“ป้าวูคะ ป้าเห็นหนูเป็นใครคนอื่นอยู่หรือเปล่า?”ป้าวู หยุดชะงักฝีเท้า และบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นเงียบสงัดในฉับพลันผ่านไปสักพัก ป้าวู จึงพูดขึ้นเบา ๆ โดยไม่หันหน้ากลับมา “เปล่าค่ะ คุณผู้หญิงคิดมากไปแล้ว”ทัง โรลชูว มองเธอที่รีบเดินเข้าไปในครัว ดวงตาของเธอครุ่นคิดเรื่องบางอย่าง เย็นวันนั้น ทัง โรลชูว อุ่นกระดูกหมูเปรี้ยวหวาน ที่ป้าวู สอนเธอทำ ในไมโครเวฟ ก่อนจะยกไปวางที่โต๊ะอาหารเมื่อ ลู ชินจิน เห็นอาหารที่วางอยู่ คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อยจนแทบจะไม่สังเกตเห็นได้“นี่ป้าวูเป็นคนทำอย่างนั้นเหรอ?” เขาถาม“เปล่าค่ะ” ทัง โรลชูว เลื่อนเก้าอี้ออกมาก่อนจะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามเขา เธอเท้าแขนลงบนโต๊ะก่อนจะส่งยิ้มเปล่งประกายให้กับเขา “ป้าวู สอนฉันทำอาหารจานนี้ เธอบอกว่ามันเป็นของโปรดของคุณ”ดวงตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับ และริมฝีปากของเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา “มันกินได้จริงใช่ไหม?”“แน่นอนสิคะ! คุณไม่ชอบอาหารที่ฉันทำขนาดนั้นเลยเหรอ?” ทัง โรลชูว จ้องเขาเขม็งด้วยความโกรธ เธอหยิบจะเป็นขึ้นมาคีบกระดูกหมูแล้ววางลงที่ชามของเขา “เร็วเข้า ลองชิมดูสิ”ลู ชินจิน เหลือบมองเธอ ก่อนจะหยิบกระดูกหมูขึ้นมาแล้วกั
“รสชาติบางอย่างจะต่างกันไป ถึงแม้มันจะคล้าย ๆ หรืออาจจะอร่อย แต่ถ้าไม่ใช่คนเดียวกันทำแล้วละก็ รสชาติมันก็กลายเป็นไม่น่าสน จืดชืดไปเสียอย่างนั้น”นั่นคือคำอธิบายที่ ลู ชินจิน บอกเพื่อคลายความสงสัยให้กับเธอ“แต่มันก็แตกต่างออกไปเมื่อคุณเป็นคนทำนะ”ในขณะเดียวกัน เขาก็ยอมรับว่าเธอคือคนพิเศษสำหรับเขาเพระาเขารักเธอ เขาจึงรักทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเธอไม่นานมานี้ มีข่าวลือหน้าหูไปทั่วเกี่ยวกับเรื่องของ ทังกรุ๊ป เหล่าพนักงานต่างพูดคุยกันว่าใครจะได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทคนใหม่ของ ทัง กรุ๊ปบ้างก็ว่า กู โรลโรล น่าจะได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทคนใหม่ เพราะเธอถือมีหุ้นส่วนในมือมากที่สุดบางก็ว่า ทัง โรลชูว แอบกว้านซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ อย่างเงียบ ๆ และพยายามที่จะกลับเข้ามายิ่งใหญ่อีกครั้งในการประชุมผู้ถือหุ้นแต่พนักงานส่วนใหญ่ก็เทใจให้กับ ทัง โรลชูว ให้ขึ้นเป็นทายาทของตระกูลทังคนต่อไปเมื่อครั้งท่านประธานคนก่อนล้มป่วยลงจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะหัวใจล้มเหลว ภรรยาของเขาและ กู โรลโรล ก็รีบเข้ามาแทรกแซงกิจการอย่างออกนอกหน้าทันที พวกเขาอยากจะครอบครอง ทัง กรุ๊ป จนตัวสั่น!ความพยามที่จะแอบหุบกิจก
ด้านในบ้าน ชายและหญิงสองสามคนยืนอยู่ในห้องรับแขก ชายคนหนึ่งอายุใกล้จะ 70 นั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าที่เหี่ยวหย่นนั้นตึงเครียด สายตาพร่ามัวฉายแววเย็นชาออกมา “คุณพ่อ” ชายวัยกลางคนที่เพิ่งจะเดินไปเปิดประตูเดินเข้ามานั่งตรงโซฟาตรงข้ามกับชายแก่ เขาพูดต่อ “ถ้าพ่อสนับสนุน กู โรลโรล ในการประชุมผู้ถือหุ้นที่จะถึง เธอสัญญาว่าจะแบ่งหุ้นให้กับพวกเรา 5% และเมื่อเธอได้รับโหวตให้เป็นประธานผู้บริหารคนใหม่ เธอยังจะให้เงินสดพวกเราอีก 3,000,000 หยวน นั่นมันเป็นข้อเสนอที่ดีมาก ถ้าเราปฏิเสธเธอ เราก็คงจะโง่มาก?” “ใช่แล้ว พ่อลองคิดดูสิว่า พ่อได้ส่วนแบ่งจากหุ้นสักเท่าไหร่กันเชียวในปีหนึ่งไม่พอที่จะเลี้ยงปากท้องพวกเราด้วยซ้ำ” ข้าง ๆ เขามีชายหนุ่มอีกคนคอยพูดเสริม“ดังนั้น พ่อครับ ยอมตกลงเถอะนะ”“พ่อ เสี่ยวเจี่ย ต้องเข้ามหาลัยในเร็ววันนี้แล้ว พวกเราต้องการใช้เงินนะ”“พ่อ ยอมตกลงเพื่อพวกเราเถอะนะ”“พ่อ…”ผู้อาวุโสเฉิน มีท่าทีหมางเมินต่อสิ่งที่ลูกชายทั้งสอง และลูกสะใภ้ของเขาพยามโน้มหนาว เมื่อเห็นใบหน้าอันละโมบของพวกลูก ๆ มันทำให้เขารู้สึกว่าเขาล้มเหลวในการเป็นพ่อคนถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาดันมีหุ้นของ ทัง กรุ๊ป อ
เมื่อสิ้นสุดเสียงของเธอ ทัง โรลชูว หน้าซีดเผือดลง “เธอก็ไปพบผู้อาวุโสเฉินมางั้นเหรอ?”“แน่นอน” กู โรลโรล ไม่ได้พยายามซ่อนความทะเยอทะยานของเธอในครั้งนี้ ก็ในเมื่อฉันต้องการที่จะเป็นผู้บริหารของ ทังอกรุ๊ป คนต่อไป ฉันก็ต้องสู้ทุกวิถีทางเพื่อประโยชน์ของฉันสิ”เป็นตามที่คาดไว้ เธอช้าไปก้าวหนึ่งทัง โรลชูว สูดลมหายใจเข้าลึก ผู้อาวุโสเฉิน บอกว่าเขาจะไม่สนับสนุนเราทั้งคู่ เขาโกหกฉันอย่างนั้นเหรอ?” เธอแค่ต้องการจะแกล้งพูดแหย่โดยใช้คำพูดของผู้อาวุโสเฉินเท่านั้น ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รู้ความจริงจากสิ่งนี้เมื่อ กู โรลโรล ได้ยินเธอพูด ความรู้สึกผิดแล่นผ่านขึ้นมายังใบหน้าของเธออย่างรวดเร็ว แต่ ทัง โรลชูว ก็สังเกตเห็นได้ทันความกังวลที่อยู่ในใจได้คลายลง ทัง โรลชูว หยักริมฝีปากขึ้น “ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสเชิญก็จะไม่สนับสนุนเธอเหมือนกันนะ”“สนับสนุนสิ เขาจะสนับสนุนฉัน” กู โรลโรล ที่พยายามแกล้งทำเป็นมั่นใจแต่ก็ไม่เป็นผล เธอในตอนนี้นั้นเริ่มกระวนกระวายใจและวิตกกังวล ผลโหวตของผู้อาวุโสเฉิน มีผลอย่างมากต่อทั้งเธอ และ ทัง โรลชูว เธอจะแพ้ให้กับ ทัง โรลชูว ไม่ได้ทัง โรลชูว ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ถ้าอย่างนั
“ก็ไม่แย่นัก” ทัง โรลชูว ตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้น น้ำเสียงของเธอเฉยชา ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเธอเสียใจหรือเศร้าใจอยู่“เธอหมายความว่ายังไงที่ว่า ‘ก็ไม่แย่’?” ถ้าเป็นคำตอบที่คลุมเครือเสียเหลือเกิน ไม่ต้องตอบเลยยังจะดีเสียกว่า“ฉันหมายความว่าสถานการณ์ค่อนข้างที่จะ เป็นไปได้ทางที่ดี” ทัง โรลชูว วางช้อนลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เธอ “ผู้ถือหุ้นเหล่านั้นเป็นเพื่อนเก่าของพ่อฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องร้องขออะไร พวกเขาก็เต็มใจที่จะช่วย” “จริงเหรอ? อย่างนั้นก็หมายความว่าเราจะชนะน่ะสิ?” หยิง เสี่ยวเซียว มองไปที่เธอด้วยความคาดหวัง“ไม่” คำพูดที่ห่างเหินนี้ทำลายจิตวิญญาณอันสูงสุดของหญิงเสี่ยวเซียว ลง “ทำไมล่ะ?” ในเมื่อผู้ถือหุ้นเหล่านั้นตัดสินใจที่จะช่วยเธอแล้วทำไมพวกเขาถึงจะยังไม่ชนะ?ทัง โรลชูว ซดน้ำซุปหนึ่งคำก่อนจะตอบ “มีผู้ถือหุ้นรายหนึ่งที่มีท่าทีไม่แน่นอน ถึงแม้เขาจะบอกว่าเขาจะไม่สนับสนุนเราทั้งคู่ แต่ฉันมีกลัวว่าเขาจะถูกดึงตัวไปเข้ากับฝ่าย กู โรลโรล”หยิง เสี่ยวเซียว ได้ยินดังนั้นก็ให้รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา “ถ้าเช่นนั้นก็รีบคิดหาวิธีกันเถอะ”เธอนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะพูดขึ้น “เร
ช่วงพักเที่ยงเพิ่งจะผ่านไป ภายในร้านเหลือคนอยู่ไม่กี่คน มีไม่กี่โต๊ะเท่านั้นที่มีคนนั่งอยู่กลุ่มของ ทัง โรลชูว นั่งอยู่ที่โต๊ะในมุมที่ไม่เป็นที่สะดุดตา ทำให้ไม่มีใครสังเกตว่า กรรมการผู้จัดการ ลู เซียวเหยา ร่วมทานอาหารอยู่ที่นี่ด้วย นอกเสียจากพวกเขาจะตั้งใจจ้องมองมาทางนี้จริง ๆด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้ความสงบเป็นส่วนตัว“ชูวชูว เธอวางแผนจะทำยังไงต่อไป?” ซอง อันยี ถามขึ้นด้วยความกังวลการประชุมผู้บริหารของ ทัง กรุ๊ป ในครั้งนี้สำคัญต่อ ชูวชูว มาก ทำให้พวกเขาเป็นห่วงเธอ“ฉันบอกให้ ลู เซียวเหยา ช่วยหาใครสักคนไปจับตาดูผู้อาวุโสเฉินอยู่ เมื่อเวลานั้นมาถึงปัญหานี้จะถูกแก้ได้อย่างแน่นอน” ต่างจากเพื่อนของเธอที่แสดงท่าทีเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจน ทัง โรลชูว กลับใจเย็น และมั่นใจเป็นอย่างมาก“เธอมีแผนอะไร?” หยิง เสี่ยวเซียว ถามขึ้นด้วยความสงสัยทัง โรลชูว ยิ้มและพูดขึ้น “เดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละเมื่อเวลานั้นมาถึง”มุมปากของ หยิง เสี่ยวเซียว หุบลงอย่างผิดหวัง “เมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันก็คงตายไปแล้วเพราะกลอุบายนี้แน่ ๆ”ซอง อันยี อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาและพูดขึ้นว่า “อย่ากังวลไปเล
ทัง โรลชูว เปิดดูเอกสารรายงานผลประกอบการกำไรในช่วงปีที่ผ่านมาของ ทัง กรุ๊ป ด้วยท่าทีขึงขัง จริงจังบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอ มีหัวข้อเอกสารพิมพ์ด้วยตัวใหญ่หนาว่า “การเพิ่มโอกาสในการพัฒนา ทัง กรุ๊ป ในอีก 10 ปีข้างหน้า”หากเธอต้องการให้เราผู้ถือหุ้นสนับสนุนเธอ เธอต้องทำอะไรซักอย่างนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอจึงต้องนั่งเขียนรายงานโอกาสในการก้าวหน้าของบริษัทแต่เธอก็ไม่ได้มีความสามารถในการบริหารบริษัทมากนัก และตัวเลขรายงานผลประกอบการนี้ก็ทำให้เธอปวดหัวเมื่อ ลู ชินจิน กลับมาถึงบ้าน ป้าวูบอกเขาว่า ภรรยาของเขาขึ้นไปข้างบนทันทีเมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน และห้ามไม่ให้ใครไปรบกวนแต่ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นแล้ว ป้าวูลังเลที่จะขึ้นไปเรียกเธอลงมาทานข้าว“ผมจะไปตามเธอเอง” ลู ชินจิน ยิ้มให้ป้าวู ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปเธอคงจะกังวลเรื่องการประชุมบอร์ดบริหารผู้ถือหุ้นของ ทัง กรุ๊ป ที่จะมีขึ้นในอีก 3 วันหลังนี้แน่ ๆ เซียวเหยา เล่าให้เขาฟังทุกอย่างแล้ว และเขายังบอกอีกว่าเธอจะรับมือเรื่องนี้เองริมฝีปากของ ลู ชินจิน หยักขึ้นเผยรอยยิ้มจาง ๆ เธอมักจะมีความมั่นใจในตัวเองอย่างนี้เสมอ แต่ทุกครั้งเธอก็โดนป้
ทัง โรลชูว ลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะยิ้มสดใสออกมาและพยักหน้าอย่างนุ่มนวล “ใช่ค่ะ เป็นเช่นนั้น ฉันต้องการให้คุณช่วย”“แต่ผมได้ยินจาก เซียวเหยา มาว่าคุณไม่ต้องการขอให้ผมช่วย” ลู ชินจิน มองกลับไปที่เธอพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆทัง โรลชูว กระตุกริมฝีปากก่อนจะตอบกลับ “ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือของคุณเรื่อง ผู้อาวุโสเฉิน แต่ตอนนี้ฉันอยากให้คุณช่วยในเรื่องอื่น”“ผู้อาวุโสเฉิน?”“ใช่ค่ะ เขาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของ ทัง กรุ๊ป ฉันไปเยี่ยมเขามาวันนี้กับ เซียวเหยา แต่เขาปฏิเสธที่จะให้เราเข้าพบ”เมื่อพูดถึงเรื่องผู้อาวุโสเฉิน ทัง โรลชูว ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา รู้สึกผิดหวังเล็ก ๆเมื่อเห็นว่าเธอผิดหวัง ลู ชินจิน นิ่งคิดสักครู่ก่อนจะพูดขึ้น “แต่นั่นก็เป็นนิสัยปกติของเขาอยู่แล้ว อย่างน้อยนั่นก็หมายความว่าคุณยังมีโอกาสนะ”“ใช่ไหมคะ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดเหมือนกัน” ทัง โรลชูว กรอกตาคู่สวยของเธอที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม แพรวพราว ก่อนจะพูดต่อ “รู้จักศัตรูของคุณ และรู้จักตัวคุณเองให้เป็นอย่างดี ถ้าฉันหาในสิ่งที่เขาพึงพอใจได้ ฉันคิดว่าฉันจะทำให้เขามาอยู่ฝั่งฉันได้”ในขณะที่พูดเธอมีท่าทีมั่นใจเป็นอย่างมา