ก่อนที่จะไปทำงาน ทัง โรลชูว โทรหา ซอง อันยี เธออยากจะไปหา อันยี ก่อนไปทำงานแต่ก็ติดต่อเธอไม่ได้เลย เธอรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เธอกังวลว่าอันยีจะทำอะไรโง่ ๆหลังจากคิดได้สักพัก เธอก็ตัดสินใจโทรไปที่หมายเลขของ เซิน โมเฟย"หมายเลขที่คุณเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…”"ทำไมทั้งสองคนถึงไม่สามารถติดต่อได้"ลู ชินจิน เดินลงมาจากชั้นบน เมื่อเห็นภรรยาของเขาจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ของเธออย่างกระวนกระวาย เขาก็ขมวดคิ้วและเดินไปถามเธอเบา ๆ ว่า "เกิดอะไรขึ้น?"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทัง โรลชูว ก็เงยหน้าขึ้น เธอกล่าวอย่างเคร่งขรึม "โมเฟยและอันยี ไม่สามารถติดต่อได้""เขาทั้งคู่?" เขาคิดว่า "ทำไมมันบังเอิญขนาดนี้""ใช่" ทัง โรลชูว พยักหน้า มีความกังวลเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าของเธอ “ฉันกังวลว่าอันยีจะทำอะไรโง่ ๆ”“เธอไม่ใช่คนที่บอบบาง และอ่อนแอขนาดนั้นหรอก” ลู ชินจิน ยิ้มให้เพื่อให้เธอสบายใจ "ไปทำงานก่อนเถอะ ผมจะขอให้ มู หลิง ตรวจสอบที่อยู่ของโมเฟย บางทีโมเฟยอาจเป็นห่วงเธอ และพาเธอกลับบ้านไปด้วย"ทัง โรลชูว คิดถึงความเป็นไปได้ เธอจึงพยักหน้า "ได้โปรด ขอให้ มู หลิง ช่วยตรวจสอบเร็ว ๆ ด้วยนะ"“ได้เลย
ทัง โรลชูว ยิ้มเมื่อเธอพูดเสร็จ ดวงตาของเธอเย็นชาราวกับหิมะในเดือนธันวาคมผู้หญิงเหล่านั้นที่ล้อมรอบ ลู เส้าหลิน รู้สึกรำคาญกับการดูถูกของเธอในทันทีพวกเขาเดินไปหา ทัง โรลชูว ทีละคน "ทัง โรลชูว เธอหมายความว่าไง?""ทัง โรลชูว อย่าคิดว่าเธอจะทำอะไรก็ได้เพียงเพราะซีอีโอชอบเธอ!""เกือบลืมไปเลยว่าผู้หญิงที่เดทกับคู่หมั้นของพี่สาวเธอเป็นใคร เธอกล้าพูดได้ยังไงว่าคนอื่นหยิ่งและฝันกลางวัน ช่างกล้าจริง ๆ!""...”พวกเขาพูดทีละคน ทัง โรลชูว ยิ้มอย่างใจเย็นและไม่แสดงอาการโกรธอะไรทั้งนั้น "เธอ..."ซอง อันยี โกรธเกรี้ยวแตกต่างจาก ทัง โรล ชูวที่สงบทัง โรลชู ตบไหล่ของเธอ และขอให้เธอใจเย็น ๆเมื่อเธอเห็นความสงบของโรลชูว ความโกรธที่ร้อนแรงของ ซอง อันยี ก็ค่อย ๆ หายไปนั่นเป็นเพราะเธอรู้ว่าโรลชูว จะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงที่เสียงดังเหล่านั้นได้หลุดมือไปง่ายๆ อันที่จริง ทัง โรลชูว คว้าถ้วยน้ำชาบนโต๊ะและสาดไปที่ ลู เส้าหลิน และผู้หญิงคนอื่น ๆ“กรี๊ดด!”ทันใดนั้นในห้องทำงานขนาดใหญ่ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น “น่าเสียดายที่นี่เป็นเพียงถ้วย ไม่ใช่ถังขยะ!”ทัง โรลชูว จ้องไปที่ถ้วยน้ำชาที่เธอถือ แล
"โรลชูว แกว่าไหม ผู้จัดการของเราเป็นคนดีจริง ๆ"หลังจากพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ ซอง อันยี ก็พูดขึ้นมา ลู เส้าหลิน ต้องการใส่ร้ายและทำร้ายโรลชูวหลายครั้งก่อนหน้านี้ ถ้าผู้จัดการของพวกเขาโง่เหมือน ลู เส้าหลิน โรลชูวก็คงจะออกจากบริษัทข่าวบันเทิงไทม์ไปแล้ว“หลี่ น่า สวยดีนะ” ทัง โรลชูว รู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของ หลี่ น่าเธอควรถือโอกาสบอกให้ โมเฟย โปรโมท หลี่ น่า“เธอจะพาฉันไปไหน?” ซอง อันยี มองออกไปนอกหน้าต่างรถและถาม"โรงพยาบาล"“โรงพยาบาล?” ซอง อันยี ร้องเสียงดัง แต่เธอเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น “เพื่อไปเยี่ยม หยาง เฉียนเฉียน งั้นเหรอ?”"ใช่ เสี่ยวเซียว ก็ไปเหมือนกัน เราจะไปเจอกันที่หน้าโรงพยาบาล"ซอง อันยี รู้ว่าพวกเธอกำลังจะไปแก้แค้นให้เธอ น้ำตาจึงเอ่อคลอในดวงตาของเธอ ขณะที่จมูกของเธอเริ่มมีน้ำมูก"ขอบใจนะ" เธอสะอื้นเมื่อเห็นว่าดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง ทัง โรลชูว ก็อยากจะร้องไห้เช่นกัน เธอพยายามห้ามมันไว้"เราเป็นเพื่อนกันนี่นา เสี่ยวเซียว และฉัน จะทนได้ไง เมื่อแกถูกรังแก"ทัง โรลชูว เช็ดน้ำตาออกจากแก้มของเพื่อน และแนะนำเธอ "อย่าร้องไห้ต่อหน้าคนพวกนั้น เราต้องเข้ม
’สองคนนั้นทะเลาะกันบ่อย และไม่ชอบขี้หน้ากันนี่นา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนามาถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?’"เพราะ..."เสี่ยวเซียว กัดริมฝีปากของเธอ เธอไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้เมื่อเห็นว่าเธอไม่รู้จะทำอะไรต่อไป ลู เซียวเหยา จึงเลิกคิ้วขึ้นและอธิบายแทนเธอ “พี่สะใภ้ ไม่มีอะไรที่จะทำสำเร็จได้ในครั้งเดียวหรอกมันก็ต้องมีครั้งที่สอง ครั้งสาม และครั้งที่สี่ ตามมา”“อย่างนั้นเหรอ?” ทัง โรลชูว ตัดสินทั้งสองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่แน่ใจว่าเธอพลาดอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาไปหรือเปล่า สายตาของเธอดูเหมือนจะทำให้ เสี่ยวเซียว รู้สึกผิดและไม่สบายใจ เธอแสร้งทำเป็นไม่อยากรู้และพูดว่า "เอาล่ะ เรามาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้อันยี เราจะคุยเรื่องนี้หลังจากที่เราแก้ไขเรื่องอื่น ๆ แล้ว""ถูกต้อง" ทัง โรลชูว พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้มันจะเป็นข่าวดีถ้า เสี่ยวเซียว และ เซียวเหยา ลงเอยด้วยกันเมื่อพวกเขากำลังจะขึ้นลิฟต์ ลู เซียวเหยา ก็อุทานออกมาว่า "เดี๋ยวก่อน มีใครบางคนยังไม่มาที่นี่""ใคร?" ทัง โรลชูว หันหน้ากลับมาและจ้องมองเขาอย่างอยากรู้อยากเห็นลู เซียวเหยา หัวเราะเยาะ "เขาอยู่นี่ไง"เขาชี้ไปที
หลังจากเสียงกรีดร้องและการต้อต้านของ หยาง เฉียนเฉียน ดังขึ้นนั้น ทัง โรลชูว ก็ถอดผ้าพันแผลที่หน้าผากของเธอออกและเปิดแผลเล็ก ๆ นั่นมันเป็นบาดแผลเล็ก ๆ“หยาง เฉียนเฉียน เธอคิดว่าสถานีตำรวจเป็นของเธอเหรอ?” ทัง โรลชูว โยนผ้าพันแผลลงบนร่างกายของ หยาง เฉียนเฉียน “หรือเธอคิดว่าตัวเองร่ำรวยพอที่จะส่งอันยีเข้าคุกเพียงแค่ใช้เส้นสายของเธอ?”เมื่อเห็นว่าเธอถูกเปิดเผย หยาง เฉียนเฉียน ก็หยุดแกล้งและพูดว่า "แล้วถ้าเป็นเรื่องจริงล่ะ? ในสายตาของฉัน ซอง อันยี ก็เป็นแค่มดตัวเล็กที่กำลังจะถูกฉันขยี้ด้วยมือของฉันไง”น้ำเสียงเย่อหยิ่งของ หยาง เฉียนเฉียน ทำให้ เสี่ยวเซียว โกรธ เธอกำลังจะตบ หยาง เฉียนเฉียน แต่ ทัง โรลชูว ดึงเธอออกไป “เสี่ยวเซียว อย่าประมาทนังคนนี้”“แต่...” เสี่ยวเซียวแทบคลั่งด้วยความโกรธทัง โรลชูว อธิบายว่า "เสี่ยวเซียว เมื่อสุนัขกัดเธอ เธอจะกัดสุนัขกลับไหม?""ทัง โรลชูว ใครกันแน่ที่เป็นสุนัข?"จากนั้น เสี่ยวเซียว ก็เข้าใจความหมายทันทีและโต้กลับ "ใครก็ได้ ที่กำลังร้อนตัวอยู่"ทำให้คนนั้นโกรธได้สำเร็จ ขณะที่เธอพูด เธอก็ทำหน้าตลกใส่ หยาง เฉียนเฉียน เธอลืมตาขึ้นด้วยความสับสนและจ้องม
ทัง โรลชูว ให้ ลู เซียวเหยา และ เสี่ยวเซียว ไปด้วยกัน"แล้วเธอล่ะ?" เสี่ยวเซียว ถามเธอ“ฉันจะไปเยี่ยมพ่อน่ะ”ทัง ซอง ยังคงหมดสติ หมอบอกว่ายาที่ใช้ทำลายระบบประสาทส่วนกลางของสมองอย่างรุนแรง แม้ว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเขาก็อาจจะเป็นเจ้าชายนิทราเซา เสี่ยวหวัน และลูกสาวของเธอมาอยู่กับตระกูลทังไม่นาน หลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิต ทัง โรลชูว ในตอนนั้น ไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อของเธอรักคนอื่นได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วขนาดนี้ เธอจึงเกลียดพ่อของเธอมาโดยตลอดความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อจึงแย่มากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพอมาคิดได้ตอนนี้ เธอไม่ฉลาดเลยในตอนนั้น ความสัมพันธ์ของเธอและพ่อไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอจึงเปิดโอกาสให้เขาไปหา เซา เสี่ยวหวัน และลูกสาวของเธอ ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่คนสองคนนั้นต้องการมากเธอเป็นคนโง่จริง ๆ!ทัง โรลชูว ว่าให้ตัวเองก่อนที่จะจับมือที่เย็นเฉียบของพ่อของ เธอพึมพำ “พ่อคะ ถ้าตอนนั้นพ่อไม่เข้าข้าง กู โรลโรล ขนาดนั้น พวกเราก็คงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพนี้ พ่อก็จะได้ไม่ต้องเป็นอย่างนี้เพราะ เซา เสี่ยวหวัน และลูกสาวของเธอ”“คราวนี้ หนูจะไม่ปล่อยพวกนั้นไปเด็ดขาด พ่อจะไม่ต้องไปอยู่กับคนพวกนั้นแล้วนะ
ฉันไม่เหนื่อยหรอกตราบใดที่มีคุณอยู่ข้าง ๆ ฉันเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังพยามที่จะข่มความรู้สึกที่ล้นหลามของเขาทัง โรลชูว เม้มปากเเน่น อีกมือกุมที่หน้าอกของเธอ ดวงตาคู่สวยเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด ทำให้เธอยิ่งดูน่าสงสารเข้าไปอีก“ผมคงไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเองได้ ถ้าคุณยังมองผมด้วยสายตาแบบนั้นอยู่”ลู ชินจิน ยิ้มพร้อมทั้งพูดกึ่งติดตลกกึ่งจริงจังว่าถ้าไม่ใช่เพราะสถานที่ เขาคงจะกอดเธอแน่นพร้อมกับจูบริมฝีปากแดงนุ่มนิ่มนั่นแล้วได้ยินเช่นนั้น ทัง โรลชูว ก็เลิกคิ้วสูง สายตาของเธอฉายแววซุกซน และจู่ ๆ เธอก็พุ่งตัวจู่โจมจูบที่ริมฝีปากของเขาดวงตาของเขาสะท้อนแสงวิบวับในขณะที่เขาโอบกอดเธอแน่น ไม่อยู่เฉย เขาจูบเธอกลับ ลิ้นของเขาทำให้เธอสูญเสียประสาทรับรสของตัวเองไปเธอค่อย ๆ ตอบรับเขาอย่างเขินอาย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกแรงกล้า เมื่อลิ้นของทั้งสองบรรจบกัน บรรยากาศก็เริ่มร้อนแรงขึ้นหนุ่มสาวสูญเสียการควบคุมตัวเอง ก่อนที่เขาจะไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้ ลู ชินจิน ถอนจูบอย่างไม่ค่อยเต็มใจ จ้องมองไปยังริมฝีปากน่ารักของเธอด้วยสายตาร้อนแรง เขาสัมผัสลูบไล้ฝีปากเธ
เธอจ้องมองพ่อของเธออย่างแน่วแน่ก่อนจะเดินออกจากห้องไปหลังจากที่เธอหันหลังกลับ หยดน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มพ่อของเธอ ภายในห้องเงียบสงัดไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงของเครื่องวัดคลื่นหัวใจที่ยังคงทำงานต่อไปทัง โรลชูว เดินทางออกจากโรงพยาบาลและตรงไปยัง ทัง กรุ๊ป ทันทีเมื่อเข้ามาถึง แผนกต้อนรับส่วนหน้า เธอถูกห้ามไว้“คุณคะ คุณได้นัดไว้หรือเปล่าคะ?”นับตั้งแต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและพ่อย่ำแย่ลง เธอก็แทบจะไม่ได้มาที่ ทัง กรุ๊ป อีกเลย ไม่แปลกที่จะไม่มีใครจำเธอได้“ฉันไม่ได้นัดไว้” ทัง โรลชูว ตอบกลับอย่างซื่อตรง“ถ้าอย่างนั้นเราคงไม่สามารถให้คุณเข้าไปได้” สาวสวยที่ทำงานเป็นแผนกต้อนรับส่วนหน้ายิ้มให้เธออย่างสุภาพทัง โรลชูว เลิกคิ้วสูง “ฉันเป็นลูกสาวของท่านประธานทัง ชื่อ ทัง โรลชูว”เธอยื่นบัตรประชาชนให้พนักงานดูพนักงานสาวสวยถึงกับตะลึงไปชั่วขณะก็จะตอบอย่างนุ่มนวลว่า “ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ แม้ว่าคุณจะเป็นลูกสาวของท่านประธานแต่คุณก็ไม่สามารถเข้าไปได้ถ้าไม่ได้นัดไว้ค่ะ” “เธอเริ่มทำงานที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ทัง โรลชูว ถามขึ้นหญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย “ช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้วค่ะ”นั