Share

บทที่ 7 บุกลุกประเพณีที่ชั่วร้าย

“ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? ท่านจะกินเลือดกินเนื้อของฉัน หรือว่าจะไปเข้าห้องหอกับฉัน?” ฉันถามชายหนุ่ม

ก็คงเพราะได้รับอิทธิพลจากนิยายท่านประธานจอมเผด็จการไร้ยางอายเหล่านั้น ดังนั้นพูดกำกวมที่ว่า ข้าอยากกินเจ้า จึงมักจะทำให้คนอื่นคิดเลยเถิดกันไปใหญ่

คงน่าจะเพราะคำถามของฉันมันดูตลก ชายคนนั้นวางมือที่ยกส้มขึ้นลง แล้วถามฉันด้วยความสนใจว่า “นี่เจ้าไม่กลัวข้าเลยหรอ? แม้แต่ร้องไห้ก็ยังไม่ร้องเลย”

ฉันกลัวสิ! ฉันกลัวจนแทบอยากจะวิ่งลงจากภูเขาไปเสียตอนนี้เลย ใครจะไปอยากอยู่กับเทพที่ดูแปลก ๆ แบบนี้กัน ถ้าเขาต้องการจะฆ่าฉันล่ะก็ มันก็ทำได้ง่าย ๆ เหมือนบี้มดตัวหนึ่งเลยนะ แต่ฉันจะแสดงออกไปไม่ได้ว่าฉันกลัวเขามาก ถึงอย่างไรอีกสักครู่ฉันก็จะหลอกให้เขากินยาลูกกลอนลงไปอยู่แล้ว จึงพูดกับเทพขุนเขาไปว่า “เพราะท่านช่างหน้าตาดีขนาดนี้ ใครจะไปกลัวคนที่หน้าตาดีกันล่ะคะ?”

จู่ ๆ ชายคนนั้นก็หัวเราะขึ้นมา พลางยื่นส้มในมือส่งให้ฉัน ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีมาก เขาเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ ฉัน พลันเอ่ย “น่าสนใจดีนะ ไหนบอกมาสิว่าข้าดูดีที่ตรงไหน?”

ถ้าไม่ใช่ว่าฉันถูกขังอยู่ในวัดบนภูเขาแห่งนี้ หรือถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่เทพแห่งขุนเขา แต่เป็นมนุษย์ปกติ ฉันคงจะด่าเขาไปแล้วว่าได้คืบเอาศอก แต่ฉันก็ยังรักตัวกลัวตายอยู่

“จมูก ตา ปาก ดูดีไปหมด” ฉันตอบเทพแห่งขุนเขา

เมื่อเทพแห่งขุนเขาได้ยินฉันพูดเช่นนี้ เขาก็หัวเราะจนดวงตารูปหงส์โค้งลง เขาโอบฉันไว้ในอ้อมแขน เหมือนพวกมาเฟียที่เข้าไปในซ่องของผู้หญิงหากิน “ข้าไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาดีเท่านั้น ทั้งตัวข้าก็ดูดี มาสิ ข้าจะให้เจ้าดูลูกรักของข้า” ขณะที่พูดเขาก็เอื้อมมือไปปลดเข็มขัดที่ชุดออก

นี่มันเป็นไร้สาระบ้าบอที่สุด!

ฉันสงสัยว่าเทพแห่งขุนเขาองค์นี้คงเคยเที่ยวโสเภณีมาก่อนแน่ ๆ เทพพระเจ้าที่ถูกต้องจะพูดจากำกวมไม่สุภาพเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร เขาทำฉันตกใจจนต้องรีบจับมือหนาของอักฝ่ายไว้ทันที แต่พอเห็นท่าทางวิตกกังวลของเทพภูเขาที่ไม่แตะต้องผู้หญิงเลยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ในใจฉันก็พอมีวิธีหลอกเทพภูเขาให้กินยานี่แล้วล่ะ

“เทพแห่งขุนเขาท่านอย่าพึ่งรีบร้อน ฉันรู้ว่าหลังจากที่ฉันถวายตัวให้ท่านแล้ว ชีวิตฉันก็จะใกล้ความตายมากกว่าเดิม ก่อนที่จะตาย ท่านพอจะช่วยทำให้ฉันรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นอีกหน่อยจะได้หรือไหม?”

“หืม? ถ้าอย่างนั้นเจ้าพูดมาสิว่าข้าต้องทำอะไรให้เจ้ารู้สึกกระปรี้กระเปร่ากว่านี้ล่ะ?” เทพแห่งขุนเขาใช้สายตาคมทั้งสองข้างจ้องมาที่ฉัน

ฉันอดกลั้นความหวาดผวาเอาไว้ ก่อนหยิบเม็ดกัญชาที่หลิวหลงถิงให้ออกมาจากกระเป๋า “นี่คือยาเม็ดที่แม่ของฉันมอบให้ก่อนจะถูกหามขึ้นมาบนภูเขา ท่านแม่บอกว่ามันมีประสิทธิภาพสามารถช่วยบำรุงกำหนัดให้กับชายหญิง ฉันคิดว่าถ้าจะตาย ฉันก็ขอตามใจตัวเองก่อนตายสักครั้ง”

“จริงหรือ? ขอข้าดูหน่อย” เทพแห่งขุนเขาหยิบเม็ดกัญชาจากมือฉัน แล้วมองดูอยู่นาน แต่ก็ดูไม่ออกว่ามันคืออะไร จึงถามว่า “เจ้าเด็กนี่ ยังเป็นเด็กเป็นเล็กก็คึกคะนองขนาดนี้ คาดเดาไม่ได้จริง ๆ แต่ยาเม็ดนี้คงไม่ใช่ยาพิษอะไรที่ใช้ทำร้ายข้าใช่ไหม?”

“จะเป็นยาพิษไปได้อย่างไร…”

ฉันกำลังจะรีบอธิบาย จู่ ๆ เทพเจ้าแห่งขุนเขาก็ยื่นมือมาปิดปากฉัน พลางเหลือบมองเม็ดยา แล้วหันหน้ามามองฉันอีกรอบ “ข้าเชื่อในตัวเจ้า ข้าเชื่อในตัวเจ้า แค่ชาวบ้านตัวเล็ก ๆ จะกล้าส่งยาพิษให้แก่ข้าได้อย่างไร ในเมื่อยานี้จะทำให้สาวงามตัวน้อยมีความสุข งั้นถ้าพวกเรากินมันด้วยกัน มันจะไม่วิเศษกว่าหรือ?”

เทพแห่งขุนเขาพูดแล้วนำเม็ดยาชิดลงบนริมฝีปากและอ้าปากเพื่อกัดมัน เม็ดยาคงจะเปราะมาก ครึ่งหนึ่งของมันอยู่ในปากของเทพแห่งขุนเขาไปแล้ว โดยทั่วไปแล้วด้านข้างทั้งสองจะเหลือเพียงรอยกดลงเป็นร่องตื้น ๆ และน้ำลายชื้นบางส่วน

“มาเถอะ อ้าปากหน่อย ข้าจะป้อนให้เจ้าเอง” เทพแห่งขุนเขาป้อนให้ฉันอย่างเอ็นดู แต่ฉันมองดูเม็ดยาสีดำ ๆ และคราบเปียก ๆ ที่อยู่บนนั้น ในใจก็คิดไปว่าทำไมเทพแห่งภูเขาต้องทำอะไรที่สะอิดสะเอียดแบบนี้ ต่อให้ฉันเต็มใจจะกินเม็ดกัญชานี่ แต่ฉันก็ไม่อยากกินน้ำลายของเขานะ

ถึงจะไม่อยากกินเม็ดกัญชาเม็ดนี้สักแค่ไหน แต่หลิวหลงถิงก็ต้องการให้ฉันมอบมันให้เทพเจ้าแห่งขุนเขากิน ฉันเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น ฉันกลัวว่าถ้าฉันกินเข้าไปก็อาจจะตายได้ และขอเพียงแค่เทพแห่งขุนเขาสลบไป ก็ถือว่าฉันทำสำเร็จแล้ว

แต่ฉันเฝ้ามองดูเทพเจ้าแห่งขุนเขามาเป็นเวลานานแล้ว เทพแห่งขุนเขายังคงถือเม็ดกัญชานั้นยื่นให้ฉันกิน ฉันเริ่มรู้สึกกังวลมากจนเริ่มสงสัยหลิวหลงถิงแล้วว่าเขาคงจะไม่ได้เอาเม็ดยาปลอม ๆ มาหลอกฉันหรอกนะ ฉันถูกเทพแห่งขุนเขาบังคับจนไม่มีทางสู้แล้ว ดังนั้นจึงอ้าปากกลืนยาเม็ดอีกครึ่งหนึ่งที่เขามอบให้ลงไป

หลังจากนั้นเทพแห่งขุนเขาก็หมุนตัวกลับมากดฉันลงบนเก้าอี้ ตอนแรกฉันอยากผลักเขาออกไป แต่คราวนี้เม็ดกัญชาเริ่มมีผลกับร่างกายของฉันแล้ว ข้างในร่างกายของฉันหนักอึ้งราวกับถูกโคลนทับถมจน แม้ว่าฉันต้องการขยับมันก็ขยับไม่ได้!

นี่มันตรงกับสุภาษิตที่ว่า ขโมยไก่ไม่ได้ยังต้องเสียข้าวสารอีกกำมือชัด ๆ! แล้วเมื่อไหร่เจ้าบ้าหลิวหลงถิงจะขึ้นมาช่วยฉันสักทีล่ะ!

ฉันแผดเสียงอยู่ในใจ เมื่อเห็นว่าเทพแห่งขุนเขากำลังจะถลกกระโปรงฉันขึ้น ขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็มีลมพัดกลิ่นสาปงูเข้ามาปกคลุมทั่วทั้งวิหาร งูขาวตัวใหญ่แข็งแกร่งเลื้อยเข้ามาจากประตูทางเข้าวัด จนมาถึงที่หน้าของฉัน หัวงูขนาดใหญ่ยกขึ้นและฉกเข้าที่หลังของเทพเจ้าแห่งภูเขาอย่างรุนแรง พลันเลือดสีเข้มก็ไหลหล้นสาดกระเซ็นจนเต็มไปทั้งตัวงู ดูเหมือนในตอนนี้เทพแห่งขุนเขาจะมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างเต็มแรง เขาหันหน้าไปมองงูสีขาวที่อยู่ด้านหลัง แต่กลับถูกงูค้าบโยนร่างไปกระแทกเสาวิหาร และร่วงลงมาอย่างสิ้นหวัง

ครั้งนี้ฉันอยากจะกระโดดขึ้นเก้าอี้แล้วบอกหลิวหลงถิงว่าทำได้ดีมากเลย อย่าให้อ่อนข้อให้เทพเจ้าชั่วร้ายที่ไร้ยางอายแบบนี้เด็ดขาด! แต่ตอนนี้ฉันกินยาเม็ดนั้นเข้าไปแล้ว จึงไม่สามารถขยับร่างกายได้ และทำได้เพียงมองตาปริบ ๆ ไปที่งูขาวตัวใหญ่อย่างใจจดใจจ่อ

หลิวหลงถิงเหลือบมองมาที่ฉันซึ่งกำลังเอนตัวพิงอยู่บนเก้าอี้ เขากวาดหางมาม้วนพันล้อมรอบเก้าอี้แล้วเหวี่ยงมันไปข้างหลังทันที ก่อนจะวางฉันลงให้ห่างจากพวกเขาประมาณเจ็ดแปดเมตร

หลังจากที่เทพเจ้าแห่งภูเขาถูกหลิวหลงถิงโยนลงพื้นโดย เขาก็รีบลอยขึ้นมาจากพื้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้สนใจบาดแผลที่แผ่นหลังเลย ใบหน้าหล่อนั่นมืดหม่นราวกับว่ากำลังโกรธมาก ผมยาวแผ่สยายออกมาตามความโกรธของเขา พลันตะโกนออกมาแล้วพุ่งตัวตรงไปทางหลิวหลงถิง “ผู้น้อยนิรนามมาจากที่ใด ถึงได้กล้าทำลายงานมงคลของข้า!”

“ถ้างั้นเจ้าก็ลองมองให้ละเอียดดูว่าเจ้ารู้จักข้าหรือไม่” ในเวลานี้หลิวหลงถิงเปลี่ยนร่างเป็นคน เขามีผิวที่ขาวสะอาดและละเอียดอ่อน พร้อมสีหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์

ฉันมองไปที่ดวงตาของหลิวหลงถิงที่ยังดูสงบไม่ไหวติง ฉันรู้สึกกังวลเล็กน้อย แม้ว่าเทพแห่งขุนเขาองค์นี้จะไม่เหลือความศรัทธาจากชาวบ้านแล้ว แต่เขาก็มีการบำเพ็ญเพียรมามากกว่าสองพันปี หลิวหลงถิงที่พึ่งบำเพ็ญเพียรได้เพียงไม่กี่ร้อยปี เขาจะเอาชนะเทพแห่งขุนเขาได้อย่างไร?

ฉันอยากจะบอกหลิวหลงถิงให้ระวังเทพเจ้าแห่งขุนเขา แต่ฉันก็ส่งเสียงออกไปไม่ได้ ฉันได้แต่เสียใจที่ตกลงกับย่าหลี่โดยที่ไม่ถามถึงสถานการณ์ให้ชัดเจนเสียก่อน แล้วตามมาที่นี่ราวคนใจง่าย

เมื่อเทพแห่งขุนเขาได้ยินน้ำเสียงของหลิวหลงถิง ก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่สบายใจ แต่เขาก็ยกคางขึ้นและกวาดสายมองที่หลิวหลงถิง แค่ชำเลืองมองนิดเดียว สีหน้าของเทพแห่งขุนเขาก็ปรากฏอาการร้อนร้นเล็กน้อย แต่เขาก็รีบสงบลงอย่างรวดเร็ว “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนของตระกูลหลิว แล้วข้าจะต้องกลัวเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

“แน่นอนว่าเจ้าไม่ได้กลัวข้า แต่เจ้าก็ไม่กล้าแตะต้องข้าแม้แต่นิดเช่นกัน”

“ไม่กล้าแตะต้อง? พูดจาดูถูกกันเกินไป เจ้าอยู่ที่นี่คนเดียว ครอบครัวของเจ้าจะมีอิทธิพลสักแค่ไหน? และจักรพรรดิก็อยู่ไกลเกินกว่าจะดูเจ้าได้มิใช่หรือ? เจ้าทำลายงานของข้า วันนี้เจ้ากับข้าจะต้องได้เห็นดีกัน!”

คำพูดของเทพแห่งขุนเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นแล้ว แต่สายตาของหลิวหลงถิงยังคงจ้องมองไปที่เทพแห่งขุนเขาโดยไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย “งั้นเจ้าจะลองดูไหมล่ะ?”

เดิมทีเทพแห่งขุนเขามีพลังแข็งแกร่งมาก เขาเคยอยู่ในต่ำแหน่งที่เป็นฝ่ายเริ่มรุกก่อน แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นว่าเทพแห่งขุนเขาเป็นฝ่ายรับไปเสียแล้ว เมื่อเห็นใบหน้าที่ไร้ความกลัวของหลิวหลงถิง เทพแห่งขุนเขาก็ยิ่งเพิ่มความโกรธเข้าไปอีก เขายกมือทั้งสองข้างขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย ท่าทางของเขาดูเหมือนกำลังจะรวบรวมกำลังภายใน ทว่าหลิวหลงถิงกลับไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง มีเพียงเสียง “งึมงำ ๆ…” ออกมาจากปากของเขา

ไม่รู้ว่าเขาส่งเสียงนี้ออกมาได้ยังไง มันไม่เหมือนเสียงผิวปาก และก็ไม่เหมือนเสียงที่ใช้จมูกส่งออกมา เสียงนั้นเป็นเสียงสั้นบ้างและยาวบ้าง มันดูไม่เหมือนกำลังเป่าเพลงอะไรเลย แต่กลับเหมือนกำลังควบคุมอะไรสักอย่างอยู่

ที่แท้หลังจากที่หลิวหลงถิงส่งเสียงนั่นออกมา ก็มีบางอย่างในท้องของฉันคลานไปคลานมาไม่หยุด แต่มันไม่เจ็บเลยสักนิด แต่เทพแห่งขุนเขานั้นต่างจากฉัน ฉันเห็นเส้นสายสีดำบางอย่าง คล้ายกับงูตัวเล็ก ๆ ที่ฉันเห็นในจอแสดงผลอัลตราซาวนด์วันนั้น ผุดออกมาจากร่างกาย ดวงตาและใบหน้าของเทพเจ้าแห่งขุนเขาอย่างรวดเร็ว พวกมันฉีกกัดเนื้อของเขาอย่างบ้าคลั่ง จนเลือดเป็นสายกระเด็นถูกเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้านของหลิวหลงถิง...

หลิวหลงถิงก็ไม่ยอมหลบ แต่กลับมองตรงไปยังเทพแห่งขุนเขาที่ค่อย ๆ ถูกแทะกิน ใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ เลยแม้แต่นิด ในทีแรกเทพแห่งขุนเขายังพอที่จะสามารถต้านทานได้อยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็คาดไม่ถึงว่าเขาแทบไม่เหลือแรงจะต่อสู้กับมัน พลันทรุดตัวลงที่เสาด้านหลัง ใบหน้าเปื้อนเลือดนั่นหันมาหาฉันและจ้องโดยไม่พูดอะไรสักคำ…

เมื่อมองดูเทพแห่งขุนเขาที่ค่อย ๆ ถูกงูตัวเล็กเหล่านั้นกลืนกินไปจนเหลือแต่โครงกระดูก ฉันไม่รู้ว่านี่มันเป็นภาพลวงตาของตัวเองหรือเปล่า แต่ฉันรู้สึกว่าสายตาของเทพเจ้าแห่งขุนเขาที่มองมาก่อนหน้านั้นเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกจนทะลุทะลวงเข้ามาในร่างกายของฉันได้เลย

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status