ฉู่เฉินสำรวจเรือนร่างอันเย้ายวนของหลินเยว่หรู ก่อนจะกวาดตามองใบหน้ารูปไข่ที่ยังคงยังสวยไม่สร่าง ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วกล่าวว่า “คุณนายลั่ว คุณคงไม่ได้คิดจะสู้กันจนตายไปข้างหนึ่งกับผมจริงๆ หรอกนะ?”“ถุย!”หลินเยว่หรูถ่มน้ำลายอย่างรุนแรง กล่าวว่า “วันนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องเอาคืนฝ่ามือเมื่อกี้ให้ได้!”เธอทั้งอายทั้งโกรธแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือฝ่ามือของฉู่เฉินเมื่อกี้ เหมือนการโยนก้อนหินก้อนใหญ่ลงในสระน้ำที่สงบนิ่ง ทำให้ประกายไฟที่ถูกเก็บไว้ในใจมานานหลายปีลุกโชนขึ้นมาทันทีตอนนี้หลินเยว่หรูโกรธจัด ความรู้สึกที่ทั้งอยาก ทั้งเกลียด และทำอะไรฉู่เฉินไม่ได้นั้น ใกล้จะทำให้เธอคลั่งอยู่แล้ว“ทำไม คุณนายลั่วไม่อยากช่วยลูกชายของคุณแล้วเหรอ?”ฉู่เฉินยกยิ้มมุมปาก ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะกล่าวต่อ “แม้จะเป็นหญิงวัยกลางคน แต่คุณนายลั่วก็ยังคงสวยโดยธรรมชาติ ทำให้ผู้คนหลงใหล”ซี้ด!เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ลั่วเทียนเต๋อก็รู้สึกแย่มากฉู่เฉินเด็กเลวนี่ ต่อหน้าคนตั้งมากมาย ยังกล้ามาจีบภรรยาของเขา?“เยว่หรู อย่าไปฟังเจ้าเด็กนี่พูดจาเหลวไหลเลย ถ้าไม่ได้จริงๆ เรา... เราก็ส่งลูกไปที่วังเทียนเจี้ยน พวกเ
ความรู้สึกที่ซับซ้อนและขัดแย้งเหล่านั้นทำให้ในช่วงเวลานั้นลั่วหัวเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าควรช่วยใครดีฉู่เฉินยิ้มบาง เหลือบมองลั่วเทียนเต๋อแวบหนึ่งก่อนกล่าวขึ้นว่า “เป็นผู้ชายก็ต้องมีศักดิ์ศรี คนเขาอยู่เป็นม่ายมาถึงสิบสามปีก็ไม่ง่ายเลย”“ถ้าเป็นผม ป่านนี้คงเลี้ยงสัตว์บนหัวคุณไปนานแล้ว คุณยังไม่พอใจอะไรอีก”กล่าวจบ ฉู่เฉินไม่แม้แต่จะปรายตามองลั่วเทียนเต๋ออีก แต่กลับหันไปมองหลินเยว่หรูพร้อมกล่าวว่า “วางใจเถอะครับ ผมเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ในเมื่อรับปากว่าจะรักษาลูกชายของคุณแล้ว ก็จะทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนคนปกติให้ได้”“หืม?”ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป ลั่วเทียนเต๋อและหลินเยว่หรูต่างชะงักไปทันที ดูเหมือนว่าคำพูดของฉู่เฉินจะมีนัยแอบแฝงอยู่“ฉู่เฉิน... แก... แกหมายความว่ายังไง? อะไรคือเหมือนคนปกติ?”หลินเยว่หรูเอ่ยถามด้วยไม่สบายใจฉู่เฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “คุณนายลั่วเกรงว่าจะยังไม่รู้สินะ ว่าลูกชายของคุณลั่วเสี่ยวเทียนไม่ได้เป็นผู้ชายตั้งแต่เกิด”ซี้ดๆ!เมื่อหลินเยว่หรูได้ยินเช่นนี้ ถึงกับชะงักไปทันทีแต่ไม่นาน หลินเยว่หรูก็หวนรำลึกถึงเรื่องราวต่างๆ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา บรรดาคุณหนูจากตระกูล
“มีอะไรที่ผมไม่กล้าบ้าง”หลินเยว่หรูใบหน้าเย็นชาเฉยเมย จ้องเขม็งใส่ฉู่เฉินพร้อมเอามือเท้าเอว“ลูกชายของคุณเกิดมาก็ไม่สมดุลแล้ว หากไม่การรักษาอย่างทันท่วงทีละก็ ต่อให้ผมไม่ฆ่าเขา เขาก็อยู่ไม่เกินยี่สิบแปดหรอก”“ในโลกนี้คนที่สามารถช่วยเขาให้ไม่ตายได้ ก็มีแค่ผม ถ้าผมตายไปแล้ว ลูกชายของคุณก็ตายไปพร้อมกับผมเหมือนกัน ตอนนี้คุณก็ลองคิดให้ดีว่าควรจะเล่นงานผมอยู่อีกไหม”ฉู่เฉินใช้สายตาคุกคามจ้องมองหลินเยว่หรูขณะกล่าว“อะไร? เกิดมาก็ไม่สมดุล? แก...แกรู้ทุกอย่างได้ยังไง?”หลินเยว่หรูไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองขึ้นมาแล้วจริง ๆตั้งแต่เด็ก ลั่วเสี่ยวเทียนก็รูปร่างเล็ก ลั่วเทียนเต๋อและหลินเยว่หรูเห็นแล้วก็วิตกกังวล จึงเชิญแพทย์ชื่อดังมากมายมารักษาลั่วเสี่ยวเทียนหนึ่งในนั้นก็มีหนึ่งในสามผู้ที่มีความชำนาญการระดับประเทศ หมอเทวดาจ้าวเมืองหลงจิง อีกทั้งหมอเทวดาจ้าวยังพูดกับปากว่าอาการของลั่วเสี่ยวเทียนก็คือการที่เกิดมาร่างกายไม่สมดุลแต่ฉู่เฉินยังไม่เคยดูอาการให้ลั่วเสี่ยวเทียน มองออกทุกสิ่งทุกอย่างแค่จากการดูการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เพียงอย่างเดียวเหรอ?หลินเยว่หรูชักจะสงสัยในตัวฉู่เฉิน ว่ามีทักษะก
แต่สิ่งที่ทำให้ฉู่เฉินคิดไม่ถึงมากยิ่งกว่าก็คือ ทางครอบครัวฝั่งหลินเยว่หรูเหมือนจะมีเบื้องหลังอยู่บ้างเลยทีเดียว จึงไม่เห็นวังเทียนเจี้ยนอยู่ในสายตาสักนิดผู้หญิงคนนี้มีของจริง ๆในระหว่างที่ฉู่เฉินกำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง หลินเยว่หรูก็หันหน้ามามองฉู่เฉินอีกครั้งและกล่าว “งั้นแกจะไปช่วยลูกชายฉันตอนไหน?”เพื่อลูกชายสุดที่รักอย่างลั่วเสี่ยวเทียนแล้ว หลิเยว่หรูก็ทุ่มให้ได้ทั้งหมดไม่ว่าอะไรก็ตาม ต่อให้เธอต้องขึ้นเตียงกับฉู่เฉินตอนนี้ก็ไม่ลังเล“ในไม่ช้า คุณนายหลั่วแค่รอคอยอย่างอดทนก็พอแล้ว”ฉู่เฉินยิ้ม ๆ ให้หลินเยว่หรู จากนั้นก็ทิ้งไว้เพียงแผ่นหลังงามสง่าให้ครอบครัวลั่วเทียนเต๋อ……ฉู่เฉินเพิ่งจะกลับมาถึงวิลล่าเฟิ่งหมิง ก็ใช้นิ้วเรียกเจ้าทึ่มมานี่“นายท่าน”น้ำเสียงของเจ้าทึ่มมีความแหบแห้ง และประกายความคมกริบสีฟ้าอ่อนในดวงตาตั้งแต่แรกเริ่ม เขาก็รอฉู่เฉินออกคำสั่งอยู่ตลอดเวลา แต่จนกระทั่งครอบครัวตระกูลลั่วจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินก็ยังไม่สั่งให้เขาลงมือเขาน้ำลายสอเต็มทนแล้วจริง ๆลั่วเทียนเต๋อและลั่วหัวเอ๋อร์ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นสองและขั้นสาม โดยเฉพาะหลินเยว่หรูนั้
อากาศร้อนมาก คนรับใช้ตระกูลลั่วและบอดีการ์ดต่างนอนกลางวันภายในห้องของตนเอง ใครจะไปคิดว่าฉู่เฉินจะรักษาเวลาขนาดนี้ เมื่อวานเพิ่งจะพูดคุยเรื่องเงื่อนไข วันนี้ก็มาหาถึงบ้านอย่างรวดเร็วแบบนี้แล้ว?ลั่วเทียนเต๋อหลับสนิทกรนครอก ๆ ไม่รู้เลยสักนิดว่ากำลังจะโดนสวมเขาอย่างร้ายแรง ซึ่งเขานั้นได้อยู่บนหัวเรียบร้อยแล้วฉู่เฉินตามหาสักพักใหญ่ก็ไม่พบเงาของลั่วหัวเอ๋อร์ ภายในห้องรับแขกกว้างใหญ่ก็มีแค่หลินเยว่หรูอยู่เพียงคนเดียวหลินเยว่หรูในขณะนี้ สวมชุดกี่เพ้าผ้าไหม กระโปรงผ่าข้างจนถึงต้นขา จนมองเห็นขอบถุงน่องนั้นได้อย่างชัดเจนหลินเยว่หรูดูรายการทีวีพร้อมปอกแอปเปิลไปพลาง นั่งโดยการวางเท้าเล็ก ๆ นั้นไว้บนโต๊ะเล็ก และปล่อยให้ลมเย็น ๆ พัดใต้กระโปรงยังไม่ทันที่หลินเยว่หรูได้มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา ก็เห็นเงาของคนมาปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเธออย่างกะทันหัน วินาทีต่อมา หลินเยว่หรูก็เผลอกรีดร้องด้วยความตกใจ“ใคร!”ฉู่เฉินไม่รอให้เธอได้ขัดขืน จึงโอบตัวเธอไว้ในอ้อมแขน“แกนี่เอง? แก…แกกล้ามากนะ ลั่วเทียนเต๋อและหัวเอ๋อร์ก็อยู่ที่บ้าน แก…แกทำไมถึงกล้า…”หลินเยว่หรูตกใจจนนิ่งอึ้งกับการปรากฏตัวอย่างกะทันห
“แม่คะ?”ลั่วหัวเอ๋อร์เดินพร้อมกับเรียกหาในห้องนอนของหลินเยว่หรูแต่ผ่านไปนานสักพักใหญ่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากหลินเยว่หรู ลั่วหัวเอ๋อร์จึงผลักประตูห้องนอนของหลินเยว่หรูเข้าไปด้วยความสงสัย ก็พบกับความว่างเปล่าไม่มีคนอยู่ จึงพึมพำด้วยความงง “เอ๋? ยังตอนเช้าอยู่เลย ไปไหนกันหมดนะ?”ขณะลั่วหัวเอ๋อร์กล่าวขึ้นก็ผลักประตูอีกบานของห้องนอนอีกห้องอีกครั้ง“แม่?”เมื่อเห็นว่าภายในห้องนอนก็ไม่มีใครสักคน ลั่วหัวเอ๋อร์มีสีหน้าเต็มไปด้วยความฉงนสงสัยไม่หายเดินวนหาอีกหนึ่งรอบก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินเยว่หรู ลั่วหัวเอ๋อร์จึงเริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที แล้วเดินไปทางห้องของตัวเองได้ยินเสียงเดินระหว่างทางเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หลินเยว่หรูร้อนใจจนหน้าแดงระเรื่อ ผลักตัวฉู่เฉินออกและกล่าว “ฉู่เฉิน ไม่ได้นะ ห้ามให้หัวเอ๋อร์เห็นเด็ดขาด”ฉู่เฉินเห็นสีหน้าท่าทางร้อนใจของหลินเยว่หรูแล้วจึงผละตัวออกพร้อมยิ้มร้ายกล่าว “เฮ้อ ถึงยังไงในไม่ช้าก็เร็วพวกคุณสองแม่ลูกก็เป็นคนของผมวันยังค่ำ กลัวอะไรกัน”ฮะ?หลินเยว่หรูได้ยินคำพูดนี้แล้วก็อึ้งไปในทันทีแต่เธอจะไปมีเวลาถามที่ไหน รีบผลักฉู่เฉินออกและกล่าว “ไม่มีเวล
ลั่วหัวเอ๋อร์ไปต้มกุ้งล็อบสเตอร์แล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมแป๊บเดียวก็กลับมาแล้วล่ะ?หลินเยว่หรูแทบอยากจะมอบฝ่ามือให้ลั่วหัวเอ๋อร์สักสองทีจริง ๆ ทำอะไรก็ตามไม่ตั้งใจเกินไปแล้ว ในอนาคตยังจะแต่งออกไปได้ยังไง?ลั่วหัวเอ๋อร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ปลดกระดุมเสื้อและถอดเสื้อคาร์ดิคุณนถักออก สิ่งที่เหลืออยู่บนร่างกายของเธอคือแผ่นหลังอันสวยงาม รูปร่างที่น่าภาคภูมิใจและผิวขาวราวหิมะของเธอ ถูกเปิดเผยจดหมดเปลือกในทันที“อะ…เหนื่อยจะตายแล้ว”ขณะกล่าว ลั่วหัวเอ๋อร์ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดใหญ่ที่อ่อนนุ่มทันที ยืดบิดตัวกางแขนกางขา หมุนไหล่หมุนคอผ่อนคลายสักครู่ และหรี่ตาพูดขึ้นว่า “ทั้งเหนื่อยและร้อน ฉันไม่ไหวแล้ว ต้องนอนสักหน่อย…”ขณะพูดเธอก็หาท่าที่สบายที่สุดแล้วพลิกตัว เพลิดเพลินกับช่วงเวลาอันดีงามแต่ขณะนี้หลินเยว่หรูกลับรู้สึกตื่นเต้นและกังวลในเวลาเดียวกัน จ้องเขม็งไปยังลั่วหัวเอ๋อร์ด้วยความประหม่าผ่านช่องว่างระหว่างประตูตู้เสื้อผ้าเธอร้อนใจมากจริง ๆ นะ ลั่วหัวเอ๋อร์มาทำตัวต่างจากปกติอะไรวันนี้โดยทั่วไปเธอแทบจะไม่นอนกลางวันเลย วันนี้มันบังเอิญอะไรกันนะ?ส่วนฉู่เฉินก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ออกแรง
หลินเยว่หรูมองไปยังทิศทางที่แผ่นหลังของฉู่เฉินหายลับไป ใบหน้าสวยฉายแววเย็นชาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงเบาไม่มีทางเลือก สิ่งที่เธอต้องเสียมันมากเหลือเกินจริง ๆหลังจากพักผ่อนอยู่อีกครู่ใหญ่ หลินเยว่หรูก็ลากร่างกายที่อ่อนล้าเข้าไปในห้องอาบน้ำเพื่อจัดการกับตัวเองโดยไม่ทันได้คิดอะไรมาก หลินเยว่หรูหยิบยาลูกกลอนสองเม็ดที่ฉู่เฉินมอบเธอให้ แล้วมุ่งหน้าไปยังห้องของลั่วเสี่ยวเทียนแต่เพียงก้าวออกไปไม่กี่ก้าว สองขาของหลินเยว่หรูก็พลันอ่อนแรงลงจนเกือบล้มลงตรงนั้น ด้วยความจนใจ เธอจึงต้องพิงกำแพงเดินไปในตอนนี้เอง ลั่วหัวเอ๋อร์พิ่งเดินออกมาจากห้องครัวพอดี พอเห็นหลินเยว่หรูเดินพิงกำแพงมาก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “แม่คะ... นี่แม่... เกิดอะไรขึ้น?”“เหงื่อออกทั้งตัวขนาดนี้ แล้วทำไมยังเดินขากะเผลกอย่างนี้อีก?”หลินเยว่หรูเป็นถึงยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่แปด แล้วใครจะสามารถทำให้แม่บาดเจ็บแบบนี้ได้?ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังเป็นบ้านของตัวเอง ลั่วหัวเอ๋อร์ที่ไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้ใดๆ ดังนั้นจึงยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก“ไม่มีอะไรหรอก... แม่... แม่เพิ่งฝึกท่าหมัดเมื่อกี้แล้วพลาดจนทำให้เอวเคล็ด...”ระหว
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า