เวลานี้ฉันรู้สึกกลัวมาก ๆ ฉันเอื้อมมือไปใต้โต๊ะแล้วปัดมือนั่นออกไป แต่เขากลับแสดงท่าทางที่ดูดุดันออกมาพร้อมคว้ามือฉันไว้แน่น ร่างบางดึงมืออย่างไว ทว่าเขากลับฉวยโอกาสในขณะที่ฉันกำลังออกแรงบิดมืออยู่นั้น เลิกชายกระโปรงของฉันขึ้นช้า ๆเพื่อนร่วมชั้นยังคงอยู่รอบตัวฉัน ฉันไม่กล้าทำให้เกิดเรื่องใหญ่ ส่วนคนที่อยู่ใต้โต๊ะ ต่อให้ฉันจะไม่เห็นเขา ก็พอที่จะสามารถเดาได้ว่าเขาเป็นใคร เพราะนอกจากหลิวหลงถิงแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าทำเรื่องแบบนี้ในที่สาธารณะหรอกฉันร้องเพลงไปเรื่อย ๆ และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หัวใจกลับเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ พร้อมแอบสบถว่า ทำไมหลิวหลงถิงถึงได้ไร้ยางอายขนาดนี้? เขาเปลี่ยนร่างเป็นงูและกัดฉันจนทำนองเสียงร้องเริ่มสั่นคลอนจนร้องผิดคีย์ ฉันเอื้อมมือไปผลักหัวหลิวหลงถิงหลบที่อยู่ตรงขา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ยิ่งฉันหลบจากเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเลื้อยเข้าไปพันแน่นขึ้นเท่านั้น และเขายังทำให้มันแย่เข้าไปอีก ตอนฉันร้องเพลงสูง ฉันตื่นเต้นมากจนแทบจะล้มลงไปเลย เสียงหวานครางอื้ออึง ฉันกลัวว่าหากเขาดูดกัดแรงกว่านี้ ฉันคงแย่แน่ ๆ มือเรียวรีบวางไมโครโฟนและบอกหวังเสวียนให้เล่นเพลงต้นฉบั
ฉันฟังคำพูดของแม่หมออิงไม่ค่อยเข้าใจ ฉันก็เลยถามเธออีกครั้งว่า “คุณหมายความว่า ฉันจะบอกหลิวหลงถิงเรื่องที่จะรับเทพสวรรค์มาเป็นคนของตัวเองไม่ได้ ใช่ไหมคะ?”“ใช่ เจ้าไม่สามารถบอกให้หลิวหลงถิงรู้เรื่องนี้ได้ ไม่งั้นเทพจะเกิดความอิจฉากัน ถ้าเจ้ารับเทพองค์อื่นต่อหน้าเขา ในอนาคตเขาอาจจะสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าได้ รอหลังจากที่เจ้านำเซียนระดับสูงรับกลับมาได้ ก็มาที่บ้านของข้าสักรอบ แล้วก็อย่าลืมคำนวณดูว่าเจ้าช่วยข้าไปกี่ครั้งแล้ว ข้ามีของบางอย่างจะให้กับเจ้า”ถึงอย่างไรแม่หมออิงก็เป็นคนที่สอนให้ฉันเป็นร่างทรงด้วย ฉันจึงไม่สามารถปฏิเสธธุระของเธอได้ ดังนั้นฉันจึงพยักหน้าตอบตกลงกับเธอ และบอกว่าพรุ่งนี้ฉันจะลาหยุดเพื่อไปที่ภูเขาเซียงให้ภูเขาเซียงอยู่ในเขตชานเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของเรา หลังจากที่ฉันวางสายโทรศัพท์ ก็เห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ในหอพักของเราแล้ว ฉันจึงนำเรื่องนี้บอกกับหลิวหลงถิงไปแล้ว และถามเขาว่าพรุ่งนี้จะไปภูเขาเซียงเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้หรือไม่? ถึงอย่างไรฉันเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ต่อให้เซียนระดับสูงที่บำเพ็ญเพียรผู้นั้นจะอยู่ตรงหน้า
“คุณกำลังเรียกฉันอยู่เหรอ?” ฉันถามไก่ตัวนั้นที่อยู่บนพื้นอย่างสงสัย“นอกจากข้าแล้วมีใครอีกล่ะ? เจ้าเป็นร่างทรง แต่กลับดูตระกูลเทพไม่ออกด้วยซ้ำ แล้วเจ้ามีคุณสมบัติอะไรถึงจะเป็นร่างทรงของข้าได้?”แต่เมื่อมองไปยังไก่ที่ดูท่าทางแปลก ๆ บนพื้น ฉันไม่สามารถเชื่อมโยงมันกับเทพเจ้าระดับสูงเข้าด้วยกันได้เลยจริง ๆ เซียนระดับสูงควรจะเป็นเทพที่น่าเกรงขามเที่ยงตรงไม่ใช่เหรอ จะมาเป็นไก่ที่ตกกระกำลำบากอยู่ตรงหน้าฉันได้อย่างไรกัน?แต่ว่าหลิวหลงถิงไม่ได้อยู่ข้าง ๆ ฉัน ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร ฉันก็ยังต้องให้เคารพนับถือ ดังนั้นฉันจึงอุ้มไก่ตัวนั้นขึ้นมาจากพื้น พลันเอ่ย “ถึงแม้ฉันจะเป็นร่างทรง แค่ฉันก็ไม่ค่อยมีทักษะอะไร ก็แค่มีคนจัดแจงให้ฉันมาที่นี่เพื่อรับเทพสวรรค์องค์หนึ่ง ฉันขออนุญาตถามหน่อยนะคะว่า คุณเป็นเทพระดับสูงที่ฉันตามหาใช่ไหม?”ไก่ตัวนั้นได้ยินฉันพูดก็มามองฉัน แล้วหันหน้ากลับไปอย่างเย่อหยิ่ง พลางกระโดดขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ที่ฉันกำลังนั่งอยู่ และพยักหน้าลงหนึ่งที "ใช่ ข้าเป็นเทพเจ้าที่เจ้ากำลังตามหาจริง ๆ ผลพวงจากไม่กี่ชาติที่ผ่านมา ทำให้พวกเรามีชะตากรรมร่วมกันในชาตินี้ ข้าจะต้องลงมาบำเพ็ญเพียรในโ
“เป็นอะไรไปล่ะ?” หลิวหลงถิงหยิบโทรศัพท์มือถือของฉันไปและในขณะเดียวกันก็ดึงมือฉันไปไว้ที่คอของเขา แต่เมื่อเขาเห็นข้อความในโทรศัพท์มือถือ ฉันก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าฝ่ามือของเขาออกแรงบีบขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็ถามฉันทันที “เธอรู้จักผู้หญิงคนนี้มากี่ปีแล้ว?”“เกือบ ๆ จะสามปีแล้ว” ฉันตอบหลิวหลงถิง“แล้วเธอรู้จักหล่อนดีพอไหม?”ฉันไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ หลิวหลงถิงถึงถามเรื่องพวกนี้ ดั้งนั้นฉันจึงพยักตอบไปว่ารู้จักดีอยู่นะ“แล้วเธอรู้ไหมว่าเมื่อตอนที่เราไปวันเกิดของหวังเสวียน หล่อนเป็นคนยุยงให้หวังเสวียนทำเรื่องแบบนั้นกับเธอ? และเธอรู้ไหมว่าหล่อนได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อของหวังเสวียน? ชายชราคนนั้นเลี้ยงดูหล่อนมาเป็นเวลาสามปีแล้ว”เมื่อหลิวหลงถิงบอกเรื่องพวกนี้กับฉัน ฉันรู้สึกว่ามันเกินจริงอยู่เล็กน้อย แล้วพูดว่าเป็นไปไม่ได้ เหยาน่าจะทำเรื่องแบบนี้กับฉันได้อย่างไร อีกอย่างเธอบอกฉันว่า ครอบครัวของเธอมีฐานะมาก ๆ ตามปกติแล้ว ถ้ากระเป๋าที่เธอสะพายและเครื่องสำอางที่เธอใช้นั้นไม่ใช่ของแบรนด์เนม เธอจะไม่หยิบมันออกด้วยซ้ำ“เธออยู่กับหล่อนมาสามปีแล้ว แต่เธอกลับถูกฉากหน้าที่หล่อนสร้างขึ้นมา ปิดบังคว
ฉันนึกถึงข้อความที่เหยาน่าส่งมาให้เมื่อคืนนี้ เธอบอกว่าพวกเขาเสียชีวิตกันหมดตามที่ฉันต้องการแล้วฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าเพื่อน ๆ ผู้ชายร่วมชั้นจะต้องมาเสียชีวิต และในวันนั้นหลิวหลงถิงก็ยังช่วยพวกเขาอยู่เลย และฉันกำลังสงสัยว่าการตายของชายสี่ห้าคนนั้นต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันเกิดของหวังเสวียนแน่ ๆ หากว่ากันตามจริง คนที่รอดชีวิตมาได้ในตอนนี้ นอกจากหลิวหลงถิงแล้ว ก็มีเหยาน่า! หลิวหลงถิงหายไปตั้งแต่เช้าแล้ว ฉันเองก็ไม่มีวิธีติดต่อเขา ตอนนี้คนเดียวที่ฉันจะไปหาได้ก็คงเป็นเหยาน่ายังมีเวลาอีกสองนาทีก่อนเริ่มเรียน ฉันรีบวิ่งเข้าไปที่ในห้องเรียนอย่างรวดเร็ว เฟิ้งฉีเทียนกำลังกินซาลาเปาอยู่ข้างหลังฉัน พลางเอ่ยว่าอย่าวิ่งเร็วขนานนั้น เขากำลังถือน้ำเต้าหูอยู่ และนั่นทำให้เขาไล่ตามฉันไม่ทัน อีกฝ่ายจึงหยุดไล่เสียเลย แล้วบอกว่าหากเขาทานแล้ว เขาจะมาหาฉันเองเมื่อฉันไปถึงประตูห้องเรียน มีคนในชั้นเรียนไม่มากนัก อาจเป็นเพราะมีเพื่อนในชั้นเรียนหลายคนเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทุกคนล้วนแต่ดูตื่นตระหนก แต่ในไม่กี่คนที่อยู่ในห้องตอนนี้ ก็มีเหยาน่านั่งอยู่ในนั้นด้วยเหยาน่านั่งตรงที่นั่งประจำของฉ
ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองที่เฟิ้งฉีเทียน และบอกเขาว่าอย่าพูดจาไร้สาระ อย่างไรก็ตามก่อนที่ยังจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ชัดเจน ฉันก็ไม่สามารถโยนความผิดมั่ว ๆ ให้หลิวหลงถิงได้วันนี้ฉันมีเรียนทั้งวัน ตอนเที่ยงฉันก็ไม่ได้กลับไป เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนขณะกลับบ้าน ฉันลังเลอยู่ว่าจะต้องถามเรื่องนี้กลับหลิงหลงถิงอย่างไรแต่ทันทีที่เปิดประตูบ้านก็มีกลิ่นหอมของอาหารส่งกลิ่นหอมอบอวลออกมา บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นมีจานที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเนื้อ กุ้ง และอื่น ๆ ที่วางอยู่ด้านบน ฉันยังคิดว่าเป็นอาหารที่หลิวหลงถิงสั่งกลับบ้านอะไรทำนองนั้น แต่เมื่อฉันเดินผ่านห้องครัว กลับเห็นหลิวหลงถิงสวมผ้ากันเปื้อนรอบเอวของเขา ในมือซ้ายของเขาถือสูตรอาหารอยู่ มือขวาถือกระบวยตักแกงคนอยู่ในหม้อ หมายความว่าอาหารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะพวกนั้นทั้งหมดเป็นฝีมือของหลิวหลงถิงอย่างนั้นสิ!อยู่ ๆ ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าหลิวหลงถิงจะลงมือทำอาหารด้วยซ้ำ และหลิวหลงถิงก็รู้ว่าฉันกลับมาแล้ว เขาหันหน้ามาพูดกับฉันว่าไปวางหนังสือลง แล้วล้างมือเตรียมทานอาหารกัน ซุปของเขาจะเสร็จในไม่ช้านี้แล้วฉันเดินไปหาหลิวหลงถิง และเอียงคอมองหน้าผากขาวของเข
“นายกำลังแก้แค้นหล่อนใช่มั้ย?” ฉันถามหลิวหลงถิง “ไม่ใช่ ฉันแค่กำลังลงโทษหล่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง และตอนนี้ฉันก็กำลังลงโทษเธออยู่ต่อไปห้ามสงสัยในตัวฉันอีกแล้วนะเข้าใจไหม” หลิวหลงถิงที่กำลังพูดอยู่นั้น เอียงหน้ามองมาที่ฉันด้วยหน้าตาที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ฉันก็มองไปที่เขาอยู่สักพัก แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเขากำลังหมายถึงอะไร แต่ด้วยเวลาผ่านไปนาน ฉันก็เริ่มเข้าใจว่าการลงโทษที่เขาพูดถึงคืออะไรเมื่อถึงเวลานอน ฉันกังวลอยู่ตลอดว่าท้ายที่สุดแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเหยาน่ากันแน่ แชทห้องเรียนมีแต่คำนินทาเกี่ยวกับเธอ ด่าเธอว่าเป็นโสเภณีหรือไม่ก็ทำให้มหาวิทยาลัยของเราเสื่อมเสียชื่อเสียง ฉันส่งข้อความไปหาเธอ แต่เธอไม่ตอบกลับมา ฉันอยากไปหาเหยาน่า แต่ว่าหลิวหลงถิงนอนอยู่ข้าง ๆ ฉัน เขาเข้านอนไปพร้อมกับฉันด้วย มือหนาโอบรอบเอวของฉันไว้แน่นจนขยับไม่ได้เลยฉันนอนไม่หลับทั้งคืน เมื่อหลิวหลงถิงตื่นขึ้นในตอนเช้า ฉันตื่นนอนขึ้นมาพร้อมกับเขาด้วย ร่างบางอาบน้ำอย่างลวก ๆ หน้าก็ไม่แต่ง และบอกเขาว่าฉันไปเรียนแล้วนะฉันไปมหาวิทยาลัยเช้ามาก แต่หลิวหลงถิงก็ไม่ได้ห้ามอะไรฉัน เขาควักเงินให้ฉันยี่สิบหยวนและบอกให้
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่หลิวหลงถิงและเฟิ้งฉีเทียนได้พบกัน แต่หลิวหลงถิงแค่มองไปที่เฟิ้งฉีเทียนเท่านั้นและไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขา ร่างสูงเหยียดมือมาโอบที่ไหล่ของฉันให้หลบเข้ามาอยู่ใต้ร่มของเขา แล้วหันหลังเดินกลับไป“เจ้านี่หยาบคายเกินไปแล้ว ครั้งแรกที่ข้าลงมาเยี่ยมเยียน แล้วไม่ทักทาย ข้าก็ถือว่าปล่อยมันไป ตอนนี้เจอหน้ากันแล้ว แม้แต่จะทักทายสักหน่อยก็ไม่มี รู้ไหมว่าข้าเป็นเทพสวรรค์ที่ลงมายังโลกมนุษย์เลยนะ?”เมื่อเฟิ้งฉีเทียนเห็นว่าหลิวหลงถิงไม่สนใจเขา ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดออกมาก่อนด้วยน้ำเสียงไม่มีสบายใจ แต่หลิวหลงถิงกลับไม่ได้หันหลังไปมองเลย เขามุ่งมั่นแต่พาจะฉันเดินไปบ้านท่าเดียวระหว่างทางกลับบ้าน ฉันไม่ได้พูดอะไรกับหลิวหลงถิงเลยสักคำ ฉันไม่ได้กินข้าวเลยทั้งวัน แต่หลิวหลงถิงก็ไม่ถามว่าฉันหิวไหม หลังจากกลับมาถึงบ้าน ตอนแรกฉันก็อยากดูว่าในตู้เย็นนั้นมีอะไรให้กินบ้าง แต่พอเปิดประตูตู้เย็นออกมา นอกจากน้ำผลไม้สองสามขวดก็ไม่มีอะไรเลยฉันอยากจะเกลียดหลิวหลงถิงจริงๆ นะ ถ้ามีคน ๆ หนึ่งปฏิบัติต่อคุณไม่ดีตลอดเวลา แต่คุณกลับเคยชินกับการที่เขาทำไม่ดีกับคุณ แต่ถ้าคน ๆ นั้นเริ่มปฏิบัติต่อคุณดี