‘นี่เธอบ้าไปแล้วเหรอ? ทำไมเธอถึงคิดเรื่องไร้สาระพวกนี้ขึ้นมาได้?’ ทัง โรลชูว คิดกับตัวเอง“ที่จริงแล้ว…ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้หรอกนะ” ลู ชินจิน พูดขึ้น“หือ?” ทัง โรลชูว เงยหน้าขึ้นและจ้องเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ‘ฉันไม่ได้ยินเขาพูดผิดใช่ไหม? เขาพูดว่ามันไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้จริง ๆ ใช่ไหม?’ลู ชินจิน มองดูรายงานผลประกอบการอย่างลวก ๆ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเนิบ ๆ “ทัง กรุ๊ป มีผลประกอบการที่ดีในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา กิจการของพวกเขาทำรายได้ได้ดีและสถานะทางสินเชื่อก็ดีอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังสูญเสียแรงกระตุ้นไป”ทัง โรลชู เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดก่อนจะพูดขึ้นว่า “ที่คุณกำลังจะสื่อก็คือ บริษัทจะไม่สามารถพัฒนาต่อได้อย่างราบรื่นในอนาคต และพวกเขาอาจจะมีรายได้ลดลงใช่ไหม?” “ฉลาดมาก นั่นคือสิ่งที่ผมหมายถึง”เมื่อได้รับคำชม ทัง โรลชูว ก็ยิ้มออกมาอย่างเขินอายสายตาของเขามีแววชื่นชม ลู ชิจิน พูดต่อ “จากที่พวกเรารู้ในตอนนี้ กิจการห้างสรรพสินค้าเป็นส่วนสำคัญที่สุดของ ทัง กรุ๊ป อย่างไรก็ตามด้วยความที่อินเตอร์เน็ตถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วในยุคนี้มัน ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์เป็นไปได้อ
ป้าวูทำอาหารได้อร่อย ทัง โรลชูว จึงไม่สามารถหยุดตัวเองได้เธอกินข้าวไปสองชามและซุปอีกหนึ่งชามเมื่อทานเสร็จเธอรู้สึกได้ว่าอาหารกำลังย้อนคืนขึ้นมาที่ลำคอของเธอ เธอรู้สึกจะอ้วกออกมาได้ทุกนาทีเธอเดินออกมาจากห้องอาหารอย่างยากลำบาก เมื่อเห็นว่าเธอเดินออกมาอย่างช้า ๆ ราวกับหญิงตั้งครรภ์พร้อมกับท่าเท้าสะเอว ลู ชินจิน ก็หัวเราะออกมาและส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อนเขาเดินเข้าไปในห้องครัวก่อนจะเดินกลับออกมา หลังจากนั้นครูใหญ่พร้อมกับแก้วในมือของเขาที่ห้องนั่งเล่น ทัง โรลชูว นอนอยู่บนโซฟาราวกับหญิงที่เสียชีวิตไปแล้วใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและรู้สึกเสียใจท้องของเธอแน่นเสียจนจะระเบิดได้ทุกเมื่อ แต่เธอก็รู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจที่จะรักษาภาพลักษณ์เธอ เธอตัดสินใจที่จะนอนอยู่ตรงโซฟาตัวนั้นตลอดไปเมื่อ ลู ชินจิน เดินออกมาเจอเธออยู่ในสภาพเช่นนั้น เขาจึงเดินเข้าไปหาเธอ ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เขาเดินไปยื่นแก้วให้เธอ “นี่คือ ชาฮอร์ธรอน มันจะช่วยคุณได้ในการย่อยอาหาร”รับแก้วมาเธอช่องสายตาพี่จะมองหน้าเขารู้สึกซาบซึ้ง จึงบอกความรู้สึกของเธอออกมาว่า
“พี่สะใภ้ ทำไมคุณฉลาดอย่างนี้?” ลู เซียวเหยา ทำปากยื่นเพื่อขอความเห็นใจ “พี่สะใภ้คุณต้องเข้าใจนะว่ามันน่ากลัวแค่ไหน! คนแก่กว่า 10 คนเข้ามารุมล้อมผม มาถามผม แล้วก็ถามสมาชิกครอบครัวของผม ผมไม่เอาแล้ว พี่สะใภ้ คุณรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”ลู เซียวเหยา ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับร้องขึ้น “พวกเขาเข้ามาพูดที่ข้างหูผมคนแล้วคนเล่า ณ ตอนนั้นผมคิดว่าผมอยู่ที่ฟาร์มเป็ดเสียอีก ที่เป็ดนับร้อย นับพันพากันส่งเสียงร้อง แคว่ก ๆ ผมเกือบจะเป็นบ้าตาย”เขายังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่ได้ไปประสบพบเจอมาทัง โรลชูว เลิกคิ้วขึ้น “ฉันมีวิธีที่จะแก้ปัญหานั้นได้”“วิธีอะไรเหรอ?”“ก็แค่บอกไปว่านายแต่งงานแล้ว”ลู เซียวเหยา ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นเขาตกตะลึงจนพูดไม่ออกไป ทัง โรลชูว จึงถามออกไปอย่างลังเล “นายคงไม่ได้บอกไปในทันทีว่านายยังไม่ได้แต่งงาน เมื่อพวกเขาถามนายหรอกใช่ไหม?” ลู เซียวเหยา หัวเราะอย่างขมขื่น “พี่สะใภ้ คุณนี่ช่างเป็นผู้หญิงที่ฉลาดจริง ๆ เลย”ทัง โรลชูว พูดไม่ออก ก่อนจะกรอกตาให้กับเขา “ฉันไม่ได้ฉลาดขนาดนั้นหรอก แต่นายน่ะโง่เองมากกว่า” “ผมไม่ได้โง่นะ! แค่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าพวกผู้อา
หากมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ ก็จะเห็นท้องฟ้าอันมืดมิดที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพรายนับไม่ถ้วนมองลงไปเบื้องล่างก็จะเห็นแสงไฟของเมืองปักกิ่งที่ส่องสว่างไสวโชติช่วงทัง โรลชูวตกตะลึงไปกับความสวยงามที่อยู่เบื้องหน้า เธอไม่เคยรู้เลยว่าเมืองในยามค่ำคืนจะสวยเช่นนี้ด้านหลังเธออยู่เซียวเหยาทิ้งตัวลงบนโซฟา เขาจองขึ้นไปบนฝ้าอย่างว่างเปล่าท้องของเขาร้องเสียงดังเขาหิวมาก! หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว!แต่ถึงกระนั้น พี่สะใภ้ที่รักของเขา ก็ยังไม่คิดจะทานข้าวในเร็ว ๆ นี้ เธอต้องการที่จะรอพี่ใหญ่ของเขาประชุมให้เสร็จเสียก่อนแล้วถึงจะทานพร้อมกันแต่ก็มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพี่ใหญ่ของเขา จะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน บางทีเขาอาจจะตายเพราะความหิวโหยไปก่อนที่พี่ใหญ่จะประชุมเสร็จก็ได้เมื่อ ลู เซียวเหยา ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงนั้น ลู เซียวเหยา ก็เด้งตัวขึ้นมาในทันทีเมื่อเขาพบเข้ากับชายคนนั้น เขาทำท่าราวกับว่านั่นคือผู้ช่วยชีวิตของเขา เขารู้สึกประหลาดใจมาก “พี่ใหญ่ พี่ประชุมเสร็จสักที ท้องของผมแบนราบเพราะความหิวโหยแล้วนะ” ลู ชินจิน เหลือบไปมอ
...“หาวว...” ลู เซียวเหยา หาวขึ้นมาในขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะของเลขา เขาจ้องไปยังประตูห้องของผู้บริหารเป็นครั้งคราว และถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนออกมาเขาได้แต่คิดว่าเขาคงเป็นน้องชายที่น่าเวทนาที่สุดแล้วเขาหิวมากเสียจนตอนนี้ท้องของเขาหยุดร้องไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามคนทั้งคู่ที่อยู่ด้านในก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเริ่มกินอาหารเขาเริ่มคิดว่าหรือเขาควรจะออกไปหาอะไรกินเองข้างนอกดี หรือควรจะเคาะประตูขัดขวางช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มของพวกเขาดี?ถ้าเขาเลือกข้อแรก เขาก็คงจะไม่ได้กินกุ้งซอสมะเขือเทศฝีมือป้าวูแต่ถ้าเขาเลือกข้อหลัง เขาก็คงจะถูกพี่ใหญ่ฆ่าตายเอาเป็นแน่เมื่อเปรียบเทียบดูเหตุผลสองข้อนั้นแล้ว เขาก็ตัดสินใจได้เขายืนขึ้นเดินไปที่ประตูห้องทำงานของผู้บริหารเตรียมที่จะเคาะประตูอย่างไม่ลังเลแต่ก่อนที่เขาจะได้ทันได้วางมือเคาะ ประตูก็เปิดออกทัง โรลชูว กำลังจะออกมาเรียก ลู เซียวเหยา ให้ไปกินข้าว เธอตกใจที่เห็นชายหนุ่มยืนอยู่ตรงหน้าประตูเมื่อเธอเปิดประตูออกภาพตรงหน้าช่างตลกเสียจริง เธอมองไปที่ ลู เซียวเหยา ที่มือยังคงค้างอยู่กลางอากาศ “เซียวเหยา นายกำลังทำการแสดงเกี่ยวกับจิตวิญญาณอ
จนกระทั่งทานอาหารเย็นเสร็จ ทัง โรลชูว ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำแม้แต่ตอนที่ ลู เซียวเหยา พูดกับเธอ เธอก็แทบจะไม่พูดตอบเขาเป็นคำ ๆ เธอมีท่าทีเย็นชาและไม่สนใจเขาในตอนแรก ลู เซียวเหยา ก็แปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ก่อนจะนึกขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไปสักพักว่าเขาทำผิดไป ตอนที่เขาล้อเลียนพี่ใหญ่ของเขาโดยการพูดว่า พี่ใหญ่กินแค่ลิปสติกก็พอ พี่สะใภ้ของเขาก็เงียบไปเลยหลังจากนั้น“นี่เธออาย หรือว่าโกรธกันนะ?”ในขณะที่เขาพูดเขาก็แอบจ้องไปที่ เธอยังคงสงบนิ่ง ไร้ซึ่งความรู้สึก“เซียวเหยา” ลู ชินจิน เรียกชื่อเขาเมื่อได้ยินเสียงเรียก ลู เซียวเหยา ช้อนตาขึ้นมองเขา อย่างสงสัยพี่ใหญ่ของเขาจ้องลึกเข้ามาถึงจิตวิญญาณของเขา ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้น “คุณพ่อขอให้นายไปนัดบอดวันมะรืนนี้ เวลา 10 โมงเช้า สถานที่ก็คือ ซี กาแล็กซี อย่าลืมไปให้ตรงเวลาล่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น...” เขาตั้งใจที่จะไม่พูดให้จบประโยคแต่ ลู เซียวเหยา ก็ทราบได้จากสายตาที่จ้องเขม็งมาที่เขาว่า หากเขาไม่ไปนัดบอดตัวเขาเองจะต้องพบเจอกับอะไรอย่างไรก็ตาม…“นัดบอดไม่ใช่แนวทางของ ผมมันน่าเบื่อมาก การออกเดทสุดโรแมนติกต่างหากถึงจะเป็นตัวผม” ลู เ
“นายเล่นเก่งหรือเปล่า?”“ก็พอได้ แต่ไม่เก่งเท่าพี่ใหญ่หรอก” นับตั้งแต่ที่เขาเรียนรู้การเล่นหมากรุกมา เขาก็ไม่เคยเล่นชนะ ลู ชินจิน เลย จากเรื่องนี้ก็สามารถรู้ได้ถึงความต่างทางฝีมือของพวดเขา “ถ้าฉันรู้ก่อนหน้านี้ ฉันก็คงจะขอให้ ชินจิน มาเป็นเพื่อนฉันแทนแล้วล่ะ”“หืม?” ลู เซียวเหยา สับสนในคำพูดของเธอทัง โรลชูว ยิ้ม “ก็ในเมื่อชินจิน เล่นหมากรุกเก่งกว่านาย เขาก็น่าจะเข้ากันได้ดีกับผู้อาวุโสเฉิน”ลู เซียวเหยา ชะงักนิ่งไป “พี่สะใภ้นี่พี่กำลังขอให้ผมเล่นหมากรุกกับผู้อาวุโสเฉินอย่างนั้นเหรอ?”ทัง โรลชูว ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ปิดบังความตั้งใจของเธอไว้ด้วยรอยยิ้มลู เซียวเหยา ถึงกับพูดไม่ออก “พี่สะใภ้ พี่จะชื่นชมผมมากเกินไปแล้วนะ พี่คิดยังไงถึงจะให้ผมเล่นหมากรุกกับผู้อาวุโสเฉิน?”ทัง โรลชูว เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะตอบกลับ “นายต้องเข้าใจสิว่าเราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับกิจกรรมยามว่างของเขาเพื่อที่เราจะได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น มันน่าจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรานะ”“ปรับตัวเข้ากับกิจกรรมยามว่างของเขาเนี่ยนะ?”“ใช่สิ” ทัง โรลชูว ตบไหล่เขา ผู้อาวุโสเฉิน ชอบเล่นหมากรุก เราก็ต้องเล่นหมากร
"เมื่อวานเธอก็มาที่นี่งั้นเหรอ?" ผู้อาวุโสเฉินถามในขณะที่เขากำลังสำรวจ ลู เซียวเหยาลู เซียวเหยา ตอบแบบยืนยัน “เมื่อสองวันก่อนผมก็มา แต่คุณไม่อยากเจอผมนี่ครับ”"สองวันก่อนเหรอ?" ผู้อาวุโสเฉินขมวดคิ้วและครุ่นคิดก่อนจะถามคำถามเพื่อทดสอบเขาบางอย่าง “เธอกับทัง ซอง รู้จักกันอย่างงั้นเหรอ?”ลู เซียวเหยา ยิ้มและตอบว่า "ลูกสาวของเขาเป็นพี่สะใภ้ของผมครับ"“เธอคงมาจากตระกูลจีสินะ” ใบหน้าของผู้อาวุโสเฉินไร้ซึ่งความรู้สึกทันทีลู เซียวเหยา พูดไม่ออกทำไมถึงคิดว่าเขาเป็นคนของตระกูลจีกัน?อันที่จริงเขาไม่สามารถตำหนิผู้อาวุโสเฉินเรื่องนี้ได้ เพราะผู้อาวุโสเฉินคงจะจำได้แค่ว่า ลูกสาวของ ทัง ซอง นั่นก็คือโรลชูวที่ยังไม่ได้แต่งงาน มีเพียงลูกเลี้ยงของเขา กู โรลโรล ที่แต่งงานกับ จี ยินเฟง อดีตคู่หมั้นของ ทัง โรลชูวเมื่อ ลู เซียวเหยา บอกว่าลูกสาวของ ทัง ซอง เป็นพี่สะใภ้ เขาจึงสันนิษฐานว่า เซียวเหยา หมายถึง กู โรลโรล ซึ่งนั่นเขาจึงคิดว่า ลู เซียวเหยา เป็นคนของตระกูลจีลู เซียวเหยา กระแอมเล็กน้อยและอธิบายว่า "คุณลุงครับ ผมหมายถึง ทัง โรลชูว ลูกสาวของ ทัง ซอง ครับ"“โรลชูวงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสเฉินรู