ลู ชินจิน ยื่นมืออกไปประคองใบหน้าของเธอ เขาใช้อุ้งมือวนไล้แก้มของเธออย่างแผ่วเบา แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ถ้าทำได้เขาอยากจะเก็บความใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอไว้ตลอดไป เขาคงจะไม่ยอมให้เธอได้รับรู้แผนการอันสกปรกชั่วช้านี้ ทัง โรลชูว ยกมือขึ้นมากุมมือเขาไว้อีกที จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา เธอมองเห็นใบหน้าที่ประชดประชันของตัวเองสะท้อนอยู่ในแววตาดำขลับของเขา “ฉันไม่ได้ใสซื่อขนาดนั้น ฉันแค่ปฏิเสธที่จะยอมรับว่ามนุษย์ทุกคนนั้นแย่”แต่ความจริงก็ปรากฏให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามนุษย์นั่นชั่วช้ากว่าที่คิดจริง ๆลู ชินจิน หันหน้าไปมองที่ห้องผ่าตัด ค่อย ๆ เปิดปากขึ้นพูด “ชูวชูว ไม่มีอะไรจะต่ำช้าไปกว่าจิตใจมนุษย์ได้อีกแล้ว”เสียงทุ้มต่ำของเขาที่พูดออกมานั้นเป็นไปอย่างใจเย็นราบเรียบ ราวกับว่าเขาได้พบเจออะไรมามากมายเหลือเกินในชีวิตไม่มีอะไรจะต่ำช้าไปกว่าจิตใจมนุษย์เมื่อเธอได้ยินคำเหล่านั้น ทัง โรลชูว เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยจนแถบจะสังเกตไม่เห็น เธอจ้องไปยังร่างโปร่งที่แสนเย็นชาของเขาอย่างตั้งใจ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ที่พุ่งพล่านขึ้นมา เขาผ่านเหตุการณ์อะไรในครอบครัวของเขามานะ ถึงทำให้เขาพูดแบบนั้นออก
เช้าวันถัดมา มู หลิง ตื่นแต่เช้าตรู่เนื่องจากถูกเจ้านายของเขาโทรตามหลายสายเมื่อเขากดรับสาย เสียงเย็น ไม่สนใจใยดีผู้ใดดังเข้ามาในกระทบหูเขา“มู หลิง มาที่โรงพยาบาลของเมืองเดี๋ยวนี้ ภายใน 10 นาทีเลยนะ!”ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรสักคำ เจ้านายของเขาก็วางสายไปยังคงถือโทรศัพท์ในมือของเขา มู หลิง งุนงง “นี่ผู้บริหารเขาต้องการอะไรกันนะ?”“บอกให้ฉันรีบไปที่โรงพยาบาลภายใน 10 นาทีเนี่ยนะ?!”“นี่เขาคิดว่าฉันขับเครื่องบินไปหรือไงกัน?!”ถึงแม้เขาจะรู้สึกสับสนและงุนงง เขาก็ลุกขึ้นไปเตรียมตัวทันทีไม่เช่นนั้นเขาก็คงต้องฟังเจ้านายของเขาบ่นยาวมู หลิง รีบบึ่งรถไปประหนึ่งเครื่องบิน โชคดีที่การจราจรไม่หนาแน่นเช้านี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถรีบเข้ามาที่ห้องพักผู้ป่วยสองสามวินาทีก่อนที่จะครบกำหนด 10 นาทีตามที่เจ้านายเขาบอกไว้ได้เป็นแน่เมื่อเห็นเขา ชินจินก้มลงดูนาฬิกาก่อนจะพูดขึ้น “มาทันพอดีเลยนะ” มู หลิง พูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าเจ้านายจะจับเวลาตามที่พูดไว้จริง ๆ ดูเหมือนเจ้านายของเขาจะว่างเกินไปแล้วนะ!หลังจากที่คร่ำครวญอยู่ภายในใจ มู หลิง เดินเข้าไปแล้วถามขึ้นด้วยความสำรวม “ท่านครับ ทำ
“ใครงั้นเหรอ?” ลู เซียวเหยา ถามขึ้นอย่างสงสัย“ใครบางคนที่นายรู้จัก” ทัง โรลชูว ไม่ได้บอกเขาไปตรง ๆ แต่ปล่อยให้เขาเดาเอง“คนที่ผมรู้จัก? ใครบางคนที่จะทำร้ายพ่อของพี่สะใภ้ของผมเนี่ยนะ?”แล้วเขาก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ เขาถามอย่างสงสัย “เป็น กู โรลโรล งั้นเหรอ?”ทัง โรลชูว เลิกคิ้ว “เกือบถูก”ลู เซียวเหยา เข้าใจในทันทีเมื่อเธอตอบกลับมาเช่นนั้น เขาพูดออกมาอย่างมั่นใจ “เซา เสี่ยวหวัน แม่ของ กู โรลโรล สินะ”“นายก็ฉลาดเหมือนกันนะ เซียวเหยา” ทัง โรลชูว ยิ้มพลางพูดล้อเขา“แน่นอนอยู่แล้ว” ลู เซียวเหยา เลิกคิ้วขึ้นอย่างภูมิใจก่อนจะพูดต่อ “นี่ เซา เสี่ยวหวัน เป็นบ้าไปแล้วงั้นเหรอ เธอพยายามจะฆ่าสามีตัวเองได้ยังไงกัน? ถ้าไม่ใช่เพราะเธอบ้า มโนธรรมของเธอคงถูกสุนัขกลืนกินไปหมดแล้ว”ประโยคที่เขาพูดออกมาฟังดูแปร่ง ๆ เขาจึงแก้ใหม่อีกครั้ง “ไม่สิ แม้แต่หมาก็ไม่อยากจะกินมโนธรรมอันแสนสกปรกของเธอ”“ฉันคิดว่าเธอต้องเสียสติด้วยแน่ ๆ” ทัง โรลชูว กระตุกยิ้ม แววตาของเธอเย็นชา “เธอควรจะเสียสติไปซะไม่อย่างนั้นฉันนี่แหละจะทำให้เธอเป็นเอง”“ท่าทีเอาเรื่องเชียว พี่สะใภ้” ลู เซียวเหยา มองไปที่เธออย่างประหลาด
เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนมองมาที่เขาอย่างพูดไม่ออก ลู ชินจิน กระแอมขึ้นเบา ๆ ก่อนจะหันไปมอง มู หลิง พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “วิดีโอได้หรือยัง?”มู หลิง นิ่งงันไปสักพักก่อนจะกดปุ่มสองสามปุ่มแล้วหันหน้าจอไปทางพวกเขา “นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อคืนนี้”ทัง โรลชูว และ ลู เซียวเหยา รีบเดินมาดูที่หน้าจอ พวกเขาจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตาไม่กระพริบ เพราะกลัวว่าจะพลาดจุดสำคัญในช่วงแรกของวิดีโอนั้นเงียบมาก พวกเขาได้ยินแค่เสียงทำงานของเครื่องช่วยหายใจหลังจากนั้นไม่กี่นาที ใครบางคนก็ผลักประตูเข้ามาดูจากรูปร่างและการแต่งกาย ทัง โรลชูว สามารถบอกได้ทันทีว่านั่นคือ เซา เสี่ยวหวัน พวกเขาเห็นเธอเดินช้า ๆ มาที่เตียง ก่อนที่จะได้ยินเสียงของ เซา เสี่ยวหวัน ดังขึ้นมาจากวิดีโอ“ตาเฒ่าทัง ฉันติดตามคุณมามากกว่า 20 ปี และฉันก็จริงใจกับคุณมาตลอดด้วยหัวใจของฉัน ให้ความสำคัญกับตระกูลทังมากที่สุดเหนือสิ่งอื่นได้ คุณเองก็ได้ทำงานของคุณอย่างเต็มที่ แต่ความทุ่มเททั้งหมดของฉันกับถูกหักหลังด้วยความไม่ใส่ใจของคุณ”“ถ้าคุณมอบหุ้น 20% นั้นให้กับ โรลโรล อย่างที่คุณเคยสัญญาไว้ เรื่องทั้งหมดก็คงไม่ต้องเกิดขึ้น คุ
เมื่อพวกเขาไปถึงที่คฤหาสน์ตระกูลทัง ทัง โรลชูว ออกมาจากรถ เมื่อเดินผ่านสวนไป เธอสงสัยว่าลุงโจวหายไปไหน เขาควรจะทำสวนอยู่ตอนนี้แต่กลับไม่เห็นวี่แววเขาเลยเธอเปิดประตูหลักและเดินเข้าไปพร้อมกับ ลู เซียวเหยา สาวใช้ที่กำลังทำความสะอาดอยู่รีบเข้ามาดักหน้าเธอ “คุณเป็นใคร? ทำไมถึงเดินเข้ามาในบ้านของคนอื่นง่าย ๆ แบบนี้?” ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของสาวใช้ทำให้ ทัง โรลชูว ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเสี่ยวหวันจะเปลี่ยนเหล่าคนรับใช้ใหม่ยกชุด พยายามจะทำตัวเสมือนว่าเธอมีอำนาจเป็นเจ้าของตระกูลทังที่แท้จริง ทัง โรลชูว จ้องสาวใช้ตาลุกเป็นประกายก่อนจะพูดเสียงดุดันขึ้นมา “ฉันคือ ทัง โรลชูว เป็นพี่ใหญ่ของบ้านตระกูลทัง”สาวใช้ตกตะลึงไปกับท่าทีโอหังของเธอ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง “พี่ใหญ่ของบ้านตระกูลทังคือ คุณโรลโรล จะเป็นคุณได้ยังไงกัน?”“ฉันจะแจ้งตำรวจถ้าคุณยังพยายามจะอยู่ในบ้านต่อ” สาวใช้เดินตรงไปที่โทรศัพท์เตรียมจะโทรออกทัง โรลชูว หันไปมอง ลู เซียวเหยา ที่เดินดุ่ม ๆ ไปดึงสายโทรศัพท์ออกคนรับใช้จ้องไปที่ ลู เซียวเหยา “คุณ คุณ คุณ…” สาวใช้ถึงกับตกตะลึง พูดไม่ออกกับสิ่งที่เขาทำ“เซา เสี่ยวหวัน อยู่ที่ไห
เซา เสี่ยวหวัน เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้ แต่เมื่อเธอกลับมาถึงบ้านและเพิ่งจะล้มตัวลงนอนก็ต้องถูกปลุกขึ้นมาเพราะฝันร้ายในฝัน ใบหน้าของ ทัง ซอง ซีดและเต็มไปด้วยเลือด เขาจ้องหน้าที่ด้วยแววตามืดมน และถามเธอว่าทำไมต้องทำร้ายเขา เธอร้องไห้คร่ำครวญขอร้องให้เขาให้อภัยเธอ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำร้ายเขา “ผมอยากให้คุณมาอยู่กับผม” ทัง ซอง ยิ้มอย่างน่าสะอิดสะเอียนก่อนจะพุ่งตัวมาหาเธอ เธออยากจะวิ่งหนีแต่ขาของเธอราวกับหยั่งรากลึกลงที่พื้น เธอไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้เธอทำได้เพียงยืนมองเขาบีบคอเธอด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ “เซา เสี่ยวหวัน ไปลงนรกซะ?”เธอเริ่มหายใจติดขัด และเมื่อเธอคิดว่าเธอกำลังจะตาย เธอก็ตื่นขึ้นมาเสียก่อนเมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็ตระหนักได้ว่าเธอกำลังบีบคอตัวเอง เธอรีบปล่อยมือออกและลุกขึ้นนั่งความฝันนั้นช่างเหมือนจริงและน่าพิศวงเธอลูบไล้ลำคอของเธอเบา ๆ ด้วยความกลัว เธอยังคงรู้สึกราวกับว่าเธอยังโดนบีบคออยู่ด้วยความกลัวเธอจึงไม่กล้านอนต่อความคิดที่จะฆ่า ทัง ซอง ไม่ได้มีการเตรียมการมาก่อน เธอตัดสินใจลงมือทำเมื่อได้ยินว่า ทัง โรลชูว บอกว่าเธอปรารถนาที่จะส่ง ทัง
จากนั้นเธอจึงหันไปมองรอบ ๆ บ้าน “ทุกซอกทุกมุมในบ้านหลังนี้ก็แม่ของฉันเป็นคนออกแบบไว้ อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้งั้นเหรอ?”เป็นเวลาหลายปีที่คฤหาสน์หลังนี้ยังคงมีร่องรอยของผู้หญิงคนนั้น ทุกครั้งที่ เซา เสี่ยวหวัน ขอปรับปรุงบ้าน ทัง ซอง มักจะปฏิเสธเธอ และให้เหตุผลว่าแม่ของ ทัง โรลชูว เป็นคนออกแบบบ้านหลังนี้เขาก็ควรที่จะอนุรักษ์มันไว้ เพื่อ ทัง โรลชูว“เพื่อ ทัง โรลชูว อย่างนั้นเหรอ?” ริมฝีปากของ เซา เสี่ยวหวัน กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ ทัง ซอง ทำเพื่อตัวเองชัด ๆ ดูก็รู้ว่าเขาทำเพื่อตัวเอง เพื่อที่เขาจะได้ไม่ลืมเมียที่ตายไปแล้วของเขาเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ความไม่ลงรอยระหว่างเธอและ ทัง ซอง เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างฉุดไม่อยู่และท้ายที่สุดมันก็ระเบิดออกมา ในที่สุดเธอก็เองก็ปลดปล่อยความเคียดแค้นของออกมาด้วยการฆ่าสามีของเธอเธอเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนจะจ้องไปที่ ทัง โรลชูว ด้วยสายตาเกลียดชัง “แล้วยังไงล่ะ? เดี๋ยวฉันก็จะทำลายทุกอย่างที่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นเอง ทุกอย่าง” “คุณกล้าอย่างนั้นเหรอ?” ทัง โรลชูว รู้สึกกลัวไปกับคำพูดของเธอ คฤหาสน์หลังนี้เต็
ในขณะที่เธอหลับ กู โรลโรล ได้ยินเสียงแม่ของเธอหวีดร้อง เธอกระเด้งตัวขึ้นจากเตียงนอนเธอมองไปรอบ ๆ ห้องที่ยังคงมืดสนิท และคิดว่าเธอคงฝันไปก่อนจะได้ยินเสียงของแม่เธอร้องกรี๊ดขึ้นมาอีกครั้งไม่ทันได้คิดอะไรมาก เธอลงจากเตียงและรีบวิ่งออกไปด้านนอกทันทีมองลงมาจากบันได เธอเห็นผู้มาเยือนสองคนยืนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นสีหน้าเปลี่ยนไปในทันทีขณะที่เธอวิ่งลงบันไดไป ตะโกนถาม “ทัง โรลชูว เธอมาทำอะไรที่นี่?”ทัง โรลชูว หันหลังกลับไปเห็น กู โรลโรล ที่กำลังวิ่งลงมาด้วยสีหน้าตื่น คิ้วของเธอเลิกขึ้นก่อนจะคิดในใจว่ามันจะดีกว่าถ้าทุกคนมาอยู่รอบ ๆ “นี่มันบ้านของฉัน ฉันจะมาหรือจะไปตอนไหนก็ได้ ฉันจำเป็นต้องบอกเธอด้วยหรอว่าฉันจะมาที่นี่?” ทัง โรลชูว ยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่แววตาของเธอนั้นราวกับจะฆ่าคนได้กู โรลโรล เดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะเห็นว่า เซา เสี่ยวหวัน นั่งหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวดอยู่บนโซฟา เธอเดินเข้าไปหาและถามขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ “แม่คะ เกิดอะไรขึ้น?”“โรลโรล ลูกมาแล้ว” เซา เสี่ยวหวัน ยิ้ม “ค่ะ หนูลงมาเพราะได้ยินเสียงแม่ร้อง”ก่อนจะถามอีกครั้ง “แม่คะ แม่เจ็บตรงไหน?”“แขนของแม่”เซา เสี่ยวหวั