Share

บทที่ 1018

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
หลังจากการประชุมยามเช้าเสร็จ เซี่ยหลูโม่นำคดีที่ได้รับกาทบทวนเมื่อเร็วๆ นี้ไปที่ห้องทรงพระอักษรเพื่อไปพบฝ่าบาท และรายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีกบฏตามปกติ

คดีกบฏยังไม่จบ ดังนั้นหอต้าหลี่จึงยังคงสืบสวนอยู่ และจะมีการรายงานทุกๆ สักพัก มันก็ทำงานตามกฏ ขณะนี้มุ่งความสงสัยไปที่อ๋องเยี่ยน แต่ฝ่าบาทไม่อนุญาตให้หอต้าหลี่ทำการตรวจสอบ ถึงขนาดยังไม่พูดถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผย แม้ว่าเซี่ยหลูโม่จะชี้แจงอย่างชัดเจน แต่เขาก็เงียบตลอด

จักรพรรดิ์ซูชิงอ่านเอกสารบันทึกคดีคร่าวๆ ฟังเขาพูดถึงความคืบหน้าของคดีกบฏ และกล่าวว่า "ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีความคืบหน้าที่แท้จริง"

มีความคืบหน้าได้ แต่ท่านต้องสั่งสิ!

จักรพรรดิ์ซูชิงวางเอกสารบันทึกคดีไว้ข้างๆ และตรัสว่า "งั้นก็สอบสวนกันต่อไป"

"พะย่ะค่ะ!" เซี่ยหลูโม่ตอบรับ

เมื่อเห็นว่าเขายังคงไม่ยอมจากไป จักรพรรดิ์ซูชิงจึงถามว่า "มีอะไรอีกหรือ"

เซี่ยหลูโม่ยิ้มและพูดว่า "มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เสด็จอาเยี่ยมชวนกระหม่อม และครอบครัวของกระหม่อมไปงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ย้านในคืนนี้"

จักรพรรดิ์ซูชิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย แล้วยิ้ม "จะว่าไปแล้ว เสด็จอากลั
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1019

    อู๋เซี่ยงถอนหายใจเล็กน้อย "หากเป็นผู้หญิงคนอื่นมาใช้ยาของท่านอ๋องก็ไม่เป็นไร แต่คนๆ นี้คือเสิ่นว่านจือ ดังนั้นยาธรรมดาจึงไม่สามารถจัดการกับนางได้"อ๋องเยี่ยนถามว่า "ผลของยาเหล่านี้ก็ล้วนกระตุ้นอารมณ์ไม่ใช่หรือ ยาของเจ้าแตกต่างกันอย่างไรหรือ"อู๋เซี่ยงกล่าวว่า "เอาจริงๆ ว่ายาของท่านอ๋องไม่ได้กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ แต่แค่ให้เกิดความปรารถนา ยาของข้าคือยาชนิดหนึ่งของพิษเหมียว สารพิษจะทำให้สมองเป็นอัมพาต ทำให้นางเกิดอารมณ์เราร้อนและรักใคร่กับบุคคลนั้นหลังจากมีเพศสัมพันธ์"อ๋องเยี่ยนดีใจมาก "ด้วยยาวิเศษเช่นนี้ ทำไมคุณชายไม่เอามาให้ตั้งแต่แรกเล่า หากนางมีใจให้ข้า งั้นสิ่งที่ข้าต้องการก็กลายเป็นสิ่งที่นางต้องการสินะ"อู๋เซี่ยงยิ้มอย่างขมขื่น "ท่านอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าความรักใคร่นี้ขัดต่อเจตจำนงของผู้คน ดังนั้นจึงสามารถคงอยู่ได้เพียงช่วงระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น""จะอยู่ได้นานแค่ไหน" อ๋องเยี่ยนถาม"สิบวันถึงครึ่งเดือน"อ๋องเยี่ยนรับขวดยา และมีแสงสีเข้มแวบขึ้นมาในดวงตาของเขา "จะเป็นอย่างไรบ้างถ้ายาหมดฤทธิ์แล้วเราก็ให้กินยาต่ออีก? มันไม่เท่ากับว่าจะยื้อเวลาให้มีความรู้สึกแบบนี้ตลอดเหรอ?"อู๋เซี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1020

    ยามโย รถม้าสองคันจากจวนเป่ยหมิงอ๋องมาถึงประตูจวนอ๋องเยี่ยนตรงเวลาเมื่อรถม้ามาถึง ผู้ดูแลประตูก็รีบไปรายงาน ทางจวนอ๋องเยี่ยนเปิดประตูกลางเพื่อต้อนรับเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญมากเพียงใดนางเสิ่นและชายารองจินนำอวี้ชิงและอวี้หยินสองคนรอต้อนรับที่หน้าประตู เนื่องจากเสิ่นว่านจือเป็นผู้หญิง เซี่ยหรูเฉาและเซี่ยหรูหลิงจึงไม่ออกมาต้อนรับด้วยเมื่อเห็นรถม้าสองคัน หัวใจของชายารองจินก็เต้นรัว นางรู้ดีถึงแผนการของอ๋องเยี่ยน คืนนี้น่าจะมีเสิ่นว่านจือคนเดียว แล้วทำไมถึงต้องการรถม้าสองคัน?เมื่อเห็นเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีลงจากรถม้า ชายารองจินก็ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง และรอยยิ้มที่เรียบร้อยบนใบหน้าของนางก็แข็งทื่อทันที ทำไมพวกเขาก็มาด้วยล่ะ"ไหนบอกว่าชวนแค่เสิ่นว่านจือไม่ใช่เหรอ เจ้าเชิญชวนนางยังไงกัน" ชายารองจินกัดฟันกรอดและถามนางเสิ่นที่อยู่ข้างๆ ด้วยเสียงต่ำนางเสิ่นมีความสุขมาก เดิมทีท่านอ๋องแค่ให้นางไปเชิญเสิ่นว่านจือ แต่ตอนนี้ทั้งเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีต่างก็มาด้วย งั้นท่านอ๋องก็ต้องดีใจมากทีเดียวเมื่อนางกำลังอารมณ์ดีนั้นกลับได้ยินน้ำเสียงที่ถามจี้จากชายารองจิน และนางก็ทำหน้าบึ้งตึงทันท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1021

    อู๋เซี่ยงไม่ไว้ใจจึงชักชวนต่อไป "ท่านอ๋อง หากท่านประสบความสำเร็จ ท่านจะหาผู้หญิงแบบไหนก็ได้หมด เมื่อถึงตอนนั้นท่านจะคิดว่าเสิ่นว่านจือก็ธรรมดาทีเดียว""เอาล่ะ" สีหน้าของอ๋องเยี่ยนค่อนข้างไม่าู้ดี หลังจากพูดว่า "เอาล่ะ" เขาก็รู้สึกถึงความคับข้องใจในใจ เขาไม่สามารถควบคุมมันได้ ความคับข้องใจนี้เกิดขึ้นราวกับพายุแรงที่พุ่งเข้ามา ทำให้เขาระเบิดออกมาในชั่วขณะหนึ่ง "ที่ผ่านมาข้าถือว่าจิตใจผ่องแผ้วบริสุทธิ์มากแล้ว ทุกๆ วันก็ใช้ชีวิตอย่างเข้มงวด ระงับความต้องการของตนเอง และไม่กล้าเดิกข้อผิดพลาดใดๆ หาใช่ว่าข้าไม่มีคนที่ถูกใจ แต่ข้าต่างก็ไม่สนใจ เพราะข้ารู้ว่าหากมกมุ่นอยู่กับความสุกจะมีแต่เป็นผลเสียกับแผนการของตนเอง แต่เสิ่นว่านจือแตกต่างออกไป นางคือคนแรกที่ทำให้ข้าถูกตาต้องใจ ในขณะเดียวกันก็ช่วยข้าได้ นางเป็นตัวเลือกที่เป็นพระชายาอ๋องเยี่ยนที่ดีที่สุดคำพูดเหล่านี้ทำให้อู๋เซี่ยงรู้สึกหวาดกลัวและโกรธด้วย เป็นครั้งแรกที่เขาตำหนิเขาด้วยน้ำเสียงที่เอาจริงเอาจังมาก "ที่ท่านอ๋องบอกว่าถูกใจ หมายความว่ามีใจให้เสิ่นว่านจือเหรอ ชอบนางใช่ไหม หากท่านคิดเช่นนั้น ข้าจะบอกอะไรท่านว่ามันไม่ใช่ นี่เป็นเพียงข้อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1022

    เซี่ยหลูโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม "เสด็จอาจะคิดว่าหลานโกรธกับท่านได้ยังไง หรือว่าเสด็จอาได้ทำอะไรไม่ดีกับหลานเหรอ"อ๋องเยี่ยนหัวเราะและโบกนิ้วต่อหน้าเขา "ชอบเล่นลิ้นเอาเสีย!"เขาเดินไปที่ที่นั่งหลัก ยกเสื้อคลุมขึ้นแล้วนั่งลง "ทุกคนนั่งเถอะ อย่ามัวแต่ยืนอยู่"เขาสวมเสื้อผ้าผ้าไหมชั้นดีที่ปักด้วยลวดลายนกกระเรียนบินด้วยด้ายสีทอง ริมฝีปากดูเหมือนจะถูกย้อมด้วยสีเล็กน้อย ทำให้ดูแดง รู้สึกมีความมั่นใจมาก เสิ่นว่านจือเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ไม่รู้ทำไมดูเขาเหมือนนกยูงตัวผู้ที่กำลังรำแพนหางหลังจากที่ทุกคนนั่งแล้ว อู๋เซี่ยงก็เข้ามาพร้อมกับเซี่ยหรูหลิงและเซี่ยหรูเฉา พี่น้องสองคนแต่เดิมก็ชอบซ่งซีซีและเซี่ยหลูโม่มาก แต่ตอนนี้กลับดูเหินห่างเล็กน้อย พวกเขาก็นั่งลงก่อนคารวะ ทั้งสองมีสีหน้าแปลกๆ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตามองเซี่ยหลูโม่ตรงๆเซี่ยหลูโม่มองไปที่อู๋เซี่ยง และรู้ว่าเขาเป็นที่ปรึกษาที่อยู่เบื้องหลังคอยให้คำแนะนำแกอ๋องเยี่ยน ไม่รู้ว่าเป็นเขาที่มองผิดหรือเปล่า มักจะรู้สึกว่าเขาได้ทะเลาะกับอ๋องเยี่ยนมายิ่งไปกว่านั้น การทะเลาะกันครั้งนี้ไม่ได้จยลงด้วยดี ดสงตาของทั้งสองยัหลงเหลือความโกรธอยู่ ความโกรธกลายเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1023

    แต่เดิมอวี้ชิงยังคงกลัวซ่งซีซีอยู่เล็กน้อย แต่หลังจากได้ยินคำพูดนี้ นางก็ลุกขึ้นยืนและพูดด้วยความโกรธจัดทันที "ซ่งซีซี เจ้าใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ทำลายชื่อเสียงของข้า มันจะมีประโยชน์อะไรต่อเจ้า"ฃกุ้นเอ๋อร์ตะโกนอย่างแรง "ช่างบังอาจ เสี้ยนจู่ที่ต่ำต้อยยังกล้าเรียกพระชายาด้วยชื่อจริงตรงๆ เหรอ?"ซ่งซีซียกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กุ้นเอ๋อร์ออกไป จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองอวี้ชิง และพูดประชดว่า "จ้าเห็นเจ้าก็ปากร้ายนี่ ทำไมตอนที่เสด็จแม่ของเจ้าถูกรังแกนั้น เจ้าไม่ออกหน้าช่วยพูดให้นางเล่า หากไม่กล้าพูด ก็คอยดูแลนางอยู่ข้างกายก็ได้ ไม่เสียแรงที่นางให้กำเนิดพวกเจ้า"อวี้ชิงปรี๊ดแตก แต่เมื่อเห็นสายตาอันเย็นชาของเซี่ยหลูโม่มองเข้ามา ทำเอานางรู้สึกหนาวสั่นในใจ และไม่กล้าที่จะอ้าปากไปสาปแช่งอีก แต่พูดอย่างไม่พอใจ "เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย เจ้าเก่งมากนักก็ไปดูแลเองสิ ดีแต่ปาก ทำไมไม่ทำเองเล่า เจ้าก็เรียกนางว่าท่านป้าด้วยนะ"ซ่งซีซีหัวเราะเยาะ "สิ่งที่เจ้าพูดนั้นสมเหตุสมผลจริงๆ ที่แท้ถ้าตนเองอกตัญญูก็สามารถไปหาว่าคนอื่นไม่ช่วยให้ ข้าต้องจดจำเอาไว้ เดี๋ยวหาเวลาไปบอกมู่ฮูหยิน เพื่อให้มู่ฮูหยินช่วยเจ้าประกาศสักหน่อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1024

    อ๋องเยี่ยนด่านาง สั่งให้นางกลับไปสำนึกผิด อย่ามาขายหน้าคนอื่นอีก ชายารองจินเรียกอวี้หยินออกไปพร้อมนางทันทีที่ชายารองจินออกมาจากประตู ก็นำสาวใช้ไล่ตามซ่งซีซีไป แม้ว่าจะไม่มีห้องลับในจวนหลังนี้ แต่ก็ไม่ใช่สถานที่ที่จะบุกเข้าไปได้มั่วๆ นางเสิ่นเป็นคนโง่ กลัวว่าจะถูกหลอกอู๋เซี่ยงแอบสังเกตเซี่ยหลูโม่เงียบๆ แลแม้ว่าเขาจะพูดคุยกับท่านอ๋อง แต่มีสีหน้าไม่ค่อยดี สายตามองออกไปข้างออกเป็นครั้งคราว ราวกับว่าคู่หนุ่มสาวทะเลาะกัน ทั้งโกรธแต่ก็ไม่อยากจากไปบวกกับสายตาที่ไม่แยแสของซ่งซีซีก่อนที่นางจากไป เกรงว่ามันไม่ได้เสแสร้ง อย่างน้อยมีเรื่องหนึ่งที่แน่ใจได้ จุดประสงค์ของซ่งซีซีมาที่จวนอ๋องเยี่ยนเพื่อช่วยแก้แค้นให้พระชายาอ๋องเยี่ยนความโกรธนี้เก็บไว้ในใจของนางมานานแล้ว และอู๋เซี่ยงคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่จะให้นางระบายความโกรธ ก็เป็นเรื่องดี หลังจากที่พวกนางออกไป เป่ยหมิงอ๋องก็ยังอยู่ที่นั่นซึ่งทำให้พูดคุยได้ง่ายขึ้น“หลูโม่ เสด็จแม่ของเจ้าสบายดีไหม" อ๋องเยี่ยนกำลังถามสารทุกข์สุขดิบกับเซี่ยหลูโม่เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ขอบคุณที่เสด็จอาห่วงใย เสด็จแม่สบายดี ไทเฟยหรงได้ดีขึ้นมาบ้างหรือยัง?"“ใน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1025

    เป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนสิ่งใดในจวนอ๋องเยี่ยนนี้ แม้ว่าจะมีก็อาจเป็นการติดต่อสื่อสารทางจดหมาย แต่สิ่งสำคัญจะต้องถูกซ่อนหรือทำลาย มันจะไม่ง่ายเลยที่จะเข้าสู่ห้องหนังสือ และทะเลาะหรือต่อยกันก็ไม่ได้พวกเขาเชิญว่านจือมาที่นี่ ย่อมมีจุดประสงค์แอบแฝง ก่อนหน้านี้พวกเขายังไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไร แต่ตอนนี้รู้แล้วก่อนมาที่นี่ เดิมทีวางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ดีครั้งนี้เพื่อตรวจสอบดูว่ามีคนถนัดเรื่องศิลปะการต่อสู้ที่จวนอ๋องมีมากเท่าไร มีนักรบสิ้นหวังซ่อนอยู่จวนอ๋องหรือไม่ และหากไม่มีนักรบสิ้นหวังซ่อนตัวอยู่ในจวน งั้นก็สามารถให้ว่านจือมาอีกครั้งแต่ตอนนี้พอรู้แล้วว่าอ๋องเยี่ยนกำลังคิดอะไรอยู่ ซ่งซีซีจะไม่ปล่อยให้เสิ่นว่านจือไปเสี่ยงอีก การมองนั้นมันลามกเกินไป แค่คิดดูก็ทำให้ซ่งซีซีรู้สึกขยะแขยงเหล่าสาวใช้เดินทยอยเข้าไปและวางขนมไว้บนโต๊ะ จู่ๆ ซ่งซีซีก็ลุกขึ้นเดินไปที่สาวใช้ที่ถือขนมพุทราคนหนึ่งโดยไม่ขยับตัว ไม่ถอยหลัง และไม่กระพริบตาด้วยซ้ำชายารองจินมองอย่างตื่นตัว งและเห็นซ่งซีซีชี้ไปที่ขนมพุทราแล้วพูดกับสาวใช้ "ขนมพุทรานี้เป็นของโปรดของท่านอ๋อง เจ้าไปส่งให้ท่านอ๋องที่ห้องโถงหลักเลย"

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1026

    เมื่อกลับมาถึงจวนเป่ยหมิงอ๋อง เสิ่นว่านจือก็ลงจากรถม้าและกระโดดหน้าประตูพระจวนสองสามครั้งเพื่อสลัดสิ่งสกปรกออกไปจากร่างกายของนาง นางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ "ไอ้หน้าด้าน กล้าหวังกับข้าเหรอ ลูกชายก็มีอายุมากกว่าจ้าอีก ไอ้แก่ที่หน้าไม่อายจริงๆ"ขณะที่หัวหน้าลู่เดินเข้ามาและได้ยินคำพูดของเสิ่นว่านจือ เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง และรู้สึกงุนงง ทำไมคนแก่จะหน้าไม่อายเล่าซ่งซีซีก็โมโหมากและดึงนางเข้าไปในจวน "ต่อไปอย่าไปจวนอ๋องเยี่ยนอีก เขากวาดมองเจ้าจากหัวจรดเท้า แค่นี้ข้าก็รู้สึกทำให้เจ้าได้เสียหาย น่ารังเกียจจริงๆ"นางไม่รู้ว่าอ๋องเยี่ยนที่เห็นคืนนี้ยังคงเป็นอ๋องเยี่ยน ผู้ทะเยอทะยานคนเดิมหรือไม่ ราวกับว่าเปลี่ยนเป็นคนละคนแค่คนหื่นกามชัดๆเมื่อเข้าไปในห้องประชุม เซี่ยหลูโม่บอกกับอาจารย์หยูว่าอ๋องเยี่ยนมีใจกับเสิ่นว่านจือ หลังจากได้ยินสิ่งนี้ อาจารย์หยูก็สับสนเล็กน้อย "ไม่กระมัง ชัดเจนมากเหรอ?""แสดงออกได้ชัดเจนมาก ข้าถึงกับสงสัยว่าเขาแกล้งทำเช่นนั้นหรือเปล่า" ในระหว่างทางกลับมา เซี่ยหลูโม่ก็สับสนบนรถม้าเช่นกัน จากการสอบสวนครั้งก่อน เขาไม่แยแสเรื่องผู้หญิงเลย ไม่ว่าผู้หญิงจะสวยแค่ไหนในสายตาของเขาก

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status