สินค้าลิขสิทธิ์ต้อนแฟน ๆ ให้ซื้อของที่ระลึกด้วยกิจกรรมอะไร?

ในฐานะคนที่ติดตามเทศกาลสินค้าอนิเมะมาไม่ต่ำกว่าทศวรรษ ฉันคิดว่ากิจกรรมสั้น ๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจเร็วที่สุดคือ ‘แคมเปญเวลา-จำกัด’ ที่จับคู่กับกิจกรรมในที่เกิดเหตุ เช่น สแตมป์แรลลี่แบบเดินตามแผนที่ภายในงาน เมื่อสะสมครบชุดแล้วนำมาแลกรับของลิมิเต็ดหรือคูปองลดราคาจะกระตุ้นให้แฟนเดินรอบงานและซื้อของเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การใช้คิวอาร์โค้ดผสมกับโซเชียลมีเดียให้ผู้เล่นแชร์รูปกับพร็อปพิเศษเพื่อรับส่วนลดพิเศษก็เป็นวิธีง่ายๆ ที่ทำให้สินค้ากระจายไปในวงกว้าง

อีกไอเดียที่ชอบคือ 'บ็อกซ์สมัครสมาชิกรายเดือน' ที่มาพร้อมธีมเล่าเรื่อง เช่น กล่องเดือนนี้เล่าเบื้องหลังตัวละคร พร้อมของจุกจิกที่หายากสุด ๆ การจำกัดจำนวนสมาชิกรายปีทำให้คนสมัครเร็วขึ้น และการใส่การ์ดลิมิเต็ดหรือชิ้นส่วนที่ต้องสะสมครบให้เป็นเซ็ต จะยิ่งดึงให้แฟนกลับมาซื้อซ้ำ เห็นได้ชัดว่าแฟนจำนวนมากต้องการทั้งความคุ้มค่าและความพิเศษในเวลาเดียวกัน ซึ่งกิจกรรมที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์นี้มักขายดีเสมอ และยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแฟนกับผลงานแน่นแฟ้นขึ้นในระยะยาว

เราเคยคิดว่าแค่ของสวยๆ งามๆ วางขายในร้านก็เพียงพอแล้ว จนได้มีส่วนร่วมจัดงานเล็กๆ ของกลุ่มแฟน ๆ แล้วเปลี่ยนมุมมองทั้งหมดไปเลย งานแบบที่ทำให้คนอยากสะสมจริง ๆ มักเริ่มจากการสร้าง 'ช่วงเวลา' ที่มีความหมายมากกว่าการซื้อของธรรมดา ตัวอย่างที่ชอบคือการทำ 'ป๊อปอัพคาเฟ่' แบบมีธีมเฉพาะ ซึ่งไม่ใช่แค่เสิร์ฟเมนูแต่งตัวเป็นตัวละคร แต่ใส่กิจกรรมแบบมีเอ็นเกจเมนต์ด้วย เช่น สติกเกอร์สะสมเมื่อสั่งเครื่องดื่มครบตามเงื่อนไข แล้วสติกเกอร์ชุดหนึ่งจะสามารถแลกไอเท็มลิมิเต็ดได้ การตั้งบูธเวิร์กช็อปให้แฟนได้แต่งชิ้นส่วนของสินค้าเองก่อนซื้อ ก็ช่วยให้ของนั้นกลายเป็น 'ของส่วนตัว' ที่แฟนไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ — นี่คือสิ่งที่ผมเห็นว่าทำงานได้ผลดี เพราะมันเชื่อมโยงความทรงจำเข้ากับสินค้า

การทำอีเวนต์เชื่อมกับของสะสมแบบมีระดับความหายากก็ถูกใจคนที่ชอบลุ้น ผมชอบไอเดียการจัด 'ลอตเตอรีเซ็น' ที่ผู้เข้าร่วมมีสิทธิ์ลุ้นของเซ็นต์ชื่อจากทีมงานหรือผู้พากย์เสียง การแบ่งชิ้นเป็นเวอร์ชันปกติกับเวอร์ชันลิมิเต็ดหมายเลข (numbered edition) ทำให้ตลาดรองและความภาคภูมิใจของผู้สะสมเพิ่มขึ้น ยิ่งถ้าเพิ่มฟีเจอร์ AR ให้ของบางชิ้นแสดงอนิเมชันพิเศษผ่านแอปเมื่อสแกน ก็จะยกระดับประสบการณ์อีกขั้น ตัวอย่างงานที่เคยไปเห็นในวงการเกมอย่าง 'Final Fantasy VII' เคยทำของสะสมเวอร์ชันงานที่มีแผ่นป้ายหมายเลขและบัตรอาร์ทเวิร์กพิเศษ ซึ่งกระตุ้นให้แฟนต่อคิวและพูดคุยกันมากกว่าการขายปกติ

การตลาดแบบเน้นคอมมูนิตี้เป็นอีกกุญแจสำคัญ งานที่เปิดให้แฟนร่วมสร้างผลงาน เช่น การประกวดแฟนอาร์ตหรือประกวดแต่งคอสเพลย์ที่มีรางวัลเป็นสินค้าลิมิเต็ด ทำให้คนอยากได้ของที่มีเรื่องเล่า การทำบัตรสมาชิกที่เก็บแต้มจากการซื้อแล้วแลกของพรีเมียม หรือการจัดทัวร์ชมเบื้องหลังการผลิตของที่ระลึกสำหรับสมาชิกระดับท็อป ก็ช่วยสร้างช่องทางพิเศษให้แฟนรู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์และตัวละคร เห็นเองว่าคนพร้อมจ่ายเพื่อประสบการณ์และความทรงจำมากกว่าของราคาถูกเสมอ นี่คือเหตุผลที่ผมมองว่ากิจกรรมที่ทำให้แฟนมีส่วนร่วมจริง ๆ และได้ความทรงจำ จะเป็นตัวจุดประกายให้คนต่อคิวซื้อของที่ระลึกมากกว่าวิธีขายแบบปกติ