สามวันก่อนหน้า
“ออเดอร์จีสองหนึ่งห้าได้แล้วค่ะ” เสียงเจ้าของร้านอาหารเอ่ยเรียกพนักงานส่งอาหารที่มายืนรออยู่หน้าร้าน
พนักงานสาวยื่นมือออกไปรับออเดอร์ด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม แล้วนำถุงอาหารไปใส่ไว้ในกล่องที่ผูกติดกับท้ายรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อนำไปส่งลูกค้าที่สั่งผ่านบริการออนไลน์ให้ทันเวลา
ทุกวันหลังเลิกเรียนหรือวันหยุดชะเอมก็จะมารับจ็อบหางานเสริม เนื่องจากความอาภัพ พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็กจึงทำให้อยู่กับยายเพียงแค่สองคน และตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธอก็ต้องหางานทำเพื่อนำไปเป็นค่าเล่าเรียน และเลี้ยงดูผู้เป็นยายที่มีโรคประจำตัวซึ่งอยู่บ้านร้อยพวงมาลัยส่งขายตลาด รายได้ต่อวันก็แค่ร้อยสองร้อย
ตอนนี้เธอเรียนอยู่ปีที่สามคณะคหกรรมศาสตร์ สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ ของมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง
ชะเอมมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะมีร้านอาหารเป็นของตัวเองตั้งแต่เด็ก หวังว่าเรียนจบแล้วจะสามารถเก็บเงินได้สักก้อนและเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง จะได้มีเงินเลี้ยงดูยาย ไม่ต้องมาร้อยพวงมาลัยให้หลังขดหลังแข็งอีกต่อไป
หลังจากส่งอาหารเสร็จก็ต้องรีบกลับบ้านไปอาบน้ำ เตรียมตัวไปทำงานเสริมอีกที่หนึ่ง
“ยายจ๋า หนูไปทำงานก่อนนะคะ กับข้าวหนูวางไว้บนโต๊ะ กินข้าวเสร็จแล้วอย่าลืมกินยาด้วยนะจ๊ะ”
“เดินทางกลางค่ำกลางคืนก็ระวังอันตรายล่ะ ยายเป็นห่วง”
“จ้ะยาย”
หญิงสาวเดินเข้าไปสวมกอดแล้วหอมแก้มผู้เป็นยายหนึ่งฟอด เพื่อเติมกำลังใจก่อนจะออกไปทำงานเสริมในช่วงค่ำ
ชีวิตในแต่ละวันดำเนินไปแบบเรียบง่าย เช้าไปเรียน ถ้าช่วงบ่ายไม่มีเรียนก็จะไปรับจ้างที่ร้านคาเฟใกล้กับมหาวิทยาลัย เดินเท้าไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึง
ช่วงเย็นชะเอมก็จะไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง ซึ่งรุ่นพี่ที่รู้จักได้ฝากฝังให้เข้าทำงานที่นั่น เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนรวยจึงให้ทิปหนัก ส่วนช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ก็จะรีบเคลียร์งานที่ได้รับจากอาจารย์ เสร็จแล้วก็จะออกไปขับรถส่งอาหาร ตกเย็นก็ไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟเหมือนเดิม วนลูปอยู่แบบนี้ทุกวัน
จนกระทั่ง…
“ยายจ๋า ยายเป็นอะไร ฮึก ยายจ๋า ยายได้ยินหนูไหม” เสียงสั่นเครือร้องเรียกผู้เป็นยายพร้อมกับหยดน้ำตาที่ร่วงอาบแก้มเป็นสาย
ขณะที่ชะเอมกำลังจะออกไปเรียน และในทุกวันยายก็มักจะเดินมาส่งที่หน้าประตูบ้าน แต่วันนี้จู่ ๆ ก็เป็นลมล้มพับไป เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เธอรู้สึกตกใจกลัว มือที่สั่นเทาเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรเรียกรถพยาบาล
เนื่องจากบ้านที่สองยายหลานพักอาศัยมีค่าเช่าถูกกว่าบ้านหลังอื่น จึงเป็นบ้านที่หลังไม่เล็กไม่ใหญ่และอยู่ซอยในสุด ทำให้ห่างไกลผู้คน ถ้าจะตะโกนเรียกให้คนช่วยก็คงไม่มีใครผ่านมาได้ยิน
และพอไปถึงโรงพยาบาล เธอก็แทบล้มทั้งยืนกับประโยคที่หมอออกมาแจ้ง
“คนไข้มีภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ต้องได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจโดยด่วนครับ ตอนนี้หมอทำได้เพียงรักษาด้วยยาประคับประคองอาการไปก่อน”
*****
@ SA9 Pub and Restaurant
ชะเอมกลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากยายเข้าโรงพยาบาลได้สองวัน
เนื่องจากหมดเวลาเข้าเยี่ยมยายของเธอ ชะเอมจึงทำได้เพียงตั้งสติและกลับมาทำงานหาเงิน เธอยังพอมีความหวัง ขอแค่หาเงินได้มากพอก็จะสามารถพายายไปปลูกถ่ายหัวใจกับโรงพยาบาลเอกชนได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเข้าคิวรอโดยไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้รับหัวใจดวงใหม่ทันเวลาหรือเปล่า
“พี่จีจี้คะ หนูอยากหาเงินหนึ่งล้านให้ได้เร็วที่สุด พอจะมีวิธีช่วยหนูไหมคะ”
ชะเอมถามสาวรุ่นพี่ด้วยสีหน้าที่คิดไม่ตก และจีจี้ก็คือรุ่นพี่ที่ฝากเธอให้เข้ามาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่เอสเอไนน์
“ไอ้วิธีหาเงินมันก็พอมีอยู่หรอก แต่ว่าเราจะทำเหรอ”
“ทำค่ะ ไม่ว่างานอะไรหนูก็ไม่เกี่ยง หนูอยากได้เงิน ให้ไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนหนูก็ยินดี”
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า ช่วงนี้สีหน้าชะเอมดูเครียด ๆ นะ”
“ยายหนูต้องรีบผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจน่ะค่ะ แต่พี่ก็รู้ว่าถ้าเข้าคิวรอรับหัวใจจากผู้บริจาคก็อาจจะไม่ได้ผ่าตัด หนูไม่อยากรอ หนูอยากพายายไปโรงพยาบาลเอกชน”
จีจี้เห็นสาวรุ่นน้องเป็นห่วงยายก็เกิดสงสารจับใจ รู้จักกันมาก็สามปีตั้งแต่ชะเอมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก เธอเป็นเด็กเรียบร้อย เอาการเอางาน และกตัญญูรู้คุณ แต่งานที่จะแนะนำให้มันไม่เหมาะกับหญิงสาวที่บริสุทธิ์ทั้งกายและใจอย่างชะเอมเลย
“ช่วยหนูหน่อยนะคะ หางานอะไรก็ได้ให้หนูทำ หนูอยากหาเงินให้ได้เร็วที่สุด”
ชะเอมคว้ามือของสาวรุ่นพี่มากอบกุม ดวงตากลมเอ่อคลอไปด้วยน้ำสีใส กลางอกของเธอรู้สึกจุกเมื่อนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นยายที่ยังนอนอยู่โรงพยาบาล
“งานที่ได้เงินเร็วน่ะไม่ต้องไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนหรอก ดูอย่างพวกอีพริ้งสิ” จีจี้ยกตัวอย่าง
และนั่นก็ทำให้ชะเอมเข้าใจในทันที พริ้งคือสาวรุ่นพี่ที่ทำงานเป็นสาวนั่งดริงและมักจะรับบริการไซด์ไลน์ไปต่อกับลูกค้าข้างนอก
“งานสบาย รายได้ดี แต่เปลืองตัวจะทำรึเปล่า”
“มันได้ครั้งละเท่าไหร่คะ”
“อย่างอีพวกนั้นก็ได้คืนละสองพันถึงหนึ่งหมื่น ถ้าโชคดีหน่อยได้เสี่ยเลี้ยงก็เปย์ไม่อั้น ได้ทั้งเงิน ทั้งรถ ทั้งบ้าน ชีวิตสุขสบายไปทั้งชาติ คนที่มันทำแล้วได้ดีก็ออกงานกันไปตั้งหลายคน แต่ก็อย่างว่าถ้าคนมันโชคดีนะ ถ้าโชคร้ายก็กลายเป็นเมียน้อย โดนเมียหลวงตามทำร้ายร่างกายและประจานกันอย่างในข่าว”
ชะเอมฟังมาถึงตรงนี้ก็นิ่งงันอย่างใช้ความคิด ถ้าใช้เรือนร่างของเธอหาเงินได้เร็วขนาดนั้นมันก็น่าลองเสี่ยง แค่กลั้นใจทำเพียงไม่กี่ครั้งให้พอได้เงินมารักษายายก็จะเลิกทำ
ศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิง แลกกับชีวิตของผู้เป็นยาย ถ้าต้องให้เลือกเธอก็คงจะเลือกอย่างหลัง
“ตกลงค่ะ หนูจะทำ”
@ มหาวิทยาลัย1 ปีต่อมาเหล่ารุ่นน้องได้ยืนรายล้อมรุ่นพี่บัณฑิตที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี พร้อมกับร้องเพลงบูมกันดังกึกก้องไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ท่ามกลางสายตาของคนที่มาร่วมแสดงความยินดีในวันรับปริญญาชะเอมอยู่ในชุดนักศึกษาที่สวมชุดครุยสีดำทับอีกชั้น ได้ยืนอยู่กลางวงล้อมของเหล่ารุ่นน้อง ทั้งร่วมร้องเพลงและขยับร่างกายเป็นจังหวะตามเนื้อเพลงที่ดังขึ้นหลังจากนั้นเธอก็ไปถ่ายรูปร่วมเฟรมกับเพื่อนรัก ผลัดกันแสดงความยินดี“ดีใจด้วยนะแก”“ยินดีกับแกเหมือนกันนะน้ำหวาน”“เรียนจบแล้วก็อย่าลืมเพื่อนอย่างฉันล่ะ” น้ำหวานทำหน้าหงอยเล็กน้อย เมื่อคิดว่าเรียนจบแล้วคงจะได้เจอกันน้อยลง ด้วยอายุที่มากขึ้น และต่างคนก็ต้องไปทำหน้าที่ของตนเอง“จะลืมได้ยังไง แกเป็นเพื่อนรักของฉันนะ ฉันยังอยู่กรุงเทพฯ พักที่บ้านพี่สกาย ถ้ามีเวลาก็มาเจอกันบ่อย ๆ นะ”ขณะที่สองสาวกอดกัน ก็มีเสียงทุ้มดังอยู่ใกล้ ๆ และพอหันไปมองก็พบว่าเป็นธามไท หนุ่มเจ้าของโรงแรมที่พวกเธอไปฝึกงาน“ยินดีด้วยนะครับน้องน้ำหวาน น้องชะเอม”“ขอบคุณนะคะพี่ธามไท ว่าแต่มาแสดงความยินดีกับพวกเราสองคน ทำไมมีดอกไม้แค่ช่อเดียวคะ” ชะเอมเอ่ยทักทายหนุ่มรุ่นพี่ ก่อนจะเ
@ โรงแรมธามไทสกายขับรถมาส่งแฟนสาวด้วยตัวเอง วันนี้เธอต้องฝึกงานเป็นวันแรกในช่วงปิดภาคเรียน ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็ได้ติดต่อโรมแรมของเพื่อน เพื่อขอให้แฟนสาวและเพื่อนรักของเธอมาฝึกงานที่นี่“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”เธอปลดเข็มขัดนิรภัยออกก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม แล้วโน้มตัวไปจูบที่แก้มของเขา“ปากด้วยสิครับ”จุ๊บ!“หนูไปก่อนนะคะ เดี๋ยวยัยน้ำหวานจะบ่นเอาว่ามาถึงช้า”ที่ช้าก็เพราะถูกเขาจับกินตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งบนเตียง ในห้องน้ำ จนได้อาบน้ำด้วยกัน กว่าจะแต่งตัวเสร็จแล้วลงมากินมื้อเช้า ก็ทำให้ออกจากบ้านช้ากว่าที่กำหนด“ครับ”สิ้นเสียงขานรับชะเอมก็เปิดประตูลงจากรถ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงประตูอีกฝั่งที่เปิดออก จึงรีบหันไปมองด้วยความสงสัย“พี่สกาย จะลงมาทำไมอีกคะ”“รีบไม่ใช่เหรอครับ เข้าไปข้างในสิ พี่แค่จะเข้าไปส่งเมีย”ชะเอมกระตุกยิ้มพร้อมกับมือที่โดนอีกฝ่ายกอบกุม แล้วพากันเดินเข้าไปในโรงแรมของเพื่อนแฟนหนุ่ม“ชะเอม”ทันทีที่น้ำหวานเห็นเพื่อนเดินเข้ามากับแฟน ก็โบกมือแล้วเอ่ยเรียกเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะนี่คงจะเป็นครั้งแรกที่ได้เจอหนุ่มรุ่นพี่ใจดีที่เป็นธุระเรื่องฝึกงานให้เธอกับชะเอม“สวัสดีค่ะพี่สกาย ห
ร่างของหญิงสาวถูกอุ้มคีบเอวขณะที่ริมฝีปากก็บดจูบกันอย่างเร่าร้อน และวางลงข้างโต๊ะสนุกเกอร์ เท้าแตะพื้นโน้มตัวคว่ำหน้านอนบนนั้น แอ่นก้นงามให้เขากระแทกร่องสาวจากทางด้านหลัง“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า... พี่สกาย”เสียงร้องครางดังระงมของทั้งคู่ประสานกันลั่นห้อง เขาได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มกินดุ กินโหด เพราะฉะนั้นน้ำเดียวไม่เคยพอ“อ่า... เมียพี่ตอดดีมาก”“อื้อ จะ จุก ซี้ด...”“พี่ขออีกน้ำนะครับ”ปัก ปัก ปัก!!!คนทั้งสองผลัดเปลี่ยนกันมอบบทรัก จนกระทั่งน้ำสีขาวขุ่นหลั่งออกมาเป็นครั้งที่สาม สกายก็อุ้มหญิงสาวมานั่งอยู่บนตักตรงโซฟาดังเดิมเพื่อพักให้หายเหนื่อย“ขอบคุณนะคะที่พายายมาอยู่ด้วย”“เราขอบคุณพี่หลายรอบแล้วนะ”เอ่ยพลางยื่นมือหนาเชยปลายคางของหญิงสาวให้เงย ก่อนจะก้มลงไปจูบแผ่วเบา ทำเอาคนโดนจูบคลี่ยิ้มเขิน“ก็พี่แสนดีแบบนี้ไงล่ะคะ ให้ขอบคุณวันละล้านรอบก็ยังตอบแทนไม่หมดเลย”“ไม่ต้องล้านรอบหรอก ตอบแทนเป็นตัวกับหัวใจวันละน้ำสองน้ำก็พอ”“คนบ้า”หญิงสาวคลี่ยิ้มส่งสายตามองค้อนให้คนเจ้าเล่ห์ พูดดีด้วยหน่อยไม่ได้ ต้องวกเข้าเรื่องสิบแปดบวกตลอดทั้งสองต่างจ้องตาและหลุดยิ้มออกมา พักกันพอหายเหนื่อย สกายและชะเอมก็พากันไปยั
@ โรงพยาบาลสามทุ่มของวันนี้ยายของหญิงสาวจะเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจ เมื่อช่วงพลบค่ำได้ตรวจเลือดและสภาพร่างกายโดยรวมแล้วมีความพร้อมทุกอย่างปรียานุชแม่ของสกายได้จัดการติดต่อกับทางโรงพยาบาลทั้งสองแห่งเรื่องการผ่าตัด เพราะหัวใจที่นำออกมาแล้วนั้น จำเป็นต้องนำไปปลูกถ่ายให้กับยายของชะเอมโดยด่วน จะให้มีเรื่องผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด“เจอกันอีกแล้วนะพ่อหนุ่ม”ผู้เป็นยายเอ่ยทักทายสกายทันทีที่เห็นเด็กทั้งสองเดินเข้าไปหาในห้องพักผู้ป่วย ทำเอาชะเอมงุนงงว่าไปรู้จักกันตอนไหน เพราะเธอไม่เคยพาแฟนหนุ่มมาเยี่ยมยายเลยสักครั้ง“ยายรู้จักพี่สกายด้วยเหรอคะ”“รู้จักสิ เขาก็เคยมาเยี่ยมยาย”ชะเอมยังไม่อยากคาดคั้นสิ่งที่อยากรู้ในตอนนี้ เลยได้แต่คลี่ยิ้มส่งกำลังใจให้ผู้เป็นยาย สักพักก็มีพยาบาลและเจ้าหน้าที่เวรเปลมาพายายไปที่ห้องผ่าตัด“หนูจะรออยู่ตรงนี้นะคะ”หญิงสาวที่จับมือของยายมาตลอดทางก็ปล่อยมือออกเพราะเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วยไม่ได้ สกายจึงโอบไหล่พาชะเอมไปนั่งรอที่เก้าอี้หน้าห้องผ่าตัดผู้เป็นยายเข้าไปได้ไม่นาน ก็มีเจ้าหน้าที่วิ่งออกมาจากลิฟต์ ในมือยังถือกระติกสี่เหลี่ยม เข้าไปในห้องผ่าตัดอย่างรวดเร็วหัวใจข
@ ทะเลชะเอมถูกแฟนหนุ่มจูงมือเข้าไปยังร้านอาหารริมทะเลแห่งหนึ่ง ทั้งสองเข้าไปนั่งที่โต๊ะแล้วเปิดดูเมนูเพื่อสั่งอาหาร“พามากินข้าวไกลจังเลยนะคะ”“เราเพิ่งผ่านเรื่องร้ายมาด้วยกัน พี่เลยอยากพาเธอมาเปิดหูเปิดตา เผื่อว่าจะรู้สึกดีขึ้น”“ขอบคุณนะคะ ตอนนี้หนูรู้สึกดีขึ้นมากแล้วค่ะ” เธอยิ้มให้กับคนตรงหน้าทั้งสองนั่งรออาหารไม่นานก็มีพนักงานเดินมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ หลังจากนั้นสกายก็พาชะเอมไปที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับชายทะเล เปิดประตูออกมานั่งเล่นรับลม และลงเล่นน้ำทะเลที่ด้านหน้าได้เลย“คืนนี้นอนกันที่นี่นะ”ชะเอมที่กำลังแง้มผ้าม่านมองดูคลื่นของน้ำทะเลก็หันมาถามกลับ“แต่เราไม่ได้เอาเสื้อผ้ามานะคะ”“พี่เตรียมมาให้แล้วครับ”“ไปแอบเตรียมมาตอนไหนคะ หนูไม่เห็นพี่หิ้วกระเป๋าลงมาจากห้องเลย”“ถ้าเห็นจะเรียกว่าแอบเหรอ”ชายหนุ่มกระตุกยิ้มหย่อนก้นลงนั่งที่ปลายเตียง จับหญิงสาวนั่งลงบนตักแล้วสวมกอดเธอทางด้านหลัง เกยปลายคางลงที่ไหล่บาง เอ่ยกระซิบข้างใบหู“เราจะทำอะไรดี”“ไปเดินเล่นกันไหมคะ”“ดูแดดสิครับ เดี๋ยวผิวเมียพี่ก็เสียหมด เรามานอนพักกันดีกว่า”“ว้าย พี่สกาย ไม่เอา นี่มันกลางวันอยู่เลยนะคะ”เสียงหว
ชะเอมกดเบอร์โทรออกไปหาเพื่อน และทันทีที่น้ำหวานรับสายก็ส่งเสียงเอ็ดเธอด้วยความเป็นห่วง“แกไปอยู่ไหนมา ฉันติดต่อไม่ได้เลย รู้ไหมว่ามีคนเป็นห่วง ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน คิดว่าแกคงจะเกิดเรื่องขึ้นแน่ ๆ ถึงได้หายไปเลย สรุปมันเกิดอะไรขึ้นบอกฉันมาเดี๋ยวนี้”“เอาทีละคำถามได้ไหม ฉันฟังไม่ทัน”“ก็ฉันเป็นห่วงแกนี่ เล่นหายออกไปแล้วให้คนอื่นมาบอก ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย”“แกตั้งสติก่อนนะ เมื่อวานฉันถูกคุณอคิณจับตัวไป”“คุณอคิณ ทำไมต้องจับตัวแกไปด้วย ไอ้คนหน้าไหว้หลังหลอก ไอ้ปีศาจในคราบนักบุญ หน้าหล่อเสียเปล่าแต่สันดานแย่สุด ๆ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ฉันน่าจะผลักให้ตกเรือตั้งแต่ไปช่วยน้ำท่วม”น้ำหวานรู้สึกโกรธแทนเพื่อน และโมโหตัวเองด้วยที่หลงไหลเพียงหน้าตาหล่อเหลา โดยไม่รู้จักนิสัยใจคอที่แท้จริง“เอาน่า อย่าโมโหไปเลย ตอนนี้ฉันปลอดภัยแล้ว พี่สกายเป็นคนไปช่วย”“พี่สกาย พี่รถสปอร์ตที่แกแอบชอบน่ะเหรอ นั่นไง ฉันคิดไว้แล้วว่ายังไงเขาก็ต้องชอบแกเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะเสี่ยงชีวิตไปช่วยแกทำไม แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหน ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรใช่ไหม”“ฉันอยู่โรงพยาบาล”“นี่มันทำแกเจ็บถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลเลยเหรอ”“เป