หลี่เต้าผิงลอบตำหนิตัวเองในใจ เขาเชื่อคำพูดของไอ้พวกเด็กเหลือขอจากสำนักมวยตระกูลจินฝ่ายเดียวไปได้อย่างไร? อยากจะลักพาตัวญาติสนิทของฉู่เฉินมาบีบบังคับฉู่เฉินชัด ๆ ใครจะคิดได้ว่ากลับลักพาตัวคู่แค้นของอีกฝ่ายมา โคตรเวรเลย!ตูม! ในขณะที่หลี่เต้าผิงหงุดหงิดใจไม่หยุด คิดอยู่ว่าต่อไปควรจัดการอย่างไรดี ทันใดนั้นเองก็มีสายฟ้าฟาดลงมาจากฟ้า ผ่าทะลวงหลังคาโรงงานใส่กองดินที่หลี่เต้าผิงอยู่โดยตรง “แย่แล้ว!” หลี่เต้าผิงร้องเสียงดัง พุ่งตัวทะยานออกไปข้างหน้าราวกับลูกศรที่ออกจากสายธนู ถึงแม้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเขาจะรวดเร็วมากพอ แต่สายฟ้าสายนั้นยังคงผ่าใส่ไหล่ซ้าย เจ็บจนหลี่เต้าผิงกรีดร้องแว้ก ๆ ร่างกายสูญเสียการทรงตัวในพริบตา ก่อนจะร่วงลงพื้นดังตุบจนฝุ่นตลบขึ้นมา “ซู่!” ยังไม่ทันที่หลี่เต้าผิงจะได้สติกลับมา ของเหลวอุ่น ๆ ก็ตกลงมาจากด้านบน สาดเต็มหน้าเต็มตัวของเขา หลี่เต้าผิงอดเงยหน้ามองขึ้นไปไม่ได้ ก่อนจะเห็นฉู่เฉินถือขวดน้ำแร่ที่หยิบมาจากไหนก็ไม่รู้ เทของเหลวสีเหลืองอ่อนที่คล้ายกับเบียร์ลงมาบนยันต์เบญจอัสนีของเขา “ไอ้หนู! แกรนหาที่ตายแล้ว!”หลี่เต้าผิงใจเย็นต่อไปไม่ไหวแล้ว ไอ้เจ้
“ไอ้หนู ไปตายซะเถอะ!”หลี่เต้าผิงคล้ายกับเห็นภาพเขาฟันศีรษะของฉู่เฉินจนร่วงลงมา แววตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง“ไอ้แก่ จนถึงตอนนี้แกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”ฉู่เฉินหรี่ตาสองข้าง เพ่งมองไปยังปลายกระบี่ที่เขาฟันมา ก่อนจะยิ้มหยัน ถ้าเกิดบอกว่าตอนที่ประมือกันครั้งแรก หลี่เต้าผิงยังสามารถต่อสู้กับฉู่เฉินได้อย่างสูสี แต่ตอนนี้ฉู่เฉินสามารถบดขยี้หลี่เต้าผิงได้แล้ว เมื่อกี้เขาไม่ฉวยโอกาสสังหารหลี่เต้าผิง ไม่ใช่เพราะมีประสบการณ์ไม่มากพอ และไม่ใช่เพราะเกิดความใจบุญ แต่เป็นเพราะมั่นใจในตัวเอง หลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ฉู่เฉินฟื้นตัวกลับมาดังเดิมแล้ว แต่หลี่เต้าผิงกลับรักษาได้เพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น ปราณแท้ภายในร่างกายไม่ได้รับการฟื้นฟูเลย ถึงขนาดปล่อยพลังครึ่งหนึ่งของก่อนหน้านี้ออกมาไม่ได้เวลานี้กระบี่ของเขายิ่งพิสูจน์ยืนยันการคาดเดาในใจของฉู่เฉินได้“ฉันเข้าใจเวรอะไร แกไปตายซะเถอะ!” หลี่เต้าผิงยิ่งโกรธยิ่งหงุดหงิด ไหนเลยยังสนใจเรื่องมากมายขนาดนั้น ตอนนี้เขามีแค่ความคิดเดียวเท่านั้นก็คือฆ่าไอ้เด็กเวรนี่ซะ!“ติ๊ง!” วินาทีต่อมา ฉากที่ทำให้หลี่เต้าผิงไม่อยากจะเชื่อก็ปรากฏขึ้น!”เ
หลิ่วชิงเหอดีใจยกใหญ่ทันที คิดไม่ถึงว่าไอ้เด็กเวรฉู่เฉินยังคงรักษาคำพูดมาก ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที หลิ่วชิงเหอตะบึงลงมาข้างล่างแล้วเปิดประตูบ้านเมื่อเธอเห็นฉู่เฉินยืนอุ้มหลิ่วหรูเยียนตรงหน้าประตูบ้าน ความเหนื่อยล้าทั้งหมดบนร่างกายคล้ายกับหายไปจนหมดฉู่เฉินเดินเข้ามาในห้องโถงแล้วโยนหลิ่วหรูเยียนไปบนโซฟาทันที เวลานี้ชุดนอนบาง ๆ ของเธอฉีกขาดหลายแห่ง แถมยังมีคราบเลือดและรอยฟกช้ำตรงจุดที่ชุดนอนกระโปรงขาดด้วย ดูเหมือนมีความเป็นไปได้มากว่าจะเกิดจากการที่หลี่เต้าผิงใช้แส้ปัดฟาดออกมา“หรูเยียน! นี่ลูกเป็นยังไงบ้าง!” หลิ่วชิงเหอเห็นหลิ่วหรูเยียนมีบาดแผลไปทั่วทั้งตัว น้ำตาแห่งความเจ็บปวดใจก็เอ่อคลอในดวงตา เธอรีบสาวเท้าพุ่งเข้าไปตรวจดูบาดแผลบนร่างกายของหลิ่วหรูเยียน ถ้าเกิดแผลเป็นขึ้นมา ต่อไปหลิ่วหรูเยียนยังจะออกไปเจอผู้คนได้อย่างไร? “ฉู่เฉิน ต่อให้พวกเราแม่ลูกทำผิดต่อแก แกก็ไม่เห็นต้องฉวยโอกาสเลยนี่นา” ฉู่เฉินกวาดตามองหลิ่วชิงเหอแวบหนึ่งแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “เธอเป็นบ้าอะไร ดูให้ดี ๆ สิ นั่นเป็นแผลที่เกิดจากการโดนแส้ปัดฟาดต่างหาก”หลิ่วชิงเหอถึงค่อยสังเกตเห็นว่าบนตัวหลิ่วหรูเยี
“ตอนนั้นแสงมืดมาก ถึงแม้หนูจะเห็นแค่เค้าโครงคร่าว ๆ แต่หนูยืนยันได้ว่าคน ๆ นั้นไม่ใช่ฉู่เฉิน” พอได้ยินคำพูดนี้ ดวงหน้าเล็ก ๆ ของหลิ่วชิงเหอเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำทันที ฉู่เฉินทำเกินไปแล้วนะ!เรื่องใหญ่ขนาดนี้ หลิ่วหรูเยียนไม่มีทางพูดโกหกแน่นอนนั่นก็ยืนยันได้ว่าฉู่เฉินไม่เกี่ยวข้องกับคนที่ช่วยเหลือหลิ่วหรูเยียนเลย พอคิดถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองโดนฉู่เฉินย่ำยีอย่างเหิมเกริมเมื่อกี้ หลิ่วชิงเหอก็โกรธจนสั่นไม่หยุดไปทั้งตัว!“เธอแน่ใจนะ?”ฉู่เฉินมองไปทางหลิ่วหรูเยียนอย่างเย็นชาถ้ารู้แต่แรกว่าเธอจะข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน ตอนนั้นฉู่เฉินน่าจะปล่อยให้หลี่เต้าผิงใช้ยันต์เบญจอัสนีทำให้หลิ่วหรูเยียนมีสติชัดเจน“ฮึ จนป่านนี้แล้ว แกยังเสแสร้งอีกเนี่ยนะ!”หลิ่วหรูเยียนมองฉู่เฉินอย่างละเอียดด้วยสีหน้าดูแคลนพลางพูดว่า “อย่าคิดว่าฉันหมดสติตลอดนะ ตอนที่ราชันมังกรเอาชนะไอ้แก่เมื่อกี้ ฉันมองเห็นชัดเจนมาก”“ราชันมังกรเขาไม่ได้แค่ตัวสูงกว่าแก เขายังมีความเป็นชายมากกว่าแกอีก นอกจากนี้ก็หน้าตาหล่อกว่าแกมากด้วย” “ไม่เหมือนสวะที่ไม่ตั้งอย่างแก หน้าตาก็อัปลักษณ์ แถมยังอยากขโมยผลงาน หลอกเอาผลประโยชน์ต่
ฉู่เฉินสังเกตอินซู่ซู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจอยู่เนิ่นนานถึงค่อยขมวดคิ้วกล่าวว่า “เข้ามาสิ” ทำไมวันนี้อินซู่ซู่ถึงดูไม่ค่อยปกตินิดหน่อย? เหมือนป้าอู๋เมื่อคืนสุด ๆ คงไม่ใช่ผลข้างเคียงที่เกิดจากวิชาที่เขาถ่ายทอดให้เธอหรอกใช่ไหม? แบบนี้ถ้าโดนผู้ชายคนอื่นเด็ดลูกท้อไปคงได้ไม่คุ้มเสีย ฉู่เฉินกินอาหารเช้าไปด้วย สังเกตอินซู่ซู่ไปด้วย“นายท่าน เป็นอะไรไปคะ อะ...อาหารเช้าที่ฉันทำไม่ถูกปากนายท่านเหรอ?” แค่พูดประโยคสั้น ๆ แบบนี้ อินซู่ซู่ก็พูดอย่างตะกุกตะกักแล้ว ถึงขนาดที่เธอรู้สึกว่าหัวใจน้อย ๆ ดวงนี้ของเธอเหมือนจะกระโดดออกมาเดี๋ยวนี้เลย เห็นได้ชัดว่าดูเหมือนกลัวที่จะสบตากับฉู่เฉินมาก ๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่ายและมีความสุขอยู่ในใจความรู้สึกเช่นนี้มันแปลกประหลาดมาก “ก็ใช้ได้”ฉู่เฉินตอบกลับลวก ๆ และลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ ๆ อินซู่ซู่ ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “หลับตาซะ”“หา? นายท่าน นี่นายท่านจะทำอะไรคะ?” พอฉู่เฉินเดินเข้าไปใกล้ข้างกายอินซู่ซู่ เธอก็รู้สึกได้เพียงหัวใจของตัวเองคล้ายกับกำลังเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ได้นอกจากนี้ร่างกายยังอดสั่นเทิ้มไม่ได้
อินซู่ซู่ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างไม่พอใจต่อสายตาที่เต็มไปด้วยการรุกรานของหลี่จวิ้นเฟิง“คนสวย ไม่ทราบว่าคุณฉู่เฉินพักอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ?” ระหว่างที่พูดอยู่ สายตาของหลี่จวิ้นเฟิงคอยป้วนเปี้ยนอยู่ตรงหน้าอกที่เชิดขึ้นของอินซู่ซู่“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ?” อินซู่ซู่สังเกตเห็นว่าสายตาของหลี่จวิ้นเฟิงไม่ละไปจากส่วนอ่อนไหวของเธอตลอด ดวงหน้างามพลันเย็นชา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ“อ้อ เกือบลืมแนะนำตัวเองไปเลย ผมคือหลี่จวิ้นเฟิง เป็นศิษย์เอกเจ้ายอดเขาที่เจ็ดของสำนักหมอ ตั้งใจมาขอพบคุณฉู่ หวังว่าคุณคนสวยช่วยแจ้งให้ทีนะครับ”ความจริงแล้วหลี่จวิ้นเฟิงไม่ศิษย์เอกเจ้ายอดเขาอะไรเลย เป็นเพียงแค่หนึ่งในผู้มีพรสวรรค์มากมายในยอดเขาที่เจ็ดของสำนักหมอเท่านั้น เขาแต่งยศนี้ขึ้นมาอย่างลวก ๆ เองถึงอย่างไรศิษย์เอกก็น่าเกรงขามกว่าศิษย์ทั่วไปมาก“ได้ค่ะ คุณรอสักครู่นะคะ” ปัง!อินซู่ซู่ปิดประตูรั้วอย่างหนักหน่วง เธอเดินเข้ามาในบ้านพลางหันหน้าไปถ่มน้ำลาย ดวงหน้างามพึมพำด้วยเสียงเย็นชาเล็กน้อยว่า “ถุย ท่าทางหื่นกาม แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี!” “มีอะไร?” ยังไม่ทันที่อินซู่ซู่จะเข้า
หืม?หลี่จวิ้นเฟิงรู้สึกได้ชัดเจนว่าสายตาของฉู่เฉินเต็มไปด้วยความเป็นอริ เขาจึงอดประหลาดใจไม่ได้ โดยปกติแล้ว ขอเพียงเขาประกาศชื่อของสำนักหมอออกมา ไม่ว่าจะเป็นวงการต่อสู้ หรือว่าพวกสำนักใหญ่ล้วนให้ความเคารพต่อเขามากถึงจะถูก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้หลี่จวิ้นเฟิงยืนยันได้ว่าอาการบาดเจ็บของฉู่เฉินยังไม่หายดีทั้งหมด อีกฝ่ายก็ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะเป็นศัตรูต่อเขาขนาดนี้ เวลานี้เอง อินซู่ซู่ถือถาดชา รินชาหอม ๆ ให้พวกเขาสองคน ในขณะที่หลี่จวิ้นเฟิงรับชาหอม เขาก็เอานิ้วก้อยสัมผัสฝ่ามือของอินซู่ซู่“อ๊าย! คุณทำอะไรน่ะ!”ดวงหน้างามของอินซู่ซู่เย็นชาขึ้นมา ถลึงตาใส่หลี่จวิ้นเฟิงอย่างอำมหิต สีหน้าของหลี่จวิ้นเฟิงแข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ผมกำลังถามคุณอยู่นะ!” ฉู่เฉินทำหน้าเย็นชา ไม่ไปแตะต้องถ้วยชาบนโต๊ะเลย จิตสังหารรอบตัวก็แผ่ออกมาเช่นกัน หลี่จวิ้นเฟิงสัมผัสได้ถึงความเย็นชาอย่างรุนแรงสุดขีดทันที เขารีบวางถ้วยชาแล้วพูดว่า “คุณฉู่อย่าเข้าใจผิดครับ ผมตั้งใจมาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้คุณฉู่นะ!” ขณะที่พูดก็หยิบกล่องไม้ที่สร้างขึ้นอย่างงดงามออกมาจากในอก ก่อนจะเปิดฝาด้
งานแถลงข่าวตอนบ่ายพรุ่งนี้ นอกจากฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว บอสใหญ่ๆ ในวงการแพทย์ก็ล้วนแต่เข้าร่วมงานทั้งหมดสุดท้ายมีเพียงแค่ฉู่ซื่อกรุ๊ป เธอยังตัดสินใจไม่ได้เชิญฉู่เฉินกรุ๊ปก็ไม่ต่างกับเชิญสองแม่ลูกตระกูลหลิ่วมาดังนั้นโจวเทียนเฟิ่งจึงตั้งใจโทรศัพท์ไปถามความสมัครใจของฉู่เฉิน“แค่ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เรื่องทางธุรกิจไม่ควรเกี่ยวข้องกับความแค้นส่วนตัว คุณสามารถดำเนินการต่อไปอย่างสบายใจได้เลยครับ”โจวเทียนเฟิ่งได้ยินดังนั้น ก็รีบตอบกลับไปว่า “โอเคค่ะ งั้น... อีกแป๊บคุณจะมาไหมคะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่แล้วล่ะครับ ช่วงนี้ผมมีเรื่องสำคัญ คุณตั้งใจจัดการเรื่องงานแถลงข่าวเถอะครับ”พูดจบ ฉู่เฉินก็วางสายไป ฝึกฝนกระบี่อ่อนนั้นต่อไป......อีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเยียนที่เพิ่งถึงห้องทำงาน เลขาสาวถือจดหมายเชิญวางไว้บนโต๊ะทำงานของหลิ่วหรูเยียน“ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว นี่เป็นจดหมายที่คนของสำนักเฟิ่งส่งมาให้ตอนเช้าค่ะ อย่าลืมดูด้วยนะคะ”สำนักเฟิ่งเหรอ?หลิ่วหรูเยียนเปิดจดหมายเชิญด้วยความอึดอัดใจ เมื่อเธอคำว่างานแถลงข่าวยาบำรุงปราณแล้ว ดวงตาที่สวยงามของเธอหยุดเล็กน้อย และเธอพูดด้วยค
เพียะ!เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกครั้ง ตู้หรงเฉิงถูกฉู่เฉินตบจนล้มคว่ำลงกับพื้น หน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรงจนหัวโนห้อเลือดขนาดเท่าลูกซาลาเปาทันที!ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เดิมนั้น ขณะนี้ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งอายุวัฒนะในภาพวาด“แม่งเอ๊ย คนชั้นต่ำอย่างแกร่วมมือกับเขาใช่ไหม! ยังไม่ไสหัวไปอีก!”ตู้หรงเฉิงกุมศีรษะตรงที่ปูดโนขึ้นมา กัดฟันจ้องมองผู้หญิงเจ้ามารยา และพยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบากเขาเป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลตู้ กลับถูกทำให้เสียหน้า ความแค้นนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องชำระ!เพียงข้างกายเขาไม่มียอดฝีมืออยู่ จึงทำอะไรฉู่เฉินไม่ได้เลยดังคำกล่าวที่ว่าคนฉลาดจะไม่ดันทุรังในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ตู้หรงเฉิงจึงตัดสินใจและคุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉินเสียงดังตุบ“ท่านผู้อาวุโส เป็นความผิดของผมที่ตาไร้แววมารบกวนการพักผ่อนของท่านผู้อาวุโส หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะจะไม่ถือโทษ และโปรดยกโทษให้ผมสักครั้งด้วยเถอะครับ”ตู้หรงเฉิงสมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลผู้บำเพ็ญพรต เข้าใจความหมายของคำสี่คำอย่างประนีประนอมอย่างถ่องแท้ ก่อนจะก้มศีรษะโขกพื้นเสียงดังปั่กๆ ๆโดยไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นฉากนี้ กลุ่มชายหนุ่ม
ปัง!สิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง ฉู่เฉินก็ลุกขึ้นทันที จิกผมเขาและกระแทกกับโต๊ะน้ำชาอย่างแรง!เมื่อเกิดเสียงดังปังขึ้น โต๊ะน้ำชากระจกในโซนพักผ่อนก็ถูกตู้หรงเฉิงกระแทกจนแตกละเอียด“ตระกูลตู้เก่งมากเลยงั้นเหรอ? ใครให้คุณกล้าเข้ามาถึงก็โวยวายเสียงดัง?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็จิกผมของตู้หรงเฉิงแล้วดึงเขาขึ้นมาจากพื้น ในขณะนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของตู้หรงเฉิงเต็มไปด้วยเศษแก้วและคราบเลือดเขาตกตะลึงไปทั้งคน ไม่ว่าจะมองยังไง ฉู่เฉินก็ไม่ดูเหมือนคนที่จะใช้กำลังเมื่อมีเรื่องขัดแย้งยิ่งกว่านั้น เมื่อกี้เขาได้แสดงตัวแล้วว่าเขาคือคุณชายของตระกูลตู้ฉู่เฉินกล้าลงมือกับเขาได้ยังไง?“แค่ตระกูลผู้บำเพ็ญพรตเล็กๆ ก็คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานแล้วงั้นเหรอ? ยังกล้าเข้ามายุ่งกับชู้รักของผมอีก คุณรู้สึกว่าชีวิตยาวนานไปหรือว่าอยากตายตั้งแต่ยังหนุ่ม? ”ทันทีที่คำเหล่านี้กล่าวออกมา สีหน้าของหลิงเสวี่ยก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาทันทีเธอได้กลายเป็นชู้รักของฉู่เฉินได้ยังไง?เมื่อคืนเธอโดนบังคับไม่ใช่เหรอ?“แก…แกกล้า…”พลั่ก!ไม่รอให้ตู้หรงเฉิงกล่าวจบ ฉู่เฉินก็ได้จิกผมของเขาแล้วตีเข่าใส่ร่างของตู้หรงเฉิงหงายหลังอย่างแรง ถู
ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญเพียร ต่อให้เป็นคนที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดก็มีพลังฝึกปรือราว ๆ ระดับหลอมปราณชั้นแปดต่อให้เป็นปรมาจารย์ที่สามารถสั่นคลอนทั้งเมือง เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย และตู้หรงเฉิงก็เป็นตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดในกลุ่มพวกเขา ด่าตู้หรงเฉิงก็เท่ากับด่าพวกเขาทุกคน!สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาดูไม่ออกจริง ๆ ว่าฉู่เฉินมีอะไรโดดเด่นเหนือคนอื่น ราวกับว่าไม่มีแม้กระทั่งคลื่นพลังลมปราณเลยสักนิดดัยว คนธรรมดาคนหนึ่งถึงกับกล้าสบประมาทผู้บำเพ็ญเพียรเนี่ยนะ? “ไอ้หนู คุณบ้าดีเดือดมากเลยนะ”ตู้หรงเฉิงหรี่ตา ลมปราณระดับสร้างรากฐานชั้นหนึ่งรอบกายพลันระเบิดออกมา พรืด!หลิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างฉู่เฉินเห็นแบบนั้นก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมาทันทีระดับสร้างฐานชั้นหนึ่งก็ไม่เลวจริง ๆ แต่นั่นต้องดูด้วยว่าเทียบกับใคร อย่าว่าแต่ฉู่เฉินเลย แค่เธอก็สามารถตบตู้หรงเฉิงให้ตายได้ในฝ่ามือเดียว! เพียงแต่ว่า ตอนที่ออกจากโลกแห่งการหยั่งรู้ ฉู่เฉินใช้ยันต์ซ่อนวิญญาณเก็บซ่อนลมปราณของพวกเธอสองคนไว้ ดังนั้นดูแล้วถึงไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาต้องพูดว
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินซานก็อึ้งไปด้านหนึ่งคือหลินเยว่หรูกับลั่วหัวเอ๋อร์เข้าพักแล้ว อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่หลินเยว่หรูเชิญมาจะปล่อยให้ฉู่เฉินถูกเมินตรงนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?แต่ตู้หรงเฉิงคนนี้ หลินซานเองก็ล่วงเกินไม่ไหวเช่นกันต่อให้เป็นตระกูลหลินก็ต้องไว้หน้าตระกูลตู้เล็กน้อย ถึงอย่างไรคนหนุนหลังของตระกูลตู้ก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดาพอเห็นหลินซานอึ้งอยู่กับที่ ตู้หรงเฉิงก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ว่ายังไง ลูกน้องตระกูลหลินอย่างคุณกล้าไม่ไว้หน้าผมด้วยเหรอ?” เมื่อคำพูดนี้ออกมา กลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ ก็พากันมองไปทางหลินซานด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ในขณะเดียวกัน ชายร่างกำยำที่แต่งกายทะ มัดทะแมงไว้ผมเกรียนคนหนึ่งก็มองหลินซานอย่างพิจารณาด้วยสายตาเย็นชาหลังจากสิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง“คุณชายตู้เข้าใจผิดแล้วครับ ผะ...ผมแค่...”ในตอนนี้เอง ชายร่างท้วมวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะเอ่ยตัดบทหลินซานว่า “ท่านทั้งหลาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”ตู้หรงเฉิงหันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเล็กน้อยว่า “คุณเป็นเจ้าของ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ