เฉินจัวรีบตอบขึ้นมาทันที: "เลขาเฉียวอยู่ที่ห้องทำงานของคุณ มาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วครับ"หน้าอกของลู่เหวินโจวไม่รู้ว่าโดนอะไรกระแทกเสียงก็เข้มขึ้นเล็กน้อย:"เลื่อนการเดินทางที่เหลือออกไป"หลังจากพูดจบ เขาก็เดินอย่างรวดเร็วไปยังห้องทำงานด้วยขาอันยาวของเขาประตูห้องทำงานถูกผลักให้เปิดออก และสิ่งที่เห็นคือร่างที่คุ้นเคยอยู่หน้าหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานหญิงสาวสวมเสื้อผ้าที่ค่อนข้างเรียบง่ายเสื้อยืดสีดำ และกระโปรงลำลองสีเขียวเข้มผมของเธอถูกมัดมวยแบบหลวมๆเผยคอเรียวยาวราวกับ หิมะต้นขาเรียวสีขาวนวลทั้งสองข้างลู่เหวินโจวเพียงชำเลืองมอง ราวกับว่ามีที่ไหนสักแห่งในร่างกายของเขาถูกไฟไหม้เขาระงับอารมณ์ในหัวใจของเขาเขาเดินไปหาเฉียวอีอย่างไม่ตั้งใจเสียงทุ้มลึกและมีเสน่ห์"คิดออกแล้วเหรอ?"เฉียวอีค่อยๆหันกลับมามองลู่เหวินโจวอย่างไม่แยแสใบหน้าที่ละเอียดอ่อนนั้นดูเหมือนจะมีน้ำตาที่ไม่ได้เช็ดคงเหลืออยู่ดวงตาสีน้ำตาลที่แวววาวยังคงเต็มไปด้วยความชื้นแต่มีความตั้งใจที่จะรีบเร่งไปยังลานประหารนักโทษเสียงของเฉียวอีแหบแห้ง:"ลู่เหวินโจว"เธอพูดเบาๆกัดริมฝีปากที่สั่นเทาของเธอแน่น
เมื่อเฉียวอีมาถึงสถานีตำรวจ หานจืออี้ก็กำลังนั่งอยู่ในห้องสอบสวนพร้อมกับกุญแจมือเขามองเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ตรงข้ามเขาด้วยใบหน้าที่สงบ ปากยังคงแก้ตัวให้ตัวเองไม่หงยุด โดยไม่มีที่ท่าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยเฉียวอีเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว และถามอย่างสุภาพว่า“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นเพื่อนเธอ เกิดอะไรขึ้นคะ?”ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตอบหานจืออี้ก็รีบพูดว่า"หลังจากที่แกหายตัวไปเมื่อวานนี้เหยียนซิงเฉิงก็ไปหาพ่อของเขาเพื่อช่วยแก และเหลือฉันเพียงคนเดียวเท่านั้นฉันเดาว่าแกต้องไปหาไอ้เลวนั่น รู้สึกไม่สบายใจก็เลยไปดื่มเหล้าที่ผับฉันบังเอิญเห็นซ่งชิงหย่าที่นั่นด้วยในเวลานั้นเธอกำลังพูดถึงลุงเฉียวอย่างมีความสุข แต่แกไม่เห็นสีหน้ายินดีของเธอฉันอดไม่ได้ที่จะด่าเธอสองสามคำ แต่ฉันก็ด่าเธอได้ไม่กี่คำ สรุปคือวันนี้ตอนเช้า พวกเขาพาฉันมาที่นี่ และบอกว่ารถของซ่งชิงหย่าถูกทุบและพวกเขาสงสัยว่าเป็นฉันอธิบายยังไงเขาก็ไม่ฟัง"เมื่อเขาได้ยินชื่อซ่งชิงหย่า เฉียวอีก็กำหมัดแน่นเธอไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่าซ่งชิงหย่าใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสี เช่นเดียวกับวิธีที่ใช้กับเธอดวงตาที่สวยงามของเธอกลายเป็นเย็นชาทันทีเสียง
หัวใจของเฉียวอีรู้สึกเหมือนถูกมือใหญ่ ๆ บีบเอาไว้แน่น และความเจ็บปวดนั้นก็เจ็บปวดมากจนเธอหายใจไม่ออกเธอตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ และร่างกายของเธอก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้หานจืออี้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงปรบมือแล้วตะโกน:"อีอี อีอี"หลังจากตะโกนหลายครั้ง ในที่สุดเฉียวอีก็ได้สติใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือของเธอซีดราวกับกระดาษเธอค่อยๆหันกลับไปมองผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาที่แสดงความเกลียดชังมุมปากของเธอกระตุกสองสามครั้ง และพูดด้วยเสียงแหบห้าว:"คุณไม่สมควรได้รับมัน!"หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ดึงหานจืออี้เข้าไปในรถขณะที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับ ขาของเธอยังคงสั่นอยู่หานจืออี้ดึงเธอลงมาแล้วพูดอย่างอบอุ่น:"แกลงมา ฉันจะขับรถเอง"เฉียวอีไม่คัดค้าน ลงจากที่นั่งคนขับแล้วนั่งบนที่นั่งข้างคนขับเธอเอนหัวพิงพนักเก้าอี้และอยากจะหลับตา แต่น้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตาของเธอโดยไม่รู้ตัวความทรงจำอันเลวร้ายเมื่อเจ็ดปีก่อนกำลังกลิ้งมาหาเธอราวกับหายนะลู่เหวินโจวซึ่งถูกทิ้งไว้ที่ประตูสถานีตำรวจมองผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาที่เย็นชาดวงตาที่แสดงความเกลียดชังของเฉียวอีล้วนอยู่ในใจของเขาจะต้องสร้างความเจ็บปวดเ
ไม่กี่นาทีต่อมา เฉียวอีก็เคาะประตูห้องทำงานของท่านประธานรูปลักษณ์ที่ครอบงำบนใบหน้าของเธอถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติ และอ่อนโยนของผู้หญิงที่ทำงานมานานแล้ว"คุณลู่ คุณเรียกพบฉันมาอะไรหรือเปล่าคะ?"ลู่เหวินโจวมองมือที่ว่างเปล่าของเธอ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย:"อาหารเช้าอยู่ที่ไหน"เมื่อก่อนถ้าเขาไม่มีเวลากินข้าวเช้าเฉียวอีก็จะเตรียมใส่กล่องเก็บความร้อนให้เขานำไปที่บริษัทเฉียวอียิ้มเบาๆ และพูดด้วยความเคารพ:"คุณลู่ คุณต้องการอาหารจีนหรืออาหารตะวันตกคะ ฉันจะสั่งให้คุณเดี๋ยวนี้"“คุณไม่ได้ทำให้ผมเหรอ?”เฉียวอีหัวเราะเยาะ:"คุณลู่ ดูเหมือนว่ารายการนี้จะไม่รวมอยู่ในสัญญาที่ฉันเซ็นไว้"ลู่เหวินโจวจ้องไปที่เฉียวอีครู่หนึ่งเขาพยายามอย่างหนักเพื่อค้นหาเงาในอดีตบนใบหน้าของเธอ เมื่อเธอมองดูเขาในอดีต ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยดวงดาวแต่ตอนนี้ ยกเว้นรอยยิ้มอย่างเป็นทางการ ไม่มีอารมณ์ส่วนตัวบนใบหน้าของเธอลู่เหวินโจวรู้สึกว่างเปล่าในใจดูเหมือนว่าสิ่งที่อยู่ในมือมาตลอดกำลังหายไปโดยไม่รู้ตัวเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเขารู้สึกแปลกๆเขาไม่ทันได้ระวังและดึงเฉียวอีเข้ามาในอ้อมแขนของเขา บี
กระดาษมีคราบสกปรก ทั้งยังมีกลิ่นเหม็นอีกด้วยหลู้เหวินโจวนั้นเป็นโรครักความสะอาดอย่างรุนแรง หากเอาเอกสารนี้ไปให้กับเขา ไม่ต้องคิดก็รู้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นนิ้วของเฉียวอีจิกเอกสารจนเปลี่ยนเป็นสีขาวในฐานะลูกสาวคนโตของตระกูลซ่ง ซ่งชิงหยาจึงยอมมาร่วมงานกับหลู้กรุ๊ปในฐานะผู้ช่วยเฉียวอีจะไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของเธอว่าคืออะไรได้อย่างไรกันเธอยังกล้าสรุปด้วยว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกบ่อยครั้งในอนาคตริมฝีปากที่สวยงามของเฉียวอีโค้งงอขึ้นด้วยความเยือกเย็นหลังจากนั้นนานกว่าสิบนาที เฉียวอีก็เข้ามาในห้องประชุมอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามือของเธอว่างเปล่า ซ่งชิงหยาก็แสดงสีหน้าภาคภูมิใจ แต่ก็หายวับอย่างไร้ร่องรอยไปอย่างรวดเร็วดูเหมือนเธอจะขอร้องให้เฉียวอีอย่างกรุณาว่า: "พี่เหวินโจวคะ แม้ว่าสัญญานี้จะยังไม่สรุปในวันนี้ แต่ก็จะส่งผลกระทบต่อการลงนามหลายร้อยล้าน แต่ฉันเชื่อว่าเลขาเฉียวไม่ได้ตั้งใจค่ะโปรดเห็นแก่หน้าฉัน อย่าลงโทษเธอเลยนะคะ แล้วฉันจะชดเชยความสูญเสียเหล่านี้ให้แทนเธอเอง จะได้ไหมคะ?"หลู้เหวินโจวมองเธออย่างไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา: "เธอจะเอาอะไรมาชดเชย?"เมื่อซ่งชิงหยาได้ยิน
ดูเหมือนว่าเธอจะประเมินเฉียวอีต่ำเกินไปหนึ่งชั่วโมงต่อมา การประชุมก็สิ้นสุดลง และเซ็นสัญญาได้ตามเวลาที่กำหนดเมื่อ การประชุมจบลงคุณนายหลู้ก็จงใจกล่าวต่อหน้าทุกคนว่า: "เหวินโจว ชิงหยาได้จองที่นั่งไว้ที่เฟิงหมิงจูแล้ว เดี๋ยวไปทานอาหารกัน มันจะอยู่ในห้องส่วนตัวที่พวกลูกเคยไปเดทกันมาก่อน"ซึ่งความหมายที่เธอจะสื่อออกมามันก็ไม่สามารถชัดเจนไปมากกว่านี้ได้อีกแล้วเฉียวอีจะฟังไม่ออกได้อย่างไร?เธอรักษาสีหน้าให้นิ่งเฉย และก้มศีรษะลงเพื่อจัดเอกสาร โดยมีรอยยิ้มมาตรฐานอยู่บนริมฝีปากของเธอเมื่อเธอ ยืนขึ้น เธอก็พยักหน้าเล็กน้อยให้กับหลู้เหวินโจวแล้วพูดว่า: "ประธานหลู้คะ ทานอาหารให้อร่อยนะคะ"หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็โอบสมุดบันทึกและเอกสารแล้วกำลังจะเดินออกไปแต่หลู้เหวินโจวคว้าข้อมือของเธอเอาไว้และด้วยการลากมาเพียงครั้งเดียว เธอนั้นก็ตกอยู่ในอ้อมแขน ของเขาทันทีจู่ ๆ สีหน้าของเฉียวอีก็เปลี่ยนไป ดวงตาของเธอเย็นชา: "ประธานหลู้ ที่นี่คือห้องประชุม โปรดให้เกียรติด้วยค่ะ"นิ้วเรียวยาวของหลู้เหวินโจวลูบใบหน้าสีขาวนวลของเฉียวอีเบา ๆรอยยิ้มที่มีความหมายปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากของเขา"หึงเหรอ?
ซ่งชิงหยาไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนเธอดิ้นรนและด่าทอ: "เฉียวอี เธอกล้าดียังไงมาตบฉัน เชื่อหรือไม่ว่าฉันสามารถทำให้พ่อของเธอตายในคุกได้!"เมื่อพูดถึงพ่อของเธอ เฉียวอีก็ยิ่งโกรธมากขึ้น และมือของเธอก็ยิ่งเพิ่มแรงขึ้นเล็กน้อย"ในเมื่อพ่อแม่ของเธอไม่รู้ว่าจะสอนลูกอย่างไร งั้นฉันก็จะไม่กลัวความลำบากที่จะช่วยเหลือพวกเขาสักหน่อย"ซ่งชิงหยาเตี้ยกว่าเฉียวอี และเธอถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเธอจึงไม่เหมาะกับการเป็นคู่ต่อสู้ของเฉียวอีไม่กี่นาทีต่อมา ใบหน้าของเธอก็ถูกตบตีจนบวมเป่งเหมือนหัวหมูมันเจ็บปวดมากจนเธอกัดฟันแล้วพูดว่า: "เฉียวอี ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ!"พูดจบ เธอก็ปิดหน้าแล้ววิ่งออกไปทันทีเฉียวอีมองดูฝ่ามือที่ค่อนข้างแดงของตัวเอง ความเกลียดชังในดวงตาของเธอนั้นไม่ได้ลดลงไปมากนักปัญหาที่ซ่งชิงหยานำมาให้เธอนั้น มันสามารถชดเชยได้ด้วยการตบหลาย ๆ ครั้งในปีนั้นการที่เธอปีนออกมาจากหล่มได้นั้นไม่ใช่ง่าย ๆ และตอนนี้ซ่งชิงหยายังต้องการที่จะผลักเธอลงไปอีกครั้ง แต่เธอจะไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นเฉียวอีเก็บข้าวของ และกลับไปที่ออฟฟิศเพื่อทำงานต่อครึ่งชั่วโมงต่อมา เฉินจัวรีบวิ่งเข้าม
ดวงตาเย็นชาของหลู้เหวินโจวมองไปทางเฉียวอีน้ําเสียงที่ไม่อนุญาติให้ใครขัดจังหวะได้ดังขึ้นมาว่า: "ขอโทษเธอ!"เฉียวอีมองเขาอย่างเย็นชาหลู้เหวินโจวไม่แม้แต่จะถาม และให้เธอขอโทษไปตรง ๆเขาเชื่อคําพูดของซ่งชิงหยามากแค่ไหนกันเฉียวอีเตือนหลู้เหวินโจวถึงความลำเอียงเช่นนี้อยู่หลายครั้ง เมื่อก่อนเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เธอก็ยังปวดใจมากแต่ตอนนี้เธอแค่รู้สึกเย็นชาอยู่ในใจเท่านั้นเธอมองไปที่หลู้เหวินโจวอย่างเย็นชา และพูดอย่างไม่ถ่อมตนหรือไม่หยิ่งผยองจนเกินไปว่า: "ทําไมต้องขอโทษในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทําด้วย?"เฉียวอี ให้เวลาเธอขอโทษเธอหนึ่งนาที มิฉะนั้น เธอจะต้องรับผลที่ตามมา!"เฉียวอีเยาะเย้ย:"ประธานหลู้ฉันขอถามหน่อยได้ไหมว่ามีเรื่องไหนที่ฉันไม่ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาบ้าง?"เขาลากเธอไปบริจาคเลือดให้ซ่งชิงหยาอย่างไม่สนถูกผิด จนทําให้เธอเกือบหมดสติลงในโรงพยาบาลเขาใส่ร้ายพ่อของเธอจนเข้าคุก และบังคับให้เธอมีความสัมพันธ์ที่ผิดกฎหมายกับเขาถ้าเขาไม่ได้อยู่ข้างซ่งชิงหยาครั้งแล้วครั้งเล่า ซ่งชิงหยาก็คงไม่อาละวาดกับเธอมากนักเฉียวอีจ้องมองหลู้เหวินโจวอย่างไม่เกรงกลัว สองมือเล็ก ๆ ของเธอก็กําหมั