ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งหน้าที่ทำงานของม่านทิวา"อะไรนะคะคุณป้า! ทำไมมันเร็วแบบนี้ล่ะคะ?" ม่านทิวาถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเองกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของคุณนายทรวงสุดา"หนูได้ยินไม่ผิดหรอกลูก พี่เขาตอบตกลงแล้วว่าจะแต่งงานกับหนู มาเป็นลูกสาวอีกคนของป้านะลูกนะ ไหน ๆ หนูก็ไม่มีใครเหลือแค่ตัวคนเดียวแล้ว"คุณนายสรวงสุดาเกลี้ยกล่อมหญิงสาวรุ่นลูกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดีใจ ผิดกับม่านทิวาที่มีสีหน้ากังวลใจไม่น้อยกับเรื่องที่นางเอ่ยขอ ถึงคราวก่อนนั้นเธอจะเคยตกปากรับคำไปแล้วว่าจะแต่งงานกับบุตรชายของนางตามคำขอร้อง ทั้งที่ไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาชายหนุ่มมาก่อน อย่าว่าแต่พบหน้าเขาเลย แค่ในรูปภาพก็ยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง แต่ที่หญิงสาวตอบรับง่าย ๆ ในวันนั้นก็เพราะว่าอยากจะตอบแทนคุณนายสรวงสุดาที่เคยช่วยเหลือเอาไว้ด้วยความเมตตาเอ็นดู พอนางกับสามีพากันมาอ้อนวอนบอกว่าบุตรชายคนเล็กกำลังจะมีเคราะห์หนัก ถ้าได้หญิงสาวที่เกิดวันอังคารและมีลักษณะรูปร่างหน้าตาแบบเธอมาแต่งงานหนุนดวงเขาจะอยู่รอดปลอดภัย อีกอย่างเธอเองเคยบอกอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าหากมีเรื่องอะไรให้ช่วยบอกได้ทันทีไม่ต้องเกรงใจ เธอยินดีช่วยเหลือทุกอย่างขอแค่นางบอก
"ไม่จริง!" หญิงสาวส่ายหน้าไม่เชื่อว่าสิ่งที่คุณนายปากแดงพูดนั้นจะเป็นเรื่องจริง"ว่าแล้วจะต้องไม่เชื่อ เอาหลักฐานไปดูซะให้เต็มตา"ว่าแล้วเจ๊ปากแดงก็ส่งกระดาษในมือให้หญิงสาวเอาไปอ่านดูเอง ม่านทิวาอ่านสัญญาฉบับนั้นด้วยอาการมือไม้สั่น ทั้งหมดเป็นฝีมือของแม่เลี้ยงเธอนั่นเองก่อเรื่องให้เธออีกแล้ว...แล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่มากเสียด้วย"ต้นพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมดเท่าไรที่พวกเขาติดค้างไว้" หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเกือบจะร้องไห้ออกมาเมื่อชีวิตถูกกดดันจนเข้าสู้เส้นทางตัน"ฉันไม่รู้หรอกว่าทั้งหมดเท่าไร...ไปถามเสี่ยเอาเอง ฉันมีหน้าที่แค่มาไล่เธอออกไปเท่านั้น แต่ถ้าให้เดาก็คงเยอะจนเธอไม่มีปัญญาจะจ่าย" พูดพลางเบ้ปากมองหัวจรดปลายเท้าของม่านทิวาอย่างเหยียดหยาม แล้วหันไปสั่งการคนของนางให้ขนของต่อไปไม่ต้องสนใจคนจนไม่มีปัญญาจ่ายหนี้"ไอ้จำนวนเงินที่ว่าไม่มีปัญญาจ่ายน่ะ…มันสักเท่าไร" เสียงทรงอำนาจดังขึ้นจากทางด้านหลังม่านทิวาหันไปพบคนที่เพิ่งแยกจากกันมาไม่นานและอุทานเรียกนางที่เดินตรงเข้ามาหาอย่างตกใจ“คุณป้า!”"เงินที่ว่ามามันเท่าไร ฉันจ่ายเอง""คุณป้าไม่ต้องค่ะ...เขาอยากยึดก็ให้ยึดไป"ม่านทิ
ภายในบ้านอนันต์พิทากานต์... ห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยคนในครอบครัวอนันต์พิทากานต์ คุณอนันต์ รณวีร์ มธุริน รวมทั้งเหล่าบรรดาแม่บ้านสามคนที่ถูกเรียกให้มารวมตัวกันภายในห้องโถงอย่างพร้อมหน้า ใบหน้าหล่อเหลาของบุตรชายคนเล็กไม่ได้ยินดียินร้ายกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแม้แต่น้อย ชายหนุ่มนั่งเล่นโซเชียลมีเดียฆ่าเวลาระหว่างรอมารดาไปรับผู้หญิงคนนั้น แต่เหตุใดจึงช้าเช่นนี้ เขาไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งรอทั้งวันหรอกนะ มีงานที่จะต้องจัดการอีกมากมาย "นี่มันก็นานมากแล้วนะครับคุณพ่อ ทำไมไม่มากันสักที ผมไม่ว่างมีธุระต้องไปทำต่ออีกมากมาย" ชายหนุ่มโพล่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบของคนในบ้าน "รีบอะไรขนาดนั้น รอเจอหน้าว่าที่เมียตีทะเบียนให้เรียบร้อยก่อนดีไหม" รณวีร์แซวน้องชายที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ "มีเมียที่เลือกเองมึงก็สบายใจน่ะสิ...ไม่ได้โดนบังคับให้มีเหมือนกูนี่" หันไปบ่นพี่ชายแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ "คิดเอาไว้ว่าแม่แกเขาหวังดี" คุณอนันต์พยายามพูดปลอบใจบุตรชายคนเล็กขณะที่สายตาไล่อ่านข่าวเศรษฐกิจในมือไปด้วย "หวังดีโดยการบังคับแต่งงานเนี่ยนะครับ" รณพีร์ส่ายหน้าระอาใจกับความหวังดีที่มารดาพยายามยัดเยียดให้อย่างเอาเ
"คืนนี้แกต้องนอนที่บ้าน ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด" คำสั่งของคุณนายสรวงสุดาทำเอาคนเป็นลูกไม่พอใจมาก"คุณแม่ผมโตแล้วนะครับ อย่าบังคับผมเลย" รณพีร์ออกไปจากบ้านหลังใหญ่ด้วยความรวดเร็ว ขัดใจคนเป็นมารดาเป็นที่สุด"เจ้าสอง"“ไอ้สอง”คุณอนันต์กับรณวีร์เรียกรั้งไว้อย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อรณพีร์เดินออกจากบ้านไปอย่างหุนหันพลันแล่น"อ้าว! แล้วพี่สองเขาจะออกไปไหนล่ะคะพี่หนึ่ง" มธุรินเอ่ยถามสามีหลังจากที่ถือถาดแก้วน้ำออกมาจากในครัว"ไม่รู้มันเหมือนกัน" ชายหนุ่มหันไปตอบภรรยาเสียงนุ่ม"น้ำค่ะคุณพ่อ…คุณม่าน"มธุรินวางแก้วน้ำลงตรงหน้าทั้งสองคนแล้วนั่งลงข้างสามีภายในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่ ม่านทิวานั่งนิ่งเงียบสองมือประสานกันอย่างทำตัวไม่ถูก ดวงตาคู่สวยหวานมองไปรอบ ๆ บ้าน เธอไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไรกับคนในครอบครัวใหม่ที่สองคนรู้จักกันดี แต่อีกสองคนเพิ่งจะเห็นหน้าค่าตากันในวันนี้"คุณม่านไม่ต้องเกร็งก็ได้ค่ะ ทำตัวสบาย ๆ" มธุรินสังเกตมือเรียวของม่านทิวาที่บีบเข้าหากันอยู่ระยะหนึ่งก็พอจะรู้ว่าหญิงสาวนั้นทั้งเกร็งและกังวล เหมือนเธอในตอนที่เข้ามาไหว้พ่อแม่สามีครั้งแรกไม่มีผิด"ไม่ต้องกลัวลูก เราคนกันเองทั้งน
หลังจากม่านทิวารับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจะเข้าไปช่วยแม่บ้านล้างจานแต่ถูกคุณนายสรวงสุดาห้ามเอาไว้เสียก่อน เธอจึงเดินตามคุณนายสรวงสุดาขึ้นไปยังชั้นสองตามคำสั่ง"หนูม่านนอนห้องนี้นะลูก" นางเปิดประตูห้องให้หญิงสาวพร้อมทั้งพูดบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู"ให้ม่านนอนห้องอื่นได้ไหมคะ มานอนห้องของคุณสองแบบนี้เขาจะไม่พอใจเอานะคะ" ม่านทิวาไม่อยากมีปัญหากับสามีตีทะเบียนตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน"ไม่เป็นไรลูก พี่เขาไม่โกรธหรอกอย่าคิดมาก" นางพูดปลอบประโลมให้หญิงสาวสบายใจ‘เขาไม่ได้โกรธ…แต่เกลียดไปแล้ว’ ม่านทิวาค้านอยู่ในใจ"แต่ว่า..." หญิงสาวกำลังจะแย้งแต่ไม่ทันแม่สามีที่ไวกว่า“ไม่มีแต่แล้วลูก อยู่ห้องนี้แหละ แม่ขอร้องนะลูก ช่วยพี่เขาหน่อย มีหนูคนเดียวที่ช่วยพี่เขาได้”ม่านทิวาได้แต่ก้มหน้ายอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะลงเรือลำเดียวกันแล้ว เธอถอนหายใจใหญ่หลังจากที่คุณนายสรวงสุดาออกไปแล้วหญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย สีภายในจะคลุมโทนเป็นสีดำและสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับโทนสีเทาดูสุขุม ลึกลับ และน่าค้นหาคนตัวเล็กถือวิสาสะเดินสำรวจห้องเล็กน้อยก่อนจะเดินหายเข้าไปอาบน้ำ และ
หลังจากวันที่เธอจดทะเบียนสมรสย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ก็เกือบจะหนึ่งสัปดาห์แล้ว รณพีร์ไม่เคยย่างกรายกลับเข้ามาในบ้านอีกเลย และวันนี้คงเป็นอีกวันที่เขาจะไม่กลับมานอนที่ห้องเหมือนเคย ม่านทิวาจึงเบาใจได้บ้าง ยอมรับตรง ๆ ว่าเวลาเจอหน้าสามีทางนิตินัยเธอทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องพูดคุยกันเช่นไรให้เขาพึงพอใจม่านทิวาสลัดความคิดนั้นออกจากหัวแล้วเดินไปคว้าผ้าขนหนูสีขาว หายเข้าไปอาบน้ำล้างกลิ่นอาหารที่ติดร่างกายออก คราแรกหญิงสาวจะขึ้นมาอาบน้ำตั้งแต่เตรียมมือเย็นเสร็จเรียบร้อย แต่แม่สามีห้ามเอาไว้ บอกเพียงว่ารับประทานอาหารก่อนแล้วค่อยขึ้นไปอาบน้ำก็ได้ ใจอยากจะโต้แย้งแต่ก็หย่อนกายลงนั่งอย่างจำยอมหญิงสาวนั้นเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจโดยไม่รู้ว่าเจ้าของห้องตัวจริงกลับมาที่ห้องของตนแล้วครู่ต่อมาเสียงน้ำสงบลง ม่านทิวาออกมาโดยมีผ้าขนหนูสีขาวพันกายเท่านั้น หยดน้ำยังเกาะพราวที่ลาดไหล่ มือเรียวบางกำลังเช็ดผมที่เพิ่งสระเสร็จต้องสะดุด เมื่อสายตาของเธอนั้นมองเห็นขากางเกงสแล็กส์ของสามีที่หายหน้าไปนาน เธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา หญิงสาวทำตัวเก้ ๆ กัง ๆ เมื่อสายตาคู่คมกริบจ้องมาที่เรือนร่างกึ่งเปลือยอย่างไม่เกรงใจ ไ
"อ้อ…แหวนในมือถอดมันออกซะ ไม่ต้องใส่ออกไปไหนให้ใครเห็น แค่ใส่ให้คุณแม่ฉันเห็นคนเดียวก็พอ" ชายหนุ่มออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดให้เธอทำตามโดยไว"..." เงียบ ไร้เสียงตอบรับจากม่านทิวา"ฉันสั่งได้ยินไหม" ถามเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิมเมื่อหญิงสาวไม่ตอบ"ค่ะ" ม่านทิวาตอบรับเสียงเบาตามใจเขาทุกอย่าง เธอไม่อยากทำตัวมีปัญหาให้เขาเกลียดขี้หน้ามากไปกว่านี้ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจภรรยาตีทะเบียนโซนวีไอพีภายในผับหรูของจอมพล ชายหนุ่มจัดเตรียมเหล้าเอาไว้ชุดใหญ่เมื่อเพื่อน ๆ บอกว่าอยากดื่มรณพีร์ดื่มเหล้าเข้าไปเพียงเล็กน้อยแล้วนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ความเงียบขรึมของเขาทำเอาเพื่อนอีกสามคนมองหน้ากันไปมาด้วยความสงสัย“เฮ้อ!”"ไอ้สอง…เป็นอะไรของมึงวะ มาถึงก็นั่งถอนหายใจเหมือนกับคนมีหนี้สินเป็นพันล้าน" พชรรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เข้ามานั่งร่วมวงกันเขาเห็นมันนั่งถอนหายใจไปกินเหล้าไป...เป็นแบบนี้มาจะครึ่งชั่วโมงแล้ว"นั่นดิ นี่กูจัดห้องวีไอพีที่ดีที่สุดให้มึงเลยนะเนี่ย นึกว่าจะนัดเด็กมานั่งกอดสักคนสองคน" เจ้าของผับหรูเอ่ยขึ้นมาด้วยความสงสัยไม่ต่างกับพชร เพราะมันผิดวิสั
"เดี๋ยวไอ้ที ความหมายของมึงคือทำให้รักแล้วก็ทิ้งงี้ใช่ไหม” พชรทายาทเจ้าของบริษัทจิวเวลรีถามหาความชัดเจนในกติกา"เออ…แบบนั้นแหละที่กูต้องการ" เจ้าของบริษัทนำเข้ารถบิ๊กไบค์ตอบกลับหน้าซื่อ ๆ"โคตรเหี้ย!" จอมพลสบถด่าหน้าตาย"แต่กูเห็นด้วย…กูรับคำท้ามึงไอ้ที" รณพีร์ตอบตกลงเสียงหนักแน่นอย่างไม่ลังเล"ห้าเดือนพอไหม" นทีเสนอระยะเวลาในเดิมพันครั้งนี้"สบายมาก" คนโดนท้าตอบกลับพลางไหวไหล่ ราวกับเรื่องหลอกผู้หญิงให้รักแล้วทิ้งเป็นเรื่องที่ถนัดที่สุดในชีวิต"เหี้ยเอ๊ย! น่าสนุกสัส กูเอาด้วย…ถ้ามึงทำได้ กูให้มึงกินฟรีที่ผับนี้ปีหนึ่งเลย" เมื่อฟังแล้วดูท่าทางสนุก จอมพลจึงท้าเดิมพันกับรณพีร์บ้าง"มึงแน่ใจนะไอ้จิณณ์" รณพีร์ถามเพื่อความแน่ใจเพราะจอมพลไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับเรื่องแบบนี้เท่าไร แต่ทำไมครั้งนี้กลับเล่นด้วยเสียอย่างนั้น"เออ" ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ ก่อนหันไปทางพชรทายาทบริษัทจิวเวลรีชื่อดัง "…แล้วมึงล่ะไอ้เพชร""ถ้ามึงทำให้เขารักได้ กูจัดเครื่องเพชรให้ชุดใหญ่เลย จะเอาชุดละกี่ล้านว่ามา" พชรเสนอให้แบบไม่ยอมน้อยหน้าใคร"ดีล…กูรับคำท้า พวงมึงเตรียมของพนันไว้ได้เลย ยังไงกูก็ทำได้อยู่แล้ว" รณพีร์สรุปอย่างม
เสียงนาฬิกาปลุกที่นานครั้งจะตั้งดังจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้ม่านทิวาที่กำลังหลับสบายต้องรีบลืมตาตื่นจากความฝันอันแสนหวานที่ไม่เคยมีมาก่อน ร่างเล็กรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วจัดการปิดเสียงรบกวนทันทีเพราะกลัวว่ารณพีร์ที่กำลังหลับสบายอยู่นั้นจะตื่นก่อนเวลามือเรียวบางพยายามเอาท่อนแขนแกร่งกำยำที่พาดเข้ากับเอวคอดของตนออกอย่างเบามือที่สุดแล้วหันไปคว้าเสื้อคลุมสีขาวขึ้นมาสวมทับ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายของตน หญิงสาวจำได้ว่าวันนี้มีนัดกับปอแก้วเพื่อที่จะคุยธุระเรื่องงาน แต่ถ้าหากไม่ไปเพื่อนสนิทคงต้องงอนเธอเป็นแน่เกือบสามสิบนาทีกับการอาบน้ำสระผมแล้วออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่พันรอบกายบอบบาง ระหว่างที่หญิงสาวกำลังเดินเช็ดผมอยู่นั้น เธอแอบมองร่างสูงของสามีหลับสบายบนเตียงนุ่มโดยไม่คิดที่จะปลุกและเผลอยิ้มน้อย ๆ ด้วยความเอ็นดู แต่แล้วเสียงข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์ก็ดังเตือนทำให้เท้าเรียวหยุดชะงักแล้วเดินไปยังโต๊ะหัวเตียงเธอหย่อนสะโพกมนนั่งลงกับขอบเตียงเบา ๆ ไม่ให้สะเทือนไปถึงร่างสูงที่กำลังนอนอยู่ ร่างเล็กที่พันกายด้วยผ้าขนหนูสีขาวหยุดมือที่
หลังจากที่ร่างสูงของเจ้าของห้องออกไป หนูน้อยพาลิกาเปิดกระเป๋าใบน้อยสีชมพูน่ารักที่รณวีร์ซื้อให้ หยิบสมุดภาพระบายสีพร้อมทั้งกล่องสีขึ้นมาระบายเล่น มิหนำซ้ำหนูน้อยยังเรียกม่านทิวามาช่วยกันระบายสีอีกแรง"อาม่านขา...มาระบายสีกันค่ะ" ว่าจบก็ฉีกยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันซี่น้อยๆ เรียงเป็นระเบียบคนที่ถูกเรียกยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของหลานสาวของสามี ก่อนลุกจากที่นั่งของตนมาหาหนูน้อยที่นั่งกับพื้นพรหมสีเทาฝั่งตรงข้าม"ไหนคะ มาให้อาม่านดูหน่อยสิว่าระบายสีอะไร" หญิงสาวถามหลานตัวน้อยเสียงอ่อนเสียงหวาน"คุณครูบอกว่าการบ้านคะ" ตัวเล็กเงยหน้ามองคุณอาสะใภ้คนสวย"ถ้าการบ้านน้องพายต้องทำเองนะคะ ไม่ให้คนอื่นช่วยนะคะ ต้องทำเองจะได้เก่งขึ้นไง" บอกเสียงอ่อนเสียงหวานพลางลูบศีรษะทุยเบา ๆ ก่อนถามประโยคต่อมา "น้องพายอยากเป็นคนเก่งไหมคะ""น้องพายอยากเป็นคนเก่งค่า""ถ้าอยากเป็นคนเก่งก็ต้องทำเอง ถ้าทำไม่ได้ให้ถามอาม่านนะคะ"หนูน้อยพยักหน้ารับและลงมือทำแบบฝึกหัดที่อยู่ตรงหน้า อันไหนหนูน้อยทำไม่ได้ก็หันไปถามคุณอาสะใภ้คนสวยจนกระทั่งทำเสร็จด้วยตัวเองในเวลาไม่นาน ร่างน
“แต่ท่านรองเคยสั่งเอาไว้ อย่าให้คู่ควงพวกนี้เข้ามาก่อกวนในที่ทำงานนี่คะ”"ผู้หญิงคนนี้คือเมียฉัน"สิ้นเสียงเข้มทรงอำนาจทำเอาหลายคนตกใจ ไม่คิดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นภรรยาของรองประธานบริษัท แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าก็คือผู้ช่วยเลขานุการปากแดงที่หน้าซีดกับความผิดครั้งใหญ่“นะ...นี่ภรรยาของท่านรองจริง ๆ เหรอคะ” สุ้มเสียงของผู้ช่วยเลขานุการอึกอักคล้ายมีอะไรติดคอ“อือ”คำตอบรับเพียงสั้น ๆ ทำเอาเสียวสันหลังไม่น้อย จึงต้องรีบขอโทษขอโพยผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเจ้านายทันที“เลอเน่กราบขอโทษนะคะที่พูดจาไม่ดีกับคุณ”“ไม่เป็นไรค่ะ ก็คุณไม่รู้นี่คะ”ม่านทิวาไม่ได้ถือสาอะไรกับคนที่ไม่รู้ แต่รณพีร์หันไปแนะนำม่านทิวาให้กับทุกคนรู้จักและสั่งการกับพนักงานทุกคน รวมถึงผู้ช่วยเลขานุการที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานที่ประจำการอยู่หน้าห้องด้วย“ทุกคน...ฉันจะแนะนำให้รู้จัก ผู้หญิงคนนี้ชื่อม่านทิวาเป็นภรรยาของฉัน กับน้องพายลูกสาวของคุณรณวีร์พี่ชายของฉัน ต่อไปนี้ถ้าคุณม่านมาให้เข้าไปรอในห้องได้ไม่ต้องรอให้ฉันอนุญาต”พนักงานต่างสว
"น้องพายดูทีวีนานเกินไปแล้วนะคะ ปิดก่อนเนอะเดี๋ยวค่อยดูใหม่" ม่านทิวาเกลี้ยกล่อมด้วยความเอ็นดูระคนหวังดี"ได้ค่า" หนูน้อยเอ่ยตอบอย่างว่าง่ายก่อนหันไปหาคุณปู่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ"คุณปู่ขา น้องพายอยากไปหาอาสอง น้องพายคิดถึงอาสอง" หลานสาวตัวน้อยหันไปอ้อนคุณปู่เสียงหวานใส"อาสองทำงาน ไปกวนไม่ได้นะลูก"คนเป็นปู่ให้เหตุผล แต่คุณย่านั้นเดินกลับมาพร้อมกล่องอาหารที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้"งั้นก็ให้หนูม่านพาน้องพายไปสิ จะได้เอาข้าวกล่องไปให้ลูกเราด้วย ตอนนี้ลูกทำงานหนักจนลืมกินข้าวอยู่บ่อย ๆ น้องพายไปหาอาสองกับอาม่านนะคะ" นางบอกสามีก่อนหันไปคุยกับหลานสาวเสียงอ่อนละมุน"เย่ ๆ ไปหาอาสอง" หนูน้อยน่ารักกระโดดโลดเต้นออกมาอย่างดีใจ"หนูม่านเอาข้าวไปให้พี่เขาที่บริษัททีนะลูก" คุณนายสรวงสุดาบอกกับลูกสะใภ้คนสวย"แต่ว่าม่านจะไปรบกวน..." หญิงสาวกำลังเอ่ยค้านแต่ก็ถูกพูดดักเอาไว้เสียก่อน"ไม่มีแต่นะลูก เราเป็นภรรยาต้องดูแลสามีให้ดี เอาข้าวกลางวันไปให้แค่นี้ไม่ถือว่ารบกวนหรอกจ้ะ""ค่ะคุณแม่" เมื่อแม่สามีเห็นว่าดีเธอก็ไม่อาจคัดค้าน"งั้น
ร่างสูงของเจ้าของบริษัทนำเข้ารถบิ๊กไบค์รายใหญ่ ยืนมองวิวทิวทัศน์ของคอนโดมิเนียมราคาถูกที่ทัศนวิสัยไม่ได้ดีมากมายเท่าที่ตนอยู่ มือหนาค่อย ๆ ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มพลางมองคนที่เพิ่งตื่นจากนิทรา พยายามพยุงกายลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งกระชับผ้าห่มสีชมพูอ่อนให้ปิดบังกายเปลือยเปล่าเอาไว้"คุณนที!" เสียงหวานเอ่ยเรียกเสียงแผ่วผ่านริมฝีปาก"ตื่นแล้วเหรอ" ชายหนุ่มหันมาถามเสียงเข้ม“ค่ะ”ร่างสูงของนทีเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์ใบหรูขึ้นมา หยิบธนบัตรสีเทาจำนวนหนึ่งโยนลงบนเตียงของหญิงสาว"อะไรคะ" หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ"เงินของเธอ" นทีพูดเสียงเรียบแล้วเอ่ยประโยคต่อมา "ค่าตัวเธอที่นอนกับฉันเมื่อคืนไงธาริกา""บอกแล้วไงคะว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว" ธาริกาตวาดว่าเสียงสั่นอย่างไม่พอใจ"หึ! เธอก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงพวกนั้นหรอก" พูดอย่างเหยียดหยามผู้หญิงตรงหน้าธาริกาพอได้ฟังคำพูดของเขาซึ่งเป็นเจ้านายของเธอ มือเรียวก็กำเข้ากับผ้าห่มแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวดที่เธอได้รับตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา"อ้อ! อย่าแม้แต่จะคิดลาออกล่
q"ค่ะ แต่ว่าม่านอยู่เฉยไม่ได้หรอกค่ะ ม่านจะไปหางานที่ใหม่ทำ...หรือไม่ก็ไปทำงานกับเพื่อนค่ะ" คนที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการทำงานต้องมาอยู่เฉย ๆ ในบ้านหลังใหญ่ แถมจะหยิบจับทำอะไรหน่อยก็ถูกห้ามไปหมดไม่ได้หรอก"หยุดความคิดไว้แค่นั้นเลย อยู่บ้านเลี้ยงหลานเฉย ๆ หรือไม่ก็รอเลี้ยงลูกของเรา"สิ้นเสียงของรณพีร์ทำเอาม่านทิวาสะดุ้งไม่น้อย เมื่อฝ่ามือใหญ่ยกมาวางทาบกับหน้าท้องแบนราบของตน"ว่าแต่มาหรือยังน้า" ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อนละมุน ทำเอาคนเป็นพี่ชายต้องเอ่ยแซวในความหวานที่ไม่เคยเห็นมาก่อน"โอ๊ย! จะหวานอะไรเกรงใจกันบ้างสิวะ" รณวีร์โวยขึ้น"นั่นสิคะพี่สอง ไม่ได้อยู่กันสองคนนะคะ" มธุรินเอ่ยเสริมหลังสิ้นประโยคของสามี"นั่นสิ ลูกชายแม่เป็นอะไรนะ พักนี้ดูรักหนูม่านแปลก ๆ""แปลกตรงไหนครับ คนเรามันต้องเปลี่ยนแปลงกันได้จริงไหม" รณพีร์เฉไฉตอบมารดาก่อนหันไปถามคนภรรยา ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย"ดีแล้ว เป็นครอบครัวเดียวกันต้องรักกัน อย่าทะเลาะกัน มีอะไรก็ให้คุยกันด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์เข้าใจไหม ตาหนึ่งกับหนูมายด์ด้วยนะ""ครับ”
คำตอบสั้น ๆ ทำให้ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ มือหนาเชยคางมนของม่านทิวาให้เงยหน้าขึ้นมามองกัน"ต่อไปนี้เรียกฉันว่าคุณสอง...หรือพี่สองก็ได้ ไอ้สิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อคืนก็อย่าไปใส่ใจมัน เข้าใจไหม?"น้ำเสียงของรณพีร์อ่อนลง แต่ทว่ายังคงแฝงความนัยลึกซึ้งชวนค้นหากับสายตาคู่คมแสนเย็นชากำลังคิดอะไรอยู่ ทำเอาม่านทิวาส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจอีกครั้ง"ฉันไม่กล้าเรียกหรอกค่ะ ฉันกลัวคุณจะโกรธแล้วพาลโมโหใส่เหมือนเมื่อคืน" เสียงหวานตอบอย่างแผ่วเบา เธอกลัวมาก ๆ เวลาเขาโกรธแล้วใส่อารมณ์กับเธอ"ถ้าเธอไม่เรียกสิฉันจะโมโห" น้ำเสียงของเขาอ่อนลง แอบแฝงความนัยบางอย่างในคำพูดที่ดูเหมือนไม่ค่อยจะจริงจังนัก"แต่ว่า..." หญิงสาวกำลังจะเอ่ยค้านแต่ก็ถูกชายหนุ่มชิงพูดไปเสียก่อน "ไม่มีแต่ ไหนลองเรียกสิ...จะเรียกคุณสองหรือพี่สองก็ได้""เอ่อ...ค่ะคุณสอง" ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเรียกหรือไม่เรียกดี สุดท้ายก็เอ่ยออกไปทำเอาคนที่รอฟังยกยิ้มมุมปากบาง ๆ ด้วยความพอใจ"เก่งมากเด็กดีของฉัน เรามาเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ฉันสามีภรรยาเหมือนคู่อื่น ๆ กันจะได้ไหม ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเ
คนเป็นน้องไหวไหล่กวน ๆ ก่อนตอบกลับ..."ปกติเขาก็ตื่นสายอยู่แล้ว" รณพีร์รีบโยนความผิดให้ม่านทิวาหน้าซื่อ ๆ"กูว่าไม่นะ เมียกูบอกว่าม่านไม่เคยตื่นสาย แถมตื่นก่อนคนอื่นในบ้านมาเตรียมอาหารเช้าอีกต่างหาก แต่พอมึงกลับมาอยู่บ้านม่านตื่นสายประจำ ไปทำงานก็สายด้วย กูว่าต้นเหตุมันมาจากมึงแน่ ๆ" คนเป็นพี่พูดยืนยันพลางจับสังเกตที่สีหน้าของน้องชาย"ถ้าต้นเหตุมันมาจากกู มันก็ไม่แปลกไหมวะ ในเมื่อเขาเป็นเมียกู ผัวเมียกันจะเอากันเมื่อไรก็ได้ หรือว่ามึงไม่เอาเมียเลย""เออ กูรู้ว่าผัวเมียจะเอากันเมื่อไรก็ได้ แต่มึงเอาถี่ไปไหม ปล่อยให้เมียมึงพักบ้างเดี๋ยวก็โทรมกันพอดี ระวังแม่จะไม่ปลื้มที่ไปทำลูกสะใภ้สุดที่รักเขาไม่สบาย" รณวีร์เตือนน้องชายด้วยความหวังดี"แล้วไง ก็เมียกูไหมล่ะ กูจะถนอมหรือไม่…มันขึ้นอยู่กับกูเว้ย"รณพีร์ตอบแบบเอาแต่ใจสุด ๆ ทำเอาคนเป็นพี่ชายยกยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้ามาใกล้น้องชายเพื่อกล่าวล้อ"ใครวะ...ที่บอกว่าจะไม่สนใจคนที่แม่หามาให้ แต่ไหงตอนนี้เรียกเขาว่าเมียเต็มปาก กลืนน้ำลายตัวเองนี่หว่า" เสียงเย้าหยอกของพี่ชายแทงใจดำคนเป็นน้องเข้าอย่างจ
นับว่าเป็นวันแรกที่ต้องกลายเป็นคนตกงานไปโดยปริยายของม่านทิวา อันที่จริงวันนี้เธอต้องเข้าไปที่ทำงานเพื่อเอาของใช้ส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับมา แต่อย่างที่รู้ว่ารณพีร์ได้เอาของทุกอย่างออกมาให้เธอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มิหนำซ้ำอดีตเจ้านายยังให้ฝ่ายบุคคลโทร.มาแจ้งเธออีกครั้งว่า ‘เหลือเวลาอีกหนึ่งวันไม่ต้องกลับเข้ามาทำงาน เพราะเป็นคำขอจากรณพีร์’ นี่เขาจะยุ่งเรื่องของเธอมากเกินไปแล้วนะเขายุ่งเรื่องของเธอได้ แต่เธอห้ามยุ่งหรือก้าวก่ายเรื่องของเขาอย่างนั้นน่ะหรือ?คนตัวเล็กที่เพิ่งตกงานไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีรีบเดินเข้าครัว หมายจะช่วยเหล่าแม่บ้านจัดเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้านรับประทาน เพราะเวลานี้เธอนั้นพยายามปรับเวลาให้ตื่นเช้าขึ้นถึงแม้ว่าจะนอนดึกมากก็ตาม"คุณมายด์ ป้าเจียม มีอะไรให้ม่านช่วยไหมคะ" เสียงหวานนุ่มละมุนเหมือนทุกครั้งที่เอ่ยทักถาม แต่ทว่าวันนี้มีความอ่อนเพลียแทรกติดปลายเสียงมาด้วย"ไม่มีเลยค่ะคุณม่าน อีกนิดเดียวก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว" แม่บ้านใหญ่เอ่ยบอกทั้ง ๆ ที่มือยังคอยคนหม้อต้มยำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเจ้านายสาวที่ท่าทางอ่อนเพลียไม่