แต่ ทัง โรลชูว ส่ายหัวของเธอ "ไม่ใช่"“แล้วเธอจะหายไปไหน?”“ไม่รู้สิ”เมื่อ ทัง โรลชูว กำลังพิจารณาว่าแยกกันออกไปตามหาดีไหม โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นทัง โรลชูว หยิบมันขึ้นมา เสียงของ ซอง อันยี ดังมาจากอีกด้านหนึ่ง "โรลชูว ฉันขอโทษมีบางอย่างเกิดขึ้น และฉันมีธุระนะ พวกเธอไม่ต้องรอนะ ฝากขอโทษ เสี่ยวเซียว ด้วย ฉันจะชดเชยให้เธอในครั้งต่อไป"“อันยี เกิดอะไรขึ้น?”ทัง โรลชูว รู้สึกไม่ดีและเธอก็รู้สึกว่าเสียงของ อันยี ผิดปกติ"ฉันสบายดี ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เจอกันที่ทำงานนะ"หลังจากที่เธอพูดอย่างนั้น เธอก็ไม่รอให้ ทัง โรลชูว พูดอะไรต่อ พร้อมกับวางสายไปในทันทีทัง โรลชูว จ้องที่หน้าจอโทรศัพท์ด้วยความงุนงงสักสองสามวินาที เธอทำได้เพียงพูดกับ เสี่ยวเซียว อย่างช่วยไม่ได้ว่า "เธอดูเหมือนจะมีเรื่องด่วนน่ะ และเธอก็กลับไปแล้ว"“จริงเหรอ? เอาล่ะถ้าเป็นอย่างนั้น ก็พอแค่นี้ล่ะ ยังไงซะ ฉันก็กลับมาแล้วและจะอยู่ที่นี่แหละ พวกเรามีเวลาที่จะอยู่ด้วยกันอีกนานมากเลยล่ะ”"เยี่ยม"เมื่อ ทัง โรลชูว ถึงบ้านก็เป็นเวลา 23:00 น.ไฟห้องนั่งเล่นในวิลล่ายังคงเปิดอยู่ เมื่อเข้ามาเธอเห็นด้านหลังที่คุ้นเคยที่ดูเห
ลู ชินจิน ปล่อยเธอเขาวางริมฝีปากของเขาไว้ข้างหูของเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงแหบเซ็กซี่ "ที่รัก"ทัง โรลชูว นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอพยักหน้าด้วยความลำบากใจ "เราไปที่ห้องได้ไหม""โอเค แล้วแต่คุณเลย"เขาวางมือบนเอวของเธอ และอุ้มเธอขึ้นก่อนจะเดินขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วพร้อมกับเข้าไปในห้องของพวกเขาประตูห้องปิดลงอย่างช้า ๆ แยกออกจากโลกภายนอกเข้าสู่ค่ำคืนแห่งตัณหาเช้าวันรุ่งขึ้น ทัง โรลชูว ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของ ลู ชินจิน อีกครั้ง เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและปลอดภัยจากคนที่นอนข้าง ๆ เธอทำให้เธออดยิ้มด้วยความพึงพอใจไม่ได้พวกเขาสองคนตื่นขึ้นมาและอาบน้ำทีละคน จากนั้นก็เดินลงไปทานอาหารเช้าด้วยกันขณะอยู่ที่โต๊ะอาหาร ลู ชินจิน ดื่มนมของเขา และอยู่ดี ๆ ก็ถามว่า "ที่รัก เกิดอะไรขึ้นไหม ตอนที่คุณอยู่กับ ซอง อันยี"“ไม่นะคะ ถามทำไม?”ทัง โรลชูว กำลังกินไข่เต็มปาก เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกงงเมื่อเขาถามลู ชินจิน มองไปที่เธอ “แน่ใจเหรอ คิดให้ดี ๆ นะ”"อืม ถ้าคุณอยากรู้จริง ๆ มันมีบางอย่างเกิดขึ้น ตอนแรกเราว่าถ้าไม่เมาไม่กลับ แต่ ซอง อันยี หายไปครึ่งชั่วโมง แต่เธอก็โทรมาบอกว่ามีธุระ ฉันรู้สึกว่ามั
เขาพูดถูก "แล้วอะไรคือความสัมพันธ์ที่ดีล่ะ? คนที่แต่งงานกันยังหย่าร้างกัน และระหว่างชายหญิง การนอกใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร"เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ ทัง โรลชูว ก็รู้สึกตาพล่าเบลอ เธอยังไม่เข้าใจ “แล้วทำไม ฮัน อี้เฉิน ถึงทำแบบนั้น?”"ฮัน อี้เฉิน หักหลัง ซอง อันยี และได้ร่วมมือกับ หยาง เฉียนเฉียน ลูกสาวคนรวยของกลุ่มหยาง ถ้าจะพูดให้ถูกก็คนที่เกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของ ซอง อันยี นั่นแหละ"“นี่มันเกินไปแล้วนะ!”สีหน้าของ ทัง โรลชูว แย่มาก เธอเต็มไปด้วยความความโกรธมีเพียงคนที่เคยถูกหักหลังเท่านั้น ที่จะเข้าใจถึงความเจ็บปวดจากการถูกคนรอบข้างหักหลังอย่างแท้จริงในตอนนั้นเธอเกือบจะหมดกำลังใจจากการหักหลังถึงสองครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะกำลังใจของจาก อันยี เธอคงจะแตกสลายเนื่องจาก ซอง อันยี เป็นคนใจร้อน ทัง โรลชูว ไม่กล้าคิดเลยว่า เธอจะทำอะไรโดยไม่คิดเพราะเหตุการณ์แบบนี้ไหม"ชินจิน ตอนนี้ฉันอยากจะไปที่บริษัทของ อันยี เธอไม่ได้ใจเย็นเหมือนฉันและไม่ได้เจ้าเล่ห์แบบ เสี่ยวเซียว ฉันกังวลว่าเธอจะทำอะไรโดยไม่คิด เพราะเธอไม่ได้มีความอดทนถึงขนาดนั้น"ทัง โรลชูว ยังทานอาหารเช้าไม่เสร็จ เธอลุกขึ้นยืนด้ว
เมื่อทั้งคู่เข้าไปในบ้านของ ซอง อันยี มันว่างเปล่าไม่มีร่องรอยหรือแม้แต่ของเงาของ ซอง อันยีและเมื่อ ทัง โรลชูว เห็นกุญแจบ้านของเธออยู่บนโต๊ะ เธอก็คิดได้ทันทีว่าเธอไม่ได้ออกจากบ้านจากนั้น พวกเขาก็เข้าไปในห้องนอนของเธอ และเห็นว่าเธออยู่ในนี้ตอนนี้ เธอดูแย่มาก เธอกอดเข่าอยู่ตรงมุมห้อง เธอดูเศร้าและเหงา ซึ่งแตกต่างจากตัวตนที่ร่าเริงของเธอแสงไฟในบ้านค่อนข้างสลัว ม่านทั้งหมดถูกปิดไว้และไม่มีแสงแดดส่องเข้ามาแม้แต่นิดเดียว"อันยี"ทัง โรลชูว และ เสี่ยวเซียว คุกเข่าลงต่อหน้าเธออย่างระมัดระวัง และเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเธอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ร่างกายของ ซอง อันยี ก็สั่นเล็กน้อย จากนั้นเธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นและมองไปที่พวกเขาเมื่อเห็นใบหน้าของเธอ หัวใจของ ทัง โรลชูว ก็สั่นเล็กน้อยเปลือกตาสีแดงและบวม เครื่องสำอางเลอะไปหมด ดวงตาที่แดงก่ำ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนี้ ทัง โรลชูว ก็รู้สึกแย่ตามไปด้วยย้อนกลับไปตอนที่เธอถูกหักหลัง แม้ว่าเธอจะเจ็บปวด แต่ก็ไม่มีใครได้รับผลกระทบไปด้วยแต่กับ ซอง อันยี เธอมีทั้งพ่อ
เสี่ยวเซียว ตบหัวของ ซอง อันยี ก่อนที่เธอจะสบตากับ ทัง โรลชูว อย่างเย็นชาทัง โรลชูว ก็เหลือบมองอย่างจริงจังในขณะที่เธอปลอบ ซอง อันยี "ตอนที่ฉันอยู่ในชั่วที่แย่ที่สุด แกจะอยู่เคียงข้างฉันเสมอ ตอนนี้ให้เราไปกับแกแทน เราจะช่วยคุณลุงและคุณป้าสำหรับ ฮัน อี้เฉิน ที่ขี้เหวี่ยงนั้น แกควรฟังคำแนะนำที่แกให้ฉันรู้ว่าเขาเป็นใคร เพื่อที่แกจะได้ไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไปคนขี้เหวี่ยงอย่างเขาจะได้รับผลกรรมในไม่ช้า”"เอิ่ม!"ท่าทางที่สบายใจของ ทัง โรลชูว ทำให้ ซอง อันยี รู้สึกดีขึ้นมาก อย่างไรก็ตามเธอยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเล็กน้อยแค่นั้นเธอก็เข้าใจแล้วว่าการถูกหักหลังนั้นเลวร้ายเพียงใด การต้องทำงานหนักและความทุ่มเทหลายปีที่โดนเหยียบย่ำเธอไม่สงบและนิ่งเหมือน ทัง โรลชูว ที่สามารถอดทนและโต้กลับได้หลังจากถูกทำร้ายเธอกลัวว่าเธออาจตั้งใจที่จะฆ่าคู่รักคู่นั้นด้วยความโกรธเมื่อได้เห็นพวกเขาอีกครั้ง!หลังจากปลอบ ซอง อันยี แล้ว เสี่ยวเซียวก็ออกไปก่อน ทัง โรลชูว รู้สึกกังวลว่าเธออาจถูกครอบงำด้วยความคิดเชิงลบที่บ้านและด้วยเหตุนี้จึงลากเธอไปที่บริษัท เพื่อทำงานโดยวางแผนที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเธอซอง อันย
"เรื่องนี้ร้ายแรงเกินกว่าจะปกปิดได้ เนื่องจากเหตุการณ์ทั้งหมด ถูกเปิดเผยโดยผู้สื่อข่าว ทางนั้นได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานที่เพียงพอ บริษัทของเราสามารถดำเนินการจัดการแถลงข่าวง่าย ๆ เท่านั้นเช่นการขอโทษต่อสาธารณะชน อย่างไรก็ตามผลกระทบ ค่อนข้างเล็กมากนอกจากนี้ บริษัทของเรา และทีมงานของเราถูกรายล้อมไปด้วยสื่อมวลชนมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะออกไปได้"สีหน้าเคร่งขรึมผู้ช่วย รายงานสถานการณ์ทั้งหมดให้ ฉิน มันนี ฟังเมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉิน มันนี ก็บีบหมัดของเธอแน่น “พวกคุณคนหนึ่งจะแกล้งเป็นฉันสิ และล่อให้กลุ่มผู้สื่อข่าวออกไป เรียกรถคันอื่นมาให้ฉัน แล้วฉันจะออกจากประตูหลัง”“ฉันไปทำเดี๋ยวนี้”ผู้ช่วยตอบเธอและหันหลังจะออกไปหลังจากผู้ช่วยออกไป ตัวแทนของเธอก็มาหา ฉิน มันนี และแสดงความกังวลของเธอ "มันนี ฉันกลัวว่าเรื่องนี้จะไม่สามารถจบลงได้ด้วยดี เมื่อเช้านี้ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่คุณแสดงบอกกับทุกคนว่าตัดสินใจที่จะเปลี่ยนนักแสดง และนอกจากนั้นผู้โฆษณาและผู้สนับสนุนของคุณ ต่างก็ขอให้ยกเลิก สัญญา บริษัทของเราประสบความสูญเสียอย่างมากจากเรื่องนี้ และผู้บริหารก็โกรธมากในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด บริษั
เมื่อตัวแทนของเธอได้ยินความมั่นใจในน้ำเสียงของ ฉิน มันนี เธอก็พยักหน้าเห็นด้วย "ฉันจะรายงานเรื่องนี้กับ บริษัทของฉัน แต่ด้วยสถานะของ ทังไห่ เอนเตอร์เทรนเมนต์ แล้วในวงการนักข่าวตัวเล็ก ๆ อย่างเธอ ไม่น่าจะสร้างความปั่นป่วนได้ขนาดนี้ เว้นแต่ว่าจะมีคนคอยหนุนหลังเธออยู่""คุณพูดถูกแม้ว่า ทัง โรลชูว จะมีพื้นฐานมาบ้าง แต่ทังไห่ เอนเตอร์เทรนเมนต์ ก็ไม่ใช่บริษัทเล็ก ๆ เหมือนกัน ตราบใดที่ ธันเดอร์โบล เอนเตอร์เทรนเมนต์ ไม่ใช่บริษัทที่หนุนหลังเธอ การจะไล่เธอออกจากวงการก็เป็นเรื่องง่ายมาก นอกจากนี้ฉันได้ยินมาว่า ทัง โรลชูว ทำให้ผู้อำนวยการ หลิน เฉิง โกรธมาก่อน""คุณควรรู้ว่าผู้อำนวยการ หลิน เฉิง โกรธมากขนาดไหน เขาไม่ได้ทำอะไรมาก เมื่อเขารังแก ทัง โรลชูว กับ กู โรลโรล และเขาอาจจะอยากแก้แค้นเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน หากพวกเราชวนเขามาอยู่ทีมเดียวกันแก้แค้นในเรื่องนี้ เราก็จะสามารถแก้แค้นเธอให้หลาบจำจนไม่กล้าทำอะไรเราอีกได้”ในอีกด้านหนึ่งของเธอผู้ช่วยอีกคนช่วยให้ ฉิน มันนี มีความคิดทุกคนอยู่ในเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าเกิดว่าเรือคว่ำ โดยธรรมชาติแล้วเขาก็อยากให้คนที่โยกเรือตายไปด้วยเมื่อได้ยินคำแนะนำจา
อารมณ์ของ ซอง อันยี ได้รับผลกระทบอย่างมาก ทัง โรลชูว มาพร้อมกับเธอและปลอบโยนเธอในขณะที่ เสี่ยวเซียว ใช้เส้นสายในครอบครัวของเธอเพื่อให้พ่อแม่ของ ซอง อันยี ได้รับการดูแลอย่างดีในสถานีตำรวจและจะไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายจากด้านในนั้นอย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีหลักฐาน หากพวกเขาต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพ่อแม่ของ ซอง อันยี เรื่องสำคัญเช่นนี้ ซอง อันยี ต้องแบกรับใว้ทั้งหมดซอง อันยี รู้สึกกดดันอย่างไม่น่าเชื่อกับสถานการณ์ "ฉันไม่ได้เป็นสมาชิกของ หยาง กรุ๊ป ฉันจะทำเรื่องสอบสวนได้ยังไง นอกจากนี้เอกสารทางการเงินและการตรวจสอบ จะเข้าถึงได้เฉพาะผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น หยาง เฉียนเฉียน และ ฮัน อี้เฉิน ได้ทำการแก้ไขเอกสารอย่างลับ ๆ ฉันจึงไม่มีโอกาสที่จะหาหลักฐานได้เพียงพอ ก่อนที่พ่อแม่ของฉันจะถูกตัวไป""บ้าจริง ฮัน อี้เฉิน! ฉันให้ทั้งหมดที่ฉันมีกับเขา แต่เขาก็หักหลังฉันแบบนี้! เขาน่าจะบอกฉันว่าเขาอยากเลิกกันและฉันก็จะไม่ไปให้เขาเห็นหน้า ทำไมเขาต้องเอาพ่อแม่ของฉันมาเกี่ยวข้องด้วย"ในช่วงหัวเลี้ยวหัวตอแบบนี้ ซอง อันยี เข้าใจว่าผู้ทรยศใจร้ายมันเป็นยังไง"มันยากจริง ๆ แต่ขอแค่ ที่เรามีความ