การใช้พลังจิตวิญญาณที่มีความเข้มข้นสูงแบบนี้ยังคงมากเกินไปสำหรับเขา แม้ว่าเขาจะมีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งก็ตามดูที่หน้าจอระบบที่อยู่ตรงหน้าแต้มศักดิ์สิทธิ์ทะลุเก้าพันแล้วมาถึงเก้าพันหนึ่งร้อยสี่สิบเจ็ดนี่เป็นความสูงที่ไม่เคยถึงมาก่อนหลินตงก็ตื่นเต้นมากเช่นกันด้วยความเร็วเช่นนี้ ทะลุหมื่นก็เป็นเรื่องของสองหรือสามวันนี้แล้วพอแต้มศักดิ์สิทธิ์ทะลุหมื่นแต้ม เขาจะต้องทำให้ร่างกายทะลุด่านก่อนร่างกายทะลุด่านแล้ว เขาก็ถือว่าได้เข้าสู่ระดับเทพและกลายเป็นผู้พิทักษ์แล้วแม้ว่าในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องจากการขยายตัวอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าทำให้บริษัทลงทุนตงไหลถูกขัดขวางในทุกด้าน แต่ตราบใดที่ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหาหลังจากจัดการเรื่องของลุงซ่งเสร็จแล้ว เขาจะค่อย ๆ แก้ไขปัญหาทีละเรื่องขณะที่หลินตงคิดว่าอีกสองสามวันแต้มศักดิ์สิทธิ์จะทะลุหมื่น โทรศัพท์ก็ดังขึ้นหลินตงหยิบขึ้นมาดูเป็นสายจากเฉินฮุยผู้รับผิดชอบบริษัทลงทุนตงไหลในจิงตู"ฮัลโหล!!!" หลินตงกดปุ่มรับสายแล้วพูด"ประธานหลิน! สวัสดีครับ ฉันคือเฉินฮุย!" เฉินฮุยทักทายทางโทรศัพท์ด้วยความเคารพ"ผมรู้! ม
จิงตู ตระกูลมู่หรงเวินหรูอวี้ศิษย์พี่ใหญ่ ตงฟางเยว่ศิษย์พี่สามรวมทั้งผู้อาวุโสทั้งสองคนได้ถูดจัดให้ไปที่ห้องรับแขกมู่หรงฉิงเกอมาที่ห้องของปู่เธอชายชราที่มีใบหน้าเหี่ยวย่นและมีผมหงอกนอนอยู่บนเตียงเขาเป็นปู่ของมู่หรงฉิงเกอ มู่หรงจี้พ่อของมู่หรงไป๋มู่หรงฉิงเกอนั่งอยู่ที่ขอบเตียง ขณะที่มู่หรงไป๋และเสิ่นอวี๋ยืนอยู่ข้าง ๆ"คุณปู่! คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วง หนูจะหาวิธีมารักษาคุณปู่ให้หายแน่นอน" มู่หรงฉิงเกอพูดด้วยดวงตาสีแดงมู่หรงฉิงเกอเป็นหลานสาวคนโตของตระกูลมู่หรง เธอยังจำได้ว่าปู่ของเธอมู่หรงจี้รักเธอมากที่สุดตอนที่เธอยังเป็นเด็ก และไม่เคยรังเกียจเธอเพราะเธอเป็นหลานสาวตอนเธอกลับมาเมื่อสิบปีก่อน คุณปู่ยังกระปรี้กระเปร่า ไม่คิดว่าผ่านไปแค่สิบปี คุณปู่นอนอยู่บนเตียงมาสามปีแล้ว"ฉิงเอ๋อ! การได้เจอเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย ปู่ก็พอใจแล้ว แต่คุณปู่ขอเธอเรื่องหนึ่ง" มู่หรงจี้กล่าว"คุณปู่พูดได้เลยค่ะ!""ปู่แก่มากแล้ว เป็นความตายไม่สำคัญอีกต่อไป แต่เธอต้องช่วยเหลือน้องชายของเธอ เขาบริสุทธิ์ เขายังเด็กและยังมีชีวิตอีกยาวไกล" มู่หรงจี้กล่าว"คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วง! หนูจะช่วยน้องชายของหน
นี่เป็นสาเหตุของความขัดแย้ง ซึ่งสุดท้ายก็กลายเป็นการปะทะกันระหว่างทั้งสองตระกูลตระกูลมู่หรงเป็นเพียงตระกูลชั้นหนึ่งระดับต่ำสุด มีความแตกต่างกับตระกูลชั้นนำอย่างตระกูลกู่เป็นอย่างมากมู่หรงจี้ไปที่บ้านและต้องการใช้บางอย่างเพื่อแลกกับมู่หรงจุ้นเจี๋ย แต่กลับถูกตระกูลกู่ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จนถึงตอนนี้เป็นเวลาสามปีแล้วที่ต้องนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น และมู่หรงจุ้นเจี๋ยก็ถูกคุมขังจนถึงปัจจุบันตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ตระกูลกู่ก็เริ่มมุ่งเป้าไปที่ตระกูลมู่หรงจากทุกด้าน ถ้าไม่ใช่ตระกูลจ้าวและตระกูลจูเก่อซึ่งเป็นมหาเศรษฐีชั้นนำเหมือนกัน ตระกูลมู่หรงก็ถูกขับไล่ออกจากจิงตูไปนานแล้วหลังจากที่มู่หรงฉิงเกอได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เธอก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวในอกที่ไม่สามารถระบายออกมาได้ หายใจเข้าลึก ๆ สักสองสามครั้งก่อนที่จะสงบสติอารมณ์ลงอย่างช้า ๆ"ฉิงเอ๋อ! แค่ช่วยน้องชายเธอออกมาก็พอแล้ว ตอนนี้ตระกูลกู่กำลังเจริญรุ่งเรืองในต้าเซี่ย พวกเราอย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย" เสิ่นอวี๋แม่ของมู่หรงฉิงเกอกล่าวด้วยความกังวลเธอแค่หวังว่าลูก ๆ ของเธอจะปลอดภัยก็พอ"แม่! ไม่ต้องเป็นห่วง! หนูจะช่วยให้น้องชายออกมาให้ไ
จิงตู ตระกูลจ้าวหนึ่งในสี่มหาเศรษฐีชั้นนำจ้าวซือเต้าเองก็ได้รับข่าวการกลับมาของมู่หรงฉิงเกอด้วยเช่นกันสำหรับผู้หญิงคนนี้ที่เคยทำให้เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ตอนนี้ไม่ได้เจอกันสิบปีแล้วก็ไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่ายังจำได้ว่าครั้งแรกที่เขาพบมู่หรงฉิงเกอเมื่อสิบปีก่อน ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากจริง ๆ!!!อายุยี่สิบก็เหมือนนางฟ้าที่เหนือมนุษย์มันแตกต่างกับผู้หญิงจากตระกูลชั้นสูงรอบตัวเขาอย่างสิ้นเชิงทำให้เขาเกิดความคิดอยากครอบครองผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาทันทีตระกูลมู่หรงไม่กล้าปฏิเสธคำขอของจ้าวซือเต้า แต่ใครจะรู้ว่าจูเก่อชางโฉงจะเข้ามาแทรกกลางสุดท้ายก็กําหนดพันธสัญญาสิบปีนี้ถ้าจะพูดว่ามู่หรงฉิงเกอทำให้เขากับจูเก่อชางโฉงกลายเป็นศัตรูกัน สู้พูดว่ามู่หรงฉิงเกอเป็นชนวนดีกว่าในยุคหนึ่งถูกกำหนดให้มีผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถยืนบนจุดสูงสุดได้เขาและจูเก่อชางโฉงต่างต้องการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งนี้ และทั้งคู่ก็ตกหลุมรักมู่หรงฉิงเกอตั้งแต่แรกเห็น ดังนั้นสถานการณ์จึงพัฒนาไปสู่สิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้โดยธรรมชาติแม้ว่าจะไม่มีมู่หรงฉิงเกอ เขาและจูเก่อชางโฉงก็ถูกกำห
จากนั้นก็เพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างสบายใจวันถัดไปหลินตงมาถึงบ้านของซ่งซือหมินตั้งแต่เช้าและเริ่มปรุงยาด้วยประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จเมื่อวาน วันนี้ก็เชี่ยวชาญมากขึ้นผ่านไปชั่วโมงกว่า...ยาเหนียว ๆ ครึ่งถ้วยถูกต้มออกมาซ่งเจียป้อนยาซ่งซือหมินเสร็จหลินตงยังคงสังเกตการเปลี่ยนแปลงของซ่งซือหมินอย่างละเอียดกินยาเจ็ดครั้งเป็นเวลาเจ็ดวันติดต่อกัน แต่ละครั้งจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกันหากพบว่าผลลัพธ์ใดไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ก็ต้องหาสาเหตุ ไม่เช่นนั้นหลังจากเจ็ดครั้งผลลัพธ์จะลดลงอย่างมากนี่ไม่สามารถประมาทได้เลยซ่งซือหมินหลับตาและรู้สึกถึงความตื่นตัวของอวัยวะต่าง ๆ และเซลล์นับไม่ถ้วนในร่างกายของตัวเอง เขารู้ว่าร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวแล้วอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา...ซ่งซือหมินลืมตาขึ้น"คุณปู่ทวด?" ซ่งเจียเรียก"รู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก" ซ่งซือหมินพูดด้วยรอยยิ้ม"ดีจัง!!! เหลืออีกห้าวัน คุณปู่ทวดก็จะหายดีแล้ว!" ซ่งเจียพูดอย่างมีความสุข"ยังต้องขอบคุณหลินตง ถ้าไม่มีเขา คนแก่อย่างฉันก็ใกล้จะฝังดินแล้ว""ขอบคุณมากจริง ๆ หลินตง!" ซ่งเจียหันมามองหลินตงแล้วพูดนอกจากความ
ตระกูลกู่หนึ่งในสี่มหาเศรษฐีชั้นนำของจิงตูแม้ว่าจะมองไปทั้งต้าเซี่ยก็เป็นตระกูลชั้นนำแน่นอนว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่นับตระกูลซ่อนเร้นเหล่านั้นตระกูลที่ซ่อนเร้นเหล่านี้ไม่สามารถออกมาได้เมื่อร้อยปีก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงจึงซ่อนเร้นไม่ออกมา ตอนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน ก่อนที่จะออกมาอย่างสมบูรณ์ไม่มีใครรู้กู่หยางหัวหน้าตระกูลกู่ความแข็งแกร่งอยู่ที่จุดสูงสุดรายการมังกรกู่เจี้ยนสงทายาทอันดับแรกของตระกูลกู่ก็เป็นผู้นำในกลุ่มคนรุ่นใหม่เช่นกัน แม้จะเปรียบเทียบกับคนอย่างจ้าวซือเต้าและจูเก่อชางโฉงก็ไม่น้อยไปกว่ากันทายาทอันดับแรกของมหาเศรษฐีชั้นนำจะแย่ไปไหนได้เพียงแต่ว่าจ้าวซือเต้าและจูเก่อชางโฉงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเนื่องจากพันธสัญญาสิบปีของพวกเขาแพร่กระจายออกไปกว้างขวาง ดังนั้นพวกเขาจึงถือเป็นสองคนที่ทรงอิทธิพลที่สุดของคนรุ่นใหม่โดยธรรมชาติผู้ชาย!!!เพื่ออำนาจ!!!เพื่อสาวสวย!!!พันธสัญญาสิบปีระหว่างมู่หรงฉิงเกอกับจ้าวซือเต้าและจูเก่อชางโฉงก็ถือเป็นเรื่องราวที่ดีเช่นกันแต่สิ่งนี้ก็ทำให้หลายคนไม่พอใจเช่นกันกู่เจี้ยนสงก็เป็นหนึ่งในนั้นเขาเคยกล่าวไว้มากกว่าหนึ่งครั้งว่าเขาเสีย
ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสิบเอ็ดสมาชิกสภาต้าเซี่ยตราบใดที่เขาไม่ล้ม ตระกูลกู่ก็จะสามารถยืนหยัดบนต้าเซี่ยได้และถ้ากู่ฟางสามารถทะลุระดับเทพกลายเป็นผู้พิทักษ์ ตระกูลกู่ก็จะยกระดับไปอีกระดับในขณะนี้สมาชิกหลักของตระกูลกู่ล้วนอยู่ในบ้านหลังใหญ่เพราะพวกเขาได้รับข่าวว่ามู่หรงฉิงเกอแห่งตระกูลมู่หรงจะมาเยี่ยมที่บ้านในวันนี้บอกว่ามาเยี่ยม จริง ๆ แล้วมาขอคำอธิบายให้ตระกูลมู่หรงพวกเขาสามารถเพิกเฉยต่อตระกูลมู่หรงได้ แต่มู่หรงฉิงเกอคนนี้พวกเขาต้องให้ความสำคัญคนที่ถูกพาตัวไปและฝึกฝนโดยนิกายที่ซ่อนอยู่ตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนี้กลับมาพร้อมกับคนของนิกายนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ให้ความสำคัญไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้นนิกายของมู่หรงฉิงเกอคือนิกายอะไรกันแน่ ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ สิ่งที่ไม่รู้จักถึงจะน่ากลัวที่สุดครั้งนี้มู่หรงฉิงเกอพาคนของนิกายมาเยี่ยม ต้องขอคำอธิบายให้ตระกูลมู่หรงอย่างแน่นอน เนื่องจากตระกูลกู่ปราบปรามตระกูลมู่หรงอย่างรุนแรงในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ไม่เพียงทำร้ายปู่ของมู่หรงฉิงเกอจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่แม้แต่น้องชายก็ยังถูกคุมขังอยู่จนถึงปัจจุบัน"พวกคุณมีใครรู้บ้างว่าอาจารย์ของมู่หรงฉิงเกอเ
ในขณะที่ตระกูลกู่กำลังคุยกันเรื่องมู่หรงฉิงเกอ คนรับใช้คนหนึ่งก็มาที่ห้องรับแขก!"นายท่าน นายท่านที่สอง ตระกูลมู่หรงมาเยี่ยม""ให้พวกเธอเข้าไป!!!" กู่เจี้ยนสงกล่าว"ครับ!!! นายท่าน!!!"หลังจากนั้นไม่นาน มู่หรงฉิงเกอและพรรคพวกก็เดินเข้าไปในห้องรับแขกของตระกูลกู่ทันทีที่มู่หรงฉิงเกอเข้ามา ดวงตาของผู้ชายทุกคนในห้องรับแขกก็เป็นประกายสมกับเป็นผู้หญิงที่สามารถสร้างความวุ่นวายในจิงตูได้เมื่อสิบปีก่อน ยังไม่ต้องพูดถึงหน้าตา แค่ท่าทางและกลิ่นอายของนางฟ้าที่พลิ้วไหวนี้ก็ทิ้งผู้หญิงคนอื่นไปไกลแล้วบวกกับหน้าตาที่สุดยอดสมคำร่ำลือจริง ๆสมกับสี่คำที่ว่างดงามอลังการแวบแรกที่กู่เจี้ยนสงและกู่เจี้ยนเฟิงเห็นมู่หรงฉิงเกอต่างก็มีความหลงใหลในทันทีพวกเขาเคยเห็นมู่หรงฉิงเกอเมื่อสิบปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับเมื่อสิบปีก่อน มู่หรงฉิงเกอในปัจจุบันน่าสนใจกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยในตอนนั้นมู่หรงฉิงเกอก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของนางฟ้า แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตอนนี้สง่างามกว่ามากตอนนี้มู่หรงฉิงเกอสมบูรณ์แบบในทุกด้านอย่างไร้ที่ติในห้องรับแขกมีเพียงกู่เจี้ยนหย่าเท่านั้นที่มองมู่หรงฉิงเกอด้วยสายตาอิจฉาริษยา
"พี่เฉิน ฉันขอโทษ ฉันเป็นคนทำให้คุณเดือดร้อน ไปสู้กันเถอะ"หลังจากหลินตงพูดจบ เขาก็แปลงร่างกายาทองคำอมตะอีกครั้ง!แม้ว่าเฉินจิงจื่อหานจะไม่ค่อยเข้าใจว่าคำพูดของหลินตงหมายถึงอะไรแต่เมื่อเห็นว่าหลินตงเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อีกครั้งเขาก็ไม่สามารถถอยกลับได้เช่นกันท้ายที่สุดแล้ว เขาก็มาจากอารยธรรมระดับสูง จะแพ้คนอย่างหลินตงที่มาจากอารยธรรมระดับต่ำกว่าได้อย่างไร?ให้ได้รู้ซะบ้าง วิชาลับของสำนักดาวสวรรค์น่ากลัวขนาดไหนทั้งสองแสดงกายาทองคำอมตะออกมาทีละคน พร้อมที่จะต่อสู้ในขณะนี้ ไม่รู้ว่าใครตะโกนออกมาท่ามกลางอสูรยักษ์สีทองหลายสิบตัว"โจมตี!!!"ทันใดนั้น อสูรยักษ์สีทองทั้งหมดก็ปลดปล่อยความเร็วสูงสุดและพุ่งเข้าหาหลินตงและเฉินจิงจื่อหานในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็เตรียมท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาเช่นกันตั้งใจที่จะทำร้ายหรือแม้กระทั่งฆ่าหลินตงและสหายในการโจมตีครั้งแรกนี่จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้พวกเขาตอบโต้กันปรมาจารย์ระดับเซียนเดินดินเกือบสามสิบคนลงมือพร้อมกันช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจจริง ๆ?ยุนซีกับสาวๆ ที่กำลังดูอยู่ ต่างก็ใจเต้นรัวเธอกลัวว่า
เฉินจิงจื่อหานอาจยังคงนึกถึงภาพที่อสูรดาราเหล่านี้คุกเข่า และขอความเมตตาหลังจากที่ป้าหงของเขาลงมือ!แต่ความจริงก็คือคนที่ทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ ต้องตำหนิหลินตงถ้าไม่ใช่เพราะเขาไป๋หลี่เหยียนหงจะใช้พละกำลังทั้งหมด เพื่อควบคุมตัวเองแ ละไม่สามารถลงมือได้อย่างไร?แต่ว่าหลินตงเองก็บริสุทธิ์เช่นกันการเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณของเขากับไป๋หลี่เหยียนหง เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาอย่างสิ้นเชิงใครทำให้ร่างเสน่ห์ของไป๋หลี่เหยียนหงน่าดึงดูดเกินไปล่ะ?ทำให้พลังจิตวิญญาณของเขาถูกดึงดูดเข้าหาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ และทำสิ่งที่เลวร้ายเช่นนี้หลินตงก็เพิ่งค้นพบเป็นครั้งแรกเช่นกัน ว่าพลังจิตวิญญาณก็สามารถเป็นเช่นนี้ได้?นั่นทำลายความเข้าใจของเขาที่มีต่อโลกไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อมองดูอสูรยักษ์สีทองเกือบสามสิบตัวเคลื่อนเข้ามาใกล้เฉินจิงจื่อหานยังคงเฉยเมยในความคิดของเขาใครหนุนหลังเขาอยู่?นั่นคือไป๋หลี่เหยียนหง!!!ผู้นำของเจ็ดเซียนแห่งนิกายแก้วเจ็ดแสงรุ่นก่อนราชันย์อมตะแห่งอาณาจักรนิรันดรนิกายแก้วเจ็ดแสงจะมีเซียนที่ไม่มีใครเทียบได้เจ็ดคนซึ่งเป็นตัวแทนด้วยเจ็ดสี ได้แก่ แดง
อสูรดาราในอสูรกาแล็กซีเหล่านี้ไม่ได้ฆ่าหลินตงทันที แต่เลือกที่จะค่อยๆ เข้าใกล้และบีบวงล้อมของพวกมันพวกเขาจะทำเช่นนี้เพราะทั้งหลินตงและคนอื่นๆ ต่างก็เป็นปรมาจารย์ระดับเซียนเดินดินที่มีศาสตราเทพมายาอันตรายอย่างยิ่งหากทั้งสองร่วมมือกันและโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยกะทันหัน ก็มีแนวโน้มว่าจะส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิตได้ดังนั้นจึงจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้หลินตงและเฉินจิงจื่อหานตอบโต้ตราบใดที่ขวางทางถอยของหลินตงและค่อยๆ รุกคืบ แม้ว่าหลินตงจะลอบโจมตี พวกเขาก็จะมีเวลาตอบสนองและหลีกเลี่ยงผลที่ตามมาอันเลวร้ายหากปรมาจารย์ระดับเซียนเดินดินเกือบสามสิบคนรวมใจกันเป็นหนึ่ง แล้วโจมตีพร้อมกัน โดยไม่สนว่าตัวเองจะบาดเจ็บหรือไม่ หลินตงกับเฉินจิงจื่อหานจะไม่มีโอกาสต้านทานท้ายที่สุดแล้ว ความแตกต่างด้านจำนวนคนของทั้งสองฝ่ายนั้นมากมายเกินไปน่าเสียดายที่ไม่ใช่พวกเขาอสูรยักษ์สีทองเหล่านี้คือกำลังรบชั้นนำของเผ่าพันธุ์ของตน ไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์ตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของอสูรดาราที่ัตัวเองสังกัดอยู่ด้วยหากใครคนใดคนหนึ่งถูกหลินตงเล็งเป้าโจมตีอย่างกะทันหันจนได้รับบาดเจ
หลังจากเข้าใกล้เต่ายักษ์แล้ว พวกเขาก็ถอนกายาทองคำอมตะและยืนอยู่บนกระดองของมันอย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์การเคลื่อนไหวของพวกเขาดึงดูดความสนใจของอสูรยักษ์สีทองที่อยู่รอบ ๆ ทันที“เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้แกยังทำเป็นเก่งอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ไม่เพียงแต่แกเรียกพวกเราว่าสัตว์เดรัจฉาน แถมยังบอกอีกว่าถึงเราจะโจมตีพร้อมกัน ก็ยังไม่สามารถฆ่าแกได้ ตอนนี้ทำไมล่ะ? กลัวขึ้นมาแล้ว? ถ้ากแน่กริงก็เข้ามา! มาสู้กันอีกสามร้อยยก!” ป้าเทียนเยาะเย้ย"ชิ!!! ในหัวนั่นมีสมองอยู่ไหม? แกมองยังไงว่าฉันหนี? ถ้าฉันกลัวคงวิ่งหนีไปแล้ว? ตอนนี้ฉันยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าพวกแแกกล้าก็มาฆ่าฉันสิ!" เฉินจิงจื่อหานตะโกนตอนนี้ เขาได้กลับมามีท่าทีเหมือนเจ้าสำนักน้อยแห่งสำนักดาวสวรรค์อีกครั้งแล้วนี่แหละยังอธิบายได้ว่า ใช้อำนาจรังแกคนอื่นมีไป๋หลี่เหยียนหง ปรมาจารย์ระดับราชันย์อมตะหนุนหลังอยู่แน่นอนว่าเขาจะไม่กลัวขยะพวกนี้เฉินจิงจื่อหานเมินอสูรยักษ์สีทองที่กำลังเข้ามาเหล่านี้แต่หลินตงที่อยู่ข้างๆ กลับรู้สึกกังวลเล็กน้อยไป๋หลี่เหยียนหงเคยกล่าวไว้90% ของพลังการต่อสู้ของเธอ จะต้องใช้เพื่อระงับความปรารถนาที่กำ
คำพูดของเฉินจิงจื่อหาน เรียกได้ว่าด่าอสูรยักษ์สีทองเรียงแบบเหมารวมเลยพวกเขาคืออสูรดาราที่สูงส่ง เคยโดนเหยียบศักดิ์ศรีขนาดนี้เมื่อไหร่ ถึงกลับถูกด่าว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานนี่มันเกินกว่าที่ใครจะทนได้แล้วจริง ๆแต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีใครกล้าลงมือทันทีแต่เพราะกำลังรอการกระทำต่อไปของป้าเทียนป้าเทียนคือหนึ่งในสามปรมจารย์อาณาจักรนิรันดรระดับจุดสูงสุดเซียนเดินดินของมังกรทลายฟ้าถูกซัดจนบาดเจ็บไม่พอ ยังโดนด่าเป็นสัตว์เดรัจฉานอีก แน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายไว้ได้"ดี! ดีมาก! ดีจริงๆ !"ป้าเทียนพูดคำว่าดีออกมาติดกันถึงสามครั้ง ก่อนจะตะโกนลั่น “พี่ใหญ่! พี่รอง! พวกท่านก็ได้ยินใช่ไหม ไอ้มนุษย์นั่นมันกล้าด่าพวกเรามังกรทลายฟ้าว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานเลือดโสโครก มังกรทลายฟ้าเคยถูกเหยียบศักดิ์ศรีขนาดนี้เมื่อไหร่กัน? แล้วพวกคุณ เมื่อครู่ก็โดนด่าเหมือนกัน ทุกคนยังจะทนได้อยู่อีกเหรอ?”คำพูดของเขายังไม่ทันจบดี ก็มีเสียงตอบรับดังกลับมา“ทุกคนลุยพร้อมกันเลยเถอะ! รีบจัดการให้จบเร็วๆ ตามที่น้องสามของฉันพูดเมื่อกี้ ของรางวัลจากศึกนี้ มังกรทลายฟ้าของฉันขอแค่สนับมือ ส่วนที่เหลือ พวกคุณก็เอาไปแบ่งกันเอ
ไม่ว่าจะเป็นหลินตง หรือมนุษย์ที่อยู่ข้างเขา ก็ไม่ต่างกันหลินตงสามารถข้ามระดับย่อยสองขั้น แล้วเอาชนะปรมาจารย์เซียนเดินดินตอนปลายอย่างหยวนเซิงได้มนุษย์หนุ่มคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน สามารถข้ามย่อยหนึ่งระดับ แล้วเอาชนะป้าเทียน ที่อยู่ระดับจุดสูงสุดเซียนเดินดินเหล่าอสูรยักษ์สีทองที่ล้อมอยู่รอบๆ ต่างก็อิจฉาตาร้อนพวกเขาแทบรอไม่ไหว อยากจะลงมือจัดการหลินตง เพื่อแย่งชิงศาสตราเทพมายาที่เขาครอบครองไว้ถ้าแย่งมาได้ ตัวเองก็จะมีพลังที่สามารถสู้ข้ามระดับเช่นกัน“อาณาจักรนิรันดรระดับจุดสูงสุดเซียนเดินดิน? มีแค่นี้เองเหรอ!!! ฮ่า ๆๆ” เฉินจิงจื่อหานหลังจากซัดป้าเทียน แล้วก็ยังยืนหัวเราะลั่นอยู่ที่เดิมเสียงหัวเราะของเขานั้น ป้าเทียนได้ยินเต็มๆ ช่างบาดหูมากการที่ตัวเองถูกมนุษย์ที่มีพลังต่ำกว่าหนึ่งขั้นเล่นงาน จนได้รับบาดเจ็บถือเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาเลยในอสูรกาแล็กซี มังกรทลายฟ้าคือเผ่าพันธุ์อันดับหนึ่ง ไม่มีเผ่าพันธุ์ใดกล้าท้าทายเคยชินกับการใช้กำลังข่มขู่ จนกลายเป็นนิสัยของพวกเขา และไม่เคยถูกเหยียบศักดิ์ศรีแบบนี้มาก่อน?ในเวลานี้ ในใจของป้าเทียนเองก็เต็มไปด้วยความตกตะลึ
ป้าเทียนหลบหมัดดาวสวรรค์สยบมารของเฉินจิงจื่อหานได้เพียงฉิวเฉียด แต่ยังไม่ทันได้โต้กลับ หมัดอีกข้างของเฉินจิ้งจื่อหานหมัดอีกข้างก็พุ่งเข้าใส่ทันทียังคงเป็นหมัดดาวสวรรค์สยบมารอันทรงพลัง ป้าเทียนถึงกับมองเห็นอย่างลางๆ ที่เหนือหมัดดาวสวรรค์สยบมารของเฉินจิงจื่อหานมีดาวเคราะห์สีแดงเพลิงขนาดมหึมาความร้อนแผ่ซ่าน ทำให้เขารู้สึกว่าผิวหนังกำลังร้อนแสบหมัดนี้ เขาหลบไม่ทัน จึงทำได้แค่รับมันไว้อย่างเต็มแรงหมัดราชันย์!!!แต่ป้าเทียนก็ไม่ยอมแพ้สวนกลับด้วยหมัดราชันย์ สุดยอดไม้ตายของมังกรทลายฟ้าฟาดใส่เเฉินจิงจื่อหานเต็มแรงเฉินจิงจื่อหานเผยสีหน้าเหยียดหยามถึงหมัดของป้าเทียนจะดูทรงพลังไม่น้อยแต่หากเทียบกับ หมัดดาวสวรรค์สยบมาร หนึ่งในสุดยอดวิชาของสำนักดาวสวรรค์แล้ว ยังห่างกันเกินไป และไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำและที่สำคัญ ตอนนี้เฉินจิงจื่อหานยังมีศาสตราเทพมายาที่พ่อมอบให้---เปลวตะวันสนับมือถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อใช้คู่กับหมัดดาวสวรรค์สยบมาร เมื่อทั้งสองผสานรวมกัน พลังจะยิ่งรุนแรงยิ่งกว่าเดิมแม้จะยังเทียบไม่ได้กับตอนที่หลินตงใช้ดาบกำราบมารร่ายวิชาดาบกำราบมารแต่ถึงอย่างนั
ไม่แน่อาจจะมีชิ้นที่สาม หรือชิ้นที่สี่ก็ได้และคนที่ดีใจที่สุดท่ามกลางทุกคน คงหนีไม่พ้นป้าเทียนแห่งมังกรทลายฟ้าเขามีวิชาหมัดราชันย์ ซึ่งต้องอาศัยสนับมือช่วยเสริมพลัง จึงจะสามารถปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ไม่ทันได้ออกแรง ก็มีคนเอามาประเคนถึงหน้าสนับมือศาสตราเทพมายาคู่นั้น ต้องเป็นของเขาป้าเทียนเมื่อได้สนับมือมาครอบครองแล้ว พลังของหมัดราชันย์ จะต้องเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างแน่นอน“ฮ่าๆ นึกไม่ถึงจริงๆ พวกแกรู้ได้ยังไงว่า ฉันกำลังต้องการสนับมือศาสตราเทพมายาอยู่? ถึงกับรีบเอามาส่งให้ฉันถึงที่ ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่เกรงใจล่ะนะ สนับมือคู่นี้ ใครก็ห้ามแย่ง ส่วนของอย่างอื่น ฉันไม่ต้องการ” ป้าเทียนพูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง“ได้เลย! ป้าเทียน! สนับมือคู่นี้ให้คุณ ส่วนศาสตราเทพมายาชิ้นอื่น ไม่ว่าจะมีอีกกี่ชิ้น คุณห้ามแตะต้องเด็ดขาด”“ใช่! ป้าเทียน สนับมือคู่นั้นให้คุณ แล้วต่อให้หลินตงไม่มีศาสตราเทพมายาเหลืออีก เราก็จะไม่แย่งกับคุณ แต่คุณก็ต้องให้สัญญาว่า จะเอาแค่สนับมือเท่านั้น”“ตกลง!!! ฉันจะเอาแค่สนับมือ ส่วนของชิ้นอื่นให้พวกคุณ” ป้าเทียนตอบกลับ"สัญญา!!!""สัญญา!!!"“ดูท่าพวกแก
ท่ามกลางฝูงอสูรยักษ์สีทองอาณาจักรนิรันดระดับเซียนเดินดินกว่าสิบตัวที่ล้อมรอบอยู่ ทุกตัวดูฮึกเหิมและพร้อมเปิดฉากโจมตีหลินตงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย และพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ฉันคิดไว้อย่างดีแล้ว ก็อยากให้พวกนายได้ศาสตราเทพมายามากกว่านี้เหมือนกัน แต่มันก็ช่วยไม่ได้! หามาได้แค่อันเดียวเอง ฉันก็ไม่ใช่นักมายากล จะเสกของตามใจพวกนายได้ยังไง""ทุกคน! ดูท่าหลินตงจะไม่คิดยกศาสตราเทพมายาให้ พวกเราจะรออะไรกันอีก ลงมือเลยเถอะ! แค่ฆ่าหลินตงให้ได้ ไม่ว่าเขาจะมีศาสตราเทพมายากี่ชิ้น สุดท้ายก็เป็นของพวกเราทั้งนั้นแหละ!" หยวนหมิงที่อยู่ข้างๆ เร่งเร้าเขาอยากจัดการหลินตงให้จบๆ โดยเร็วถ้าปล่อยไว้นานเกินไป อาจมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้เพราะหยวนหมิงสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ระดับเดียวกันมากมายขนาดนี้หลินตงไม่เผยความกลัวแม้แต่น้อย มีเพียงความเยือกเย็นส่วนชายหนุ่มที่มากับเขา ก็แสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมาแค่แวบเดียวแม้สีหน้านั้นจะปรากฏเพียงแวบเดียว แต่ก็ยังถูกหยวนหมิงสังเกตเห็นที่เกิดสถานการณ์แบบนี้ไม่อย่างนั้นสองคนนี้ก็ซื่อบื้อมากหรือไม่ก็ยังไม่ได้เอาไ