"ทุกครั้งที่นอนกับผม คุณจะได้เช็คหนึ่งล้านบาท อย่าปฏิเสธไปเลยฮันน่า ผมรู้ว่าคุณก็มีความต้องการไม่ต่างจากผมในตอนนี้" ชายหนุ่มพูดออกมาในขณะที่มือของเขาอยู่ไม่เป็นสุข และในเวลานี้ชุดเดรสของเธอก็ได้หลุดออกจากอก เหลือเพียงแค่บราสีสด ที่เผยให้เห็นเนินอกขาวอวบจนน่าฟัด เรือนร่างอรชรถูกจับกดให้นอนราบกับเตียง แล้วพอีธานก็ค่อยๆ ดึงชุดเดรสของเธอออกจนพ้นเรียวขาขาว ในเวลานี้เรือนกายของเธอมีเพียงแค่บราและชุดชั้นในตัวจิ๋ว ปิดบังร่างกายในส่วนที่หวงแหนเอาไว้เอาไว้เท่านั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปจัดการชุดของตัวเองซึ่งเขาใช้เวลาถอดมันออกอย่างช่ำชองราวกับคนชำนาญ ที่เคยผ่านสนามพิศวาสมานับไม่ถ้วน เผยเห็นซิกแพคที่อยู่ภายใต้ไรขนที่ขึ้นแซมอย่างเห็นได้ชัด จนหัวใจของฮันน่าเต้นตึกตัก อย่างไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนในชีวิต "อืม...คุณอีธาน" เสียงหวานร้องเรียกชื่อชายหนุ่มออกมา เมื่อเขากำลังบรรจงสอดมือลงไปใต้บราของเธอ เขาค่อยๆ บีบนวดแล้วคลึงเบาๆ ในขณะที่มืออีกข้างของเขากำลังใช้ความพยายามในการปลดตะขอออก ขณะที่ความเป็นชายของเขาเริ่มพองตัวขึ้นเรื่อยๆ
"พี่เสือ... ขอบคุณนะคะที่ทำให้ขวัญรู้สึกดีทุกครั้งเวลาที่มีพี่อยู่ข้างๆ แบบนี้" ขวัญข้าวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจือสะอื้น เมื่อเธอรู้สึกปลื้มใจที่ชายหนุ่มยืนยัน และบอกรักเธอแบบนี้ทุกครั้ง "ห้ามร้อง" เสียงทุ้มพูดขึ้น พร้อมกับหมุนร่างอรชรหันหน้าเข้าหา น้ำตาของเธอเริ่มคลอเบ้าชายหนุ่มบรรจงใช้หัวแม่มือปาดออกจากแก้มให้เธอเบาๆ Rrrr!!! ในขณะที่คนทั้งคู่กำลังสบตากันเสียงสมาร์ตโฟนเครื่องแพงของอัครเดชก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง พร้อมกับกดปิดเครื่อง โดยไม่แยแสต่อสายเรียกเข้าแม้แต่น้อย"ทำไมไม่รับสาย ใครโทรมาเหรอคะ" สำเนียงการถามที่อ่อนหวานนุ่มนวลเสนาะหู ทำให้อัครเดชอยากจบเรื่องนี้ไปโดยเร็ว เขารู้สึกอึดอัดใจเหลือเกินกับสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ "ช่างมันเถอะ เดี๋ยวพี่จะให้ชาร์ลเป็นธุระจัดการเรื่องนี้ให้ มันไม่สำคัญอะไร พี่รู้สึกง่วงจัง" ชายหนุ่มพูดตัดบทออกไป ทั้งที่ภายในใจรู้สึกเป็นกังวล เพราะเมื่อคืนเขาอยู่ที่โร
"พี่เสือ..." ขวัญข้าวเปิดประตูออกมาพร้อมกับเรียกชื่อชายหนุ่ม ใบหน้าของเธอนั้นเรียบเฉยไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา และนั่นยิ่งทำให้อัครเดชรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อเขาคิดว่าพายุกำลังก่อตัว และคงจะโหมกระหน่ำขึ้นในไม่ช้า "อ้าว! ขวัญข้าว ได้ข่าวว่าเธอมาทำงานเป็นพนักงานที่นี่ไม่ใช่เหรอ...แล้วทำไมถึงอู้งานมาอยู่ในห้องเสือได้ล่ะ หรือว่ามีฐานะเป็นน้องสาวแล้วคิดจะทำงานหรือไม่ทำก็ได้อย่างนั้นเหรอ" เดียน่าพูดพร้อมกับเบ้ปากมาที่ขวัญข้าว หล่อนยังคงคล้องแขนชายหนุ่มเอาไว้แน่นราวกับว่ากลัวเขาจะหลุดมือไปยังไงอย่างนั้น"ไหนว่าปวดหัว... พี่ว่าขวัญเข้าไปนอนในห้องต่อดีกว่านะ เดี๋ยวพี่จะนอนเป็นเพื่อนเข้าไปสิ" น้ำเสียงของชายหนุ่มแฝงไปด้วยเผด็จการ จากนั้นเขาได้แกะมือของเดียน่าออกแล้วเดินมาโอบร่างเล็กของขวัญเข้าไว้แทน จนเพื่อนสาวของเขารู้สึกไม่พอใจ เธอใช้สายตามองมาที่ขวัญข้าวราวกับแค้นเคืองพยาบาทกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนก็ไม่ปาน "ขวัญดีขึ้นแล้วค่ะ ตั้งใจว่าจะออกไปทำงานที่ค้างไว้ เพราะไม่อยากให้ใครมองว่า
"นับวันพี่จะเอาแต่ใจใหญ่แล้วนะคะพี่เสือ พี่ควรแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เอามาปะปนกันแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน" น้ำเสียงหวานที่มีแววตำหนิแฝงอยู่นั้น กำลังทำให้อัครเดชรู้สึกลุ่มหลงในตัวของหญิงสาวมากขึ้น เธอเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง และไม่เคยใช้อำนาจของการเป็นผู้หญิงของเขาให้ตัวเองนั้นอยู่สูงกว่าพนักงานคนอื่นๆ เธอยังคงทำงานเป็นผู้ช่วยเรยา ทั้งที่ควรมาช่วยงานเขามากกว่า "ขวัญยังงอนพี่ใช่ไหม... ไหนขอดูหน้าเด็กขี้งอนหน่อยซิ" อัครเดชพูดพร้อมกับจับลงไปที่ไหล่มนของหญิงสาว แล้วหมุนตัวเธอ หันหน้าเข้าหาเขา ทั้งสองสบตากัน ความรู้สึกความผูกพันที่ลึกซึ้งแฝงอยู่ภายใต้แววตาของคนทั้งคู่ ในวินาทีนี้เหมือนกับโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน ชายหนุ่มทาบริมฝีปากลงประกบจูบ เขาบรรจงดูดดึงริมฝีปากล่างของเธออย่างละมุนละไม ก่อนจะสอดปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็กของเธอ เขาแตะกระหวัดฉกชิมเอาความหวานจากปลายลิ้นเรียวอย่างไม่รู้จักพอ "อืม...อื้ม" เสียงครางจับในลำคอของคนทั้งค
อัครเดชเข้ามาในห้องเขารีบโทรหาขวัญข้าวทันที แต่หญิงสาวกลับไม่รับสาย เธอได้ตั้งระบบสั่นเอาไว้ และเมื่อมีสายโทรเข้า เธอก็รีบคว้าโทรศัพท์มาถือเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ใครสนใจ และที่สำคัญเธอยังไม่อยากคุยอะไรกับบอสหนุ่มในเวลานี้ เพราะคำพูดของเขาเมื่อคืนกำลังทำให้เธอรู้สึกระแคะระคายใจ อัครเดชพูดเหมือนกับมีใครอีกคนซ่อนเอาไว้ "ทำไมขวัญถึงไม่รับโทรศัพท์" ชายหนุ่มพูดออกมาคนเดียวเบาๆ พร้อมกับเอนหลังลงที่โซฟาเขาไม่ได้นอนทั้งคืน และต้องตื่นมาตั้งแต่เช้า แต่ก็ไม่ทันขวัญข้าวอยู่ดี เพราะเธอมาทำงานก่อนที่เขาจะกลับถึงบ้านไม่กี่นาทีภายในห้องทำงานที่แสนจะว้าวุ่นใจ เขาไม่มีสมาธิจะทำอะไร เพราะคืนนี้อัครเดชต้องกลับไปดูแลใครอีกคน แม้ชายหนุ่มจะไม่ปรารถนาแต่ความรับผิดชอบนั้นได้ค้ำคอให้เขาต้องทำในสิ่งที่ฝืนใจ นาทีนี้คงไม่มีใครมารับรู้ ถึงสิ่งที่เขาต้องแบกรับเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง ชายหนุ่มพยายามโทรหาขวัญข้าวหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่รับสายในที่สุดเขาก็ตัดสินใจลุกเดินออกไปจากห้องทำงาน เป้าหมายของเขาคื
"ช่างเถอะพี่ไม่ถือ ขวัญไม่อยากเรียกก็ไม่เป็นไร แต่วันนี้ขวัญออกไปกับพี่ได้ไหม ได้ข่าวว่ามีรถรุ่นใหม่เพิ่งเปิดตัวก็เลยอยากลองขับดูบ้าง เผื่อจะซื้อไปไว้ที่บ้านประดับบารมี" น้ำเสียงของชายหนุ่มที่พูดออกมานั้นเรียบๆ จนทำให้ขวัญข้าวไม่สามารถที่จะเดาอารมณ์ของเขาได้เลย "ถ้าคุณอีธานต้องการดูรถ ดิฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายการขาย พร้อมที่จะเอ็นเตอร์เทนได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องให้ขวัญข้าวไปดูแลหรอกค่ะ เพราะเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องรถพวกนี้" ฮันน่าพูดออกมาตามความเป็นจริง เธอเป็นผู้หญิงสวยและเซ็กซี่น่าค้นหาที่สุดเท่าที่อีธานเคยเจอมา แต่ฮันน่าก็ไม่เคยใช้ความงามของเธอเป็นมารยาหลอกล่อให้เขาซื้อรถในโชว์รูมแห่งนี้เลยสักครั้ง ซึ่งรถทุกคันที่เขาซื้อนั้นล้วนมาจากความพอใจทั้งสิ้น และนั่นคือเสน่ห์ที่ทำให้อีธานชอบแวะมาใช้บริการที่นี่"ขวัญข้าว เธอควรจะอยู่ห่างๆ ผู้ชายคนนี้เอาไว้ ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี" ฮันน่านั่งลงข้างๆ หญิงสาว เธอกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของขวัญข้าว ก่อนจะรีบเงยหน้าหันมองอีธาน "กระ