ตอนที่ห้า ความจริง
"สวัสดีครับคุณชุน ไม่พบกันเสียนานเลยนะครับ" ลุคเลขาคนสนิทของมาร์ตินทักทายชุนทันทีที่เดินเข้ามาถึงหน้าห้องมาร์ติน
"ครับ พอดีไปทำธุระให้คุณมาร์ตินน่ะครับ" เขาตอบรับลุคที่เดินมาทักทายเขา
จริงสินะ เขาไม่ได้เข้าบริษัทมาเกือบสี่เดือนแล้วหลังจากที่เขาไปดูแลจิน ปกติเขาจะติดตามมาร์ตินตลอดเวลา ยกเว้นในบางครั้งมาร์ตินจะใช้ให้เขาไปทำธุระสำคัญที่อื่นแทนถึงจะไม่ได้เข้าบริษัทกับมาร์ติน
"อ๋อ.. ครับ นี่คุณมารอพบคุณมาร์ตินรึเปล่าครับ" พอชุนพยักหน้าเป็นคำตอบลุคจึงพูดขึ้น
"คุณมาร์ตินยังไม่เข้ามาเลยครับ คุณชุนดื่มอะไรไหมครับเดี๋ยวผมชงให้"
"งั้นผมขอเอสเปรสโซ่แก้วหนึ่งครับ" ลุคยิ้มให้เชิงตอบรับพร้อมเดินไปชงกาแฟให้ชุนทันที
"ได้แล้วครับ" ลุคเดินกลับมาถึงห้องรับรองพร้อมยื่นแก้วกาแฟให้ชุน
"ขอบคุณครับ" ชุนรับแก้วกาแฟมาจากลุค ลุคยิ้มให้ชุนอีกครั้ง ก่อนขอตัวออกไปทำงาน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ลุคก็มาตามชุนไปพบมาร์ตินที่ห้องทำงาน
ก๊อก.. ก๊อก.. เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้มาร์ตินเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารฉบับหนึ่งที่ค่อนข้างหนา
"เข้ามาได้" มาร์ตินเอ่ยอนุญาตทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู ซึ่งเขาทราบอยู่แล้วว่าเป็นชุน
ชุนเดินเข้ามาพร้อมผงกหัวเคารพเจ้านายตามที่เขาเคยปฏิบัติเสมอมา
"เฮ้.. ชุน ฉันเคยบอกนายแล้วว่าเวลาอยู่กับฉันไม่มีคนนอกให้ทำตัวตามสบาย" เขากับชุนที่เติบโตมาด้วยกัน ชุนมักจะเคารพเขาและทำตัวเว้นระยะห่างจากเขาเสมอมา ซึ่งเขาเคยบอกชุนหลายครั้งแล้วให้ว่าทำตัวตามสบายเวลาอยู่กับเขาตามลำพัง
แต่ชุนก็ยังปฏิบัติกับเขาเช่นเจ้านายและลูกน้องตลอดเวลา ทีกับเด็กคนนั้นยังทำตัวสนิทสนมกันได้ทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน ด้วยความที่ชุนถูกเลี้ยงดูมาแบบฝังใจว่าต้องดูแลและช่วยงานมาร์ติน เขาจึงมักจะปฏิบัติตัวต่อมาร์ตินในฐานะเจ้านายด้วยความเคารพเสมอมา เพื่อให้ปู่ของมาร์ตินไว้วางใจในตัวเขานั่นเอง
เมื่อมาร์ตินเห็นชุนยังยืนนิ่งจึงได้แต่ถอนหายใจ
"นั่งลงก่อนสิ" เมื่อเจ้านายสั่งชุนจึงนั่งลงตามคำสั่ง
"ไง เด็กนั่นเป็นยังไงบ้าง" มาร์ตินเอ่ยถามชุนด้วยน้ำเสียงที่นิ่งขรึม
"คุณจินเหรอครับ หลังจากออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านแล้วก็ดีขึ้นแล้วครับ" ชุนตอบสั้นๆ
"ใช่ เขายังเป็นเหมือนเดิมไหม" มาร์ตินถามถึงพฤติกรรมของจิน
ในช่วงแรกๆ ที่จินมาอยู่ที่บ้านของเขานั้น จินมักจะเก็บตัวและขังตัวเองไว้ในห้อง จินไม่ยอมคุยกับใครแต่วันก่อนเขาเห็นจินคุยกับชุน ค่อนข้างสนิทสนมมากทีเดียว อีกทั้งยังทำให้ชุนยิ้มได้อีกด้วย
"ไม่ครับ คุณจินในตอนนี้ร่าเริงมาก นิสัยดี ขี้เล่น และชอบพูดคุยกับทุกคนมากขึ้นครับ" ชุนพูดไปเมื่อนึกถึงจินทำให้ใบหน้าที่ดูเครียดในทีแรกระบายยิ้มอย่างอ่อนโยน เมื่อมาร์ตินเห็นชุนแบบนั้นแล้วเขาก็อดหัวเราะตามไม่ได้
"หึ.. หึ.. ท่าจะจริง ดูสินายยังยิ้มเลย ฉันไม่เคยเห็นนายยิ้มมาก่อน" มาร์ตินหัวเราะให้ชุนทันทีที่ชุนพูดถึงจิน
"ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปล่ะ" มาร์ตินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ผมเคยถามคุณจินแล้วครับ คุณจินบอกว่าตอนที่เขาป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น เขาเข้าใกล้ความตายแล้วทำให้เขาคิดได้ว่าเขายังไม่อยากตาย เขายังสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกครั้งจึงอยากทำอะไรที่อยากทำครับ อีกอย่าง.. " ชุนเงียบไปเมื่อเล่ามาถึงตรงนี้
"อีกอย่างอะไรเหรอ ชุน" มาร์ตินถามด้วยน้ำเสียงเข้มเพราะเขาอยากรู้
"เอ่อ.. อีกอย่าง" ชุนเอ่ยอย่างลังเลที่จะพูด
"อีกอย่าง.. ไม่กี่เดือนก็จะครบตามกำหนดสัญญาระหว่างคุณมาร์ตินและคุณจินแล้วต่างคนก็ต่างมีอิสระ คุณจินอยากจะเริ่มต้นทำในสิ่งที่อยากทำครับ" ชุนตัดสินใจเอ่ยออกไปในที่สุด
"ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นคงจะคิดได้แล้วสินะ ทำตัวงี่เง่าโง่งมมาตั้งนาน" มาร์ตินเอ่ยออกมาตามความคิด
ในทีแรกถ้าจินคิดได้ตั้งแต่ตอนนั้น จินก็คงไม่ต้องมาทรมานตัวเองจนเจ็บป่วยขนาดนั้น
"แต่ดูเหมือนว่าเด็กนั่นจะดีใจเร็วไปหน่อยนะ" มาร์ตินพูดพลางโยนเอกสารปึกหนึ่งที่เขาอ่านก่อนหน้านี้ให้ชุน
เมื่อชุนรับมาอ่านสีหน้าของชุนจึงเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
"นี่มัน" ชุนพูดได้แค่นั้นก็หยุดลง สายตาจับจ้องรูปถ่ายหลายสิบใบในมือ
"ใช่ นั่นคือรูปภาพและข้อมูลของแจ๊ค พ่อของจินยังไงล่ะ" มาร์ตินเห็นอีกฝ่ายเงียบไปจึงพูดขึ้นแทน
หลังจากแจ๊คมายืมเงินพร้อมสัญญาแต่งงานในครั้งนี้ เขาจึงให้ลูกน้องคนสนิทติดตามแจ๊คทุกฝีก้าว จึงได้รู้ว่าแจ๊คนั้นไม่ได้เอาเงินไปลงทุนตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด แต่แจ๊คเอาเงินจำนวนหลายสิบล้านไปลงทุนในบ่อนกาสิโนที่ต่างประเทศแทน ซึ่งคาดว่าไม่นานเงินก้อนใหญ่ที่ได้จากเขาไปคงจะหมดแน่ๆ เท่าที่ผ่านมาลูกน้องที่ให้ติดตามได้รายงานมาตลอดว่าแจ๊คเสียมากกว่าได้
"หมายความว่า" ชุนพูดไม่ออกทันที
"อืม.. หมายความว่าบริษัทที่แจ๊คเซ็นยกให้ฉันในสัญญานั้นย่อมตกเป็นของฉันแน่นอน ส่วนจินนั้น.. " มาร์ตินเว้นช่วงไปจังหวะหนึ่ง "หลังจากหย่าจากฉันแล้วจะไม่เหลืออะไรเลย" มาร์ตินพูดไปและสังเกตใบหน้าที่กำลังขมวดคิ้วของชุนไปด้วย
ชุนได้แต่นิ่งอึ้ง ความสงสารที่มีต่อจินจึงยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปทุกที เขาได้แต่นั่งนิ่งและคิ้วขมวดเป็นปม มือที่วางอยู่บนเข่าก็บีบหัวเข่าจนยากจะอดกลั้น ทำไมจินถึงมีพ่อเป็นคนแบบนี้กันนะ
"วันก่อนฉันเห็นนายยิ้มให้จินและดูเหมือนจะสนิทกับจินมาก นายชอบจินใช่ไหม" มาร์ตินเอ่ยถามชุนออกไปตามตรงด้วยความสงสัย
เมื่อชุนได้ยินดังนั้นก็เกรงว่ามาร์ตินจะเข้าใจผิดจึงรีบปฏิเสธไปในทันที
"คุณกำลังเข้าใจผิดแล้วครับคุณมาร์ติน ผมเห็นคุณจินเป็นน้องชายจริงๆ นะครับ"
"ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร นายก็รู้ว่าฉันก็เห็นนายเป็นเหมือนพี่ชายมาตลอด แต่สำหรับนายไม่เคยมองฉันเป็นน้องชายเลยสักครั้ง" ใช่ เขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล
เขามีแต่พี่สาวและน้องสาว เมื่อชุนมาอยู่ที่บ้านเขาจึงอยากมีพี่ชายอีกคน แต่ชุนเองไม่เคยปฏิบัติแบบเพื่อนหรือพี่เลยสักครั้ง ชุนปฏิบัติกับเขาแบบเจ้านายเสมอมา
แต่เมื่อวันก่อนเขาเห็นชุนคุยกับจินอย่างสนิทสนมจึงสงสัยว่าทั้งสองคนอาจจะชอบพอกันอยู่ เขาจะได้จัดการหย่าแล้วเปิดโอกาสให้กับชุน เพราะแจ๊คไม่มีทางหาเงินกลับมาคืนเขาได้ครบตามสัญญาอย่างแน่นอน
"คุณมาร์ตินครับ ผมกับคุณจินไม่มีอะไรกันจริงๆ นะครับ คุณก็รู้ว่าผมไม่มีวันทรยศคุณได้ ผมเพียงแต่สงสารคุณจินจริงๆ นะครับ และอีกอย่างคุณจินก็เคารพผมแบบพี่ชายจริงๆ นะครับ" ชุนรีบเอ่ยความในใจ เขาไม่อยากให้มาร์ตินเข้าใจเขาผิดและคิดว่าเขาแอบหักหลังมาร์ตินในเรื่องของจินอยู่
"เฮ้อ.. " มาร์ตินถอนหายใจยาวออกมาหลังจากคนตรงหน้ามีใบหน้าที่ตึงเครียดขึ้นมาทันที
"ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนายสักหน่อย อย่าทำหน้าซีเรียสแบบนั้นสิ เอาล่ะ นายกลับไปดูแลน้องชายของนายเถอะ แล้วเรื่องของแจ๊คก็อย่าเพิ่งบอกจินเลย เพิ่งจะหายป่วยให้เวลาจินอีกสักหน่อยก็แล้วกัน เอาไว้ฉันจะบอกกับเขาเองเมื่อถึงเวลา" มาร์ตินเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่กำลังครุ่นคิด เมื่อนึกถึงใบหน้าของจินและรอยยิ้มที่สดใส หลังจากที่เขาได้เจอจินเมื่อวานนี้
"เฮ้.. ชุน ฉันฝากนี่ไปให้จินหน่อย" ก่อนที่ชุนจะเดินออกไปจากห้องมาร์ตินได้เรียกเขาให้กลับมาอีกครั้ง
ชุนรับสมุดบัญชีธนาคารพร้อมบัตรเอทีเอ็มมาด้วยความงุนงงระคนสงสัย
"อันที่จริงฉันตั้งใจไว้ว่าจะให้เงินเดือนจินในฐานะภรรยาของฉันแต่ยังไม่มีโอกาสให้ งั้นฝากนายเอาไปให้ด้วยละกัน เผื่อเด็กนั่นจะเอาไว้ซื้อของที่อยากได้" มาร์ตินเคยสืบเรื่องของจินมาบ้าง
จึงรู้ว่าจินนั้นฟุ่มเฟือย ชอบความหรูหรา เลยตั้งใจจะให้เงินไว้ใช้ในแต่ละเดือน แต่เขาทำงานยุ่งจนลืมเรื่องนี้ไป
เมื่อคืนเขาเปิดลิ้นชักเพื่อเอารูปของจินมาดู จึงเห็นสมุดบัญชีธนาคารที่เขาฝากให้จินในแต่ละเดือน ทำให้เขาเพิ่งจะนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้เลยฝากชุนไปให้ในวันนี้เลยแล้วกัน
"ครับ ถ้าคุณมาร์ตินไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ" ชุนเอ่ยลาทันทีที่เขารับของมาจากเจ้านาย
"อืม ไปเถอะ" มาร์ตินมองตามชุนที่เดินออกจากห้องทำงานไป เห็นทีคงต้องหาโอกาสไปเยี่ยมภรรยาดูสักวันแล้ว ว่าอะไรที่ทำให้ชุนเปลี่ยนไปได้เขาชักอยากรู้จริงๆ
หลังจากจินได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาในตอนบ่าย เขาคิดแล้วว่าต้องเป็นชุนแน่ๆ จินจึงรีบวิ่งออกมารอที่ประตูอย่างรวดเร็ว
เมื่อชุนเดินมาถึงประตูบ้านจึงชะงักฝีเท้า เขาเงยหน้าขึ้นมาพบใบหน้าเปื้อนยิ้มของจินที่ยิ้มจนตาหยี
"กลับมาแล้วเหรอครับพี่ชุน" จินพูดออกมาด้วยความดีใจ ทำเอาคนมองอดสงสารในเรื่องที่รับรู้ในวันนี้ไม่ได้ เขาจึงยกมือขึ้นมาลูบศีรษะจินด้วยความสงสารระคนเอ็นดู
"ครับ พี่กลับมาแล้ว ซื้อขนมมาฝากจินด้วยนะ ขนมเจ้านี้อร่อยมาก ต้องรอคิวนานมากเลยนะ" ชุนพูดพลางชูถุงขนมชื่อดังให้จิน
"พี่ชุนใจดีที่สุดในโลกเลย" จินพูดพลางยกยิ้มอย่างดีใจที่ชุนยังนึกถึงตนอยู่ ตอนชุนไม่อยู่เขารู้สึกเหงาจริงๆ เพราะไม่มีคนคุยด้วย ป้าแนนซี่ก็ยุ่งกับการทำงานบ้าน ดังนั้นเขาจึงเอาหนังสือมาอ่านริมระเบียง พอเห็นรถของชุนแล่นเข้ามาเขาก็รีบวิ่งลงมาหาชุนทันที
"เราไปกินขนมกันเถอะครับ" จินชวนชุนเข้าไปทานขนมในบ้าน ระหว่างที่นั่งกินขนมอยู่นั้นชุนก็ยื่นสมุดธนาคารที่มาร์ตินฝากมาให้จิน
"อะไรเหรอครับ" จินถามด้วยความสงสัย
"วันนี้คุณมาร์ตินเรียกพี่ไปพบเพื่อสอบถามอาการของจินน่ะ เลยฝากสมุดธนาคารที่คุณมาร์ตินเคยตั้งใจให้จินมาด้วย" ชุนอธิบายให้จินฟังตามที่มาร์ตินบอกเขา จินจึงรับสมุดธนาคารมาเปิดดูก่อนจะอ้าปากค้าง
"โอ้โฮ.. คุณมาร์ตินนี่คงจะรวยมากเลยนะครับ ให้ผมเยอะมากเลย ผมจะใช้ยังไงให้หมดละครับเนี่ย แหะๆ" จินหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
หลังจากที่เขาเห็นเลขศูนย์จำนวนหลายตัวในสมุดบัญชีของเขา นับว่ามาร์ตินก็ดีในระดับหนึ่งถึงแม้จะไม่อยากยอมรับเขาก็ตาม
"คุณมาร์ตินบอกว่านี่เป็นเงินเดือนของจิน เผื่อจินอยากเอาไว้ใช้ซื้อของที่อยากได้น่ะ จริงๆ คุณมาร์ตินตั้งใจจะเอามาให้จินตั้งนานแล้ว แต่คุณมาร์ตินงานยุ่งเลยไม่ว่างมาสักที" ชุนอธิบายต่อท้าย
จินเปิดดูจึงรู้ว่าที่ชุนพูดคือเรื่องจริง เพราะจำนวนเงินที่ฝากเข้ามาให้ในแต่ละเดือนเป็นตัวเลขเดียวกันทุกครั้งที่ฝากให้ นี่ก็เข้าเดือนที่สี่แล้ว ดูตามสมุดแล้วจินจึงเห็นตัวเลขกลมๆ เป็นจำนวนเยอะมาก
นี่ถ้าเขาได้หย่ากับมาร์ตินจริงๆ เขาก็พอจะมีเงินไปเปิดร้านเบเกอรี่ได้แล้วสินะ ขณะที่ความคิดของจินเตลิดไปไกลนั้น ชุนกลับมองจิน ด้วยความเครียดกว่าเดิม
ถ้าเด็กตรงหน้ารู้เรื่องพ่อของเขาจะเป็นยังไงนะ ชุนได้แต่นั่งคิดจนคิ้วขมวดเป็นปม ในเมื่อเขาเห็นจินเป็นน้องชาย ถ้าจินเดือดร้อนจริงๆ เขาจะยื่นมือมาช่วยเหลือจินเอง
"จิน ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยจินบอกพี่ได้นะ" จู่ๆ ชุนก็เอ่ยออกมาเสียดื้อๆ ทำให้จินที่กำลังมโนไปไกลหันมามองชุนด้วยความแปลกใจ
"ครับ" จินรับคำอย่างสงสัย หรือจะมีอะไรมากกว่านี้กันนะ