ตอนที่พวกเราถึงเขตหวยโหรว ก็จวนจะเที่ยงแล้ว โชคดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างเหยาน่ากับหวังเสวียนดูเหมือนจะไปได้ดี เหยาน่าช่วยเขาจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย เค้กก็ซื้อมาแล้ว และอาหารก็สั่งมาหมดแล้ว ทว่าตอนที่เหยาน่ามองเห็นฉันกับหลิวหลงถิงอยู่ด้วยกัน สายตาฉายแวว ประหลาดใจเล็กน้อย ฉันจึงแสยะยิ้มขึ้นทันที พร้อมบอกว่าฉันไปที่ไหนก็ต้องพาแฟนไปด้วย ดูท่าแล้วจากนี้เส้นทางความเป็นเพื่อนสนิทของเราจะสิ้นสุดลงแล้ว ฉันคุยโวโอ้อวดกับเหยาน่าไปสักสองสามประโยค เจ้าของร้านเห็นหวังเสวียนได้รับบาดเจ็บ เจ้าของผู้ชายจึงหยิบกล่องยามาพันแผลให้หวังเสวียนป้องกันการติดเชื้อ ยังถามพวกเราว่าเที่ยงนี้กินข้าวเสร็จแล้ว ตอนบ่ายวางแผนจะไปทำอะไร?เพื่อนในห้องเกินกว่าครึ่งมากันแล้ว บางคนก็บอกว่าร้องเพลง บางคนก็บอกว่าตกปลา บางคนบอกว่าถึงเวลาค่อยคิด อย่างไรเสียแถบนี้ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นเขตท่องเที่ยว ถึงตอนนั้นพวกเราอยากเล่นอะไร ก็เล่นได้หมด“ถ้าหากพวกคุณไปตกปลาละก็ ภูเขาด้านหลังมีอ่างเก็บน้ำอยู่ พวกคุณห้ามไปใกล้มันเด็ดขาด ที่นั่นไม่สะอาดมาก ถ้าหากอยากตกปลาให้ออกประตูเลี้ยวไปทางซ้าย ประมาณสามร้อยเมตรจะเ
กลางวันแสก ๆ แบบนี้ มีผู้หญิงมากมายขนาดนี้อาบน้ำริมอ่างเก็บน้ำ ในตอนแรกฉันแยกไม่ออกเลยว่าพวกเธอเป็นมนุษย์หรือผี!“ที่แท้เถ้าแก่คนนั้นไม่ได้หลอกพวกเรา ริมอ่างเก็บน้ำมีผู้หญิงอาบน้ำจริง ๆ ด้วย!” เหยาน่าหันมาถามฉัน “ป๋ายจิ้ง เธอว่าผู้หญิงพวกนี้เป็นพวกธุรกิจเชิญชวนลูกค้าของที่นี่หรือเปล่า?”ฉันก็มาสถานที่แห่งนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน จะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงพวกนี้มาทำอะไร ทว่ามองดูรูปร่างของพวกเธอแล้ว แต่ละคนสวยสดงดงามมาก ไม่ต้องพูดถึงผู้ชาย แม้แต่ผู้หญิงอย่างฉันก็ถูกยั่วยวน จนเลือดร้อน ทันใดนั้นปลายจมูกก็รู้สึกร้อน ๆ พอยื่นมือออกไปแตะมือก็เต็มไปด้วยเลือดกำเดา!ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราพูดเสียงดัง หรือว่ากลุ่มผู้หญิงที่อาบน้ำสังเกตเห็นการมาถึงของพวกเรา จึงทยอยหันตัวมาเผชิญหน้ากับพวกเราตรง ๆ พวกหล่อนยื่นแขนทำท่ากวักมือเรียกให้พวกเราไปหา ใบหน้าของผู้หญิงทุกคนแย้มยิ้ม ขำขัน ไม่แตกต่างจากมนุษย์อย่างพวกเรา ฉันเป็นเด็กผู้หญิง ถึงหล่อนจะสวยแค่ไหน ก็ดึงดูดฉันไม่ได้ แต่ว่าผู้ชายในห้องเรานั้นต่างจากพวกเรา พวกเขามีพละกำลัง บางคนไม่เคยลิ้มรสชาติของผู้หญิงมาก่อน ถูกหลอกล่อขนาดนี้ ทุกคนต่างเดินไปหาผู้หญิ
เวลานี้ฉันรู้สึกกลัวมาก ๆ ฉันเอื้อมมือไปใต้โต๊ะแล้วปัดมือนั่นออกไป แต่เขากลับแสดงท่าทางที่ดูดุดันออกมาพร้อมคว้ามือฉันไว้แน่น ร่างบางดึงมืออย่างไว ทว่าเขากลับฉวยโอกาสในขณะที่ฉันกำลังออกแรงบิดมืออยู่นั้น เลิกชายกระโปรงของฉันขึ้นช้า ๆเพื่อนร่วมชั้นยังคงอยู่รอบตัวฉัน ฉันไม่กล้าทำให้เกิดเรื่องใหญ่ ส่วนคนที่อยู่ใต้โต๊ะ ต่อให้ฉันจะไม่เห็นเขา ก็พอที่จะสามารถเดาได้ว่าเขาเป็นใคร เพราะนอกจากหลิวหลงถิงแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าทำเรื่องแบบนี้ในที่สาธารณะหรอกฉันร้องเพลงไปเรื่อย ๆ และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หัวใจกลับเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ พร้อมแอบสบถว่า ทำไมหลิวหลงถิงถึงได้ไร้ยางอายขนาดนี้? เขาเปลี่ยนร่างเป็นงูและกัดฉันจนทำนองเสียงร้องเริ่มสั่นคลอนจนร้องผิดคีย์ ฉันเอื้อมมือไปผลักหัวหลิวหลงถิงหลบที่อยู่ตรงขา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ยิ่งฉันหลบจากเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเลื้อยเข้าไปพันแน่นขึ้นเท่านั้น และเขายังทำให้มันแย่เข้าไปอีก ตอนฉันร้องเพลงสูง ฉันตื่นเต้นมากจนแทบจะล้มลงไปเลย เสียงหวานครางอื้ออึง ฉันกลัวว่าหากเขาดูดกัดแรงกว่านี้ ฉันคงแย่แน่ ๆ มือเรียวรีบวางไมโครโฟนและบอกหวังเสวียนให้เล่นเพลงต้นฉบั
ฉันฟังคำพูดของแม่หมออิงไม่ค่อยเข้าใจ ฉันก็เลยถามเธออีกครั้งว่า “คุณหมายความว่า ฉันจะบอกหลิวหลงถิงเรื่องที่จะรับเทพสวรรค์มาเป็นคนของตัวเองไม่ได้ ใช่ไหมคะ?”“ใช่ เจ้าไม่สามารถบอกให้หลิวหลงถิงรู้เรื่องนี้ได้ ไม่งั้นเทพจะเกิดความอิจฉากัน ถ้าเจ้ารับเทพองค์อื่นต่อหน้าเขา ในอนาคตเขาอาจจะสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าได้ รอหลังจากที่เจ้านำเซียนระดับสูงรับกลับมาได้ ก็มาที่บ้านของข้าสักรอบ แล้วก็อย่าลืมคำนวณดูว่าเจ้าช่วยข้าไปกี่ครั้งแล้ว ข้ามีของบางอย่างจะให้กับเจ้า”ถึงอย่างไรแม่หมออิงก็เป็นคนที่สอนให้ฉันเป็นร่างทรงด้วย ฉันจึงไม่สามารถปฏิเสธธุระของเธอได้ ดังนั้นฉันจึงพยักหน้าตอบตกลงกับเธอ และบอกว่าพรุ่งนี้ฉันจะลาหยุดเพื่อไปที่ภูเขาเซียงให้ภูเขาเซียงอยู่ในเขตชานเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของเรา หลังจากที่ฉันวางสายโทรศัพท์ ก็เห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ในหอพักของเราแล้ว ฉันจึงนำเรื่องนี้บอกกับหลิวหลงถิงไปแล้ว และถามเขาว่าพรุ่งนี้จะไปภูเขาเซียงเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้หรือไม่? ถึงอย่างไรฉันเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ต่อให้เซียนระดับสูงที่บำเพ็ญเพียรผู้นั้นจะอยู่ตรงหน้า
“คุณกำลังเรียกฉันอยู่เหรอ?” ฉันถามไก่ตัวนั้นที่อยู่บนพื้นอย่างสงสัย“นอกจากข้าแล้วมีใครอีกล่ะ? เจ้าเป็นร่างทรง แต่กลับดูตระกูลเทพไม่ออกด้วยซ้ำ แล้วเจ้ามีคุณสมบัติอะไรถึงจะเป็นร่างทรงของข้าได้?”แต่เมื่อมองไปยังไก่ที่ดูท่าทางแปลก ๆ บนพื้น ฉันไม่สามารถเชื่อมโยงมันกับเทพเจ้าระดับสูงเข้าด้วยกันได้เลยจริง ๆ เซียนระดับสูงควรจะเป็นเทพที่น่าเกรงขามเที่ยงตรงไม่ใช่เหรอ จะมาเป็นไก่ที่ตกกระกำลำบากอยู่ตรงหน้าฉันได้อย่างไรกัน?แต่ว่าหลิวหลงถิงไม่ได้อยู่ข้าง ๆ ฉัน ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร ฉันก็ยังต้องให้เคารพนับถือ ดังนั้นฉันจึงอุ้มไก่ตัวนั้นขึ้นมาจากพื้น พลันเอ่ย “ถึงแม้ฉันจะเป็นร่างทรง แค่ฉันก็ไม่ค่อยมีทักษะอะไร ก็แค่มีคนจัดแจงให้ฉันมาที่นี่เพื่อรับเทพสวรรค์องค์หนึ่ง ฉันขออนุญาตถามหน่อยนะคะว่า คุณเป็นเทพระดับสูงที่ฉันตามหาใช่ไหม?”ไก่ตัวนั้นได้ยินฉันพูดก็มามองฉัน แล้วหันหน้ากลับไปอย่างเย่อหยิ่ง พลางกระโดดขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ที่ฉันกำลังนั่งอยู่ และพยักหน้าลงหนึ่งที "ใช่ ข้าเป็นเทพเจ้าที่เจ้ากำลังตามหาจริง ๆ ผลพวงจากไม่กี่ชาติที่ผ่านมา ทำให้พวกเรามีชะตากรรมร่วมกันในชาตินี้ ข้าจะต้องลงมาบำเพ็ญเพียรในโ
“เป็นอะไรไปล่ะ?” หลิวหลงถิงหยิบโทรศัพท์มือถือของฉันไปและในขณะเดียวกันก็ดึงมือฉันไปไว้ที่คอของเขา แต่เมื่อเขาเห็นข้อความในโทรศัพท์มือถือ ฉันก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าฝ่ามือของเขาออกแรงบีบขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็ถามฉันทันที “เธอรู้จักผู้หญิงคนนี้มากี่ปีแล้ว?”“เกือบ ๆ จะสามปีแล้ว” ฉันตอบหลิวหลงถิง“แล้วเธอรู้จักหล่อนดีพอไหม?”ฉันไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ หลิวหลงถิงถึงถามเรื่องพวกนี้ ดั้งนั้นฉันจึงพยักตอบไปว่ารู้จักดีอยู่นะ“แล้วเธอรู้ไหมว่าเมื่อตอนที่เราไปวันเกิดของหวังเสวียน หล่อนเป็นคนยุยงให้หวังเสวียนทำเรื่องแบบนั้นกับเธอ? และเธอรู้ไหมว่าหล่อนได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อของหวังเสวียน? ชายชราคนนั้นเลี้ยงดูหล่อนมาเป็นเวลาสามปีแล้ว”เมื่อหลิวหลงถิงบอกเรื่องพวกนี้กับฉัน ฉันรู้สึกว่ามันเกินจริงอยู่เล็กน้อย แล้วพูดว่าเป็นไปไม่ได้ เหยาน่าจะทำเรื่องแบบนี้กับฉันได้อย่างไร อีกอย่างเธอบอกฉันว่า ครอบครัวของเธอมีฐานะมาก ๆ ตามปกติแล้ว ถ้ากระเป๋าที่เธอสะพายและเครื่องสำอางที่เธอใช้นั้นไม่ใช่ของแบรนด์เนม เธอจะไม่หยิบมันออกด้วยซ้ำ“เธออยู่กับหล่อนมาสามปีแล้ว แต่เธอกลับถูกฉากหน้าที่หล่อนสร้างขึ้นมา ปิดบังคว
ฉันนึกถึงข้อความที่เหยาน่าส่งมาให้เมื่อคืนนี้ เธอบอกว่าพวกเขาเสียชีวิตกันหมดตามที่ฉันต้องการแล้วฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าเพื่อน ๆ ผู้ชายร่วมชั้นจะต้องมาเสียชีวิต และในวันนั้นหลิวหลงถิงก็ยังช่วยพวกเขาอยู่เลย และฉันกำลังสงสัยว่าการตายของชายสี่ห้าคนนั้นต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันเกิดของหวังเสวียนแน่ ๆ หากว่ากันตามจริง คนที่รอดชีวิตมาได้ในตอนนี้ นอกจากหลิวหลงถิงแล้ว ก็มีเหยาน่า! หลิวหลงถิงหายไปตั้งแต่เช้าแล้ว ฉันเองก็ไม่มีวิธีติดต่อเขา ตอนนี้คนเดียวที่ฉันจะไปหาได้ก็คงเป็นเหยาน่ายังมีเวลาอีกสองนาทีก่อนเริ่มเรียน ฉันรีบวิ่งเข้าไปที่ในห้องเรียนอย่างรวดเร็ว เฟิ้งฉีเทียนกำลังกินซาลาเปาอยู่ข้างหลังฉัน พลางเอ่ยว่าอย่าวิ่งเร็วขนานนั้น เขากำลังถือน้ำเต้าหูอยู่ และนั่นทำให้เขาไล่ตามฉันไม่ทัน อีกฝ่ายจึงหยุดไล่เสียเลย แล้วบอกว่าหากเขาทานแล้ว เขาจะมาหาฉันเองเมื่อฉันไปถึงประตูห้องเรียน มีคนในชั้นเรียนไม่มากนัก อาจเป็นเพราะมีเพื่อนในชั้นเรียนหลายคนเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทุกคนล้วนแต่ดูตื่นตระหนก แต่ในไม่กี่คนที่อยู่ในห้องตอนนี้ ก็มีเหยาน่านั่งอยู่ในนั้นด้วยเหยาน่านั่งตรงที่นั่งประจำของฉ
ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองที่เฟิ้งฉีเทียน และบอกเขาว่าอย่าพูดจาไร้สาระ อย่างไรก็ตามก่อนที่ยังจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ชัดเจน ฉันก็ไม่สามารถโยนความผิดมั่ว ๆ ให้หลิวหลงถิงได้วันนี้ฉันมีเรียนทั้งวัน ตอนเที่ยงฉันก็ไม่ได้กลับไป เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนขณะกลับบ้าน ฉันลังเลอยู่ว่าจะต้องถามเรื่องนี้กลับหลิงหลงถิงอย่างไรแต่ทันทีที่เปิดประตูบ้านก็มีกลิ่นหอมของอาหารส่งกลิ่นหอมอบอวลออกมา บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นมีจานที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเนื้อ กุ้ง และอื่น ๆ ที่วางอยู่ด้านบน ฉันยังคิดว่าเป็นอาหารที่หลิวหลงถิงสั่งกลับบ้านอะไรทำนองนั้น แต่เมื่อฉันเดินผ่านห้องครัว กลับเห็นหลิวหลงถิงสวมผ้ากันเปื้อนรอบเอวของเขา ในมือซ้ายของเขาถือสูตรอาหารอยู่ มือขวาถือกระบวยตักแกงคนอยู่ในหม้อ หมายความว่าอาหารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะพวกนั้นทั้งหมดเป็นฝีมือของหลิวหลงถิงอย่างนั้นสิ!อยู่ ๆ ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าหลิวหลงถิงจะลงมือทำอาหารด้วยซ้ำ และหลิวหลงถิงก็รู้ว่าฉันกลับมาแล้ว เขาหันหน้ามาพูดกับฉันว่าไปวางหนังสือลง แล้วล้างมือเตรียมทานอาหารกัน ซุปของเขาจะเสร็จในไม่ช้านี้แล้วฉันเดินไปหาหลิวหลงถิง และเอียงคอมองหน้าผากขาวของเข