“มีญ่าขอตัวกลับไปทำงานต่อก่อนนะคะ” เธอลุกออกจากตักของหมอรวิกร พลางจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องนี้โดยทันที สายตามองไปรอบๆ อย่างระแวงกลัวว่าคนอื่นจะสงสัย เธอยกมือปัดผมทัดหูด้วยใบหน้าร้อนผ่าว โชคดีที่ไม่มีใคร…เธอลอบพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก ถึงกระนั้นสัมผัสของหมอรวิกรก็ยังคงติดค้างบนร่างกาย เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรงด้วยความประหม่า มากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว เขาสัมผัสแค่นั้นเอง…หรืออาจเป็นเพราะไม่ได้ทำมาหลายวัน พอถูกสัมผัสนิดหน่อยมันเลยรู้สึกแบบนี้ เธอสะบัดไล่ความคิดในหัวออก ก่อนจะเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ตอนนี้หายข้องใจเรื่องที่สงสัยหมดแล้ว เหลือก็แค่แต่…เรื่องที่เขาดูเหมือนโกรธเธอตอนอยู่คอนโดเลิกงานเธอเดินไปยังรถพลางค้นกระเป๋าหากุญแจ จังหวะกดปลดล็อกรถแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเข้ากับหมอรวิกรพอดี รถของเขาห่างจากรถของเธอแค่อีกคันคั่น “กลับแล้วเหรอคะ” เธอเป็นฝ่ายเริ่มทักเขาก่อน ไม่ทักเลยก็คงดูหยิ่งเกินไป“อืม”“ขับรถดีๆ นะคะ” ไม่รู้จะตอบอะไรจึงบอกไปแบบนั้น เพราะเขาตอบกลับมาแค่ ‘อืม’ สั้นๆ การตอบดูเย็นชาแต่เธอกลับชินไปแล้ว “เหมือนกัน”เขาตอบแค่น
ไม่แปลกใจเลยทำไมใครๆ ต่างหลงเสน่ห์หมอรวิกร เพราะตอนนี้เธอกำลังเป็นหนึ่งในนั้น…หมอรวิกรสัมผัสเธอมากขึ้น กลิ่นไวน์จากลมหายใจที่เป่ารดลงมาทำหัวใจเธอปั่นป่วนได้ไม่ยาก เธอสั่นเกร็งทุกครั้งที่เขาแตะสัมผัส ไม่ได้การแล้ว เธอต้องเป็นฝ่ายคุมเกมนี้บ้างสายตาคมกริบมองการกระทำของมีญ่านิ่งๆ เธอนั่งลงบนพรมสีดำ พลางเลื่อนมือไปปลดหัวเข็มขัดออกและรูดซิปกางเกงสีดำลง มือเล็กล้วงเข้าไปจับแก่นกายขนาดใหญ่ออกมาข้างนอก ดวงตาคู่สวยมองมันที่แข็งแน่นไปทั้งลำ“ของหมอแข็งแล้ว…”“ใช่ ทีนี้เธอจะทำยังไงกับมันต่อ?” เขาเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองเธอตามไปด้วยเธอจ้องมองแก่นกายขนาดใหญ่ที่สะท้อนเข้ามาในนัยน์ตาพลางลอบกลืนน้ำลายลงคอ หลังจากมองแท่งเอ็นของเขาอยู่เนิ่นนาน ก็เริ่มใช้สองมือจับแก่นกายของเขาอย่างระวัง ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงใกล้มันแล้วครอบริมฝีปากลงอย่างช้าๆ และเสียงครางต่ำของหมอรวิกรก็ดังเข้ามาในหู “อืมม”ไรอันพิงศีรษะลงพนักโซฟา ปล่อยเสียงครางต่ำออกมาหลังจากมีญ่าครอบริมฝีปากลงแท่งเอ็น เขาลืมตาขึ้นเพื่อมองการกระทำของเธอ“เวลาเอ็นฉันอยู่ในปากเธอ ทำฉันเสียวมากมีญ่า”“ชะ…ชอบไหมคะ” ดวงตากลมโตคู่สวยช้อนขึ้นและเอ่ยถาม“ชอบ เธอล
เช้าวันต่อมา“อื้อ~” เสียงในลำคอดังเล็ดลอดออกมาเบาๆ ร่างบางที่นอนหลับบนเตียงนอนเริ่มขยับตัว เรียกสายตาคมเข้มของคุณหมอหนุ่มที่นั่งทำงานอยู่ให้หันไปมอง ดวงตาคู่สวยที่แนบสนิทปรือขึ้นอย่างยากลำบาก ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้หลังจากสมองเริ่มประมวลผล คือ ความปวดร้าวตามร่างกายและหนักอึ้งที่ศีรษะเพราะพิษไข้“คุณหมอ?” เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอย่างไม่มีแรง สายตาพลางมองไปรอบๆ พบว่าเธอยังคงนอนอยู่ที่ห้องของเขา ทำให้รู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้กลับห้องตัวเองก่อนหน้านี้หลังจากเสร็จกิจกรรมบนเตียงและล้างทำความสะอาดเสร็จ จำได้ว่าตอนนั้นเธอมานั่งเล่นโทรศัพท์บนเตียงระหว่างที่หมอรวิกรเข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะพักสายตาสักแป๊บ แต่ไม่คิดว่าจะหลับยาวจนถึงเช้า แถมตื่นขึ้นมายังรู้สึกปวดหัวและปวดตัวอีกด้วยไม่สบายจนได้สินะ…“ทำไมมีญ่ายังนอนอยู่ที่นี่คะ”“เมื่อคืนเธอไข้ขึ้น” เขาตอบกลับเสียงเรียบ เห็นเธอไข้ขึ้นเลยไม่อยากปลุกให้กลับห้อง อย่างน้อยอยู่ที่นี่มีหมอคอยดูแลก็ยังดีกว่ากลับห้องไปแล้วไม่มีใคร“กินข้าวซะ จะได้กินยา”เธอเสสายตามองข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมตรงโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงนอน เธอขยับเข้าไปหยิบถ้วยข้าวต้มมาแ
และคืนนั้นเธอก็ได้้นอนเตียงเดียวกับเขาจริงๆเธอพลิกตัวไปอีกทางโดยหันหลังให้เขา พยายามข่มตานอนหลับโดยกอดตุ๊กตาตัวโปรดเอาไว้ ถึงแม้เธอและเขานอนเว้นระยะห่างไว้หนึ่งคนนอนด้วยได้ ทว่าเธอก็ไม่ชินเอาเสียเลยหลับสิมีญ่า…โชคดีที่พิษไข้บวกยาที่กินเข้าไปทำให้ง่วงนอน ผ่านไปสักพักก็เริ่มผล็อยลงไปในที่สุด เหลือแต่ไรอันที่ยังไม่หลับ เขานอนหันหลังลืมตาท่ามกลางความมืดสลัว เพราะอากาศข้างในร้อนเกินไปจึงทำให้นอนไม่หลับ ปกติเขาเป็นคนขี้ร้อน แต่พอมีญ่าที่ป่วยอยู่มานอนด้วยจึงต้องปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นพอรู้สึกว่านอนไม่หลับแล้วจึงลุกขึ้นออกไปนั่งทำงาน นั่งอ่านผลตรวจคนไข้ซ้ำ สายตาพลางช้อนมองมีญ่าที่เพิ่งพลิกตัวไปนอนอีกทางจนตุ๊กตาตกลงพื้น เขาลุกขึ้นเดินไปหยิบตุ๊กตาตัวโปรดขึ้นมาแล้ววางไว้อีกฝั่งให้ จังหวะเดียวกันนั้นมีญ่ายกแขนกอดตุ๊กตาตัวโปรดอีกครั้ง“หึ เด็กน้อยจริงๆ” เขายืนมองมีญ่าแล้วขยับริมฝีปากพูดตามไปด้วย โตแค่ไหนยังติดตุ๊กตาเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน…“พี่ชายคะ…”เขาที่กำลังเดินกลับไปทำงานชะงักฝีเท้าลงอัตโนมัติ เมื่อได้ยินมีญ่าละเมอประโยคนั้นขึ้นมา แววตาที่เคยดูอบอุ่นเปลี่ยนเป็นเย็นชาในเวลาต่อมา เขาหันหลัง
หนึ่งเดือนไวเหมือนโกหก เธอเคยคิดอยากให้ระยะเวลาของการดูงานครบหนึ่งเดือนเร็วๆ แต่ทำไมยิ่งใกล้ถึววันที่ต้องยุติหน้าที่นี้ลงกลับรู้สึกใจหวิวแปลกๆกลับกลายเป็นไม่อยากให้มาถึงวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการดูงานที่นี่ เธอต้องเตรียมส่งสรุปให้หมอรวิกรและเขียนรายงานส่งอาจารย์ภายในอาทิตย์หน้า วันนี้มันก็จะดูยุ่งนิดหน่อยเพราะวันสุดท้ายแล้ว เธอซื้อขนมมาฝากพี่ๆ ที่วอร์ดรวมถึงคนรู้จักในวอร์ดอื่น โดยหนึ่งในนั้นมีหมอมาริสาด้วย“หมอมาริสาคะ”“ว่าไง?” หมอมาริสาขานรับด้วยท่าทางดูหยิ่งเล็กน้อย“วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่มีญ่าดูงานที่โรงพยาบาลแล้ว มีญ่าเลยซื้อขนมมาให้พี่พยาบาลและหมอที่วอร์ด นี่ขนมของหมอมาริสาค่ะ”หมอมาริสาปรายสายตามองคุ้กกี้ที่มีญ่ายื่นมาให้เพียงนิด ก่อนจะรับมาตามมารยาทแม้ไม่ค่อยอยากรับเท่าไรนัก มีญ่าไม่เคยทำอะไรให้เธอเกลียด แค่รู้สึกไม่ถูกชนะกับเด็กคนนี้เท่าไร“ขอบใจ แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ” หมอมาริสายิ้มให้มีญ่าอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไปจากตรงนี้มีญ่าที่กำลังอ้าปากตอบกลับหน้าเหว๋อทันทีเมื่อถูกหมอมาริสาทำเชิ่ดใส่แบบนั้น เธอมองตามอย่างไม่เข้าใจทำไมหมอมาริสาถึงทำเหมือนไม่ชอบตั
มีญ่ากลับมานั่งที่มุมหนึ่งของห้องพักพยาบาล สายตาจ้องเอกสารที่เพิ่งถูกโยนกระจายไปเมื่อครู่ด้วยความรู้สึกอัดอั้นในใจ เธอเม้มริมฝีปากแน่น กัดฟันไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมาแต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยความน้อยใจเธอพยายามทำให้ดีที่สุดแล้ว แต่ทำไมหมอรวิกรถึงต้องพูดจาดูถูกกันขนาดนั้น…“ยังไม่กลับอีกเหรอมีญ่า” เสียงของนิดเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ปกตินี่เป็นเวลาเลิกงานของมีญ่าแต่กลับยังเห็นนั่งทำงายอยู่“ยังค่ะพี่นิด”“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมตาดูแดงๆ”“ไม่มีอะไรค่ะพี่นิด” เธอส่ายหน้าแล้วพยายามฝืนยิ้ม“ไม่มีได้ไง หน้าเราดูเหมือนจะร้องไห้อยู่แล้วเนี่ย”“ก็แค่…ต้องทำสรุปใหม่ค่ะ”“อ้าว ไหนบอกว่าส่งแล้วไง?”“หมอรวิกรบอกว่ามีญ่าทำผิดเยอะ เลยต้องแก้ใหม่”พี่นิดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจแล้วส่ายหน้า“หมอก็เป็นแบบนี้แหละ จริงจังกับทุกเรื่อง บางครั้งก็พูดตรงเกินไป”เธอพยักหน้าเบาๆ เธอรู้เขาเป็นคนแบบนั้น แต่ไม่คิดว่าเขาจะใจร้ายขนาดนี้“ไม่ต้องคิดมากนะ รอบนี้แก้ผ่านแน่นอน มีญ่าเก่งอยู่แล้ว” พี่นิดพูดปลอบเพิ่มพลังบวกให้มีญ่า“ขอบคุณค่ะพี่นิด” เธอตอบเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำเอกสารต่อเธอเปิดไอแพด ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดอ
“…ขอโทษ” เธอนิ่งชะงักลงไปเมื่อได้ยินคำขอโทษของหมอรวิกร เธอเบือนใบหน้าไปทางอื่นแทนการมองหน้าเขาเพื่อซ่อนความอ่อนไหว“นะ…นี่ไม่ใช่ทางไปมหาลัยนิคะ” เธอเริ่มสังเกตว่าเส้นทางนี้ไม่ใช่ทางไปมหาลัยจึงรีบหันไปบอกเขา“รู้” เขาตอบสั้นๆ ราวกับมันเป็นเรื่องปกติ“รู้แล้วทำไมยังขับไปทางนี้อีกคะ หมอจะพามีญ่าไปไหนกันแน่” เสียงหวานแฝงไปด้วยความไม่พอใจ ดวงตากลมโตตวัดมองเขา แต่เขายังคงขับรถด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้”“นี่หมอลักพาตัวมีญ่าเหรอคะ?” “ฉันไม่เสียเวลาลักพาตัวเด็กอย่างเธอหรอก”คำพูดนั้นทำให้เธอหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ไม่รู้ทำไม แต่ทุกครั้งที่เขาพูดจากวนประสาทแบบนี้เธออยากจะต่อยหน้าเขาแรงๆ ให้รู้แล้วรู้รอด เธอสูดลมหายใจลึกๆ พยายามสะกดกลั้นความโมโห “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ”“เรื่องอะไรคะ คุยบนรถก็ได้”“ฉันไม่อยากคุยบนรถ”“ทำไมไม่ขอคุยตั้งแต่อยู่คอนโดคะ”“ตอนนั้นยังไม่มีเรื่องที่จะคุย แต่ตอนนี้ฉันมี”“หมอจอดรถเลยนะคะ มีญ่าจะไปเรียน”“อาจารย์ของเธอเพิ่งยกคลาส”“ไม่จริง หมอโกหก…”LINEเสียงไลน์ที่ดังขึ้นทำให้เธอชะงัก ก่อนจะหยิบขึ้นมาเสมอใบหน้าให้สแกนปลดล็อก เธออ่านข้อความที่ธ
ร่างบางค่อยๆ ย่องเดินออกมาจากห้องนอนเพื่อเตรียมหนี แต่แล้วก็ต้องชะงักลงไปเมื่อเห็นไรอันยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอกพอดี หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง เริ่มมองหาทางอื่นที่พอหนีได้จนไปเจอประตูบานหนึ่ง เธอไม่รอช้าเดินตรงไปยังประตูบานนั้นทันที“จะไปไหน”เฮือก… เธอสะดุ้งอย่างตกใจและหยุดนิ่งอัตโนมัติ เสียงฝีเท้าของเขาที่ดังเข้ามาในโสตประสาททำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา“ฉันถามว่าจะไปไหน” เขาหยุดอยู่ข้างหลังมีญ่าแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบคนตัวเล็กค่อยๆ หมุนตัวกลับมาหาไรอันด้วยท่าทางหวาดระแวง ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองคนตัวโตที่มองมาอย่างคาดเดาไม่ได้ว่าหลังจากนี้จะมีแผนการอะไร“มีญ่าจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ” บางทีการโกหกอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้“ห้องน้ำไปทางนั้น”“อะ…อ๋อ ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มแห้ง ก่อนจะรีบเดินไปอีกทางที่หมอรวิกรชี้นิ้วบอก จะหนีก็ไม่ทันแล้วยัยมีญ่า ทำไมทุกอย่างดูเข้าทางเขาไปหมดเลยนะเธอยืนรอสักพัก จากนั้นหันไปแกล้งกดชักโครกทำเหมือนเข้าห้องน้ำจริงๆ เดินมาล้างมือทำทุกอย่างให้สมจริง เช็ดมือเสร็จสรรพแล้วเดินออกมาก็เจอเขายืนพิงผนังกำแพงรออยู่ข้า
ภายในห้องรับแขกของคอนโดธารน้ำ มีญ่านั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ สายตาจับจ้องไปที่กองเอกสารสำหรับทำรายงานตรงหน้าอย่างเหม่อลอย ความคิดวนเวียนอยู่กับบทสนทนาของพยาบาลกลุ่มนั้น‘ได้ข่าวว่าหมอไรอันกับหมอมาริสาจะหมั้นกันเหรอ’หัวใจของเธอบีบรัดขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงมัน เธอไม่เข้าใจตัวเองเลย ทำไมถึงต้องรู้สึกแบบนี้ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกำลังจะสูญเสียอะไรบางอย่างไป ทั้งที่ความจริงแล้วเธอและเขาไม่เคยเป็นอะไรกันด้วยซ้ำ“มีญ่า มีญ่า!”“ฮะๆ” เสียงของธารน้ำทำให้เธอสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ เธอขานรับธารน้ำทันที“แกเป็นอะไรรึเปล่า ฉันเห็นแกนั่งเหม่อตั้งแต่มาถึงแล้ว” ธารน้ำขมวดคิ้วถาม“ปะ…เปล่า”“แกมีเรื่องไม่สบายใจอะไรบอกฉันได้นะ อย่าลืมว่าเราเป็นเพื่อนสนิทกัน”คำว่า ‘เพื่อนสนิท’ ทำให้เธอรู้สึกผิดที่ต้องปิดบังเรื่องความรู้สึกที่มีหมอรวิกรจากธารน้ำ ที่ผ่านมาเธอบอกเพื่อนมาโดยตลอดว่าไม่ได้คิดอะไรกับเขา“เรื่องของหมอไรอันใช่ไหม” ธารน้ำพอเดาออกว่าที่เพื่อนสนิทเป็นแบบนี้เพราะเรื่องอะไรราวกับคำพูดนั้นกระแทกเข้าตรงจุดสำคัญ หัวใจดวงน้อยไหววูบ ใบหน้าสวยหวานรีบเบือนสายตาหลบอย่างรู้ตัวว่าคงปิดบังอะไรไม่ได้“มีญ่า…” เพียงแค่เ
Empire Rich รถหรูจอดสนิทที่คอนโด เขาหันไปมองมีญ่ากายที่ตอนนี้หลับสนิท ใบหน้าสวยหวานซบอยู่กับเบาะ แขนทั้งสองกอดอยู่กับอก ท่าทางดูสงบเสงี่ยมต่างจากก่อนหน้านี้ที่ยังโวยวายใส่เขายับเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอื้อมไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้ จากนั้นก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งของมีญ่า แขนแกร่งช้อนร่างบางขึ้นอย่างง่ายดายตอนแรกเขาตั้งใจจะพาเธอไปส่งที่ห้องของตัวเอง แต่สุดท้ายกลับเลือกพาเธอมาที่ห้องของเขาเองแทนเมื่อมาถึงห้องนอนเขาวางร่างของมีญ่าลงบนเตียงอย่างเบามือ เขาถอดรองเท้าส้นสูงออกจากเท้าเล็ก คิ้วเข้มขมวดนิดๆ เมื่อเห็นรอยแดงที่เกิดจากการใส่รองเท้าส้นสูงนานเกินไปมือหนาลูบเบาๆ อย่างเผลอไผล ก่อนจะละสายตาแล้วลุกขึ้นยืน เตรียมจะเดินออกจากห้อง แต่เสียงพึมพำแผ่วเบากลับทำให้เขาหยุดชะงัก“พี่ชาย…”ไรอันหันกลับมามองคนที่กำลังละเมอ“คิดถึง…”ร่างสูงยืนนิ่ง ดวงตาคมฉายแววซับซ้อนเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอละเมอออกมาจำได้ว่าครั้งหนึ่งมีญ่าเคยตามติดเขาไม่ห่าง เรียกเขาว่าพี่ชายทุกครั้งที่เจอกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเช่นกันริมฝีปากหยักยิ้มมุมปาก ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหายไปอย่างรวดเร็ว
เสียงเพลงในผับยังคงดังกระหึ่มไปทั่ว มีญ่าหัวเราะเสียงใส ขณะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นชนกับหนุ่มหล่อที่เข้ามาทัก“ขอชนแก้วด้วยไหมครับ?” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากแล้วยื่นแก้วเข้ามาใกล้“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ?” ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะยกแก้วขึ้น เคร้ง!เสียงแก้วกระทบกันดังขึ้นก่อนที่เธอจะกระดกเหล้าเข้าปาก กลิ่นแอลกอฮอล์แทรกซึมเข้ามาในลำคอร้อนวูบ แต่เธอกลับรู้สึกดี“ดื่มเก่งเหมือนกันนะครับ” ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยชม“ไม่เก่งเท่าไรค่ะ”ในขณะที่มีญ่ากำลังยืนคุยกับหนุ่มหล่อ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มีสายตาคมเข้มคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาอย่างไม่พอใจไรอันมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเย็นเยียบ มือข้างที่จับแก้วเหล้าแน่นขึ้นราวกับพยายามระงับอารมณ์“กูว่าอีกไม่นาน” คิรันหันไปกระซิบกับแม็กซ์ควินมีญ่ายังคงยืยหัวเราะคิกคักกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่นาที บรรยากาศพาไปหรือเพราะแอลกอฮอล์ทำให้เธอกล้าขึ้น ด้านเพื่อนสนิทก็ไม่ได้ว่าอะไร ยืนมองมีญ่าคุยกับหนุ่มหล่อพลางหันไปยิ้มกันสองคน“ชื่ออะไรเหรอครับ?” “มีญ่าค่ะ แล้วคุณล่ะ?” เธอพยายามชวนเขาคุยให้มากที่สุด สายตาเหล่มองไปยังโต๊ะข้างๆ ว่าคนที่อยากให้เห็นภาพนี้มองมาห
หลายวันต่อมาช่วงนี้หมอรวิกรเงียบไปเลยจนผิดสังเกต ไม่มีการส่งข้อความมาหา แม้กระทั่งอยู่คอนโดเดียวกันยังไม่มีโอกาสเจอ อย่าว่าอย่างงี้อย่างงั้นเลย แค่รถของเขายังไม่เห็นจอดหลายวันแล้วเขาหายไปไหน…ตั้งแต่วันนั้นที่เธอกลับจากบ้านพักอากาศ เธอก็ไม่เห็นหมอรวิกรอีกเลย เธอนั่งส่องไอจีของเขาระหว่างรอเพื่อนไปสั่งเครื่องดื่ม นิ้วเรียวดึงหน้าจอลงหนึ่งครั้งอย่างไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม แต่แล้วก็ต้องชะงักลงไปเมื่อตรงรูปโพรไฟล์ปรากฏสตอรีขึ้นมาวินาทีนั้นหัวใจที่นิ่งสงบพลันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่มีความเคลื่อนไหวมาแล้วหลายวัน หากแต่วันนี้เพิ่งจะเริ่มเคลื่อนไหว เธอกัดกลีบปากล่างเบาๆ ด้วยความลังเลว่าจะกดดูดีไหมเพราะอยากรู้ว่าเขาลงอะไร แน่นอนว่าถ้ากดดูแน่นอนเขารู้อยู่แล้วว่าเธอแอบส่องแต่อีกใจก็อยากรู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ สุดท้ายรวบรวมความกล้าในการกดเข้าไปดูสตอรีเมื่อครู่เขาอยู่สนามแข่งT1บางทีเธอก็แอบหงุดหงิดเขาเหมือนกัน หายไปไม่บอกไม่กล่าวเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด แถมเขายังทำให้เธอสับสนในความสัมพันธ์อีกครั้ง สรุปแล้วต้องการยุติทุกอย่างลงหรือกำลังปั่นหัวเธอเล่นอยู่กันแน่ปากบอกไม่ให้เธอเข้าใกล้
เสียงฟ้าร้องดังสะท้านท้องฟ้า ฝนยังคงตกหนักไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง มีญ่ายืนตัวสั่นอยู่ใต้ชายคาหน้าบ้านพักตากอากาศของไรอัน ดวงตาคู่สวยทอดมองออกไปยังถนนที่เวิ้งว้างและมืดครึ้มทำไมเธอต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้…ลมเย็นพัดผ่านร่างจนเธออดไม่ได้ที่จะกอดตัวเองแน่นขึ้น เปลือกตากะพริบถี่ไล่หยาดน้ำฝนที่ปลิวมากระทบใบหน้าเธอเหลือบมองหน้าจออีกครั้ง พลางคิดถึงคำพูดสุดท้ายของไรอัน‘ตามใจ’คำพูดนั้นเหมือนสะท้อนอยู่ในหัวใจเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำว่าเธอจะกลับไปยังไง จะเปียกฝนหรือไม่จะปลอดภัยหรือเปล่า เขาแค่…ปล่อยเธอไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?LINEโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในมือทำให้เธอยกขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นพี่นทีที่ส่งข้อความมาหา หลังจากถูกหมอรวิกรตัดสายไปก่อนหน้านี้ เธอแค่ดึงหน้าจอลงมาอ่านโดยยังไม่กดเข้าไปอ่านโดยตรงนที : มีญ่าอยู่ไหนเธอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่ออ่านข้อความจากพี่นที ผ่านไปประมาณสองนาทีเขาส่งกลับมาอีกครั้งว่า นที : ตอบพี่หน่อยได้ไหมพี่เป็นห่วง นิ้วเรียวสวยกำลังพิมพ์บอกพี่นทีแต่กลับต้องชะงักอย่างลังเล หัวใจเต้นแรงเมื่อคิดว่าใครบางคนอาจจะไม่พอใจกับสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ก็เป็นได้ แต่สุด
ความสัมพันธ์ของเธอและหมอรวิกรเริ่มไม่ดีแล้ว ไม่รู้คิดไปเองไหมเพราะตั้งแต่เขาและพี่นทีเจอกัน เขาก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าไม่ใจร้ายแค่มีความรู้สึกว่าตอนนี้หนักกว่าตอนนี้ฝนกำลังตกหนักเพราะพายุเข้า มีญ่ายืนกอดอกมองสายฝนโปรยปรายจนมองไม่เห็นข้างนอก เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างสับสน แม้เสียงฝนจะดังสนั่นหากแต่ก็ไม่อาจดึงเธอออกจากภวังค์ความคิดจนกระทั่ง…LINEเสียงไลน์ที่ดังขึ้นทำให้เธอละสายตาจากพายุฝนข้างนอกยกโทรศัพท์ในมือขึ้นดูก่อนจะพบว่าเป็นคุณพ่อที่ส่งข้อความมาหาเซอร์เวย์ : อยู่ไหนลูกเธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรงเมื่ออ่านข้อความของคุณพ่อ สายตาเหลียวข้างหลังมองหาเจ้าของบ้านพักตากอากาศทว่าก็ไม่เจอ เธอดึงสายตากลับมาอ่านข้อความของคุณพ่ออีกครั้งแล้วพิมพ์ตอบกลับมีญ่า : คอนโดเพื่อนค่ะเซอร์เวย์ : เห็นลูกบอกเย็นๆ จะมาบ้าน พ่อไม่เห็นเลยไลน์มาถามว่าอยู่ไหนเซอร์เวย์ : ตอนนี้ฝนกำลังตก ถ้ามาไม่ได้ไม่ต้องมานะมันอันตรายคนเป็นพ่อเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกสาว ใจอยากให้มาทานข้าวเย็นที่บ้านด้วยกัน มีญ่าบอกว่าจะชดเชยที่วันก่อนไม่ได้กลับบ้านมาทานข้าวเย็น แต่อีกใจก็ไม่อยากให้มาเพ
ตุ้บ!“โอ๊ย!” แรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้ร่างของเธอกระแทกลงเตียงอย่างแรง เธอหันไปมองหมอรวิกรด้วยแววตาหวาดกลัวพร้อมกับถอยหนีตามสัญชาตญาณทำไมเขาน่ากลัวจัง…ภาพหมอรวิกรคนเดิมหายไปในชั่วพริบตา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรทำให้เขาเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ เท่าที่สังเกตเขาเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอพี่นที อีกอย่างเธอไม่รู้ว่าเขากับพี่นทีมีเรื่องบาดหมางกันเป็นการส่วนตัวไหม เพราะดูเขาโกรธทุกครั้งเวลาเธอพูดชื่อพี่นทีหมับ“อ๊ะ!” เธออุทานเสียงหลง หมอรวิกรจับข้อเท้าแล้วออกแรงกระชากจนเธอไถลกลับมานอนที่เดิม ไม่ทันได้หาทางหนีก็ถูกเขาตามมาคร่อมข้างบนเสียแล้ว“หมอ…ว๊าย!”ไรอันกระชากเสื้อนักศึกษาจนกระดุมเหล็กกระเด็นกันไปคนละทิศคนละทาง มีญ่าส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจกับการกระทำแสนป่าเถื่อน มือเล็กพยายามปัดป่ายอีกฝ่ายออกแต่กลับไม่เป็นผล“เสื้อมีญ่าขาดหมดแล้ว!”“ดี! ฉันชอบ”“ทำไมหมอป่าเถื่อนขนาดนี้!”“ฉันป่่าเถื่อนมากกว่าที่เธอรู้อีกมีญ่า” สิ้นคำพูดเขากดจูบลงริมฝีปากสีระเรื่อของมีญ่าอีกครั้ง รสจูบครั้งนี้ยังป่าเถื่อนเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด เขากัดกลีบปากบางเมื่อเธอไม่ยอมให้ความร่วมมือจนยอมเผยอปากออกเล็กน้อยให้เขาได
ร่างบางค่อยๆ ย่องเดินออกมาจากห้องนอนเพื่อเตรียมหนี แต่แล้วก็ต้องชะงักลงไปเมื่อเห็นไรอันยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอกพอดี หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง เริ่มมองหาทางอื่นที่พอหนีได้จนไปเจอประตูบานหนึ่ง เธอไม่รอช้าเดินตรงไปยังประตูบานนั้นทันที“จะไปไหน”เฮือก… เธอสะดุ้งอย่างตกใจและหยุดนิ่งอัตโนมัติ เสียงฝีเท้าของเขาที่ดังเข้ามาในโสตประสาททำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา“ฉันถามว่าจะไปไหน” เขาหยุดอยู่ข้างหลังมีญ่าแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบคนตัวเล็กค่อยๆ หมุนตัวกลับมาหาไรอันด้วยท่าทางหวาดระแวง ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองคนตัวโตที่มองมาอย่างคาดเดาไม่ได้ว่าหลังจากนี้จะมีแผนการอะไร“มีญ่าจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ” บางทีการโกหกอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้“ห้องน้ำไปทางนั้น”“อะ…อ๋อ ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มแห้ง ก่อนจะรีบเดินไปอีกทางที่หมอรวิกรชี้นิ้วบอก จะหนีก็ไม่ทันแล้วยัยมีญ่า ทำไมทุกอย่างดูเข้าทางเขาไปหมดเลยนะเธอยืนรอสักพัก จากนั้นหันไปแกล้งกดชักโครกทำเหมือนเข้าห้องน้ำจริงๆ เดินมาล้างมือทำทุกอย่างให้สมจริง เช็ดมือเสร็จสรรพแล้วเดินออกมาก็เจอเขายืนพิงผนังกำแพงรออยู่ข้า
“…ขอโทษ” เธอนิ่งชะงักลงไปเมื่อได้ยินคำขอโทษของหมอรวิกร เธอเบือนใบหน้าไปทางอื่นแทนการมองหน้าเขาเพื่อซ่อนความอ่อนไหว“นะ…นี่ไม่ใช่ทางไปมหาลัยนิคะ” เธอเริ่มสังเกตว่าเส้นทางนี้ไม่ใช่ทางไปมหาลัยจึงรีบหันไปบอกเขา“รู้” เขาตอบสั้นๆ ราวกับมันเป็นเรื่องปกติ“รู้แล้วทำไมยังขับไปทางนี้อีกคะ หมอจะพามีญ่าไปไหนกันแน่” เสียงหวานแฝงไปด้วยความไม่พอใจ ดวงตากลมโตตวัดมองเขา แต่เขายังคงขับรถด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้”“นี่หมอลักพาตัวมีญ่าเหรอคะ?” “ฉันไม่เสียเวลาลักพาตัวเด็กอย่างเธอหรอก”คำพูดนั้นทำให้เธอหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ไม่รู้ทำไม แต่ทุกครั้งที่เขาพูดจากวนประสาทแบบนี้เธออยากจะต่อยหน้าเขาแรงๆ ให้รู้แล้วรู้รอด เธอสูดลมหายใจลึกๆ พยายามสะกดกลั้นความโมโห “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ”“เรื่องอะไรคะ คุยบนรถก็ได้”“ฉันไม่อยากคุยบนรถ”“ทำไมไม่ขอคุยตั้งแต่อยู่คอนโดคะ”“ตอนนั้นยังไม่มีเรื่องที่จะคุย แต่ตอนนี้ฉันมี”“หมอจอดรถเลยนะคะ มีญ่าจะไปเรียน”“อาจารย์ของเธอเพิ่งยกคลาส”“ไม่จริง หมอโกหก…”LINEเสียงไลน์ที่ดังขึ้นทำให้เธอชะงัก ก่อนจะหยิบขึ้นมาเสมอใบหน้าให้สแกนปลดล็อก เธออ่านข้อความที่ธ