาอีกคน
“…” ฉันไม่ได้ตอบใครแค่ทิ้งสายตาเบื่อหน่ายไว้ให้ ก่อนจะสาวเท้าตามการเดินนำของรามเข้าประตูผับไป
ที่ด้านในคนเยอะมาก แถมแต่ละคนยังออกลีลาท่าเต้นแทบไม่เหลือช่องว่างให้เดิน ส่งผลให้คนตัวโตหันกลับมามองกันก่อนจะดึงฉันไปเดินที่ด้านหน้าแทน โดยที่มือหนาของมันกระชับจับอยู่ที่เอวของฉันเพื่อพาเบียดคนอื่นเข้าสู่โต๊ะด้านใน
หากเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะใจเต้นกับสัมผัสชนิดนี้ แต่ระยะหลังมักจะเกิดเหตุการณ์ถึงเนื้อถึงตัวบ่อยจนแทบไม่รู้สึกอะไร อาจประกอบกับตัวมันไม่เคยคิดเกินเลยกับฉันด้วยอีกอย่าง รามคงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มจึงต้องให้การดูแลไม่ต่างจากคนอื่นที่ก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน
ไม่นานเราสองคนก็มาถึงโซนด้านในสุดซึ่งทิ้งระยะห่างจากโต๊ะอื่นพอสมควร เพราะต้องการมุมส่วนตัวจึงต้องยอมจ่ายราคาแพงขึ้นอีกเท่าหนึ่งเพื่อให้ได้อยู่ในโซน VIP เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหากับเพื่อนทั้งสี่คนในเมื่อพวกมันแต่ละคนรวยจนไม่รู้จะรวยยังไง คงมีแค่ฉันคนเดียวที่ไม่ต้องเสียอะไร ไม่ต้องจ่ายเงินสักบาทเพราะไม่มีปัญญา อภิสิทธิ์เหนือชั้นซะไม่มี…
ฉันทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแคบ ๆ ก่อนร่างสูงจะนั่งลงที่ข้างกัน ท่อนขาแข็งแรงเบียดชิดอยู่ข้างขาอ่อนของฉันนี่เอง เราไม่ได้เขินอายไม่มีความรู้สึกพวกนั้นมานานนมแล้ว ถึงฉันจะใจเต้นกับมันแต่ก็แค่เป็นพัก ๆ อย่างที่บอก
เพราะยังไงเรื่องระหว่างเราคงไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่งั้นเวลาคงไม่ผ่านมานานถึงสี่ปี…
เสียงเพลงอีดีเอ็มยังคงดังกระหึ่มเหมือนทุกวัน แสงไฟก็ดูเมา ๆ เหมือนเช่นเคย ยิ่งจับมองไปยังจุดที่ทุกคนโยกตัวเต้นภาพต่าง ๆ ยิ่งดูมัว ๆ เข้าไปใหญ่ ฉันยกแก้วของตัวเองขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระแทกแผ่นหลังพิงพนักโซฟาแต่ก็กระแทกโดนเข้ากับท่อนแขนของคนข้าง ๆ ซึ่งวางพาดอยู่
แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแบบคนออกกำลังกายเป็นประจำเลื่อนลงมากอดคอกันไว้ ใบหน้าหล่อจัดมองตรงไปด้านหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันเองก็ทำเหมือนกัน ฉันไม่ใช่พวกกระโตกกระตากจนเสือตื่น ถึงคงไม่มีวันพัฒนาเป็นความสัมพันธ์แบบคู่รัก แต่ได้กำไรนิดหน่อยก็ยังดี…
“กูว่าน้องเขาชอบมึง” ฉันเอียงคอกระซิบบอก มองตรงไปยังผู้หญิงท่าทางสดใสคนหนึ่งซึ่งกำลังหัวเราะหยอกล้ออยู่กับเพื่อน สายตาผู้หญิงคนนั้นชำเลืองมองมาที่รามไม่หยุด
“อืม…” คนข้าง ๆ ลากเสียงยาวราวกับไม่ได้ให้ความสนใจ จนฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับท่าทางนิ่งสนิทของมัน
“ตื่นเต้นหน่อยไหม?”
“ช่วงนี้กูเหนื่อย ๆ ขี้เกียจดูแลใคร”
“ทำอย่างกับปกติดูแล” ฉันแซะมันต่อด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
รามแทบจะไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้นเรียกได้ว่าเป็นคนที่เฉยเมยกับทุกอย่าง ถึงจะไม่มีแฟนมานานแต่ก็มีผู้หญิงตบเท้าเข้าหาไม่ขาดสาย มันก็คั่วสาวเก่งเหมือนทุกคนในแก๊งแต่แค่ไม่ตามใคร ใครจะมาก็มา ใครจะไปก็ไป
“ว่าแต่มึง… ยังคุยกับไอ้เชนอยู่รึเปล่า?” มันไม่ตอบคำถามแต่เอียงคอมองมา นัยน์ตาสีเข้มสบตาฉันพร้อมทั้งเลิกคิ้วถาม
“ก็ยังไม่ได้ตัดไปซะทีเดียว” ฉันไหวไหล่เมื่อนึกถึงหน้าผู้ชายคนที่ว่า
เชน ก็หล่อดี ซ้ำยังเป็นสายเปย์ แต่หมอนั่นเจ้าชู้หนักมาก ขนาดไม่หล่อเท่าเพื่อนฉันยังหญิงเยอะนับไม่หวาดไม่ไหว
“เลิกคุยก็ดี แม่งแดกไปทั่ว” รามพึมพำเบา ๆ หลุบตาจ้องหน้ากันนิ่ง “เดี๋ยวมึงจะโดนแดกไปอีกคน”
“ไม่” ฉันเบนตามองไปอีกทางแต่ยังทำทีหัวเราะ “ไม่ได้แดกหรอก”
“ให้มันจริง”
“จริง”
แม้จะดูเหมือนกลายเป็นสาวกร้านโลกเพราะการแต่งตัวรวมถึงอยู่กับคนแบบพวกมัน แต่เพื่อนทุกคนรู้ดีว่าฉันยังสดซิงไม่เคยผ่านมือชายใด อย่าว่าแต่ เซ็กซ์ ขนาดจูบแรกยังไม่มีเลย
ระหว่างเราต่างต้องเงียบเสียงลงอีกครั้งเมื่อมีสาวตัวเล็กหน้าคุ้นเดินมาหยุดยืนที่ตรงหน้า คนที่บอกว่า ช่วงนี้เบื่อ ดูเหมือนจะชะงักไป แขนแข็งแรงเลื่อนออกจากคอฉันโดยอัตโนมัติ ส่วนฉันเองก็ขยับตัวออกห่างเพื่อนอย่างรู้งาน แม้ใจจะอยากนั่งใกล้ ๆ ต่อก็ตามที
“สวัสดีค่ะพี่ราม พี่พริก” บุคคลที่สามยิ้มแป้นเอ่ยคำทักทาย ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก ฉันเองก็ยิ้มตอบพร้อมโบกมือให้อย่างเป็นมิตร
“น้องเหมยมาคนเดียวเหรอ?” ฉันถามขึ้นก่อน ในขณะที่รามกำลังนั่งเงียบเหลือบตามองกันราวกับจะส่งสัญญาณ
“มากับเพื่อนค่ะ เพื่อนเหมยอยากเจอพี่ราม ขอยืมตัวแป๊บนึงได้ไหมคะ?” น้องเหมยทำตาใสจ้องสบตาเจ้าของชื่อ
“…” รามไม่ตอบแต่หันมาเลิกคิ้วถามฉันเหมือนจะขออนุญาต
ถึงจะไม่ชอบนั่งคนเดียวเหมือนเป็นหมาเฝ้าโต๊ะ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่ฉันไม่อาจทำให้คนอื่นเสียบรรยากาศเพราะความรู้สึกส่วนตัวสุดท้ายเลยพยักหน้าตอบรับ
ไม่เป็นไร… นี่ไม่ใช่ครั้งแรก… ฉันชินจนไม่รู้จะชินยังไง…
และเพียงอึดใจสองคนก็เดินหายเข้าไปท่ามกลางฝูงชนที่กำลังโยกตัวเต้นตามจังหวะเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน ฉันยังคงยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น ยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกจนหมดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ก่อนจะกระแทกมันลงบนโต๊ะ ถอนหายใจเบา ๆ
และมันก็วนกลับมาลูปเดิมอีกครั้ง…
จะมีอยู่แค่สองสามคนเท่านั้นที่รามเป็นฝ่ายจีบก่อน… ขนาดว่าหล่อเบอร์นี้บางทีก็จีบไม่ติดได้เหมือนกัน ไม่แปลกใจเลยที่คนที่เซ็งกับผู้หญิงคนอื่นแบบมัน จะตามคนที่ตัวเองเคยจีบไม่ติดเมื่อนานมาแล้วออกไปแบบนี้
ฉันก็แค่… ต้องทำใจให้มันเป็นไป
ไอ้ยักษ์เดินกลับมาแล้ว มันกระแทกตัวนั่งลงข้างกันโดยไม่มีอีกสองคนเดินมาด้วย สายตามันกวาดตามองไปทั่วก่อนจะหันมาเลิกคิ้วถาม
“ไอ้ราม?”
“ไปกับน้องเหมย” ฉันตอบง่าย ๆ ทำตัวเหมือนเพื่อนปกติทั่วไป
“ที่มันเคยจีบเมื่อปีที่แล้ว?”
“เออ”
“กูว่าแล้ว”
“คือยังไง?” ด้วยความสงสัยฉันเลยหันไปถาม
“กูเห็นมันมอง ๆ กันตั้งแต่ข้างนอกแล้ว”
“อืม…”
ฉันพยักหน้ารับ คว้าเอาขวดเหล้ามาชงเองโดยไม่ได้สนใจคนข้าง ๆ ที่ถึงกับลุกขึ้นยืนสอดส่ายสายตามองหาคนที่เพิ่งผละออกไปก่อนมันจะมา
เราสองคนนั่งกระดกเหล้าไปคุยกันไปจนเหล้าเหลือแค่ก้นขวด ครามกับเจินก็ยังไม่เข้ามา กระทั่งรามเองก็เหมือนกัน
ฉันถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าเอียงหัวซบเข้ากับบ่ากว้างของไอ้ยักษ์ที่วุ่นอยู่กับการรัวนิ้วใส่หน้าจอซึ่งค้างแชตสาวมือเป็นระวิง
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่รับรู้ได้ว่าตัวเองเมามาก อาจเพราะไม่สามารถหยุดดื่มได้เลยตั้งแต่เด็กนั่นพารามหายไป…
ถึงจะไม่ได้เศร้าเรื่องมันขนาดนั้น แต่ยอมรับว่าโคตรจะเซ็ง…
เซ็ง ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี สุดท้ายอีพริกคนนี้ก็ทำได้แค่ มอง
Comments