ความรู้สึกที่ซับซ้อนและขัดแย้งเหล่านั้นทำให้ในช่วงเวลานั้นลั่วหัวเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าควรช่วยใครดีฉู่เฉินยิ้มบาง เหลือบมองลั่วเทียนเต๋อแวบหนึ่งก่อนกล่าวขึ้นว่า “เป็นผู้ชายก็ต้องมีศักดิ์ศรี คนเขาอยู่เป็นม่ายมาถึงสิบสามปีก็ไม่ง่ายเลย”“ถ้าเป็นผม ป่านนี้คงเลี้ยงสัตว์บนหัวคุณไปนานแล้ว คุณยังไม่พอใจอะไรอีก”กล่าวจบ ฉู่เฉินไม่แม้แต่จะปรายตามองลั่วเทียนเต๋ออีก แต่กลับหันไปมองหลินเยว่หรูพร้อมกล่าวว่า “วางใจเถอะครับ ผมเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ในเมื่อรับปากว่าจะรักษาลูกชายของคุณแล้ว ก็จะทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนคนปกติให้ได้”“หืม?”ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป ลั่วเทียนเต๋อและหลินเยว่หรูต่างชะงักไปทันที ดูเหมือนว่าคำพูดของฉู่เฉินจะมีนัยแอบแฝงอยู่“ฉู่เฉิน... แก... แกหมายความว่ายังไง? อะไรคือเหมือนคนปกติ?”หลินเยว่หรูเอ่ยถามด้วยไม่สบายใจฉู่เฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “คุณนายลั่วเกรงว่าจะยังไม่รู้สินะ ว่าลูกชายของคุณลั่วเสี่ยวเทียนไม่ได้เป็นผู้ชายตั้งแต่เกิด”ซี้ดๆ!เมื่อหลินเยว่หรูได้ยินเช่นนี้ ถึงกับชะงักไปทันทีแต่ไม่นาน หลินเยว่หรูก็หวนรำลึกถึงเรื่องราวต่างๆ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา บรรดาคุณหนูจากตระกูล
“มีอะไรที่ผมไม่กล้าบ้าง”หลินเยว่หรูใบหน้าเย็นชาเฉยเมย จ้องเขม็งใส่ฉู่เฉินพร้อมเอามือเท้าเอว“ลูกชายของคุณเกิดมาก็ไม่สมดุลแล้ว หากไม่การรักษาอย่างทันท่วงทีละก็ ต่อให้ผมไม่ฆ่าเขา เขาก็อยู่ไม่เกินยี่สิบแปดหรอก”“ในโลกนี้คนที่สามารถช่วยเขาให้ไม่ตายได้ ก็มีแค่ผม ถ้าผมตายไปแล้ว ลูกชายของคุณก็ตายไปพร้อมกับผมเหมือนกัน ตอนนี้คุณก็ลองคิดให้ดีว่าควรจะเล่นงานผมอยู่อีกไหม”ฉู่เฉินใช้สายตาคุกคามจ้องมองหลินเยว่หรูขณะกล่าว“อะไร? เกิดมาก็ไม่สมดุล? แก...แกรู้ทุกอย่างได้ยังไง?”หลินเยว่หรูไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองขึ้นมาแล้วจริง ๆตั้งแต่เด็ก ลั่วเสี่ยวเทียนก็รูปร่างเล็ก ลั่วเทียนเต๋อและหลินเยว่หรูเห็นแล้วก็วิตกกังวล จึงเชิญแพทย์ชื่อดังมากมายมารักษาลั่วเสี่ยวเทียนหนึ่งในนั้นก็มีหนึ่งในสามผู้ที่มีความชำนาญการระดับประเทศ หมอเทวดาจ้าวเมืองหลงจิง อีกทั้งหมอเทวดาจ้าวยังพูดกับปากว่าอาการของลั่วเสี่ยวเทียนก็คือการที่เกิดมาร่างกายไม่สมดุลแต่ฉู่เฉินยังไม่เคยดูอาการให้ลั่วเสี่ยวเทียน มองออกทุกสิ่งทุกอย่างแค่จากการดูการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เพียงอย่างเดียวเหรอ?หลินเยว่หรูชักจะสงสัยในตัวฉู่เฉิน ว่ามีทักษะก
แต่สิ่งที่ทำให้ฉู่เฉินคิดไม่ถึงมากยิ่งกว่าก็คือ ทางครอบครัวฝั่งหลินเยว่หรูเหมือนจะมีเบื้องหลังอยู่บ้างเลยทีเดียว จึงไม่เห็นวังเทียนเจี้ยนอยู่ในสายตาสักนิดผู้หญิงคนนี้มีของจริง ๆในระหว่างที่ฉู่เฉินกำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง หลินเยว่หรูก็หันหน้ามามองฉู่เฉินอีกครั้งและกล่าว “งั้นแกจะไปช่วยลูกชายฉันตอนไหน?”เพื่อลูกชายสุดที่รักอย่างลั่วเสี่ยวเทียนแล้ว หลิเยว่หรูก็ทุ่มให้ได้ทั้งหมดไม่ว่าอะไรก็ตาม ต่อให้เธอต้องขึ้นเตียงกับฉู่เฉินตอนนี้ก็ไม่ลังเล“ในไม่ช้า คุณนายหลั่วแค่รอคอยอย่างอดทนก็พอแล้ว”ฉู่เฉินยิ้ม ๆ ให้หลินเยว่หรู จากนั้นก็ทิ้งไว้เพียงแผ่นหลังงามสง่าให้ครอบครัวลั่วเทียนเต๋อ……ฉู่เฉินเพิ่งจะกลับมาถึงวิลล่าเฟิ่งหมิง ก็ใช้นิ้วเรียกเจ้าทึ่มมานี่“นายท่าน”น้ำเสียงของเจ้าทึ่มมีความแหบแห้ง และประกายความคมกริบสีฟ้าอ่อนในดวงตาตั้งแต่แรกเริ่ม เขาก็รอฉู่เฉินออกคำสั่งอยู่ตลอดเวลา แต่จนกระทั่งครอบครัวตระกูลลั่วจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินก็ยังไม่สั่งให้เขาลงมือเขาน้ำลายสอเต็มทนแล้วจริง ๆลั่วเทียนเต๋อและลั่วหัวเอ๋อร์ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นสองและขั้นสาม โดยเฉพาะหลินเยว่หรูนั้
อากาศร้อนมาก คนรับใช้ตระกูลลั่วและบอดีการ์ดต่างนอนกลางวันภายในห้องของตนเอง ใครจะไปคิดว่าฉู่เฉินจะรักษาเวลาขนาดนี้ เมื่อวานเพิ่งจะพูดคุยเรื่องเงื่อนไข วันนี้ก็มาหาถึงบ้านอย่างรวดเร็วแบบนี้แล้ว?ลั่วเทียนเต๋อหลับสนิทกรนครอก ๆ ไม่รู้เลยสักนิดว่ากำลังจะโดนสวมเขาอย่างร้ายแรง ซึ่งเขานั้นได้อยู่บนหัวเรียบร้อยแล้วฉู่เฉินตามหาสักพักใหญ่ก็ไม่พบเงาของลั่วหัวเอ๋อร์ ภายในห้องรับแขกกว้างใหญ่ก็มีแค่หลินเยว่หรูอยู่เพียงคนเดียวหลินเยว่หรูในขณะนี้ สวมชุดกี่เพ้าผ้าไหม กระโปรงผ่าข้างจนถึงต้นขา จนมองเห็นขอบถุงน่องนั้นได้อย่างชัดเจนหลินเยว่หรูดูรายการทีวีพร้อมปอกแอปเปิลไปพลาง นั่งโดยการวางเท้าเล็ก ๆ นั้นไว้บนโต๊ะเล็ก และปล่อยให้ลมเย็น ๆ พัดใต้กระโปรงยังไม่ทันที่หลินเยว่หรูได้มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา ก็เห็นเงาของคนมาปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเธออย่างกะทันหัน วินาทีต่อมา หลินเยว่หรูก็เผลอกรีดร้องด้วยความตกใจ“ใคร!”ฉู่เฉินไม่รอให้เธอได้ขัดขืน จึงโอบตัวเธอไว้ในอ้อมแขน“แกนี่เอง? แก…แกกล้ามากนะ ลั่วเทียนเต๋อและหัวเอ๋อร์ก็อยู่ที่บ้าน แก…แกทำไมถึงกล้า…”หลินเยว่หรูตกใจจนนิ่งอึ้งกับการปรากฏตัวอย่างกะทันห
“แม่คะ?”ลั่วหัวเอ๋อร์เดินพร้อมกับเรียกหาในห้องนอนของหลินเยว่หรูแต่ผ่านไปนานสักพักใหญ่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากหลินเยว่หรู ลั่วหัวเอ๋อร์จึงผลักประตูห้องนอนของหลินเยว่หรูเข้าไปด้วยความสงสัย ก็พบกับความว่างเปล่าไม่มีคนอยู่ จึงพึมพำด้วยความงง “เอ๋? ยังตอนเช้าอยู่เลย ไปไหนกันหมดนะ?”ขณะลั่วหัวเอ๋อร์กล่าวขึ้นก็ผลักประตูอีกบานของห้องนอนอีกห้องอีกครั้ง“แม่?”เมื่อเห็นว่าภายในห้องนอนก็ไม่มีใครสักคน ลั่วหัวเอ๋อร์มีสีหน้าเต็มไปด้วยความฉงนสงสัยไม่หายเดินวนหาอีกหนึ่งรอบก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินเยว่หรู ลั่วหัวเอ๋อร์จึงเริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที แล้วเดินไปทางห้องของตัวเองได้ยินเสียงเดินระหว่างทางเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หลินเยว่หรูร้อนใจจนหน้าแดงระเรื่อ ผลักตัวฉู่เฉินออกและกล่าว “ฉู่เฉิน ไม่ได้นะ ห้ามให้หัวเอ๋อร์เห็นเด็ดขาด”ฉู่เฉินเห็นสีหน้าท่าทางร้อนใจของหลินเยว่หรูแล้วจึงผละตัวออกพร้อมยิ้มร้ายกล่าว “เฮ้อ ถึงยังไงในไม่ช้าก็เร็วพวกคุณสองแม่ลูกก็เป็นคนของผมวันยังค่ำ กลัวอะไรกัน”ฮะ?หลินเยว่หรูได้ยินคำพูดนี้แล้วก็อึ้งไปในทันทีแต่เธอจะไปมีเวลาถามที่ไหน รีบผลักฉู่เฉินออกและกล่าว “ไม่มีเวล
ลั่วหัวเอ๋อร์ไปต้มกุ้งล็อบสเตอร์แล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมแป๊บเดียวก็กลับมาแล้วล่ะ?หลินเยว่หรูแทบอยากจะมอบฝ่ามือให้ลั่วหัวเอ๋อร์สักสองทีจริง ๆ ทำอะไรก็ตามไม่ตั้งใจเกินไปแล้ว ในอนาคตยังจะแต่งออกไปได้ยังไง?ลั่วหัวเอ๋อร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ปลดกระดุมเสื้อและถอดเสื้อคาร์ดิคุณนถักออก สิ่งที่เหลืออยู่บนร่างกายของเธอคือแผ่นหลังอันสวยงาม รูปร่างที่น่าภาคภูมิใจและผิวขาวราวหิมะของเธอ ถูกเปิดเผยจดหมดเปลือกในทันที“อะ…เหนื่อยจะตายแล้ว”ขณะกล่าว ลั่วหัวเอ๋อร์ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดใหญ่ที่อ่อนนุ่มทันที ยืดบิดตัวกางแขนกางขา หมุนไหล่หมุนคอผ่อนคลายสักครู่ และหรี่ตาพูดขึ้นว่า “ทั้งเหนื่อยและร้อน ฉันไม่ไหวแล้ว ต้องนอนสักหน่อย…”ขณะพูดเธอก็หาท่าที่สบายที่สุดแล้วพลิกตัว เพลิดเพลินกับช่วงเวลาอันดีงามแต่ขณะนี้หลินเยว่หรูกลับรู้สึกตื่นเต้นและกังวลในเวลาเดียวกัน จ้องเขม็งไปยังลั่วหัวเอ๋อร์ด้วยความประหม่าผ่านช่องว่างระหว่างประตูตู้เสื้อผ้าเธอร้อนใจมากจริง ๆ นะ ลั่วหัวเอ๋อร์มาทำตัวต่างจากปกติอะไรวันนี้โดยทั่วไปเธอแทบจะไม่นอนกลางวันเลย วันนี้มันบังเอิญอะไรกันนะ?ส่วนฉู่เฉินก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ออกแรง
หลินเยว่หรูมองไปยังทิศทางที่แผ่นหลังของฉู่เฉินหายลับไป ใบหน้าสวยฉายแววเย็นชาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงเบาไม่มีทางเลือก สิ่งที่เธอต้องเสียมันมากเหลือเกินจริง ๆหลังจากพักผ่อนอยู่อีกครู่ใหญ่ หลินเยว่หรูก็ลากร่างกายที่อ่อนล้าเข้าไปในห้องอาบน้ำเพื่อจัดการกับตัวเองโดยไม่ทันได้คิดอะไรมาก หลินเยว่หรูหยิบยาลูกกลอนสองเม็ดที่ฉู่เฉินมอบเธอให้ แล้วมุ่งหน้าไปยังห้องของลั่วเสี่ยวเทียนแต่เพียงก้าวออกไปไม่กี่ก้าว สองขาของหลินเยว่หรูก็พลันอ่อนแรงลงจนเกือบล้มลงตรงนั้น ด้วยความจนใจ เธอจึงต้องพิงกำแพงเดินไปในตอนนี้เอง ลั่วหัวเอ๋อร์พิ่งเดินออกมาจากห้องครัวพอดี พอเห็นหลินเยว่หรูเดินพิงกำแพงมาก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “แม่คะ... นี่แม่... เกิดอะไรขึ้น?”“เหงื่อออกทั้งตัวขนาดนี้ แล้วทำไมยังเดินขากะเผลกอย่างนี้อีก?”หลินเยว่หรูเป็นถึงยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่แปด แล้วใครจะสามารถทำให้แม่บาดเจ็บแบบนี้ได้?ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังเป็นบ้านของตัวเอง ลั่วหัวเอ๋อร์ที่ไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้ใดๆ ดังนั้นจึงยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก“ไม่มีอะไรหรอก... แม่... แม่เพิ่งฝึกท่าหมัดเมื่อกี้แล้วพลาดจนทำให้เอวเคล็ด...”ระหว
แทบจะเรียกได้ว่าในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมง ข่าวที่ฉู่เฉินใช้วิชาของสำนักเทียนเยว่สังหารคุณชายเซียวเหยาและหลิงเฟิงก็แพร่กระจายทั่วเมืองใหญ่ในภูเขาสือว่านและภูเขาหลางจวีซวี รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่น้อย“ท่านธรรมาจารย์ ศิษย์พี่... ศิษย์พี่ถูกเจ้าหนูฉู่เฉินนั่นฆ่าตายแล้ว”ในขณะที่ธรรมาจารย์ สำนักชิงอวิ๋นยังปิดด่านบำเพ็ญ ศิษย์คนหนึ่งของสำนักชิงอวิ๋นก็รีบวิ่งพรวดเข้ามาในห้องลับและกล่าวด้วยสีหน้าโศกเศร้าและคับแค้นใจ“อะไรนะ?”คนในสำนักชิงอวิ๋นลืมตาขึ้นทันที ดวงตาทั้งสองข้างฉายแววโหดเหี้ยม มองศิษย์สำนักชิงอวิ๋นตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ“ศิษย์พี่ใหญ่ถูกฉู่เฉินฆ่าตายแล้ว แถมแม้แต่หลิงเฟิงแห่งวังเทียนเจี้ยนก็ตายแล้วครับ”ศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นคนนั้นพูดด้วยเสียงสั่นเครือ“เป็นไปไม่ได้!”เมื่อคนสำนักชิงอวิ๋นได้ยินก็ลุกขึ้นยืนทันทีไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่เชื่อว่าผู้บำเพ็ญอิสระจากโลกมนุษย์คนหนึ่งจะสามารถฆ่าศิษย์ที่เขาฝึกสอนมากับมือลงได้คุณชายเซียวเหยามีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นที่แปดเลยนะ!ต่อให้ฉู่เฉินเก่งกาจอย่างไร แต่ในสภาพแวดล้อมในโลกมนุษย์ที่แม้แต่มรดกวิชาก็ยังไม่สมบูรณ์ เขาในวัยแค่นี้ก็
“คุณแสร้งเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เมื่อคืนคุณยังดูฝืนใจอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? เพิ่งผ่านไปแค่หนึ่งวัน เปลี่ยนเยอะเกินไปหน่อยมั้ง”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็ค่อยๆ ผลักหลิงเสวี่ยออกและมองสำรวจเธอด้วยสายตาพิจารณา“ฉันแค่อยากจะยืนยันเรื่องหนึ่ง”หลิงเสวี่ยเม้มริมฝีปากสีแดง แต่มือยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ในพริบตาเดียวก็ฉีกกางเกงของฉู่เฉินออกอย่างรวดเร็วคล่องแคล่วถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อวานฉู่เฉินได้ทดลองขับเองแล้ว ส่วนใหญ่คงคิดว่าหลิงเสวี่ยเป็นคนที่ชำนาญไม่รอให้ฉู่เฉินเอ่ยปาก โทรศัพท์มือถือข้างตัวก็ดังขึ้น เมื่อก้มมองลงไปก็เห็นว่าเป็นสายจากหลินเยว่หรู ฉู่เฉินดึงกางเกงที่ถูกหลิงเสวี่ยฉีกออก ก่อนเดินไปยังอีกด้านหนึ่งแล้วรับโทรศัพท์“คุณฉู่ ฉันอยู่ห้องข้างๆ ห้องคุณนี่เอง เดี๋ยวฉันส่งหมายเลขห้องให้คุณนะคะ”ทันทีที่รับสายก็ได้ยินเสียงหอบหายใจเย้ายวนของหลินเยว่หรูดังมาจากอีกฝั่งซี้ด!ฉู่เฉินสามารถสัมผัสถึงไฟปรารถนาของหลินเยว่หรูผ่านทางสายโทรศัพท์ได้ติ๊ง!วินาทีต่อมา โทรศัพท์มือถือของฉู่เฉินก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น เป็นข้อความจากหลินเยว่หรูที่มีแค่หมายเลขห้องง่ายๆ หมายเลขเดียวฉู่เฉินเก็บโทรศัพท์ ดึงกางเกง
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ลั่วหัวเอ๋อร์อาบน้ำอุ่นแล้ว นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวและนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าการขอความช่วยเหลือจากฉู่เฉินดูจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือนักจึงหยิบโทรศัพท์โทรหาคุณตาหลินเจิ้งไท่ทันทีอย่ามองว่าโลกแห่งการหยั่งรู้จะเป็นโลกนอกอาณาเขต แต่สัญญาณโทรศัพท์ก็ยังเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็ว จากนั้น ปลายสายก็มีเสียงหนักแน่นของหลินเจิ้งไท่ดังขึ้น “หัวเอ๋อร์ใช่ไหม?”“คุณตา หนูเองค่ะ”ลั่วหัวเอ๋อร์ตอบรับ แล้วจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตระกูลลั่วให้หลินเจิ้งไท่ฟังอย่างละเอียดสุดท้ายเธอก็กล่าวกับหลินเจิ้งไท่ว่า “คุณตาคะ หนูเป็นห่วงว่าคนแซ่ฉู่ที่แม่เรียกมาอาจจะแก้ปัญหาของตระกูลลั่วไม่ได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้หนูกับแม่จะหนีออกมาแล้ว แต่น้องชายของหนูก็ยังพักรักษาตัวอยู่ในบ้านค่ะ”“อีกอย่าง ก็ไม่สามารถปล่อยให้พ่อของหนูเป็นอะไรไปได้ ไม่งั้นคุณตาก็มาที่นี่ด้วยตัวเองได้ไหมคะ?”หลินเจิ้งไท่อีกฝั่งเงียบไปนาน จากนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “หัวเอ๋อร์ หลานคิดมากไปแล้ว มีคุณฉู่อยู่ เขาเก่งกว่าตาของหลานมากนัก แต่...”หลินเจิ้งไท่เล็กน้อย ก่อนจะกล่
เพียะ!เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกครั้ง ตู้หรงเฉิงถูกฉู่เฉินตบจนล้มคว่ำลงกับพื้น หน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรงจนหัวโนห้อเลือดขนาดเท่าลูกซาลาเปาทันที!ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เดิมนั้น ขณะนี้ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งอายุวัฒนะในภาพวาด“แม่งเอ๊ย คนชั้นต่ำอย่างแกร่วมมือกับเขาใช่ไหม! ยังไม่ไสหัวไปอีก!”ตู้หรงเฉิงกุมศีรษะตรงที่ปูดโนขึ้นมา กัดฟันจ้องมองผู้หญิงเจ้ามารยา และพยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบากเขาเป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลตู้ กลับถูกทำให้เสียหน้า ความแค้นนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องชำระ!เพียงข้างกายเขาไม่มียอดฝีมืออยู่ จึงทำอะไรฉู่เฉินไม่ได้เลยดังคำกล่าวที่ว่าคนฉลาดจะไม่ดันทุรังในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ตู้หรงเฉิงจึงตัดสินใจและคุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉินเสียงดังตุบ“ท่านผู้อาวุโส เป็นความผิดของผมที่ตาไร้แววมารบกวนการพักผ่อนของท่านผู้อาวุโส หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะจะไม่ถือโทษ และโปรดยกโทษให้ผมสักครั้งด้วยเถอะครับ”ตู้หรงเฉิงสมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลผู้บำเพ็ญพรต เข้าใจความหมายของคำสี่คำอย่างประนีประนอมอย่างถ่องแท้ ก่อนจะก้มศีรษะโขกพื้นเสียงดังปั่กๆ ๆโดยไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นฉากนี้ กลุ่มชายหนุ่ม
ปัง!สิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง ฉู่เฉินก็ลุกขึ้นทันที จิกผมเขาและกระแทกกับโต๊ะน้ำชาอย่างแรง!เมื่อเกิดเสียงดังปังขึ้น โต๊ะน้ำชากระจกในโซนพักผ่อนก็ถูกตู้หรงเฉิงกระแทกจนแตกละเอียด“ตระกูลตู้เก่งมากเลยงั้นเหรอ? ใครให้คุณกล้าเข้ามาถึงก็โวยวายเสียงดัง?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็จิกผมของตู้หรงเฉิงแล้วดึงเขาขึ้นมาจากพื้น ในขณะนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของตู้หรงเฉิงเต็มไปด้วยเศษแก้วและคราบเลือดเขาตกตะลึงไปทั้งคน ไม่ว่าจะมองยังไง ฉู่เฉินก็ไม่ดูเหมือนคนที่จะใช้กำลังเมื่อมีเรื่องขัดแย้งยิ่งกว่านั้น เมื่อกี้เขาได้แสดงตัวแล้วว่าเขาคือคุณชายของตระกูลตู้ฉู่เฉินกล้าลงมือกับเขาได้ยังไง?“แค่ตระกูลผู้บำเพ็ญพรตเล็กๆ ก็คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานแล้วงั้นเหรอ? ยังกล้าเข้ามายุ่งกับชู้รักของผมอีก คุณรู้สึกว่าชีวิตยาวนานไปหรือว่าอยากตายตั้งแต่ยังหนุ่ม? ”ทันทีที่คำเหล่านี้กล่าวออกมา สีหน้าของหลิงเสวี่ยก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาทันทีเธอได้กลายเป็นชู้รักของฉู่เฉินได้ยังไง?เมื่อคืนเธอโดนบังคับไม่ใช่เหรอ?“แก…แกกล้า…”พลั่ก!ไม่รอให้ตู้หรงเฉิงกล่าวจบ ฉู่เฉินก็ได้จิกผมของเขาแล้วตีเข่าใส่ร่างของตู้หรงเฉิงหงายหลังอย่างแรง ถู
ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญเพียร ต่อให้เป็นคนที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดก็มีพลังฝึกปรือราว ๆ ระดับหลอมปราณชั้นแปดต่อให้เป็นปรมาจารย์ที่สามารถสั่นคลอนทั้งเมือง เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย และตู้หรงเฉิงก็เป็นตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดในกลุ่มพวกเขา ด่าตู้หรงเฉิงก็เท่ากับด่าพวกเขาทุกคน!สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาดูไม่ออกจริง ๆ ว่าฉู่เฉินมีอะไรโดดเด่นเหนือคนอื่น ราวกับว่าไม่มีแม้กระทั่งคลื่นพลังลมปราณเลยสักนิดดัยว คนธรรมดาคนหนึ่งถึงกับกล้าสบประมาทผู้บำเพ็ญเพียรเนี่ยนะ? “ไอ้หนู คุณบ้าดีเดือดมากเลยนะ”ตู้หรงเฉิงหรี่ตา ลมปราณระดับสร้างรากฐานชั้นหนึ่งรอบกายพลันระเบิดออกมา พรืด!หลิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างฉู่เฉินเห็นแบบนั้นก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมาทันทีระดับสร้างฐานชั้นหนึ่งก็ไม่เลวจริง ๆ แต่นั่นต้องดูด้วยว่าเทียบกับใคร อย่าว่าแต่ฉู่เฉินเลย แค่เธอก็สามารถตบตู้หรงเฉิงให้ตายได้ในฝ่ามือเดียว! เพียงแต่ว่า ตอนที่ออกจากโลกแห่งการหยั่งรู้ ฉู่เฉินใช้ยันต์ซ่อนวิญญาณเก็บซ่อนลมปราณของพวกเธอสองคนไว้ ดังนั้นดูแล้วถึงไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาต้องพูดว
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินซานก็อึ้งไปด้านหนึ่งคือหลินเยว่หรูกับลั่วหัวเอ๋อร์เข้าพักแล้ว อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่หลินเยว่หรูเชิญมาจะปล่อยให้ฉู่เฉินถูกเมินตรงนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?แต่ตู้หรงเฉิงคนนี้ หลินซานเองก็ล่วงเกินไม่ไหวเช่นกันต่อให้เป็นตระกูลหลินก็ต้องไว้หน้าตระกูลตู้เล็กน้อย ถึงอย่างไรคนหนุนหลังของตระกูลตู้ก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดาพอเห็นหลินซานอึ้งอยู่กับที่ ตู้หรงเฉิงก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ว่ายังไง ลูกน้องตระกูลหลินอย่างคุณกล้าไม่ไว้หน้าผมด้วยเหรอ?” เมื่อคำพูดนี้ออกมา กลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ ก็พากันมองไปทางหลินซานด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ในขณะเดียวกัน ชายร่างกำยำที่แต่งกายทะ มัดทะแมงไว้ผมเกรียนคนหนึ่งก็มองหลินซานอย่างพิจารณาด้วยสายตาเย็นชาหลังจากสิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง“คุณชายตู้เข้าใจผิดแล้วครับ ผะ...ผมแค่...”ในตอนนี้เอง ชายร่างท้วมวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะเอ่ยตัดบทหลินซานว่า “ท่านทั้งหลาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”ตู้หรงเฉิงหันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเล็กน้อยว่า “คุณเป็นเจ้าของ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย