นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่หลิวหลงถิงและเฟิ้งฉีเทียนได้พบกัน แต่หลิวหลงถิงแค่มองไปที่เฟิ้งฉีเทียนเท่านั้นและไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขา ร่างสูงเหยียดมือมาโอบที่ไหล่ของฉันให้หลบเข้ามาอยู่ใต้ร่มของเขา แล้วหันหลังเดินกลับไป“เจ้านี่หยาบคายเกินไปแล้ว ครั้งแรกที่ข้าลงมาเยี่ยมเยียน แล้วไม่ทักทาย ข้าก็ถือว่าปล่อยมันไป ตอนนี้เจอหน้ากันแล้ว แม้แต่จะทักทายสักหน่อยก็ไม่มี รู้ไหมว่าข้าเป็นเทพสวรรค์ที่ลงมายังโลกมนุษย์เลยนะ?”เมื่อเฟิ้งฉีเทียนเห็นว่าหลิวหลงถิงไม่สนใจเขา ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดออกมาก่อนด้วยน้ำเสียงไม่มีสบายใจ แต่หลิวหลงถิงกลับไม่ได้หันหลังไปมองเลย เขามุ่งมั่นแต่พาจะฉันเดินไปบ้านท่าเดียวระหว่างทางกลับบ้าน ฉันไม่ได้พูดอะไรกับหลิวหลงถิงเลยสักคำ ฉันไม่ได้กินข้าวเลยทั้งวัน แต่หลิวหลงถิงก็ไม่ถามว่าฉันหิวไหม หลังจากกลับมาถึงบ้าน ตอนแรกฉันก็อยากดูว่าในตู้เย็นนั้นมีอะไรให้กินบ้าง แต่พอเปิดประตูตู้เย็นออกมา นอกจากน้ำผลไม้สองสามขวดก็ไม่มีอะไรเลยฉันอยากจะเกลียดหลิวหลงถิงจริงๆ นะ ถ้ามีคน ๆ หนึ่งปฏิบัติต่อคุณไม่ดีตลอดเวลา แต่คุณกลับเคยชินกับการที่เขาทำไม่ดีกับคุณ แต่ถ้าคน ๆ นั้นเริ่มปฏิบัติต่อคุณดี
การเลือกเทพเจ้านี้ก็ถือได้ว่าพิธีโดดเด่นพิธีหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรา พวกศิลปะการแสดงละครเวทีเรื่องสั้น เพลงระบำสลับการการเต้นสร่างเหล่านั้นมีต้นกำเนิดจากที่นี่ทั้งหมด และก็ต้องมีคนสองคนที่แต่งตัวเป็นเทพเจ้า ร้องเพลงไปและเต้นไปด้วยอยู่บนพื้น ทั้งหมดวิวัฒนาการมาจากวัฒนธรรมในอดีตของนักเวทย์มนตร์ในลิทธิเชมัน เป็นพิธีที่ใช้ในการอธิษฐานขอพรหรือจัดการกับวิญญาณชั่วร้าย ไม่แน่ว่าแม่หมออิงจะเผชิญกับอะไรบางสิ่งที่ยากจะรับมืออยู่เหรอ? แม้ว่าฉันจะไม่รู้วิธีการเลือกมหาเทพของร่างทรง แต่วันรุ่งขึ้นฉันก็ตามหลิวหลงถิงและเฟิ้งฉีเทียนไปที่บ้านของแม่หมออิงด้วยอาจจะเป็นเพราะเรื่องในวันนี้ค่อนข้างสำคัญมาก นอกจากแม่หมออิงที่กำลังเป็นแม่ครัวทำอาหารอยู่ที่บ้านคนเดียว ก็ไม่มีลูกศิษย์ลูกหาเลยสักคน มองเผิน ๆ ก็ดูเงียบเหงา เมื่อหมออิงเห็นพวกเรามาแล้ว จึงรีบออกมาให้การต้อนรับขับสู้เชิญพวกเราที่หน้าประตู เธอบอกให้เข้าไปนั่งในบ้าน และไม่รีรอให้ฉันแนะนำเฟิ้งฉีเทียนมาด้วยทันที เธอรีบคุกเข่าลงและโค้งคำนับเฟิ้งฉีเทียน พลางบอกเขาว่าการเดินทางขึ้นรถลงเรือคงจะทำให้เขาลำบาก!เทพสวรรค์นี่ก็สมกับเป็นเทพสวรรค์จริง ๆ
ฉันรู้สึกว่าแม่หมอพูดตรงเกินไปแล้ว ฉันไม่ยอมรับความสัมพันธ์ของฉันกับหลิวหลงถิง แต่เธอกลับถามฉันอย่างบีบบังคับอยู่ เหมือนกับว่าต้องการจะแน่ใจอะไรบางอย่างแต่ในเมื่อเธอพูดออกมาแบบนั้น ก็ทำให้ฉันอยากถามหลิวหลงถิงจริง ๆ ว่าเขาชอบฉันหรือเปล่า ถึงอย่างไรเขาก็ขอให้ฉันบอกรักเขามาตลอด ถ้าเขาไม่รักฉัน ทำไมต้องบังคับให้ฉันพูดแบบนั้นด้วยล่ะฉันเลี่ยงที่จะตอบคำถามของแม่หมออิง พลางเอ่ยว่าอย่าถามคำถามเหล่านี้กับฉันเลย เดิมทีฉันกับหลิวหลงถิงก็ไม่มีที่จะต้องทำให้เธอพูดแบบนี้ แต่ฉันรู้สึกว่าระหว่างพวกเรามีอะไรบางอย่างอยู่ แล้วฉันก็เปลี่ยนเรื่องคุย ก่อนถามเธอว่าครั้งนี้พวกเราจะไปเซ่นไหว้อะไร ขอให้เธอบอกฉันก่อนล่วงหน้าสักหน่อยเพื่อให้ได้ทำใจบ้างเล็กน้อย ทีแรกแม่หมออิงก็ตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบของฉันอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าฉันยังไม่อยากบอกเรื่องนี้กับเธอ เธอก็ถอยเล็กน้อย พลันบอกว่านี่เป็นการถวายเครื่องเซ่นให้สวรรค์ ก่อนหน้านี้มีคนมาหาเธอ และบอกว่าบ้านของพวกเขาอยู่นอกเมืองห่างออกไปประมาณสิบไมล์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอุณหภูมิก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี ความร้อนในช่วงฤดูหนาวก็ร้อนอย่างรุนแรงติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปีแ
ปีศาจแห่งความแห้งแล้งเหรอ ใช่ตัวที่เขาเรียกว่าฮั่นป๋าไหม?แม่หมออิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินว่าเป็นฮั่นป๋า สีหน้าของเธอก็ดูตื่นเต้นเล็กน้อย “ฉันพึ่งบอกว่าไม่กี่ปีนี้ดูร้อนแบบไร้เหตุผล พอพูดถึงสิ่งนี้เลยตกใจนิดหน่อย แต่มันไม่ได้มีมาหลายปีแล้ว ทำไมมันถึงออกมาได้ล่ะ?”เฟิ้งฉีเทียนที่อยู่ในร่างฉันรับคำของแม่หมออิงและบอกกับเธอว่า ขึ้นอยู่กับเวลาสถานที่ หรือสถานการณ์ของยุคสมัย ถ้ามันไม่ค่อยมั่นคง สิ่งเหล่านี้ก็จะออกมา รัศมีสิบลี้นี้จริง ๆ แล้วเหมือนหลุมขนาดใหญ่ หลุมนี้ถูกล้อมรอบด้วยภูเขา ภูมิประเทศจุดนี้ถือเป็นศูนย์รวมของอากาศ เดิมเป็นดินแดนอันล้ำค่า แต่เทือกเขาเสือขาวที่ทอดตัวไปทางทิศตะวันตกค่อนข้างเอียง ทำให้อากาศที่นี่มุ่งไปทางทิศตะวันตก และคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นคนที่ไม่ค่อยมีเงินเท่าไหร่“และที่ฉันพูดเมื่อกี้ว่ามีช่องว่างในประตูเสือขาวทางฝั่งตะวันตก ช่องว่างนี้คือรางรถไฟที่ตัดผ่านทิวเขา รางรถไฟความเร็วสูงนี้ทำให้อากาศที่นี้หายไป และการก่อตัวขึ้นเป็นฮั่นป๋า ประมาณว่ามีคนฝังศพไว้ใกล้รางรถไฟ พลังปราณจากศพที่ปล่อยออกมาจากนั้นผสมกับอากาศที่ไหลออกมาที่นี่ จึงทำให้กลายเป็นพลังความชั่
พอเห็นหน้าเทพแห่งขุนเขาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ฉันก็กลัวแทบอยากร้องไห้ ไม่รู้ว่าไปเอาแรงมาจากไหน ฉันดึงมือเขาออกไปอย่างบ้าคลั่ง แล้วรีบกดหน้าต่างรถลง แล้วตะโกนเรียกหลิวหลงถิงที่อยู่ข้างนอกห้ช่วยฉันด้วย!เทพแห่งขุนเขาที่เห็นว่าฉันหลุดจากมือของเขาแล้ว กลับคิดว่าเมื่อทำแล้วก็ทำให้สุด ไม่ว่าฉันจะตะโกนยังไง เขาก็ยังหัวเราะเยาะฉันอย่างเยือกเย็น และดึงร่างฉันไปตรงหน้าเขาอย่างโหดเหี้ยม แขนของเขาฉีกขาฉันออกสุดแรง ไม่ว่ายังไงเขาก็จะดูดลูกงูในท้องฉันออกให้ได้ ขณะเดียวกันกลับมีหมัดทุบเข้าที่หน้าต่างรถอย่างแรง หลงถิงเข้ามาจากทางด้านหลังของเทพแห่งขุนเขา แล้วใช้นิ้วมือกระชากผมเขาออกไป เขากระชากแรงมากจนเทพแห่งขุนเขาที่อาการยังไม่ดีนักกระแทกกับประตูรถอย่างแรง!ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นเฟิ้งฉีเทียนกำลังมาในเวลานี้ประตูรถที่อยู่ข้างหลังฉันถูกเปิดออก หลิวหลงถิงปิดหน้าของเขาและโผล่ร่างเข้ามาครึ่งหนึ่ง พลันเอื้อมมือเข้ามาอุ้มฉันไว้ในอ้อมแขนเขา แล้วถอดเสื้อแจ็คเก็ตปิดขาฉันไว้ในเวลานี้ฉันรู้สึกอายมาก จนอยากจะกอดหลิวหลงถิงแล้วร้องไห้ซักพักจริง ๆ แต่เมื่อมองดูใบหน้าที่มืดหม่นของหลิวหลงถิง ฉันไม่กล้าแม้แต่จ
ฉันเพิ่งเคยเห็นหลิวหลงถิงปกป้องผู้หญิงแบบนี้เป็นครั้งแรก และความอิจฉาริษยาก็ผุดขึ้นในใจฉันทันที แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงศพก็ตามเฟิ้งฉีเทียนเห็นว่าหลิวหลงถิงพูดอย่างเคร่งขรึม จึงเดินไปหาเขา “ขอดูหน่อยว่ามีสาเหตุมากน้อยแค่ไหน เป็นไปได้ไหมที่นางจะเป็นหวางมู่เหนียงเหนียงจากสรวงสวรรค์?”หลิวหลงถิงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองเฟิ้งฉีเทียน แล้วยิ้มออกมา “งั้นถ้าข้าว่าใช่ เจ้าจะกล้ายุ่งไหม?”ที่จริงเฟิ้งฉีเทียนแค่จะล้อเล่น แต่คำพูดของหลิวหลงถิงนั้นเป็นจริงแค่ครึ่งเดียว ซึ่งทำให้เฟิ้งฉีเทียนอับอายเล็กน้อย ถ้าหลิวหลงถิงไม่แค้นเขามาก่อน ก็คงจะเป็นเซียนที่มาจากพื้นที่เดียวกัน เขาแค่ต้องการทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ขึ้นณ เวลานี้แม่หมออิงได้สวมบทเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราตกลงที่จะเปลี่ยนฮวงจุ้ย หากทำพลาดไป ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังทำให้ตระกูลเซียนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ดังนั้นจึงถามหลิวหลงถิงว่าใครอยู่ในโลงนี้? อาจเป็นอดีตนางสนมเอกหรือเจ้าแม่อะไรสักอย่าง? เพราะการแต่งตัวของหญิงผู้นี้ ก็ไม่เหมือนหญิงธรรมดาทั่วไปในสมัยก่อน“ถ้าเป็นคนธรรมดา ข้าคงไม่ห้ามให้พวกเจ้าแตะต้อง ข้ารู้ว
เมื่อหลิวหลงถิงเห็นแม่หมออิงเดินมา จึงผละออกจากริมฝีปากของฉัน แล้วมองไปทางแม่หมออิง ก่อนจะเอื้อมมือยกฉันขึ้นจากพื้น พลางตบฝุ่นที่หัวเข่าของฉันเบา ๆเพราะฉันกับหลิวหลงถิงกำลังมองเธออยู่ แม่หมออิงจึงเปลี่ยนสีหน้า แต่กลับเป็นฉันที่ไม่สบายใจ เธอเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับกล่องสองใบในมือของเธอ และบอกกับฉันว่า “พวกเจ้าควรระวังหน่อย แม้ว่าไม่มีข้อห้ามสำหรับเซียนและร่างทรงเรื่องความสัมพันธ์ แต่นี่เป็นกฎที่คนในย่อมรู้ดี ถ้าเซียนคนอื่น ๆ เห็นเข้า ข้าจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง!”ทว่าเรื่องทั้งหมดนี้อยู่ในบ้านของแม่หมออิง ถูกเธอเห็นเข้าแบบนี้ฉันก็รู้สึกผิด แค่อยากบอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ แค่บังเอิญ เท่านั้นเองจริง ๆ ไม่พูดจะดีกว่า พูดแบบนี้ พลังหยินบนหน้าของแม่หมออิงจะยิ่งแรงขึ้น หลิวหลงถิงเองก็ไม่อายอะไร เขายังจับมือฉันแล้วนวดเล่น พลางพูดกับแม่หมออิงว่า “คาดไม่ถึงว่าแม่หมออิงที่อายุมากขนาดนี้ จะยังไม่เห็นสิ่งนี้”“ไม่ใช่ว่าข้ามองไม่เห็น…” แม่หมออิงต้องการจะอธิบาย แต่หลัง ๆ รู้สึกว่ามันไม่จำเป็น เธอจึงวางกล่องของขวัญลงบนโต๊ะแล้วบอกกับฉันว่า “ข้าไม่ต้องการของมีค่าสองชิ้นนี้แล้ว ข้าให้เจ้า ลอ
ทันทีที่เฟิ้งฉีเทียนกลับมา เขาพูดอย่างไม่รู้ถูกผิดว่าฉันหักหลังเขา ฉันจึงบอกทันทีว่าร่างทรงคนก่อนกลับมาหาเขาแล้ว ฉันไม่ต้องการหักหลังเขา แต่กำลังช่วยเขาอยู่ต่างหากเซียเทียนเจ๋อดูเหมือนจะใส่ใจความรู้สึกของเฟิ้งฉีเทียนเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเฟิ้งฉีเทียนไม่ต้องการกลับไป เขาจึงขอโทษเฟิ้งฉีเทียนทันที “ฉีเทียน ผมผิดเอง ผมไม่ได้มารับคุณตามเวลาที่ตกลงกันไว้ ตอนนี้ผมมาขออภัย กลับไปกับผมเถอะ คุณเป็นถึงเทพระดับสูง มาอยู่ในที่เช่นนี้ได้อย่างไร ผมเตรียมทุกอย่างที่คุณชอบไว้หมดแล้ว กลับบ้านกับผมเถอะ”สิ่งที่เซียนเทียเอ๋อพูดในตอนนี้ทำให้ฉันไม่มีความสุขเท่าไหร่ อะไรคืออยู่ในสถานที่เช่นนี้ มันหมายความว่าอย่างไร? ตอนนี้บ้านของคนเฒ่าคนแก่ในจีน ก็แทบจะเหมือนบ้านวัยรุ่นทั่วไปอย่างฉันแล้วไม่ใช่เหรอ? เซียเทียนเจ๋อพูดเช่นนั้นได้อย่างไร?“ตลอดชีวิตนี้ ตอนข้าเห็นเจ้ายังคงทุกข์ทรมานอยู่ข้างล่างเพียงลำพัง ข้าแค่อยากลงมาช่วยเจ้า แต่ข้าพบป๋ายจิงระหว่างทาง มันอาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ แต่ที่ข้ามั่นใจคือ ชะตากรรมของเราหมดลงแล้ว ในชาติก่อนเจ้าไม่รู้จักรักษาทุกสิ่งที่ข้าให้ไป ตอนนี้ข้าเจอคนที่น่าสนใจกว่าเจ้าแล้ว ข้าก็เ