ผู้เชี่ยวชาญเห็นแนวโน้มกราฟฟิกดีไซน์ในวงการซีรีส์ไทยปีนี้อย่างไร

มุมมองเชิงวิพากษ์มองว่าปีนี้เทรนด์หนึ่งที่ชัดคือการเอาฟังก์ชันและความเรียบง่ายมาผสมกับกลวิธีภาพยนตร์ ฉันมักสังเกตว่าการใส่ข้อมูลแบบ UI overlays หรือ lower thirds ถูกออกแบบให้อ่านง่ายแต่ยังคงความสวย เช่นใน 'The Stranded' ที่งานกราฟฟิกไม่ได้พยายามโชว์เทคนิคให้มาก แต่เลือกแสดงข้อมูลสำคัญด้วยการไทป์ที่มีจังหวะและสเกลชัด ทำให้คนดูไม่หลุดจากเนื้อหา การเปลี่ยนโทนสีเพียงนิดเดียวในซีนหนึ่งสามารถบอกอารมณ์ของตัวละครได้โดยไม่ต้องใช้บทพูดยาว ๆ อีกทั้งยังมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับการออกแบบเพื่อสื่อสารข้ามแพลตฟอร์มมากขึ้น — โปสเตอร์ ล็อกอัปบนสตรีมมิ่ง และกราฟฟิกสั้นสำหรับโซเชียล ต้องเป็นชุดเดียวกัน ฉันคิดว่าข้อนี้สำคัญสำหรับการสร้างแบรนด์ซีรีส์ในยุคที่คนพบงานผ่านหน้าจอเล็ก ๆ ความท้าทายคือการรักษาความเป็นเอกลักษณ์ขณะควบคุมงบประมาณ ซึ่งทำให้หลายโปรดักชันหันมาใช้การทำซ้ำเชิงสร้างสรรค์แทนที่จะสร้างทุกช็อตใหม่หมด ทั้งหมดนี้ชวนให้คิดว่าอนาคตอาจเห็นสตูดิโอขนาดเล็กมากขึ้นที่ถนัดการออกแบบแบบไดนามิก มากกว่าจะพึ่งทีม VFX ขนาดใหญ่เท่านั้น

ปีนี้วงการซีรีส์ไทยเรื่องกราฟฟิกดูกระโดดขึ้นมาชัดเจน ทั้งในแง่ความกล้าที่จะเล่นกับสีและการเล่าไอเดียผ่านมุมมองภาพมากกว่าการใช้คำบรรยายเยอะ ๆ ผมชอบที่งานเปิดเรื่องของหลายซีรีส์เปลี่ยนจากเครดิตเรียบ ๆ มาเป็นมินิ-หนังสั้นเชื่อมอารมณ์ ก่อนที่เรื่องจะเริ่มจริงจัง เช่นใน 'Girl from Nowhere' ที่ใช้กราฟฟิกกับการตัดต่อทำหน้าที่เหมือนตัวละครอีกตัวหนึ่ง แค่ไตเติ้ลก็ส่งสัญญาณโทนเรื่องได้ชัดเจนแล้ว การเอาฟอนต์ไทยมาปรับให้มีเอกลักษณ์เฉพาะโปรเจกต์และการใส่ texture เล็ก ๆ ในโลโก้ทำให้งานสะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่นได้โดยไม่ต้องยกธีมวรรณกรรมโบราณมาทั้งเรื่อง

ในเชิงเทคนิคนักออกแบบเริ่มคิดเชื่อมงานกราฟฟิกกับงานถ่ายทำตั้งแต่คอนเซปต์ เช่นวางจังหวะกราฟฟิกไว้ตรงจังหวะดนตรีหรือการเคลื่อนไหวของตัวละคร ทำให้ภาพกับเสียงเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเห็นผลชัดเมื่อเอาซีนไตเติ้ลไปทำเป็นคอนเทนต์สั้นบนโซเชียล งานที่เคยเป็นแค่เครดิตกลับกลายเป็นคอนเทนต์โปรโมตได้อย่างมีรสชาติ การทำแพ็กเกจกราฟฟิกที่ยืดหยุ่น ไม่ยึดติดกับอัตราส่วนเดิม ๆ ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมคิดว่าจะอยู่ต่อ เพราะทุกวันนี้งานต้องไหลจากทีวีสกรีนไปเป็นจอมือถือในพริบตา

สรุปแล้วความเปลี่ยนแปลงที่ผมชอบคือการให้กราฟฟิกมีหน้าที่มากกว่าการประดับ มันกลายเป็นเครื่องมือเล่าเรื่องที่คมและทำให้โปรดักชันเล็ก ๆ มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้ตื่นเต้นทุกครั้งเวลานั่งดูเครดิตจบแล้วคิดว่าทีมนั้นคิดอะไรมาก่อนจะกดถ่ายจริง

ท้ายที่สุดการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในงานกราฟฟิกก็ทำให้ซีรีส์มีเสียงเป็นของตัวเอง เราเห็นได้จากงานสไตล์วัยรุ่นอย่าง 'Hormones' ที่ใช้การเลือกสี ฟอนต์ และมู้ดกราฟฟิกช่วยตั้งรหัสของเรื่องให้ชัด ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าซีรีส์นั้น 'พูดด้วยภาษาเดียวกัน' ในแง่การปฏิบัติจริง ฉันมักแนะนำให้ทีมเล็ก ๆ เริ่มจาก 3 อย่างที่ชัดเจน—พาเลตสีหลัก การเลือกฟอนต์ไทยที่อ่านง่าย และชุดโลโก้ที่ยืดหยุ่นได้ ใช้ทรัพยากรตรงนี้เป็นฐานแล้วค่อยต่อยอดด้วยการเคลื่อนไหวสั้น ๆ หรือสติกเกอร์สำหรับโซเชียล ผลลัพธ์จะเป็นงานที่แม้จะเรียบแต่มีเสน่ห์ และเมื่อซีรีส์เดินหน้าไป ไอคอนกราฟฟิกเล็ก ๆ เหล่านั้นจะกลายเป็นสัญลักษณ์ที่คนจดจำได้ทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าน่าภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง